Masukกริ่ง~
กิจวัตรประจำวันของพลับจีนแทบไม่มีอะไรต่างกันเลย ในหนึ่งวันใช้ชีวิตหมดไปกับการทำงาน อย่างวันนี้ต้องทำงานที่ร้านเบเกอรี่ของพี่ฝน ซึ่งเป็นร้านที่พลับจีนทำมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งจนถึงตอนนี้
ความสนิทสนมของเขาและเจ้าของร้านแทบจะกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้ดูร้านแทน จึงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพนักงานในร้าน เพราะฝนต้องคอยไปดูแลร้านสาขานั้นทีสาขานี้ที พลับจีนจึงต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายที่นี่แทน
“พี่พลับครับ เก็บร้านเลยไหมครับ น่าจะไม่ค่อยมีลูกค้าแล้ว”
“อืม ใกล้ห้าโมงแล้ว เก็บเลยก็ได้”
เด็กหนุ่มนักศึกษาพยักหน้ารับก่อนเข้าไปเก็บกวาดหลังร้าน ส่วนคนอื่น ๆ ช่วยกันจัดการหน้าร้าน พลับจีนเองก็ใช่ว่าได้เป็นหัวหน้าแล้วจะอยู่เฉย ๆ เขาเองทำทุกอย่างในร้านด้วยเหมือนกัน เลิกงานจากที่นี่พลับจีนต้องกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเริ่มงานใหม่ในคืนนี้
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มพลับจีนมาถึงร้าน Black butterfly เป็นผับขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในซอย ในหลืบห่างไกลจากบ้านของผู้คน เลี่ยงการรบกวนผู้อื่นได้พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นที่รู้จักของพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ รวมไปถึงพวกเสี่ยแก่ ๆ ที่ออกมาใช้ชีวิตสังสรรค์กับพวกพ้อง หาความสุขให้ตัวเอง บางคนอาจจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดเรื่องผิดศีลบ้ากามไม่เว้นวัน
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปสั่งสอนใครให้ทำเรื่องที่ถูกต้อง หน้าที่ของพลับจีนคือการบริการดูแลลูกค้าที่ซื้อตัวเขาไปก็เท่านั้น กฎเหล็กเพียงอย่างเดียวของพลับจีนคือไม่ไปต่อกับลูกค้าคนไหนทั้งนั้น ต่อให้จะยัดเงินใส่มือเป็นหมื่นเป็นแสนก็ตาม
หากถามว่าขยะแขยงหรือเปล่าที่ปล่อยตัวให้คนนั้น คนนี้จับเนื้อต้องตัว แน่นอนว่าความรู้สึกพวกนั้นเกิดขึ้นทุกครั้งที่ทำงานที่นี่ แต่พลับจีนก็ยังคงเลือกที่จะทำต่อไปเพียงเพราะ เงิน งานดี ๆ มีเยอะก็จริง แต่สมัยนี้ถ้างานดี ๆ มันหาง่ายนักคงไม่มีคนยากไร้ คนไร้บ้านหลงเหลืออยู่ ทางเลือกชีวิตของแต่ละคนต่างกัน ภาระที่ต้องรับผิดชอบของแต่ละคนนั่นก็ด้วย
เรียนจบปริญญามาก็จริง แต่การเข้าทำงานที่บริษัทก็ใช่ว่าจะง่ายขนาดนั้น เคยยื่นเรซูเม่ไปหลายที่เหมือนกันทว่ากลับผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากรับงานฟรีแลนซ์ก็อาจจะมีงานเข้ามาแต่มันก็ไม่แน่ไม่นอน เงินที่ได้ก็ไม่มั่นคงเท่าไรนัก พลับจีนจึงต้องทำงานหลายอย่าง ทางไหนที่ได้เงินแล้วไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนก็แทบไม่เกี่ยง
หลายครั้งที่นึกสมเพชตัวเอง เพียงเพราะไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิตอย่างชัดเจน พลับจีนแค่ยังอยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เขายังอยากใช้ชีวิตต่อไป และด้วยเหตุผลนี้พลับจีนถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ไม่ต้องทนอด ทนอยาก เหมือนเมื่อก่อนก็เพียงพอแล้ว
“ห้องวีวีไอพีสาม ลูกค้าคนนี้น่าจะอกหักมายังไงก็ปลอบ ๆ เขาหน่อยแล้วกัน”
“ครับ”
นอกจากต้องดูแล เอาใจ ชงเหล้าให้แล้ว พลับจีนยังต้องคอยเป็นที่ปรึกษา ที่ระบายให้กับพวกลูกค้าด้วยเหมือนกัน พอนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ยังดีหน่อยที่ลูกค้าแต่ละคนของพลับจีนกระเป๋าหนัก ได้ทิปคืนหนึ่งก็หลายพัน
ร่างเล็กเดินตรงไปยังห้องที่ผู้จัดการบอก เคาะประตูขออนุญาตจากคนด้านในก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
ภายในห้องเงียบสนิทไม่มีแม้แต่เสียงดนตรีเปิดคลอเอาไว้อย่างที่เคยบริการลูกค้าคนอื่น ๆ กลิ่นเหล้าอบอวลไปทั่วห้อง ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ตวัดสายตามองมาที่พลับจีนเล็กน้อย
“มานั่งนี่สิ”
เพียงกานต์เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มเสียงนุ่ม ก่อนมาที่นี่เขาได้สอบถามกับผู้จัดการร้านโดยตรงว่าเด็กบริการของที่นี่มีใครที่สามารถนั่งเป็นเพื่อนเขาได้นาน ๆ บ้างหรือเปล่าเพียงกานต์ไม่ได้ต้องการหาที่ระบาย หรือต้องการทำเรื่องอย่างว่า เขาเพียงต้องการใครสักคนที่ไม่รู้จักกันมานั่งดื่มเป็นเพื่อนก็เท่านั้น อย่างน้อยหากเผลอพูดอะไรออกไปคนคนนั้นคงไม่ได้ใจใส่มันมากนัก ผ่านคืนนี้ไปทุกอย่างก็ราวกับไม่เคยเกิดขึ้น คงสบายใจมากกว่าเอาเรื่องทุกข์ใจไปเล่าให้คนรู้จักฟัง รังแต่จะทำให้ไม่สบายใจไปด้วย หรือไม่ก็อาจจะถูกสมน้ำหน้ากลับมา
“สวัสดีครับ ผมชื่อพลับจีนนะครับ เรียกพลับเฉย ๆ ได้เลย วันนี้ผมจะดูแลคุณลูกค้าอย่างเต็มที่แน่นอน ต้องการอะไรสามารถบอกผมได้”
“ดื่มได้ไหม”
“ได้ครับ แต่ผมขอไม่เมา”
“ครับ แค่ดื่มเป็นเพื่อนนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ” ตอบกลับพลางชงเหล้าอ่อน ๆ ให้กับเด็กหนุ่ม
“มาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหรอครับ”
“ครับ”
“ฟังเพลงไหมครับ เดี๋ยวผมเปิดให้”
“เอาสิ”
“คุณลูกค้าอยากฟังเพลงอะไรดีครับ”
“เพียง.. ผมชื่อเพียง”
เป็นปกติของพลับจีนที่ไม่ถามชื่อลูกค้านั่นเพราะคิดว่าคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยบอกชื่อจริง ๆ ให้ใคร พลับจีนเองก็ไม่รู้เหตุผลและไม่ได้สงสัยอะไรให้ปวดหัว
“ครับ.. คุณเพียงอยากฟังเพลงอะไรดีครับ”
ในห้องวีไอพีทุกห้องจะมีทีวีรวมไปถึงเครื่องคาราโอเกะ ให้ลูกค้าได้สังสรรค์สนุกสนานไปกับมัน
“เพลงอะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณพลับเลย”
คุณพลับ..
ได้ยินลูกค้าเรียกตัวเองว่าคุณก็รู้สึกแปลกหูอยู่เหมือนกัน เพราะปกติคนอื่น ๆ จะชอบเรียกน้อง ไม่ก็พี่ ยิ่งถ้าเป็นพวกเสี่ยแก่ ๆ หน่อยก็คงจะเรียกเขาหนูพลับ คำเรียกพวกนั้นฟังแล้วก็รื่นหูอยู่หรอก แต่แววตา ท่าทางที่แสดงออกมาทำเอาขนลุกอยู่ไม่น้อย
ต่างจากผู้ชายคนนี้ ไม่มีอะไรเหมือนกับลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาเลยสักคน แม้ว่าคุณเพียงกานต์คนนี้จะมีร่างกายหนากำยำมากกว่าเขาเกือบเท่าตัว แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เป็นเพราะใบหน้าหล่อเหลาที่แอบมีความหวานเล็ก ๆ นั่นหรือเปล่า
เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่ดูมาก ๆ คนหนึ่งเท่าที่พลับจีนเคยเจอมาเลยก็ว่าได้
เพลงที่พลับจีนเลือกเปิดเป็นเพลงที่ตัวเองฟังบ่อย ๆ เนื่องจากไม่ค่อยได้ฟังเพลงจึงไม่รู้ว่าจะเปิดเพลงไหนให้เพียงกานต์ฟัง
ครั้นเพียงกานต์เงียบไปภายในห้องก็เกิดความอึดอัดขึ้น พลับจีนไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี ทั้งที่ปกติเขาเอาใจลูกค้าเก่งจนได้เป็นท็อปสองของร้าน แต่กับคนนี้เขากลับไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรชวนคุย หรือควรนั่งเงียบ ๆ รอให้อีกคนเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“คุณเคยมีแฟนไหม”
“ครับ? อ๋อ ไม่เคยครับ”
“แล้วรู้จักความรักไหม”
“...”
ความรัก? แบบไหนล่ะ
“คุณเคยรักใครสักคนมาก ๆ หรือเปล่า”
“ผมไม่แน่ใจว่าความรักที่คุณหมายถึงเป็นแบบไหน แต่ถ้าถามผมว่าเคยรักใครสักคนมาก ๆ หรือเปล่า ก็มีอยู่สองคน เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมมี และอีกคนก็คือน้องสาวของผม”
“แล้วความรักแบบคนรักล่ะ? คุณเคยมีไหม”
“ไม่มีหรอกครับ ความรักอะไรพวกนั้น ผมไม่เคยมี”
เสียงแค่นขำเบา ๆ ดังขึ้น พลับจีนไม่รู้เลยว่าเพียงกานต์กำลังคิดอะไรอยู่ ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลานี้กำลังเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ทว่ามันกลับแสดงออกมาผ่านสายตาคู่สวยนั้น ต่อให้มองจากที่ที่ไกลกว่านี้เขาก็ดูออกว่ามันกำลังโศกเศร้าจนน่าใจหาย
“ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีได้หรือเปล่านะ” ประโยคแผ่วเบาคล้ายพูดกับตัวเอง
“แล้วคุณเพียงล่ะครับ รู้จักความรักหรือเปล่า”
ประโยคคำถามของพลับจีนทำคนถูกถามถึงกับยกยิ้มแค่นขำในลำคอหนึ่งคำ ก่อนจะตอบกลับทั้งที่ไม่ได้มองหน้ากัน
“เคยคิดว่ารู้จักครับ”
อาจจะฟังดูไม่ค่อยเข้าใจสำหรับพลับจีน แต่ก็พอจะเข้าใจได้ในไม่กี่วินาทีต่อมา
“ทำไมถึงแค่เคยคิดว่ารู้จักล่ะครับ”
“เพราะมันซับซ้อนเกินไปน่ะครับ บางครั้งผมก็ตามมันไม่ทัน ไม่รู้ว่าความรักจริง ๆ แล้วเป็นแบบไหนกันแน่”
“...”
ไม่เข้าใจ พลับจีนไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูด ทั้งที่ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกแล้ว แต่กลับไม่มีความรู้เรื่องความรักอะไรพวกนี้เลย
หรือจริง ๆ เขาเองก็ไม่รู้จักความรักเหมือนกัน แต่ทว่า.. เขากลับเคยโหยหามัน ความรักที่เคยได้ยินใคร ๆ เขาพูดถึงกัน อยากรู้ว่าความรักมันจะหอมหวาน หรือเจ็บปวดเหมือนโดนปลายหนามทิ่มแทงกันแน่
“ผมมีคนรักอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นผู้ชายที่ผมรักมาก เราวาดฝันอนาคตไว้ด้วยกันหลายอย่าง เราผ่านอะไรด้วยกันมามากมายจนเขาแทบจะกลายเป็นโลกทั้งใบของผม แต่วันหนึ่งเขาก็ทำให้โลกใบนั้นพังลงไม่เหลือชิ้นดี”
“...”
“คำถามแรกที่ออกจากปากผมตอนนั้น คือเขาหมดรักผมตั้งแต่ตอนไหน.. ทั้งที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราแทบไม่มีปากเสียงกันเลย เขาดูแลผมดีทุกอย่าง บอกรักจนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่พอตกเย็นวันนั้นเขากลับพูดออกมาว่าไม่รักผมแล้ว”
“...”
“น่าตลกใช่ไหมครับ ที่ดูเหมือนว่ายังรักกันอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ ก็มาบอกว่าไม่รักแล้ว”
คนเราหมดรักกันง่ายดายเพียงชั่วข้ามคืนอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่หรอก ความจริงความรักที่ว่ามันจางหายและหมดไปสักพักแล้ว ทว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หนีออกจากมันไม่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาก็พร้อมที่จะไปทุกเมื่อราวกับไม่เคยรักกันมาก่อน เพียงกานต์ดูไม่ออกเลยว่าคนรักของตัวเองหมดรักกันไปตั้งแต่ตอนไหน
หากเทียบชีวิตมนุษย์กับความรักแล้วละก็คงเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนคล้าย ๆ กัน
ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเข้าใจยาก เพียงกานต์คิดอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้น ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้รักคุณเพียงจริง ๆ หรอกครับ”
“เขาอาจจะเคยรักผมจริง ๆ ก็ได้” เพียงกานต์หัวเราะออกมาพลางเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กหนุ่มข้าง ๆ ที่กำลังแสดงสีหน้ามึนงง ไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูด “ผมถึงบอกไงว่าความรักน่ะมันซับซ้อน”
“ถ้าเขารักคุณเพียงจริง ๆ ทำไมถึงพูดออกมาว่าไม่รักแล้วง่าย ๆ ล่ะครับ ทั้งที่วาดฝันกันไว้ตั้งเยอะ”
“สำหรับเขาแล้วอาจจะไม่ง่ายก็ได้ครับที่จะพูดออกมา ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่กับผมมานานถึงขนาดนี้ ทั้งที่หมดรักผมไปตั้งนานแล้ว”
“ทำไมจะต้องยืดเยื้อให้เสียเวลา รักหรือไม่รักก็แค่พูดออกมาตรง ๆ จะคิดเยอะให้มันดูซับซ้อนไปทำไมกันครับ”
พลับจีนก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ไม่เข้าใจว่าจะทำให้มันยากไปทำไม จากที่ฟังมาคนรักของเพียงกานต์คงหมดรักเพียงกานต์มาสักพักแล้ว แต่ที่เพียงกานต์ดูไม่ออกก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายอาจจะกำลังแสดงเสแสร้งว่ายังรักอยู่
พลับจีนคิดว่าความรักไม่ได้เข้าใจยาก แต่เป็นเพราะตัวเราเองต่างหากที่ทำให้มันยาก
“สักวันคุณจะเข้าใจเองครับ ว่าความรักมันซับซ้อนยังไง” อย่างที่เขาเข้าใจในตอนนี้ ว่าต่อให้ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เพราะรักอีกนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องพยายามเข้าใจ
“...”
“ถึงตอนนั้นคุณจะรู้ว่าเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถพูดทุกอย่างที่เราคิดหรือรู้สึกได้ จนกว่าจะถึงเวลา”
“เวลา? เมื่อไรล่ะครับ”
“เรื่องนี้คงมีแค่ตัวเราเองที่ตอบได้ครับ”
สำหรับพลับจีนตอนนี้สิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่าความรักคงเป็นผู้ชายตรงหน้า ดูจะเป็นคนที่มีความคิดมากมายหลายอย่างอยู่ในหัว คงจะตีกันให้วุ่นไปหมด
จนถึงตอนนี้พลับจีนก็ยังไม่เข้าใจว่าที่เพียงกานต์พูดหมายถึงอะไร
ดูเหมือนจะเสียใจที่จู่ ๆ คนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีเดินมาพูดต่อหน้าว่าหมดรักกันแล้ว เหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไม เป็นเพราะอะไร แต่ทว่าสุดท้ายก็พูดเหมือนจะเข้าใจอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
ซับซ้อนจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ใช่แค่ความรัก ความคิดของคนเราก็ด้วย
ถ้าความรักที่ไอ้พลับจีนคนนี้เคยโหยหาต้องมาทำให้ปวดหัว ปวดใจแบบนี้ ชาตินี้ขอไม่พบไม่เจอก็แล้วกัน
แค่ทำงานเลี้ยงตัวเองให้รอดไปวัน ๆ ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด หากให้ต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ด้วยแล้วมีหวังเป็นบ้าตายกันพอดี
“น่าตลกใช่ไหมครับ ที่ดูเหมือนว่ายังรักกันอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ ก็มาบอกว่าไม่รักแล้ว”
tbc.
คุยกับนักเขียน
น้องคืออ่อนต่อโลกของความรักมากๆ ไม่รู้หรอกว่ารักแบบคนรักเป็นยังไง แต่แน่นอนว่ามันไม่เหมือนที่รักน้องสาวกับเพื่อนแน่นอน แต่สักวันน้องจะเข้าใจและรักเป็น
ฝากแม่ ๆ เป็นกำลังใจให้น้องพลับด้วยนะคะ รับรองว่ารักน้องพลับไม่ผิดหวังเลยสักวัน
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง“ลงสิ”พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรงร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”“เด็กที่ไหนครับ”“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอแต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่
เจ้าของร่างสูงยืนพิงหน้าต่างมองดูคนหมดสภาพที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถูกราดน้ำเรียกสติอยู่พักใหญ่กว่าจะหมดฤทธิ์ถึงได้หลับไป ปล่อยให้เคนจัดการเปลี่ยนผ้าให้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยสักนิดความต้องการของคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปคือการที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งเคนไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่ขาดสติ วิธีที่พอจะช่วยได้ที่คิดออกก็มีเท่านี้ระหว่างทางกว่าจะมาถึงห้องพักของพลับจีน เจ้าตัวพยายามที่จะปีนป่ายเข้าหาเคนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากที่พยายามฝืนตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดซิบก็ตาม“เจอตัวยังครับคุณแซน”[ค่ะคุณเคน เป็นลูกค้าใหม่เพิ่งมาครั้งแรกค่ะ]“ไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ผมไม่สนใจ กฎของร้านเป็นยังไงคุณแซนรู้ใช่ไหมครับ”[รู้ค่ะ แล้วเรื่องที่พนักงานของเราไปฟาดหัวเขาล่ะครับ]“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานเราไม่ผิดที่ปกป้องตัวเอง”“ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือแซนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”“ฝากด้วยครับ”เคนกดวางสายจากผู้จัดการร้าน ทอดมองพลับจีนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงเสียพลับจีนก็ถือว่าเป็นพนักงานในร้านของเขาเห
หลังจากผ่านพ้นความอึดอัดบนโต๊ะอาหารมาได้ กลับต้องมากระอักกระอ่วนต่อในรถ เพราะน่านน้ำเป็นห่วงเขาจนจับยัดใส่รถคุณเคนให้พามาส่งที่บ้าน ประจวบเหมาะกับเวลาช่วงทุ่มครึ่งแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยรถ ติดไฟแดงยาวเหยียดกว่าจะได้ขยับเขยื้อนพลับจีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ครั้นจะลงจากรถตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ในรถยังมีคีนนั่งมาด้วยอีกคน“เฮียส่งคีนข้างหน้านี้ก็ได้ครับ เพื่อนคีนอยู่แถวนี้คีนจะไปหาเพื่อนก่อน”เวร!!! หรือเขาควรลงตรงนี้ด้วยเลยดีไหมวะ?รถยนต์ขับมาจอดเทียบริมฟุตพาทปล่อยให้เคนได้ลงตามที่ต้องการ พลับจีนกำลังชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก“พลับขอลงตรงนี้ด้วย---”“ปิดประตู”พูดไม่ทันจบเจ้าของรถก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยคำสั่งอยู่กลาย ๆ ทำให้พลับจีนต้องกระเถิบมานั่งที่เดิมพร้อมกับปิดประตูคนตัวเล็กหน้างอง้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจที่ตัวเองเชื่อฟังคำสั่งของเคน ทั้งที่ควรทำตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องนั่งอยู่ต่อเลยสักนิดเจ้าของรถเอื้อมมือไปหยิบของในเก๊ะเก็บของ ก่อนจะโยนมาไว้บนตักพลับจีน คำสั่งถูกเอ่ยออกจากปากเคนอีกครั้ง พลันดวงตากลมสบเข้า
สารนิโคตินถูกสูบเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันในปากออกมายาวเป็นสายให้มันค่อย ๆ จางหายไปในอากาศทิ้งไว้เพียงกลิ่นเฉพาะตัวที่คนสูบคุ้นเคยเป็นอย่างดีดวงตาคมเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เลื่อนสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างมามองคนบนเตียง ร่างกายขาวเนียนบอบบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คงจะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อคืนนี้ถึงได้นอนหลับไม่รู้สึกตัวแม้ว่าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วก็ตามความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่อีกฝ่ายต้องไปทำงาน แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ไหว เคนเองก็ไม่อยากปลุก เอาแต่คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอทุกอย่างจบลงไปแล้วเขาถึงเพิ่งมานึกได้ว่าไม่ควรทำตั้งแต่แรก หากยับยั้งความต้องการสักนิดก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้นเคนไม่รู้ว่าพลับจีนจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยอมง่าย ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไหม เพราะเขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ต่อให้พลับจีนจะเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และอาจจะผิดใจกันได้ในภายหลัง ซึ่งเขาไมได้สนใจอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวภายหลังก็พอบุหรี่ม้วนที่สามถูกโยนทิ้งออกไปหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่กองอยู่บนโซฟามาสวมใส่ กำลังชั่
“เจ็บไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเบา“ฉันจะทำเบา ๆ”คำถามนี้ของพลับจีนพอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่าว่าไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือว่าความต้องการอยากรู้อยากลองของพลับจีนเองที่ทำให้ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเกิดมายี่สิบหกปีพลับจีนไม่เคยผ่านมือชายใด หรือนัวเนียกับสาวคนไหนมาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา และไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ลองสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะยังไงหลังผ่านคืนนี้ไปเคนก็คงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากนี้เราคงไม่มีเรื่องบังเอิญเจอกันบ่อยเหมือนช่วงนี้“แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่จูบ”“ครับ”“แน่ใจใช่ไหมว่าให้ฉันทำจริง ๆ ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะถ้าเริ่มแล้วฉันจะไม่หยุดกลางคัน ต่อให้เธอขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ตาม”“พะ พลับแน่ใจ พลับอยากลอง”นับว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เคนไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับตน ตอนแรกก็แค่จะขอดูเฉย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดว่าพลับจีนจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้ที่ผ่านมาเคนไม่ใช่คนติดเซ็กซ์ไม่ได้มีอะไรกับ
เป็นครั้งแรกที่พลับจีนพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง เพราะแม้แต่น่านน้ำก็ไม่เคยมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่เสียงฝนด้านนอกตกกระทบบนหลังคาเสียงดังชัดเจน แม้จะกั้นฝ้าแต่ไม่ได้ช่วยทำให้เสียงภายนอกเบาลงพลับจีนวางกล่องปฐมพยาบาลบนโซฟาข้าง ๆ ตัวเอง ใช้สำลีชุบน้ำเกลือค่อย ๆ ล้างแผลบนท่อนแขนแกร่ง ความเงียบภายในห้องทำให้พลับจีนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก รอยแผลขนาดยาวกับเลือดสีแดงสดทำพลับจีนกระอักกระอ่วน ทว่ายังฝืนตัวเองทำแผลต่อไป เพราะเขาบอกให้อีกคนไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องลากกลับมาที่ห้องตัวเอง อย่างน้อยก็ควรทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้อีกอย่างแผลบนแขนนี่ก็เกิดจากการช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้ หากเคนไม่เข้ามาช่วยเขาจากพวกคนเมา ไม่เอาตัวเข้ามาขวางตอนพวกมันกำลังจะใช้มีดแทงเขาแผลที่แขนนี่ก็คงไม่เกิดขึ้น“เจ็บไหมครับ” หลังจากเงียบมานาน พลับจีนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “พลับไม่เคยทำแผลให้ใครมาก่อน ไม่รู้ว่ามือหนักไปหรือเปล่า”“...”เคนยังคงเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา พลับจีนเองก็เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน เอาแต่ก้มหน้าก้ม

![ผมไม่ได้ยั่ว เสี่ยต่างหากที่ห้ามใจไม่ได้[Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





