เมื่อได้เวลาเลิกงานหญิงสาวจึงรีบไปซื้อเสื้อผ้าคนสูงวัยกับจินทันที ที่ห้างสรรพสินค้าแถวๆ ที่ทำงานของจินนั่นเอง
ฝนแก้วเดินไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทำให้จินที่เดินตามหลังมาชนเธอเข้าจังๆ จนฝนแก้วเองเซไปโดนคนข้างหน้า จนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ฝนแก้วจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไปซะก่อน
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าจับมือไม่ปล่อยค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกอย่างเบาๆ
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มตาหวาน ยิ้มเขินอาย
“ฉันต้องขอโทษคุณซันด้วยนะคะ เกือบจะทำคุณล้มไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้คุณจับไว้ฉันกับยัยจินต้องเจ็บตัวแน่ๆ ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเพราะเธอเขินนิดหน่อย ที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าผู้ชายที่เธอเพิ่งแต่งหน้าไปเมื่อตอนกลางวัน
“เอ๊ะ คุณเองเหรอคะ” จินพูดขึ้น
“โอ๊ะ คุณ ผมจำได้แล้ว เพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือจับศีรษะของตัวเอง เป็นการบอกใบ้ด้วยท่าทางให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“นี่ไงคะ ฝนแก้วคนที่คุณช่วยรับกระถางไว้ รู้จักกันแล้วนี่คะ” จินชี้มาทางฝนแก้วแต่หญิงสาวกลับทำหน้าสงสัย
“อ๋อ วันนั้นผมเห็นหน้าไม่ชัดครับแล้วอีกอย่างตอนนั้นก็รีบด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นฝนแก้ว” เขายิ้มอย่างพอใจที่ได้ช่วยเธอเอาไว้
“คุณเองเหรอคะคุณซันที่ช่วยฉันเอาไว้ ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรเลยครับ สบายมาก” เขาย่นจมูกใส่ฝนแก้ว ทำท่าทางน่ารักจนสองสาวถึงกับยิ้มแก้มแทบปริ แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าเป็นผู้ชายที่น่ารัก
“แล้วคุณฝนแก้วกับ…” เขาพูดเว้นวรรคไว้
“จินค่ะ” เจ้าของชื่อตอบ
“กับคุณจินจะไปไหนกันครับ”
“มาซื้อเสื้อผ้าชอปปิ้งนิดหน่อยค่ะ” ฝนแก้วเอ่ย
“งั้นเราไปหาอะไรทานดีไหมครับ สะดวกกันไหมครับ”
“อืม ได้ค่ะ ฉันจะได้เลี้ยงข้าวตอบแทนที่คุณช่วยฉันไว้ด้วย”
“จะดีเหรอครับ ผมเต็มใจช่วยนะครับ”
“ดีสิคะ ฉันเต็มใจด้วยค่ะ ไปนะคะ” ฝนแก้วคะยั้นคะยอเพราะถ้าไม่ได้เขา ป่านนี้เธอคงนอนยังไม่ฟื้นหรือไม่ก็ไปยมโลกแล้ว
ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำในยามค่ำคืนที่มีไฟสลัวๆ
ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์กล่าวทักทายเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเองและดูสนิทสนม
“ไง วะราม วันนี้พาใครมากินข้าวล่ะ” เจ้าของร้านเอ่ยกระซิบเบาๆ พลางก้มศีรษะทักทายหญิงสาวที่แต่งตัวสุดเอ็กซ์ที่กำลังควงแขนเพื่อนสนิทของเขาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนเนื้อนุ่มสองเต้าแนบกับต้นแขนแข็งแรงของรามสูรที่ยิ้มทำท่ายักไหล่ยียวนเขาอยู่
“เบาๆ หน่อยนะโว้ยเจ้าราม เบาๆ ลงบ้าง” เขายังคงแซวรามไม่หยุด
“เงียบไปเลยไอ้ไร…อัน” รามสูรพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินโอบเอวของหญิงสาวที่พามาด้วยไปนั่งอีกมุมหนึ่งของร้านอาหาร เพราะว่าเพื่อนของเขาเพิ่งเปิดร้านนี้ได้ไม่ถึงเดือนเขาจึงมาดูเพื่อนของเขาสักหน่อย เพราะโอกาสที่จะได้เจอไรอันนั้นช่วงนี้น้อยมากเนื่องจากเขาต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ จึงทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาดื่มกันสักเท่าไหร่นัก
ในด้านของฝนแก้วกับจินและนั้น พวกเขาทั้งสามต่างคุยกันถูกคอเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะซันเองเป็นผู้ชายที่ไม่ถือตัวและถ่อมตัวด้วยซ้ำจึงทำให้เข้ากับทั้งสองสาวง่ายมากๆ
“คุณซันนี่เป็นคนตลกจังนะคะ ดูแล้วน่าจะมีแฟนคลับเยอะน่าดู ฉันขอสมัครเป็นแฟนคลับของคุณอีกคนนะคะ” จินหญิงสาวเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ
“ถ้างั้นคุณก็เป็นแฟนคลับคนแรกของผมแล้วครับ ผู้กำกับบอกว่าผมแสดงละครได้เป็นธรรมชาติมาก แข็งเป็นหินเชียว ฮ่าๆ” ซันยังไม่หยุดปล่อยมุกใส่สาวๆ เมื่อเห็นว่าสาวๆ ต่างชอบใจในมุกตลกของเขา
“คุณก็พูดไป ฉันไปเข้าห้องน้ำดีกว่า ยัยจินเดี๋ยวฉันมานะ” ฝนแก้วลุกขึ้น
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” จินถาม
“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง เธออยู่กินต่อเถอะ” ฝนแก้วจึงเดินมาอีกทางเข้าไปด้านในทำให้เห็นว่าที่นี่คนมาทานอาหารเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะร้านเพิ่งเปิดใหม่ด้วยก็เป็นได้
ในขณะที่ฝนแก้วกำลังเดินไปห้องน้ำนั้นก็พบกับชายที่เธอคุ้นหน้าเหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน และเขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงบริเวณที่ทางร้านจัดไว้ให้ข้างๆ กับห้องน้ำชายและหญิง ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหนานั้นจนควันโขมงไปทั่ว หญิงสาวได้เห็นถึงกับย่นจมูกใส่เล็กน้อยเมื่อเห็นควันบุหรี่ก็แทบทำให้เธอหายใจไม่ค่อยออก
ฝนแก้วหลบตาของเขาที่กำลังมองจ้องเธออยู่พร้อมกับเขาทำกำลังขยี้บุหรี่ลงในที่ทิ้งและเดินเข้ามาหาเธอ แต่หญิงสาวก็รีบเดินหลบเข้าไปในห้องน้ำทันที
คนบ้า! หนีอยู่ที่บ้านแล้วยังมาเจอที่นี่อีก หญิงสาวบ่นในใจ
“สวัสดีครับ จำผมได้ไหมผมรามสูรที่อยู่ข้างบ้านคุณไงครับ ว่าแต่คุณยังไม่บอกเลยว่าชื่ออะไร” เขาดักรอเธอตรงหน้าห้องน้ำราวกับโรคจิตอย่างไงอย่างนั้นเลย
“ค่ะ จำได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวไม่ตอบเพราะเธอไม่อยากรู้จักเขาเลย ถึงแม้ว่าหน้าของเขาจะหล่อจนเธอใจเต้น แต่ช่วยไม่ได้เขาอยากชื่อรามสูรที่แปลว่ายักษ์เองทำไมล่ะ
“ดูเหมือนคุณจะไม่ชอบหน้าของผมสักเท่าไหร่” เขาจับข้อมือของเธอจนหญิงสาวต้องหันมามองเขา ชายหนุ่มที่เห็นหน้าของหญิงสาวบึ้งตึงใส่ก็รีบยกมือขึ้นหัวราวกับผู้ร้ายมอบตัว
“ขอโทษครับ มือไวไปหน่อย” ฝนแก้วเห็นเช่นนั้นก็แอบค้อนให้เขาเบาๆ จนชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง สงสัยจะเล่นยากแฮะสาวสวยข้างบ้านคนนี้
หน้าหล่อ มือไว ใจเร็วสิบแรงแมวนะพ่อรามสูรรรร ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
อย่าลืมกดเข้าชั้นนะครับ อ้อนๆๆ
เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล ตอนแรกเธอไม่เชื่อเลย และก็เริ่มเชื่อจนในที่สุด เธอเชื่อแล้วว่าคำที่หมอดูบอกเธอเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เธออยากจะบ้าตายที่เขาอยู่ตรงหน้าของเธอแบบนี้ ใบหน้าดวงตาคมเข้มฉายแววซุกซนให้เธอตลอด ใบหน้าเรียบเนียนของเขาเพียงเธอทาไพรเมอร์ก็ทำให้ดูดีโดยที่ไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากแล้ว ดวงตาชั้นเดียวแต่มันคมเข้มของเขาจ้องมองหญิงสาวตลอดจนเธอเองอยากจะเอานิ้วจิ้มลูกตาของเขาให้บอดไปซะให้รู้แล้วรู้รอด‘ลูกค้าๆๆ ท่องไว้’ หญิงสาวพูดในใจและเธอสังเกตเห็นว่าเขามีไฝตรงปีกจมูกและด้านข้างของจมูกตรงกลางอย่างละเม็ดเรียงกัน ไฝไม่ใหญ่มาก แต่ถ้ามองใกล้ๆ แบบนี้ก็จะเห็นอยู่‘ไฝเสน่ห์ สินะ ฉันไม่หลงเสน่ห์ของนายหลอกย่ะ” และเธอก็ตบแป้งพัฟแรงขึ้น“โอ๊ย ผมเริ่มเจ็บแล้วนะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวจงใจแกล้งแต่งหน้าเขาแรงๆ เพราะเขาก็ใช้สายตารุ่มร่ามกับเธอจริงๆ หมับ! เจ้าของเสียงที่ร้องเจ็บ จับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ราวกับว่าจะให้หญิงสาวหยุด แต่เปล่าเลย เขาจับคว้าข้อมือของเธอแล้ว ให้หญิงสาวแต่งหน้าของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน ให้ตายเถอะ! เขากลับไม่โกรธเธอเลยสักนิด กลับแสดงท่าทา
รถยนต์คันหรูมาจอดหน้าบ้านของหญิงสาว “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉันเมื่อกี้ และให้ฉันติดรถมาด้วย” ฝนแก้วพูดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันงามนั้น“ถ้าคุณยังกลัววัยรุ่นพวกนั้น คุณแจ้งความได้นะ ผมจะพาคุณไปเอง” รามสูรลงจากรถและเดินมาดักหน้าเธอเอาไว้“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบเพราะในใจคิดแต่เรื่องคำพูดของหมอดูคนนั้น เช้าวันใหม่ชายร่างสูงมาจอดรถยนต์รออยู่หน้าบ้านของฝนแก้ว เพราะรอเวลาที่หญิงสาวจะเดินออกมาทำงานแต่กลับต้องพบหญิงวัยสี่สิบกว่าๆ เดินถือกระเป๋าใบเดียวกับเมื่อคืนที่ฝนแก้วถืออยู่เดินออกมาจากบ้านและปิดรั้วประตูอย่างทะมัดทะแมง“สวัสดีครับป้า ฝนแก้วไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมาทักทายพร้อมยกมือไหว้ แต่ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ กลับทำตาโตใส่ราวกับตกใจที่เจอหน้ารามสูร“คือผมอยู่บ้านข้างๆ นี่ไงครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้บ้านหลังถัดไปที่อยู่ติดกับเธอ“ฝนแก้วเหรอ เธอไปทำงานแล้ว นี่ฉันกำลังจะเอากระเป๋าไปให้หลานสาวสงสัยจะลืม” ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ พูดดัดเสียงนิดหน่อยและชูกระเป๋าในมือขึ้น พลางคิดในใจ ว่าเธอแต่
“รามคะ สูบบุหรี่เสร็จหรือยังคะ ริชชี่รอนานแล้วนะคะ” สาวเซ็กซี่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันมายืนโอบต้นคอของชายหนุ่มที่กำลังทักทายสาวข้างบ้านอยู่ “เสร็จแล้วครับ งั้นเช็กบิลกลับกันเลยดีไหม ผมจะไปส่งคุณเอง” ชายหนุ่มเดินโอบเอวหญิงที่มาด้วย โดยเดินตามหลังฝนแก้วมาห่างๆ“ไม่พาริชชี่ไปบ้านใหม่ของรามเหรอคะ ริชชี่อยากไปค่ะ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดเสียงเข้มโทนต่ำใส่หญิงสาว“ก็ได้ค่ะ งั้นไม่ไปก็ได้ ริชชี่รู้ค่ะว่าสถานะของตัวเองเป็นแบบไหน” สาวเจ้าทำเสียงน้อยใจจนฝนแก้วต้องหันหลังมามองคนทั้งสอง ที่ผู้หญิงทำเสียงน้อยใจแต่ก็เกาะแขนของเขาไม่ปล่อยด้วยเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอคิดในใจและระหว่างที่ฝนแก้วกำลังไปนั่งที่โต๊ะก็ถูกสายตาของรามสูรมองตามหลังเธอตลอด และเห็นว่าเธอมากับผู้ชายและผู้หญิงอีกคน “ชักจะอยากรู้จักแล้วสิ หึๆ ถ้าเธอมีแฟนฉันก็จะถอยออก แต่ถ้าไม่ก็อยากจะจีบสักครั้ง” เขาพูดไหวไหล่เชิงเหนือชั้น ทำให้หญิงสาวที่มากับรามสูรถึงกับมองตามฝนแก้วที่กำลังเดินออกจากร้านไป“รามคะ” ริชชี่พูดตะคอกใส่เขาจนดังลั่นร้าน ทำให้เขาขมวดคิ้วใส่เธอและเดินออกมานอกร้านทันที “ริชชี่ขอโทษค่ะราม ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้กับรามอ
เมื่อได้เวลาเลิกงานหญิงสาวจึงรีบไปซื้อเสื้อผ้าคนสูงวัยกับจินทันที ที่ห้างสรรพสินค้าแถวๆ ที่ทำงานของจินนั่นเองฝนแก้วเดินไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทำให้จินที่เดินตามหลังมาชนเธอเข้าจังๆ จนฝนแก้วเองเซไปโดนคนข้างหน้า จนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ฝนแก้วจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไปซะก่อน“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าจับมือไม่ปล่อยค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกอย่างเบาๆ“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มตาหวาน ยิ้มเขินอาย“ฉันต้องขอโทษคุณซันด้วยนะคะ เกือบจะทำคุณล้มไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้คุณจับไว้ฉันกับยัยจินต้องเจ็บตัวแน่ๆ ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเพราะเธอเขินนิดหน่อย ที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าผู้ชายที่เธอเพิ่งแต่งหน้าไปเมื่อตอนกลางวัน“เอ๊ะ คุณเองเหรอคะ” จินพูดขึ้น“โอ๊ะ คุณ ผมจำได้แล้ว เพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือจับศีรษะของตัวเอง เป็นการบอกใบ้ด้วยท่าทางให้อีกฝ่ายได้รับรู้“นี่ไงคะ ฝนแก้วคนที่คุณช่วยรับกระถางไว้ รู้จักกันแล้วนี่คะ” จินชี้มาทางฝนแก้วแต่หญิงสาวกลับทำหน้าสงสัย“อ๋อ วันนั้นผมเห็นหน้าไม่ชัดครับแล้วอีกอย่างตอนนั้นก็รีบด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นฝนแก้ว” เขายิ้มอย่างพอใจท
เมื่อฝนแก้วมาถึงบริษัทก็รีบโทรศัพท์หา จิน เพื่อนสนิทของเธอโดยไม่รอช้า“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน วันนี้ฉันมีงานแต่งหน้าให้กับนักแสดงใกล้ๆ ที่ทำงานของแกด้วยเดี๋ยวเจอกันนะ” ฝนแก้วพูดจบก็วางสายและจัดการดูตารางงานที่เธอต้องออกไปข้างนอก และยกกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าไปนอกสถานที่ทันที งานที่ฝนแก้วมาทำวันนี้ก็คือ แต่งหน้าให้กับนักแสดงประกอบในละครเรื่องหนึ่งที่เธอต้องแต่งหน้าให้มีสามคน“ฝนแก้วมาแล้วเหรอ พี่ฝากน้องๆ ด้วยนะ ช่วยแต่งให้สวยให้หล่อเพราะพี่จะดันน้องๆ ให้แจ้งเกิดเรื่องนี้เลย” ผู้กำกับสาวพูดพลางพาฝนแก้วไปที่ห้องแต่งตัวของทีมงาน เมื่อเข้าไปข้างในก็พบช่างแต่งหน้าทำผมไม่กี่คนที่นักแสดงมารอแต่งหน้าเพื่อเข้าฉาก หญิงสาวจึงไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคนอื่นมากนักเพราะมีทีมงานเดินเข้าออกตลอด ไม่นานก็มีน้องๆ ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ฝนแก้วรู้งานทันทีจึงเชิญให้ทั้งสามนั่งก่อน“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฝนแก้วนะคะวันนี้พี่มารับหน้าที่แต่งหน้าให้น้องๆ เห็นผู้กำกับบอกว่าจะแจ้งเกิดน้องๆ จากเรื่องนี้พี่จะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ เชื่อใจพี่ได้ ว่าแต่ใครจะเริ
“ใครครับ” เขาถามเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อฝนแก้วได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเห็นว่าเขากำลังใช้สายตามองสอดส่องเข้ามาในรั้วบ้านของเธอ เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำถามเห็นใบหน้าของหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังในทันที เพราะแสงไฟสว่างสลัวแบบนั้นยังทำให้พอจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนอยู่บ้าง“เฮ้ย ผี” เสียงของชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมกับวิ่งสอยเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาที่วิ่งนั้น ทำให้ฝนแก้วต้องรีบวิ่งเข้าบ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน“ผีเหรอ ผีที่ไหน ที่บ้านฉันมีผีเหรอ” ฝนแก้วหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจอย่างมากที่เขาเห็นผีในบ้านของเธอเอง หรือว่าจะมีผีจริงๆ แต่ช่วงนี้เธอเองก็ดวงไม่ดีด้วยน่ะสิ แต่ถ้ามีผีจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นล่ะ ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรีบเดินขึ้นบ้านไปยังชั้นสองแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้านให้สว่าง“ผีเหรอ แม่งเอ๊ยไม่น่าออกไปวิ่งตอนดึกแบบนี้เลย โคตรหลอนว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตาชั้นเดียวนัยน์ตาคมกริบสบถพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่พันท่อนล่างของเขาเอาไว้“ไรวะ มีอะไรโทรมาดึกๆ บอกไว้ก่อนถ้าให้ฉันไปรับตอนนี้ฉันไม่ไปหลอกนะ” เสี