LOGINไม่เคยคิดเลยว่าจะเก็บเขาคำพูดของลูกค้ามาคิดจนปวดหัวแบบนี้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองด้วยซ้ำ ทว่าน้ำเสียงและแววตาของเพียงกานต์ที่แฝงไปความผิดหวังระคนความเศร้าเอาไว้มากมายยังติดตาเขาอยู่เลย
เขาไม่เข้าใจเลยว่าความรักสามารถทำให้เราเจ็บได้ขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ก็อย่างว่าสิ่งใดไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่มีทางรู้สึกได้อย่างคนที่โดนแน่นอน
พลับจีนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สะบัดหัวไล่ความคิด เขาไม่ควรเก็บเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจมากนัก เพราะแค่ตัวเองก็ยังเอาไม่รอด
ระหว่างทางเดินกลับไปห้องพัก พลบจีนแวะซื้อหมูปิ้งเจ้าประจำที่อยู่หน้าปากซอย เพราะเป็นร้านเดียวที่เปิดดึกดื่นขนาดนี้ พลับจีนถึงได้ยกให้เป็นร้านโปรดเพียงร้านเดียวในเวลาเที่ยงคืนแบบนี้ อีกอย่างราคาก็ยังเป็นมิตรกับคนหาเช้ากินค่ำแบบเขาด้วย
“หมูเจ็ด เหนียวสองครับ”
“วันนี้กลับดึกนะ งานเยอะเหรอ”
“ช่วยเขาเก็บร้านน่ะครับ แล้วก็มั่วคิดอะไรเพลิน ๆ เลยเดินมาช้า”
เด็กหนุ่มพูดคุยกับแม่ค้าอย่างเป็นกันเอง รู้จักกันมาหลายปีตั้งแต่ที่พลับจีนอาศัยอยู่ห้องแถวที่นี่
“นี่จ้ะ หมูเจ็ดเหนียวสองป้าแถมให้อีกไม้หนึ่ง กินให้อร่อยนะ”
“ขอบคุณนะครับป้า งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“จ้ะ”
ค่อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินเท้าเข้าซอยมาต่อมาอีกไม่ไกลก็ถึงห้องพัก ดวงตากลมใสกวาดมองไปรอบ ๆ แม้ว่าจะมีเสาไฟแค่ต้นเดียวที่พอจะให้ความสว่าง แต่ก็พอจะทำให้เขามองเห็นอะไรต่ออะไรได้อยู่บ้าง
“ดำมานี่เร็ว”
ร่างสมส่วนย่อตัวลงนั่งยองเรียกหมาตัวสีดำ เป็นหมาจรที่อาศัยอยู่แถวนี้ พลับจีนเห็นมันมาตั้งแต่ยังเป็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ จนตอนนี้ตัวโตเต็มวัยแล้ว
“วันนี้มีหมูปิ้งมาฝากด้วยนะ หิวไหม”
ฝ่ามือขาวยกขึ้นลูบหัวเจ้าตูบที่กำลังกระดิกหางด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับพลับจีนที่กำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เป็นความสุขเล็ก ๆ เวลากลับมา แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ได้น่าอยู่ แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้อยู่บ้าง
หมูปิ้งร้อน ๆ ถูกหยิบออกจากถุง พร้อมทั้งยังรูดเนื้อออกจากไม้วางลงบนถุงหิ้วให้เจ้าดำที่ตนเป็นคนตั้งชื่อขึ้นมาเอง
“อร่อยไหม”
รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ถามไปหมาตัวนี้ก็ไม่ทางตอบเขาได้ แต่พลับจีนก็ชอบเหลือเกินที่ได้พูดคุยกับมัน ราวกับมันเป็นเพื่อนที่คอยรับฟังเรื่องราวในแต่ละวัน หากวันไหนมีเรื่องทุกข์ใจมา ที่ระบายเดียวของพลับจีนก็คือเจ้าดำตัวนี้ อย่างน้อยมันก็คงไม่ซ้ำเติม หรือทำอะไรให้เขารู้สึกแย่
เพราะแบบนี้ทุกครั้งที่กลับมาจากทำงานเขาก็มักจะมีของกินติดไม้ติดมือมาด้วย เผื่อท้องตัวเองแล้วก็ยังเผื่อท้องเจ้าหมาตัวนี้
อ่า... เขาก็ใจบุญเหมือนกันนะ
ตัวเองลำบากอยู่แท้ ๆ ยังใจดีกับเพื่อนร่วมโลกอีก
เป็นแบบนี้แล้วสวรรค์ก็ช่วยใจดีด้วยหน่อยได้ไหมวะ!!!
อย่างน้อยก็ขอเลขหกตัวตรง ๆ เขาจะรวยสักที เหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้วขอสบายบ้างไม่ได้หรือไง!
...
เช้าวันเสาร์พลับจีนไม่ต้องไปทำงานที่ร้านเบเกอร์รี่ แต่ก็ใช่ว่าจะนอนเปื่อยอยู่บ้านหายใจทิ้งไปทั้งวัน เขายังมีงานอีกอีกหนึ่งงาน ก็คือสอนพิเศษให้เด็กมัธยมต้น เป็นวิชาศิลปะสำหรับเด็กที่มีความสนใจด้านนี้ ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาพลับจีนใช้มันถ่ายทอดสอนให้กับน้อง ๆ เพื่อไปต่อยอดให้ตัวเองตามความต้องการ
สวนสาธารณะที่เงียบสงบแห่งนี้พลับจีนใช้เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ ให้นักเรียนของตัวเองได้สัมผัสกับธรรมชาติ หลีกหนีการอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม หลังจากสอนพื้นฐานการวาดไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เด็ก ๆ จะต้องลงมือวาดจริง ๆ
พลับจีนเดินไปเดินมาคอยดูภาพวาดของนักเรียน เนื่องจากที่นี่คนไม่เยอะมากนัก เสียงรอบข้างจึงไม่รบกวนสมาธิสักเท่าไร ทำให้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ ได้ทำงานอย่างเต็มที่
“ครูพี่พลับคะ สวยไหมคะ”
เด็กหญิงน้องเล็กที่สุดในบรรดานักเรียนลุกขึ้นถือสมุดวาดภาพมายื่นให้พลับจีนดู อวดรูปที่ตัวเองวาดอย่างตั้งอกตั้งใจ
“สวยมาก แต่ถ้าลองเพิ่มอะไรลงไปตรงนี้อีกหน่อยภาพจะได้ไม่ดูโล่งจนเกินไป”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูเอามาให้ดูใหม่”
“ครับ”
ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์ของครูพลับจีน ฝีมือการวาดภาพของเด็กอายุสิบสามปีถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว หากมั่นฝึกบ่อย ๆ จนชินมือ รับรองว่าเป็นผลงานชิ้นเอกได้เหมือนกัน
พลับจีนเดินกลับไปนั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้กับพวกเด็ก ๆ หยิบสมุดวาดภาพของตัวเองออกมา เวลาได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้เขาเองก็เกิดจินตนาการอยากจับดินสอขึ้นมาวาดภาพเหมือนกัน ตั้งแต่เรียนจบมาไม่ค่อยได้มีเวลาได้มานั่งทำสิ่งที่ชอบสักเท่าไร มีก็แค่วันที่มาสอนพิเศษแบบนี้
เวลาจมอยู่กับภาพวาดเป็นช่วงเวลาที่พลับจีนชอบมากที่สุด เพราะนั่นทำให้เขาไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องคิดถึงอดีต วันพรุ่งนี้ หรืออนาคตข้างหน้า อย่างน้อยเวลาได้นั่งเงียบ ๆ ขีดเขียนดินสอลงบนกระดาษก็ทำให้เขาลืมชีวิตที่แสนเจ็บปวด และวุ่นวายไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่าจุดเริ่มต้นของการวาดภาพจะไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไรนัก ทว่ามันกลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยหยุดความเวลาให้พลับจีนได้
บ่ายสองถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนก็พากันกลับบ้านรวมถึงพลับจีน หลังจากรอส่งนักเรียนคนสุดท้ายเสร็จ ก็เดินไปหาวินมอเตอร์ไซค์แวะร้านขายของชำ ซื้อพวกขนมนมเนยได้มาสามถุงใหญ่ ๆ
เสียงถอนหายใจดังขึ้นราวกับคนหนักอกหนักใจ ครั้นวินมอเตอร์ไซค์คันเมื่อกี้ที่เขานั่งมาไม่ยอมจอดรอ รับเงินเสร็จก็บิดหนีไปเลย พลับจีนจึงต้องเดินเท้าต่อไปเพื่อไปหาวินมอเตอร์ไซค์คันใหม่
แต่ไม่รู้ว่าเป็นวันซวยอะไรของเขา ไอ้ถุงหูหิ้วที่ถือมาอยู่ดี ๆ ก็เกิดขาดเสียดื้อ ๆ พวกขนมห่อเล็กห่อใหญ่หล่นออกมากองอยู่บนฟุตพาท อีกสองถุงที่ไม่ขาดก็เต็มจนไม่รู้จะยัดของที่เหลืออยู่อย่างไรให้หมด
ในจังหวะที่กำลังรู้สึกจนหนทางก็เหมือนสวรรค์จะเห็นใจถึงได้ส่งคนมาช่วย
... เสียอย่างเดียวส่งมาผิดคน
“ขอบคุณมากนะครับคุณเคนที่มาช่วยพลับ” พลับจีนหันไปขอบคุณเจ้าของรถที่ผ่านมาเห็นเขาพอดี ช่วยเก็บเอาของไปไว้ท้ายรถ ทั้งยังให้ติดรถไปที่ที่เขาจะไปด้วย
“แค่เห็นแล้วเวทนาไม่ได้เต็มใจที่จะช่วย”
“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณครับ”
คนเขาอุตส่าห์ขอบคุณด้วยใจแต่กลับพูดออกมาไม่คิดถึงใจคนฟังสักนิด เขามาขอให้ช่วยหรือไง ลงจากรถมาช่วยเองแท้ ๆ แล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก รู้อย่างนี้ยอมหอบเอาขนมพวกนั้นเดินตากแดดไปเองยังจะดีกว่า
“แค่เห็นแล้วเวทนาไม่ได้เต็มใจที่จะช่วย”
tbc.
คุยกับนักเขียน
พลับจีนนี่แทบจะยกมือท่วมหัวที่สวรรค์ส่งคนมาช่วย แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละ ถ้าส่งเป็นคนอื่นมาจะดีกว่านี้555555555
แล้วคือปากคุณเคนนี่น่าตีจริง ๆ ดูพูดกับน้องสิ แม่ไม่เคยสั่งเคยสอนให้หนูพูดแบบนี้นะ! ขออนุญาตขอตัวไปสั่งสอนลูกชายก่อนนะคะ เจอกันตอนหน้า ซียูค่าาาา
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง“ลงสิ”พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรงร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”“เด็กที่ไหนครับ”“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอแต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่
เจ้าของร่างสูงยืนพิงหน้าต่างมองดูคนหมดสภาพที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถูกราดน้ำเรียกสติอยู่พักใหญ่กว่าจะหมดฤทธิ์ถึงได้หลับไป ปล่อยให้เคนจัดการเปลี่ยนผ้าให้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยสักนิดความต้องการของคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปคือการที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งเคนไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่ขาดสติ วิธีที่พอจะช่วยได้ที่คิดออกก็มีเท่านี้ระหว่างทางกว่าจะมาถึงห้องพักของพลับจีน เจ้าตัวพยายามที่จะปีนป่ายเข้าหาเคนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากที่พยายามฝืนตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดซิบก็ตาม“เจอตัวยังครับคุณแซน”[ค่ะคุณเคน เป็นลูกค้าใหม่เพิ่งมาครั้งแรกค่ะ]“ไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ผมไม่สนใจ กฎของร้านเป็นยังไงคุณแซนรู้ใช่ไหมครับ”[รู้ค่ะ แล้วเรื่องที่พนักงานของเราไปฟาดหัวเขาล่ะครับ]“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานเราไม่ผิดที่ปกป้องตัวเอง”“ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือแซนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”“ฝากด้วยครับ”เคนกดวางสายจากผู้จัดการร้าน ทอดมองพลับจีนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงเสียพลับจีนก็ถือว่าเป็นพนักงานในร้านของเขาเห
หลังจากผ่านพ้นความอึดอัดบนโต๊ะอาหารมาได้ กลับต้องมากระอักกระอ่วนต่อในรถ เพราะน่านน้ำเป็นห่วงเขาจนจับยัดใส่รถคุณเคนให้พามาส่งที่บ้าน ประจวบเหมาะกับเวลาช่วงทุ่มครึ่งแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยรถ ติดไฟแดงยาวเหยียดกว่าจะได้ขยับเขยื้อนพลับจีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ครั้นจะลงจากรถตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ในรถยังมีคีนนั่งมาด้วยอีกคน“เฮียส่งคีนข้างหน้านี้ก็ได้ครับ เพื่อนคีนอยู่แถวนี้คีนจะไปหาเพื่อนก่อน”เวร!!! หรือเขาควรลงตรงนี้ด้วยเลยดีไหมวะ?รถยนต์ขับมาจอดเทียบริมฟุตพาทปล่อยให้เคนได้ลงตามที่ต้องการ พลับจีนกำลังชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก“พลับขอลงตรงนี้ด้วย---”“ปิดประตู”พูดไม่ทันจบเจ้าของรถก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยคำสั่งอยู่กลาย ๆ ทำให้พลับจีนต้องกระเถิบมานั่งที่เดิมพร้อมกับปิดประตูคนตัวเล็กหน้างอง้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจที่ตัวเองเชื่อฟังคำสั่งของเคน ทั้งที่ควรทำตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องนั่งอยู่ต่อเลยสักนิดเจ้าของรถเอื้อมมือไปหยิบของในเก๊ะเก็บของ ก่อนจะโยนมาไว้บนตักพลับจีน คำสั่งถูกเอ่ยออกจากปากเคนอีกครั้ง พลันดวงตากลมสบเข้า
สารนิโคตินถูกสูบเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันในปากออกมายาวเป็นสายให้มันค่อย ๆ จางหายไปในอากาศทิ้งไว้เพียงกลิ่นเฉพาะตัวที่คนสูบคุ้นเคยเป็นอย่างดีดวงตาคมเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เลื่อนสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างมามองคนบนเตียง ร่างกายขาวเนียนบอบบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คงจะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อคืนนี้ถึงได้นอนหลับไม่รู้สึกตัวแม้ว่าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วก็ตามความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่อีกฝ่ายต้องไปทำงาน แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ไหว เคนเองก็ไม่อยากปลุก เอาแต่คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอทุกอย่างจบลงไปแล้วเขาถึงเพิ่งมานึกได้ว่าไม่ควรทำตั้งแต่แรก หากยับยั้งความต้องการสักนิดก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้นเคนไม่รู้ว่าพลับจีนจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยอมง่าย ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไหม เพราะเขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ต่อให้พลับจีนจะเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และอาจจะผิดใจกันได้ในภายหลัง ซึ่งเขาไมได้สนใจอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวภายหลังก็พอบุหรี่ม้วนที่สามถูกโยนทิ้งออกไปหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่กองอยู่บนโซฟามาสวมใส่ กำลังชั่
“เจ็บไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเบา“ฉันจะทำเบา ๆ”คำถามนี้ของพลับจีนพอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่าว่าไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือว่าความต้องการอยากรู้อยากลองของพลับจีนเองที่ทำให้ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเกิดมายี่สิบหกปีพลับจีนไม่เคยผ่านมือชายใด หรือนัวเนียกับสาวคนไหนมาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา และไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ลองสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะยังไงหลังผ่านคืนนี้ไปเคนก็คงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากนี้เราคงไม่มีเรื่องบังเอิญเจอกันบ่อยเหมือนช่วงนี้“แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่จูบ”“ครับ”“แน่ใจใช่ไหมว่าให้ฉันทำจริง ๆ ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะถ้าเริ่มแล้วฉันจะไม่หยุดกลางคัน ต่อให้เธอขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ตาม”“พะ พลับแน่ใจ พลับอยากลอง”นับว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เคนไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับตน ตอนแรกก็แค่จะขอดูเฉย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดว่าพลับจีนจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้ที่ผ่านมาเคนไม่ใช่คนติดเซ็กซ์ไม่ได้มีอะไรกับ
เป็นครั้งแรกที่พลับจีนพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง เพราะแม้แต่น่านน้ำก็ไม่เคยมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่เสียงฝนด้านนอกตกกระทบบนหลังคาเสียงดังชัดเจน แม้จะกั้นฝ้าแต่ไม่ได้ช่วยทำให้เสียงภายนอกเบาลงพลับจีนวางกล่องปฐมพยาบาลบนโซฟาข้าง ๆ ตัวเอง ใช้สำลีชุบน้ำเกลือค่อย ๆ ล้างแผลบนท่อนแขนแกร่ง ความเงียบภายในห้องทำให้พลับจีนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก รอยแผลขนาดยาวกับเลือดสีแดงสดทำพลับจีนกระอักกระอ่วน ทว่ายังฝืนตัวเองทำแผลต่อไป เพราะเขาบอกให้อีกคนไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องลากกลับมาที่ห้องตัวเอง อย่างน้อยก็ควรทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้อีกอย่างแผลบนแขนนี่ก็เกิดจากการช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้ หากเคนไม่เข้ามาช่วยเขาจากพวกคนเมา ไม่เอาตัวเข้ามาขวางตอนพวกมันกำลังจะใช้มีดแทงเขาแผลที่แขนนี่ก็คงไม่เกิดขึ้น“เจ็บไหมครับ” หลังจากเงียบมานาน พลับจีนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “พลับไม่เคยทำแผลให้ใครมาก่อน ไม่รู้ว่ามือหนักไปหรือเปล่า”“...”เคนยังคงเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา พลับจีนเองก็เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน เอาแต่ก้มหน้าก้ม







