“เอ่อ ผ.อ.ก็เลิกโมโหร้าย แล้วก็หัดพูดจาดีๆกับหนูสิคะ” ได้โอกาสแล้วก็ต้องรีบขอ เจคอปทบทวนคำพูดที่ได้ยิน เธออยากจะให้คนอารมณ์ร้อนอย่างเขาเลิกโมโหร้ายเนี่ยนะ ให้ไปวิดน้ำในมหาสมุทรออกยังจะง่ายเสียกว่า
View More“ฮัลโหล มึงถึงรึยัง กูกำลังจะถึงแล้ว”
เสียงของญาดาดังผ่านหูโทรศัพท์แข่งกับเสียงเพลงจังหวะมันส์ที่ดีเจจัดให้สำหรับเหล่าบรรดาขาแดนส์ทั้งหลาย
“กูถึงแล้ว นั่งรอที่โต๊ะเดิมนะ”
ท่ามกลางผู้คนที่ยืนโยกย้ายส่ายสะโพกแข่งกันสุดเหวี่ยง มีเพียงสาวน้อยร่างบางที่นั่งทำหน้าซังกะตายอยู่หน้าเคาน์เตอร์เพียงลำพัง ด้วยใบหน้าสวยหวานและทรวดทรงองเอวได้รูป ทำให้มีผู้ชายผลัดกันแวะเวียนเข้ามาขอเลี้ยงเหล้าเธอไม่ขาดสาย
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
ชายแปลกหน้าโน้มใบหน้าลงกระซิบติดใบหูขาวสะอาด ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งโดยไม่รอคำอนุญาต
หญิงสาวมองคนมาใหม่ด้วยหางตา อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างดูดีทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เธอไม่อยู่ในอารมณ์อยากสนทนากับใคร
“มาคนเดียวเหรอครับ”
ชายหนุ่มใช้สายตาโลมเลียไปตามร่างกายอวบอัด แต่ดูท่าแล้วเหยื่อสาวตรงหน้าจะเคี้ยวไม่ง่ายเท่าไหร่ เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวหมดแก้ว
“ขอผมเลี้ยงสักแก้วนะครับ”
คนสปอร์ตรีบสั่งเครื่องดื่มจากบาเทนเดอร์ ดูท่าคืนนี้เธอคงจะเมาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวกระซิบติดใบหูอีกฝ่ายด้วยท่าทางพราวเสน่ห์ จากมุมนี้เขาไม่พลาดที่จะแอบมองลอดเข้าไปในคอเสื้อสายเดี่ยวเว้าลึก เห็นเนินอกทรงโตล้นทะลักออกมากว่าครึ่งเต้า สงสัยคืนนี้จะได้กินปลาชิ้นโต
“ชื่ออะไรครับ”
หนุ่มนิรนามวางมือลงบนต้นขาเนียน ค่อยๆลูบขึ้นไปจนถึงขาอ่อน
อีกแล้ว… ไอ้พวกผู้ชายลามก บ้ากาม ไอ้พวกตัณหากลับ!
เธอค่อยๆสูดลมหายใจเข้าพยายามระงับอารมณ์ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมหยุด เขาสอดนิ้วเข้าหาของสงวนผ่านกางเกงยีนส์ขาสั้น ส่งผลให้ความอดกลั้นพลันขาดสะบั้น
ซ่าาาา
ร่างบางคว้าแก้วสาดของเหลวภายในนั้นใส่หน้าเขาอย่างจัง
“เห้ยยยย”
ชายชาตรีทั้งแท่งแทบจะหลุดเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจ เป็นครั้งแรกที่โดนปฏิเสธรุนแรงแบบนี้
หญิงสาวยิ้มเยาะ “สมน้ำหน้า”
เธอหันกลับมาสั่งเครื่องดื่มแก้วใหม่ ขอแบบดับเบิ้ลช็อตมาดับอารมณ์เสียหน่อย
“อีนาเดีย เล่นซะเขาหมดท่าเลยนะมึง เสียดายของอ่ะ งานดี๊ดี”
เป็นเสียงของญาดาเพื่อนสาวคนสนิทนั่นเอง
ผู้มาใหม่เหลียวมองผู้ชายที่พึ่งเดินจากไป ก่อนจะหันมาเห็นหน้าตาอมทุกข์เบื่อโลกของเพื่อน “ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิวะ กะอีแค่ผู้ชายเลวๆคนเดียว จะมานั่งเสียใจทำไม สติค่ะ สติ!”
ทันทีที่ญาดานั่งลงข้างเพื่อนสาว บาเทนเดอน์ก็เสิร์ฟคอกเทลรสโปรดอย่างรู้ใจ ก็แน่สิ ผัวมันนี่
“ไอ้พี่พีทแมร่ง เลวววว” นาเดียสบถคำด่าจนบาเทนเดอร์สะดุ้ง
“เออ ถ้ารู้ว่ามันเลวก็อย่าเสือกโง่ไปหลงคารมมันอีกก็แล้วกัน เอ้า ชน!” เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอดื่มให้กับผู้หญิงโง่งมที่หลงเชื่อความรักของผู้ชายเลวๆมาเกือบ 4 ปี ใครจะโง่ได้ขนาดนั้น
...ก็ฉันนี่ไง
ฉันชื่อ นาเดีย เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุง มีดีที่ไอ้เต้านมโตๆที่แม่ให้มาจนล้นนี่แหละ มันช่างช่วยล่อให้ผู้ชายเข้ามาหาไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ท่ามกลางเหล่าผู้ชายบ้ากามที่ขยันเข้าหาทุกวี่วันก็มีแค่พี่พีท รุ่นพี่ต่างคณะที่ดูจะชอบในตัวตนของฉันจริงๆ ไม่ใช่ที่ไอ้เต้ามหึมานี่ เขาคอยดูแลเทคแคร์ฉันมาตลอด 3 ปีกว่า ไม่เคยคิดจะล่วงเกินนอกจากจูบ จนฉันหลงรักมันหัวปักหัวปำ
แล้วจุดพีคมันก็อยู่ที่วันงานเลี้ยงเรียนจบ มันกะจะเคลมฉันให้ได้ แต่พอฉันไม่เล่นด้วย มันก็ถีบหัวฉันส่งทันที แถมยังหาว่าฉันเป็นผู้หญิงจืดชืดมีของดีแต่ไม่รู้จักใช้
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย”
อยู่ดีๆนาเดียก็ตะโกนออกมาสุดเสียง แม้แต่เพลงอึกทึกในผับยังสู้อารมณ์เดือดดาลของเธอไม่ได้
“เห้ยย อีเดีย กูว่ามึงเมาแระ พอเลยๆๆ”
ญาดารีบแย่งแก้วเหล้าในมือเพื่อนสาวก่อนที่เพื่อนผู้ช้ำรักจะอาละวาดไปมากกว่านี้
~เจ็บตรงที่เธอแกล้งทำเป็นรัก แกล้งทำเป็นมีเยื่อใย สุดท้ายก็ทิ้งฉันไป...มีคนใหม่
เพลงแดนซ์ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงรักเศร้าเคล้าน้ำตากะทันหัน ท่วงทำนองช่างบาดลึกเข้าไปถึงจิตใจของคนฟัง
แหม่ะ แหม่ะ
“เวรละ ร้องไห้เฉย อะไรของมึงเนี่ยย บอกว่าให้หยุดเศร้าได้แล้ว”
ญาดาตามอารมณ์เพื่อนไม่ทัน ไม่รู้จะปลอบมันยังไงให้เลิกเสียใจซักที
“ทำไมพวกผู้ชายมันถึงคิดแต่เรื่องเยดๆๆอย่างเดียววะ”
นาเดียกรนด่าซ้ำไปซ้ำมา จนญาดาแทบจะจำทุกประโยคของเธอได้อยู่แล้ว
“มึงก็ลองสิ ลองดู จะได้รู้ว่ามันมันส์ขนาดไหน”
หล่อนกัดริมฝีปากนิดๆ ทำหน้าตาซี๊ดซ้าดเหมือนกำลังทำกิจกรรมรัก พลางแอบเหล่บาเทนเดอร์สุดหล่อที่พึ่งได้กินไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน
สีหน้าบูดบึ้งค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเอียงอายเมื่อหัวข้อวนมาถึงเรื่องนี้ เธอส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ภายในใจกลับเกิดความลังเลขึ้น
“มึงจะเก็บไว้ให้แมงมุมทำหยากไย่หรือไง”
ญาดายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ลอบสบตากับบาเทนเดอร์ถี่ขึ้น สายตาที่มองกันทำให้เธอเริ่มเกิดอารมณ์
“แล้วกูจะไปเอากับใครที่ไหนวะ”
นาเดียเริ่มโอนอ่อน เธอเป็นเด็กหัวอ่อนเชื่อคนง่าย ใครว่าอะไรเธอเป็นต้องเกรงใจ ยอมเขาไปเสียหมด
“ผู้มีเยอะแยะ มึงก็เลือกเอาสักคนสิ มา เดี๋ยวกูช่วย”
ญาดามองไปรอบๆ ที่นี่เป็นผับไฮโซ รับประกันได้ว่าไม่มีพวกโลว์คลาสปะปนเข้ามาอย่างแน่นอน
“คนโน้นเป็นไงมึง”
“ไม่เอา มึงดูตีนกา แก่ไปป่าววะ”
“แล้วคนโน้นอะ เสื้อเชิ้ตสีดำ”
“ไม่ใช่สเปคว่ะ แว่นหนาเต๊อะ พวกเก็บกดจากงานแหงๆ”
“อืมมม แล้วคนนั้น หูยยย มึงดูดิ งานดีระดับเพชร ดูดีมากกก หลงมาจากสวรรค์ที่ไหนว๊าาาา เทพบุตรชัดๆ”
หญิงสาวมองตามปลายนิ้วของญาดา เหมือนคนโดนชี้จะรู้ตัว เขายกแก้วหันมาทางเธอทั้งสองคน นาเดียรีบหลบตาทันที ใจเต้นโครมคราม...
หล่อมาก หล่อวัวตายควายล้ม หล่อแบบไม่น่าเหลือรอดมาได้ ต้องมีเมียแล้วแหงๆ “หล่อไปมึง คงหนีเมียที่บ้านมาเที่ยวแหง”
คำตอบที่ได้รับทำให้ญาดาอดชายตามองเพื่อนไม่ได้ เริ่มรำคาญในความเรื่องมากของมัน
“มึง กูขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
นาเดียลุกจากเก้าอี้ เธอเดินโซซัดโซเซชนเก้าอี้ทุกตัวในร้าน ญาดาได้แต่มองตามเพื่อน อยากจะลุกไปส่ง แต่เธอมีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า
“หายไปแปบนึงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ว่าแล้วญาดาก็ดึงคอเสื้อบาเทนเดอร์หนุ่มเข้ามาหา ก่อนทั้งสองจะพากันเดินหายเข้าไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์ที่เป็นเหมือนคลังเก็บเหล้าขนาดย่อม
ภายในห้องน้ำ นาเดียยืนนิ่งเหม่อมองตัวเองในกระจก เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา บอกตัวเองให้เลิกฟูมฟายเสียที
“ถ้าโลกนี้มีกามเทพอยู่จริง โปรดช่วยลูกด้วยเถิด ได้โปรดช่วยให้ลูกได้เจอรักแท้เสียที เพี้ยง”
สาวน้อยหลับตา เอ่ยคำอธิษฐานในใจ ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังทำอะไรแสนงี่เง่า
เธอสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ได้เวลาชวนไอ้ดากลับเสียที พรุ่งนี้เริ่มทำงานวันแรกด้วย
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ”
ขณะเดินโงนเงนออกจากห้องน้ำร่างบางก็ชนเข้ากับแผงอกหนาของใครบางคน กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาเตะจมูกเธอ หญิงสาวแหงนหน้ามอง แต่ทว่าเธอเห็นเพียงเค้าหน้ารางๆ
เทพบุตร ...เหรอ
เธอเซเข้าหาอ้อมกอดชายหนุ่มเพราะสติถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ควบคุมอยู่
“ให้ฉันไปส่งนะ”
ท่ามกลางสติเลือนรางเธอได้ยินเพียงแค่นั้น แล้วภาพทุกอย่างก็วูบตัดไป
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต
Comments