Beranda / โรแมนติก / คำพิพากษาซาตาน / บทที่ 68 ลาก่อนนะคะพี่เจค...

Share

บทที่ 68 ลาก่อนนะคะพี่เจค...

last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-24 13:10:25

กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่

ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโด

ไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงาน

ไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวัน

และไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”

คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ

“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก

“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร

“ไม่มีอะไรต้องคุย” เจคอปตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นสบตา น้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม เขาพยายามสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว เพราะตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นต้องจัดการ

         “พี่จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆเหรอครับ ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้แหละพี่ บางทีก็ขี้น้อยใจ ขี้ระแวง ขี้หงุดหงิดไปบ้าง แต่ถ้าพี่ง้อหน่อย เดี๋ยวเธอก็หาย แล้วเดี๋ยวพี่ก็จะชินไปเอง” เจมส์มาร์พยายามโน้มน้าว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจคอปกำลังเผชิญกับเรื่องสำคัญ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งคู่

“ป๊าโทรมาจากอเมริกา” น้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึก

“ครับ?” เจมส์มาร์ตามไม่ทัน เขาไม่ได้ข่าวจากทางบ้านนับตั้งแต่คุยเรื่องการยกเลิกงานหมั้นระหว่างมินตรา

“ป๊าจะให้ฉันหรือไม่ก็แกกลับไปบริหารโรงพยาบาลที่อเมริกา” คนพูดยังคงแสดงท่าทีเรียบเฉย ในขณะที่คนฟังตะลึงงันจนแทบหงายหลังตกเก้าอี้

“ป๊าพูดยังงั้นจริงเหรอครับ เมื่อไหร่? แล้วทำไม? แต่ว่าผม ผมกับคุณเมย์...” เจมส์มาร์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้งานหมั้นจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่เขายังไม่มีเวลาพูดคุยกับเจคอปเรื่องระหว่างเขากับเมธาวีจริงจังเสียที

“ฉันรู้แล้ว ฉันถึงยอมเสนอตัวเป็นคนกลับไปเองไง” ร่างสูงปิดแฟ้มเอกสารเล่มสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องชายด้วยสีหน้าจริงจัง

คำตอบจากปากเจคอปทำให้เจมส์มาร์ถึงกับชะงัก

เป็นเจคอปเสมอ... ที่คอยออกหน้าแทนเขามาตลอด

เป็นเจคอปเสมอ... ที่แบกรับภาระทุกอย่างของที่บ้านไว้

เป็นเจคอปเสมอ... ที่คอยปกป้องดูแลทั้งเขาและมินตรามาตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งโตจนป่านนี้

“ตอนฉันไม่อยู่ แกต้องขึ้นมาบริหารงานเต็มตัว จะทำตัวเสเพลไปวันๆแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ส่วนเรื่องคุณเมย์ ถ้าแกจริงจังกับเขาก็ไปจัดการเรื่องตบแต่งให้เรียบร้อยซะ โตจนป่านนี่แล้ว ไม่มีฉันแกก็ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง”

เจมส์มาร์มองใบหน้าที่อ่อนล้าจากการทำงานของพี่ชาย เขารู้ว่าเจคอปต้องแบกรับภาระและความเครียดจากงานทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพังมานานแค่ไหน เพราะน้องชายเพียงคนเดียวอย่างเขาไม่เคยคิดจะช่วยแบ่งเบาภาระอะไรเลย และเจคอปก็ไม่เคยบ่น...

“ป๊าบอกพี่เมื่อไหร่ เอ่อ แล้วพี่ต้องไปเมื่อไหร่ครับ” เรื่องสำคัญจากพี่ชายทำให้เขารู้สึกใจหาย มันกระทันหันจนเขาตั้งตัวไม่ทัน

“อาทิตย์หน้า”

“ห๊ะ!! ทำไมกระทันหันแบบนี้ละครับ”

“ไม่หรอก ป๊าคุยกับฉันตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้วล่ะ ฉันแค่ไม่ได้บอกแก ฉันคิดว่าหลังจากจัดการเรื่องงานหมั้นระหว่างแกกับมินตราเรียบร้อย ฉันก็จะได้กลับไปอย่างหายห่วง แต่ในเมื่อตอนนี้แกก็มีความรับผิดชอบมากพอ และยัยมินก็มีคนสำคัญที่คอยดูแลแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรที่นี่ต้องห่วงอีก” ใช่... เขาไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว

“แล้วน้องเดีย ผมคิดว่าพี่จะจริงจังกับเธอ” เขาลอบมองปฏิกิริยาของพี่ชาย หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะทำให้เจคอป…

“....” แววตาของเจคอปเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกเฉยเมยและว่างเปล่า ไม่แตกต่างจากเจคอปคนเก่า คล้ายว่าเขาจะไม่เหลือแววตาอ่อนโยนอีกแล้ว “เรื่องนาเดีย ฉันคิดเอาไว้แล้ว ฉันคง…”

เจคอปเอ่ยความในใจให้คนตรงหน้าได้รู้ เมื่อเห็นน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังของเขา เจมส์ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้

“งั้นเหรอครับ ถ้าพี่ตัดสินใจดีแล้ว ผมก็เห็นด้วยกับพี่ทุกอย่าง”

นาเดียยืนมองกระดาษสีขาวที่พึ่งวางลงบนโต๊ะของหัวหน้า ในเมื่อไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ ก็คงถึงเวลาที่ต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ควรเสียที

“ไม่เป็นไรนะเจ้าตัวเล็ก แม่จะพาไปอยู่กับคุณตาคุณยายนะคะ ไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไรนะ แม่จะรักและดูแลหนูให้ดีที่สุด

เธอบรรจงลูบฝ่ามือไปบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ น่าประหลาดที่เธอมีความรู้สึกผูกพันธ์กับสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อยู่ภายในตัวเธอมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ทั้งๆที่ตอนนี้เขายังเป็นแค่ก้อนเนื้อไม่มีชีวิต ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกว่าไม่พร้อมจะมีเขา แต่เธอกลับรู้สึกรักและอยากปกป้องดูแลเขาให้ดีที่สุด

นาเดียนั่งเหม่ออยู่หน้าที่ทำงานพักใหญ่ เธอไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน หอพักก็ย้ายของออกมาหมดแล้ว ครั้นจะกลับไปคอนโดของเจคอป ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังอยากให้เธอกลับไปอีกหรือเปล่า แต่ยังไงก็คงต้องกลับไปเก็บของอยู่ดี เธอควรจะไปตอนไหนดีนะ ไปตอนนี้เลยดีมั๊ย บางทีเขาอาจจะยังไม่เลิกงาน

“อ๊ะ! พี่เจค”

เธอไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีกแล้ว…

“เลิกนานแล้วเหรอ”

แวบนึงนาเดียคิดว่าตัวเองหูฝาด เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก่อนจะรีบก้มหน้าลง “สักพักแล้วค่ะ” เธอไม่อยากเห็นแววตาเย็นชาของเขา

“กลับกันเถอะ” น้ำเสียงของเจคอปราบเรียบ แต่เพียงแค่นี้เธอก็รู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก น้ำตาพลอยจะไหลออกมาให้ได้ เธอคิดว่าเขาจะไม่ต้องการเธอแล้วเสียอีก แต่เขาก็ยังมารับเธอ

“พี่เจคจะแวะไปเยี่ยมคุณมินก่อนไหมคะ” นาเดียพยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ เธออยากให้เขาไปเยี่ยมคุณมินตรา อยากให้เขาไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ต่อให้เขาไปนอนเฝ้าคุณมินตราอีกหลายคืน เธอก็มีแต่ความยินดี เธอยินดีให้เจคอปไปหาคุณมินตราจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าเกลียดเธอเลยนะ

“ไม่ เจมส์เขาไปอยู่เฝ้าแล้วล่ะ” เขาเบือนหน้าไปอีกทาง

“แต่พี่แวะไปหาคุณมินก่อนก็ได้นะคะ หนูกลับเองได้”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาเพราะเกินจะอดกลั้น  

“กลับเถอะ” แล้วเจคอปก็หันหลังเดินออกไป

เขาไม่คิดจะให้อภัยเธอจริงๆ

 นาเดียจึงทำได้แค่เดินตามเขา เธอไม่กล้าเดินเร็ว แต่ก็ไม่กล้าเดินช้า และไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก

         แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงัก “........”

นาเดียมองฝ่ามือที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เจคอปยืนห่างออกไปหนึ่งช่วงแขน และเขากำลังยื่นมือมาให้เธอ

“จับมือพี่ไว้สิ เดินก้มหน้าแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก”

มือเย็นเฉียบเอื้อมไปจับมือของเจคอปแผ่วเบา เขากุมมือเธอไว้ ต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรอีก

“เอ่อ… หนูขอจับมือพี่ไว้แบบนี้ได้ไหมคะ” นาเดียเอ่ยทำลายความเงียบตอนที่ขึ้นมานั่งบนรถ แม้จะรู้ว่าเป็นคำขอที่เอาแต่ใจ แต่เธอก็อยากเก็บความทรงจำดีดีระหว่างเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

ตลอดทางกลับคอนโด เจคอปจับมือของนาเดียเอาไว้ตลอดเวลา หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าออกไปทางหน้าต่าง เธอไม่อยากให้เขาสังเกตเห็นหยดน้ำตาที่ไหลออกมา ในรถมีเพียงความเงียบ

เขายังคงจับมือเธอกระทั่งถึงห้อง “เดียหาอะไรทานก่อนเลยนะ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขออาบน้ำนอนพักหน่อย”

“…..”

ร่างบางยืนมองแผ่นหลังของชายหนุ่มจนหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เธอรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาหยดเล็กๆที่หล่นลงมาเมื่อตัดสินใจดีแล้วว่าจะออกไปจากชีวิตของเขา

นาเดียรีบร้อนเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ของใช้ของเธอไม่ได้มีเยอะมากมาย ใช้เวลาเพียงไม่นานข้าวของทุกอย่างก็ถูกยัดลงกระเป๋าเป้ใบเดียวหมด เธออดหันไปมองทางห้องน้ำไม่ได้

ตอนนี้พึ่งจะ 5 โมงเย็น คงไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าจะรอจนเขาหลับแล้วค่อยออกไป อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเขาอีกสักนิด อีกสักนิดก็ยังดี...

เจคอปเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพคาดผ้าขนหนูไว้ที่เอวสอบ นาเดียนั่งอยู่ตรงปลายเตียง เธอไม่ได้หันมองตอนที่ชายหนุ่มเดินผ่านไปยังตู้เสื้อผ้า

“....”

เจคอปหยิบชุดลำลองออกมาสวม ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงหน้านาเดีย “เช็ดผมให้พี่หน่อยได้ไหมครับ”

“…”

เธอรับผ้าขนหนูมา ก่อนจะค่อยๆบรรจงเช็ดผมที่เปียกชื้นให้คนตรงหน้า ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ต่างฝ่ายต่างได้ยินเพียงเสียงหายใจของกันและกัน

“เดีย...” เสียงทุ้มต่ำจากคนเบื้องล่างเอ่ยทำลายความเงียบ มือเล็กเกิดสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอเกิดความกลัวในสิ่งที่เขากำลังจะเอ่ยออกมา

“หนู... หนูไปหาอะไรทานก่อนนะคะ”

“....”

เจคอปมองตามแผ่นหลังของนาเดีย เขาไม่ได้ลุกตามออกไป ชายหนุ่มค่อยๆคลานขึ้นไปนอนบนเตียงเพราะรู้สึกอ่อนล้ากับความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งที่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่ตั้งแต่ได้พบเธอ เขาก็รู้สึกว่าความเข้มแข็งมันอ่อนแอลงไปถนัดตา กฏต่างๆที่เคยตั้งไว้กับตัวเองแปรปรวน แปรผันตามเธอไปทุกอย่าง

'การรักใครสักคน ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้นะ'

นั่นเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่สมองของเขาจะหยุดพักการทำงานอันหนักหน่วง

นาเดียปล่อยให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งแน่ใจว่าคนในห้องคงหลับไปแล้ว ร่างบางค่อยๆแง้มประตู เธอเห็นเจคอปนอนนิ่ง

เธอยืนพิจารณาสัดส่วนบนใบหน้าของเจคอปอย่างละเอียด อยากเก็บทุกรายละเอียดของเขาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้งที่สั่งตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ออกมาเด็ดขาด แต่น้ำตาก็ยังไม่วายไหลออกมาจนได้ ริมฝีปากถูกกัดเม้มเข้าหากันจนเกิดห้อเลือดเพื่อกลบเสียงสะอื้น

อาจจะใจร้ายเกินไปที่ไม่ได้บอกเขาเรื่องลูก แต่มันก็ดีกับตัวเธอและตัวเขาแล้ว จะให้เขารับรู้เรื่องผิดพลาดที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นไปทำไมกัน จะผูกมัดเขาด้วยสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ยังไง

ร่างบางบรรจงจูบลงบนขมับที่มองเห็นเส้นเลือดโป่งนูน จ้องมองใบหน้าของคนรักเป็นครั้งสุดท้าย “ลาก่อนนะคะพี่เจค...”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คำพิพากษาซาตาน   บทที่พิเศษ 2

    เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง

  • คำพิพากษาซาตาน   บทพิเศษ

    ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท

  • คำพิพากษาซาตาน   บทที่ 71 พี่ตั้งใจ END

    ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา

  • คำพิพากษาซาตาน   บทที่ 70 สิ่งเดียวที่จะเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้

    “อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ

  • คำพิพากษาซาตาน   บทที่ 69 พี่ถามว่าเธอจะไปไหน! NC

    เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้

  • คำพิพากษาซาตาน   บทที่ 68 ลาก่อนนะคะพี่เจค...

    กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status