เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่นอนร้องห่มร้องไห้ต้องรีบพาตัวเองไปเปิดประตูให้กับชายหนุ่มที่รออยู่ “พี่เจค”
นาเดียโผเข้ากอดรอบเอวหนาทันที แรงสั่นไหวทำให้เจคอปรู้ว่าเด็กน้อยกำลังเสียใจมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นแค่บทเรียนชีวิตบทหนึ่งเท่านั้น สักวันเธอก็จะผ่านมันไปได้เอง
“หยุดร้องได้แล้ว พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่อยากเห็นเราร้องไห้” ฝ่ามือเดียวกันที่เคยทำร้ายผู้หญิงมานักต่อนัก แต่มันกลับนุ่มนวลได้ขนาดนี้เมื่อต้องปฏิบัติกับผู้หญิงตรงหน้า
นาเดียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายเช็ดคราบน้ำตาออกจากพวงแก้ม
“ว๊ายยยยยย!” จู่ๆตัวเธอก็ลอยล่องขึ้นจากพื้น มือเล็กรีบคว้ารอบลำคอ เธอเหมือนลูกลิงเกาะพ่อลิงไม่มีผิด เจคอปอุ้มนาเดียเดินมานั่งลงบนเตียง อยู่ในท่าคร่อมกันไว้แบบนี้ ใบหน้าทั้งสองใกล้ชิดกันเพียงแค่ปลายจมูก ครั้นร่างบางพยายามจะเลื่อนตัวลงจากตัก แต่ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้ กระโปรงเดรสทรงเอเลิกขึ้นมาจนแทบจะเห็นแพนตี้ตัวน้อยอยู่แล้ว บางครั้งก็เหมือนเขาจงใจดันสะโพกเข้าหาเธอ อย่างเช่นในตอนนี้
“อื้ออออออ คนทะลึ่ง อย่าแกล้ง...” ร่างบางขบริมฝีปากเพื่อระงับอาการซ่านสยิวเมื่อสิ่งนูนแข็งเบื้องล่างถูกบดเข้าหากลีบกุหลาบงาม แม้จะปรามเขาไปหนึ่งที แต่เขาก็ยังไม่หยุดแกล้งเธอ
“พอแล้วค่ะ” ทันทีที่เงยหน้า ปากร้อนก็รีบประกบเข้ากับปากบางในจังหวะที่เธอกำลังพูด ลิ้นเรียวรีบสอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก ออกแรงรั้งร่างบางให้แนบชิด
“อื้ม ที่รัก...” เสียงละเมอแสดงความพึงพอใจกับจูบแสนหวานที่ได้รับ จากที่คิดเพียงว่าจะทำให้เธอผ่อนคลาย ตอนนี้เบื้องล่างกลับถูกปลุกเสียง่ายๆ แก่นกายค่อยๆขยายขนาดคับแน่นอยู่ในกางเกง เมื่อไม่ได้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระ มันก็เริ่มประท้วงด้วยอาการปวดหนึบหนับจนร่างสูงต้องขบกรามเพื่อระงับความเจ็บปวด
“อ่ะ!! เดี๋ยวสิ เอาอีกแล้วเหรอคะ” นาเดียร้องประท้วง
“อื้ม ขอเอาอีกนะ ตัวเดียนุ่มนิ่ม น่ากินไปหมดเลย จุ๊บบบ”
ซิบตรงสะโพกถูกรูดลงพร้อมชุดเดรสสีแดงหลุดร่วงจากเรือนร่าง บลาเซียถูกปลดตามอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สองเต้างามปรากฏแก่สายตา ไม่ทันได้ยกแขนขึ้นปิดบัง ปากหนาก็ตรงเข้าครอบครอง
“ซี๊ดดด คะ...คนบ้า” นิ้วเรียวจิกลงบนบ่า แอ่นอกให้คนหื่นกระหายได้ดูดเม้มอย่างเต็มที่ เจคอปดูดเลียเต้างามเหมือนเด็กกำลังหิวนม สองมือสอบเข้าที่สะโพกกลมพร้อมกับกระเด้งท่อนเนื้อเข้าหาร่องรักเปียกชุ่ม ร่างบางหูอื้อตาลาย ถูกอารมณ์ราคะครอบงำจิตใจอีกครั้ง
มือเล็กเลื่อนลงมาช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนไปถึงเข็มขัดกางเกง สี่มือช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายพัลวัน เมื่อไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม ร่างเพรียวบางก็เลื่อนตัวลงมานั่งกลางหว่างขาของคนใต้ร่าง มองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้มจนร่างสูงเป็นฝ่ายสะท้าน
“จะทำ...อ่ะ!” เจคอปถูกผลักให้นอนพิงไปกับหัวเตียง หัวใจเขาเต้นโครมคราม อดตื่นเต้นไปกับลีลาไร้เดียงสาแต่ทว่าเร้าร้อนของนาเดียไม่ได้ อยากจะรู้เหมือนกันว่าแม่กวางน้อยของเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
สายตาร้อนรุ่มกวาดมองตั้งแต่ใบหน้า ไล่ลงมาที่ปากหนาทรงพลังที่มักจะดูดกลืนวิญญาณเธอไปเสมอๆ แผงอกและหน้าท้องล้ำสวยงาม สมกับเป็นชายชาตรีของเขา แล้วสายตาก็จับจ้องไปยังความเป็นชายอันทรงพลัง เธอรู้ว่าเขาชอบแบบไหน ชอบให้ทำแบบไหน และเธอจะให้รางวัลเขา...
มือเล็กเอื้อมไปสัมผัสส่วนหัวบานสีชมพูเบาๆ ทั้งที่สายตายังสบตากับคนตัวโตอยู่ เจคอปนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อจุดยุทธศาสตร์ถูกจู่โจม เขาพอใจยิ่งกว่าพอใจ ยัยตัวเล็กของเขาเซ็กซี่เหลือเกิน
เจคอปปล่อยให้ร่างบางสำรวจอาวุธร้ายไปเรื่อยๆจนกว่าเธอจะพอใจ บางจังหวะที่ปลายนิ้วสะกิดถูกจุดกระสัน ใบหน้าหล่อเหลาก็อดนิ่วหน้าด้วยความเสียวซ่านไม่ได้ ยิ่งถ้าเขาหลุดเสียงคราง สีหน้าของเธอก็พลอยสยิวตามไปด้วย
ผมพอใจแล้ว แค่ได้เห็นเธอพยายามขนาดนี้ ผมก็พอใจมากแล้ว
“อ๊ะ!! ไม่เอาค่ะพี่เจค เอามือออกไป” นาเดียรีบหุบขาเมื่อถูกนิ้วมือของเขาจู่โจม เธอรู้สึกอับอายที่ความลับของตนเองถูกเปิดเผย เขารู้จนได้ว่าเธอก็ต้องการเขามากเช่นกัน
“เxยนเหรอที่รัก” ไม่พูดเปล่า มือหนายังชอนไชเข้าหากลีบกุหลาบเปียกชุ่มจนลู่เข้าหากัน
“อ๊าา พี่เจค พอแล้วว ซี๊ดด” มือไม้ที่เคยกอบกุมอยู่บนท่อนเนื้อ บัดนี้ปลดปล่อยทุกอย่างจนหมดสิ้น แขนเล็กเปลี่ยนมาโอบรอบลำคอ ซุกใบหน้าเข้ากับบ่าเพราะกลัวเขาจะเห็นแววตาของเธอ
“ไม่ต้องอายหรอกน๊าา ไหนบอกพี่สิว่ารู้สึกยังไง” เสียงกระเส่ากระซิบติดใบหู ยิ่งเห็นเธอร่อนสะโพกหนี เขาก็ยิ่งตวัดเขี่ยเม็ดติ่งเร็วขึ้น
ในหัวของนาเดียขาวโพลนไปหมด จากที่เคยร่อนสะโพกหนี ตอนนี้กลับพยายามกดสะโพกเข้าหาแท่งร้อนที่ตั้งตรงอยู่เบื้องล่าง เหมือนชายหนุ่มจะรู้ เขาปล่อยให้คนตัวเล็กได้ทำตามใจชอบ
นาเดียลืมความอายไปจนหมดสิ้น เธอกดสะโพกเข้าหาแท่งร้อน “อ๊อยยย พี่เจค...” ร่างบางหอบแฮกเพราะความมโหฬารของเขาไม่สามารถทะลวงเข้ามาได้สุด
“ลงมาอีก!” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ
“อ๊ายยพี่เจค มันแน่น อื้อออ ไปหมด” ร่างบางหูอื้อตาลาย พยายามแล้วพยายามเล่า แต่มันก็ยังลงไปไม่ถึงสุดโคนเสียที
“หึ่มมมมม ยัยตัวร้าย” สุดท้ายเจคอปก็ทนไม่ไหว จำต้องเป็นฝ่ายเสยสะโพกส่งท่อนลำเข้าไปจนสุดความยาว เสียงร้องประสานดังลั่น เจคอปผลักหญิงสาวให้เอนหงายไปบนเตียง จับสองขาฉีกอ้าออกจากกัน ก่อนจะเร่งเอวสอบสาวเข้าสาวออกด้วยจังหวะหนักหน่วง
“ซี๊ด ตอดดีจริงๆ” เขาขบฟันกรอดเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบรัดภายใน เธอยังผลิตน้ำออกมาได้อีกเรื่อยๆ
เจคอปปรับเปลี่ยนท่าทางโดยการยกร่างบางให้นั่งพิงไปกับหัวเตียง ประโคมจูบนุ่มนวลแต่ทว่าแสนวาบหวามจนคนตัวเล็กสะท้าน เบื้องล่างก็เริ่มโถมจังหวะเข้าใส่เรื่อยๆ
“อ๊าาา พี่เจค เดียไม่ไหวแล้ว ซี๊ด เสียวจัง อึ๊! อ๊ะๆ” ร่างบางครางกระเส่าฟังไม่ได้ศัพท์ เนื้อนุ่มบีบตัวรุนแรงเมื่อถูกจู่โจมจุดเสียวซ้ำๆรัวๆ
“อ๊าาาา เมียพี่ ตอดพี่อีก อึ๊กก พร้อมกันนะ” เขาเองก็ปวดหนึบจนไม่อาจทนได้อีก
“ซี๊ดดดดดดดด/กรี๊ดดดดดดดดด อ๊าาาา”
เสียงสวรรค์ประสานขึ้นพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยตัวตนใส่กันและกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะร่วมรักกันกี่ที ทำกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ทั้งคู่ก็เหมือนจะไม่รู้จักพอเลยจริงๆ
เจคอปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกรักผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ยิ่งได้รู้ว่าเธอดีแค่ไหน ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองแค่ไหน เขาก็ยิ่งหลงรักเธอ หลงจนหัวปักหัวปำ
นาเดียอดมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลไม่ได้ ขนาดเขาตัวเปียกชุ่มจนผมเพ้าเสียทรงขนาดนี้ เขาก็ยังดูหล่อเหลาไม่น้อยลงไปสักนิด แม้จะดูมีร่องรอยตามอายุบ้าง แต่พละกำลังก็ยังอึดทนเหมือนคนหนุ่มแน่นวัยสามสิบต้นๆไม่มีผิด
“มองหน้าพี่แบบนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก” เจคอปทำสายตากรุ่มกริ้ม จนร่างเล็กต้องตีแขนกำราบ
“หนูถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” นาเดียพยายามเบี่ยงหน้าหลบจมูกซุกซนที่เที่ยวดุนดันไปจนทั่วใบหน้าเธอ ไม่รู้ว่าเขารู้จักคำว่าอายบ้างรึป่าว ถึงได้ชอบทำอะไรที่ทำให้หน้าร้อนแบบนี้นักก็ไม่รู้
“ถามมาสิ” เขาพูดทั้งที่ยังไม่หยุดคลอเคลีย
ไม่รู้ทำไมร่างกายยัยตัวเล็กมันถึงได้หอมหวน ชวนให้หลงใหลขนาดนี้ เนื้อตัวก็นุ่มนิ่ม น่าจับไปหมดทุกส่วน❤️
“อื้มม คุยกันก่อนสิคะ” สาวน้อยเริ่มเกิดอารมณ์อีกแล้ว ก็เขาเล่นจูบไปทั่วตัวเธอแบบนี้ จะให้เธอมีสมาธิจดจ่ออยู่กับคำถามได้ยังไงกัน
“พี่ก็รอฟังอยู่ ถามมาสิ จุ๊บ!!” ยิ่งปรามก็เหมือนยิ่งยุ
“อ๊าาาา พี่เจค อย่าแกล้งสิ หนูซีเรียสนะ” พูดไปแบบนั้น แต่ก็เผลอขยุ้มผมเขาด้วยความซ่านเสียว ทำไงได้.. ก็มันรู้สึกดีจริงๆนี่น๊า ❤️
“อ๊ะๆ โอเค ไหน มีอะไรจะถาม” เขายอมหยุดจนได้
“หนูอยากรู้ว่า...พี่เจค เอ่อ... ระ รักหนูตรงไหนเหรอคะ” ถามแล้วก็เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“หึหึ ถามอะไรเป็นเด็กๆไปได้” คนตัวโตหัวเราะในลำคอ ก่อนจะปฏิบัติภารกิจลิ้มลองยัยตัวเล็กต่อ เขาจับแขนที่ปกปิดหน้าอกให้กางออก ก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปทักทายยอดบัวงามอีกครั้ง คราวนี้เขายิ่งละเลงลิ้นโดยไม่เกรงใจร่างบาง
“อุ้ย ซี๊ดด พี่เจคอ่ะ อื้มมม เดียอยากรู้จริงๆนะ” เสียท่าให้กับเขาอีกแล้ว เธอกำลังจะติดกับดักสวาทของเขาอีกแล้ว
เบื้องล่างที่เคยอ่อนตัวเริ่มขยายขนาดดันร่องนุ่มนิ่ม ไม่รู้ว่าเธอหรือเขากันแน่ที่จุดติดง่ายเหลือเกิน
“พี่เจคคะ ถ้าสมมติ อื้มมม ถ้าสมมติวันนั้นเป็นญาดา พี่เจคมีอะไรกับญาดา... วะวันนี้ อ๊าา วันนี้พี่จะรักมันไหม” เธอพูดตะกุกตะกักไม่เป็นคำ แต่เจคอปก็พอจะเข้าใจความคิดของเธอ
เขาวางหญิงสาวลงกับเตียง ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาช่องสวาทน่าดูชม เป่าลมหายใจร้อนรดตรงร่องรัก ทำให้นาเดียสติเตลิด ลืมความสงสัยไปจนหมดสิ้น
“อย่าคิดอะไรไร้สาระน๊าา ถ้าผู้หญิงในวันนั้นไม่ใช่เดีย พี่ก็ไม่มีวันรักได้หรอก รู้ไหม พี่เห็นเดียตั้งแต่ที่ผับวันนั้นแล้ว ตั้งแต่ที่เดียนั่งอยู่คนเดียว จนเดียเดินไปเข้าห้องน้ำ พี่ไม่เคยละสายตาจากเดียได้เลย ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในสายตาพี่เลยสักคน”
ลิ้นหนาแตะถูกปุ่มกระสันแผ่วเบา แต่สร้างความเสียวรุนแรงจนร่างเล็กต้องขยุ้มผมหนาเต็มฝ่ามือ
เขาขี้โกงอีกแล้ว...
ชอบพูดให้เธอดีใจอยู่เรื่อย....
เขารู้ใจเธอ รู้ทันความคิดเธอตลอด....
คนบ้า....❤️
“พี่รักเดียก็เพราะความดีของเดีย พี่รักเดียก็เพราะผู้หญิงคนนั้นคือเดีย ถ้าไม่ใช่เดีย... พี่ก็ไม่มีวันรักหรอก”
“พี่เจค อ๊ะ!!! ช้า... อ๊ายยย อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ พี่เจค...”
ทำซึ้งได้เพียงไม่กี่วินาที ร่างบางก็ยอมปล่อยให้ตัวเองตกลงสู่ไฟราคะอีกครั้ง นี่เขาไม่รู้จักพอเลยหรือไงนะ หรือเป็นตัวเราเองที่ไม่เคยคิดจะห้ามใจ
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต