LOGINเคนเลี้ยวรถมาจอดหน้าห้องแถวที่พลับจีนอยู่ ก่อนจะปลุกอีกฝ่ายให้ลงไปจากรถ นั่งมองพลับจีนจนอีกคนเข้าห้องไปแล้วถึงจะขับรถออกไป
ทว่าขับออกมาได้ไม่ไกลก็ต้องวนรถกลับมาอีกครั้ง ขายาวก้าวเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพลับจีน นอกจากหงุดหงิดเด็กที่อยู่ในห้องแล้วยังหงุดหงิดตัวเองอีกด้วยที่ทำอะไรแบบนี้ เขาไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ แต่ไหน ๆ ก็กลับมาแล้ว แค่เช็กดูให้หายคาใจแล้วรีบกลับไปแค่นั้นก็พอ
มือหนาจับลูกบิดเพื่อตั้งใจจะเช็กดูว่าเจ้าของห้องได้ล็อกประตูหรือยัง เพราะเห็นว่าเมาแทบไม่ได้สติกว่าจะเข้าห้องได้ก็ทุลักทุเลไม่น้อย
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เข้าห้องไปแต่ไม่ได้ล็อกประตู หากใครคิดไม่ดีก็คงเปิดเข้าไปได้ง่าย ๆ ถ้าเป็นน่านน้ำหรือคีนคงโดนเขาตำหนิไปแล้ว
โตจนอายุยี่สิบหกแล้วแต่กลับไม่รู้จักระมัดระวังตัว เอาตัวรอดมาตัวคนเดียวได้ยังไง
เคนกดล็อกกลอนประตูจากด้านใน เช็กจนแน่ใจว่าไม่สามารถเปิดเข้าไปได้แล้วจากนั้นถึงได้กลับไปที่รถ กระนั้นก็ยังหันไปมองหน้าห้องพลับจีนอยู่ครู่หนึ่งก่อนขับรถออกไป
หวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้คงจะจำได้ว่าพูดอะไรไว้กับเขาบ้าง
...
เช้าวันต่อมาพลับจีนยังคงต้องแบกร่างตัวเองมาทำงานอย่างเช่นทุกวัน แม้ว่าเมื่อคืนนี้จะดื่มไปหนักจนจำไม่ได้ว่ากลับมาถึงห้องได้ยังไงก็ตาม
“วันนี้หน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลยนะครับพี่พลับ” ซีนพนักงานพาร์ทไทม์เอ่ยทักรุ่นพี่ที่หน้าตาไม่สดใสอย่างเช่นวันอื่น ๆ
“อือ นอนดึกน่ะ” เขาไม่อยากจะบอกหรอกว่าตัวเองไปทำงานกลางคืนโดนลูกค้ากรอกเหล้าใส่ปากจนเมาแอ๋
“ชาร้อน ๆ สักแก้วไหม เดี๋ยวผมทำให้”
“ก็ดีเหมือนกัน”
“รอสักครู่ครับคุณลูกค้า”
ซีนเอ่ยทีเล่นทีจริง เพราะเพิ่งเปิดร้านมาได้ไม่ถึงสิบนาทียังไม่มีลูกค้าเข้ามาสักคน พลับจีนจึงเป็นลูกค้าคนแรกของเช้าวันนี้ เพราะต่อให้เป็นพนักงานในร้านแต่ทุกอย่างที่กินเข้าไปก็ต้องจ่ายเงินตามราคาที่ขายเหมือนกัน
กริ่ง~~
เสียงกระดิ่งตรงประตูดังขึ้น พลับจีนดีดตัวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ต่อให้ร่างกายและสมองจะล้าจนไม่ไหวยังไง เขาก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ต่อให้สนิทกับเจ้าของร้านก็ใช่ว่าจะไม่ถูกหักเงินหากทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา
“สวัสดี.. ครับ” ครั้นเห็นว่าลูกค้าที่เข้ามาเป็นใครน้ำเสียงก็เบาลงทันที นึกสงสัยที่จู่ ๆ เคนก็แวะมาที่นี่ ร้อยวันพันปีที่เขาทำงานที่นี่มาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เคนไม่เคยแวะมา แล้วทำไมวันนี้ถึงมาแวะที่ร้านนี้ได้ “รับอะไรดีครับ”
“อเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่”
“รอสักครู่ครับ”
เคนเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ผนังกระจกหันหน้ามาทางเคาน์เตอร์กาแฟ ดวงตาคมทอดมองไปยังพนักงานหนุ่มร่างสมส่วนที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจชงกาแฟ โดยมีพนักงานอีกคนคอยช่วยหยิบนู่นหยิบนี่ให้
ดูจากการที่ไม่หลบหน้าหลบตาแล้วคงจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ เพราะหากจำได้เคนคิดว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็คงตะขิดตะขวงใจไม่กล้าสู้หน้าอยู่บ้างที่ต่อว่าเขาทั้งที่ไม่เคยพูดอย่างนั้นมาก่อนต่อให้ไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม
นั่งรออยู่ไม่นานอเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่ก็มาเสิร์ฟถึงที่ เคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หยิบไอแพดขึ้นมาทำงานอย่างใจเย็น ยังไงเสียเขาก็ไม่ได้มีธุระอะไรต้องรีบไปทำ นั่งอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร ทว่าใจจริงเพียงแค่ต้องการกดดันให้อีกฝ่ายจำได้ถึงเรื่องราวเมื่อคืนบนรถว่าพูดอะไรใส่เขาไว้บ้างก็เท่านั้น
กลับกัน พลับจีนพยายามที่จะไม่สนใจ ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ไม่ทักทายหรือพูดคุย ราวกับคนไม่รู้จักกัน ส่วนเรื่องเมื่อคืนนี้พลับจีนจำได้แค่ตัวเองเมามาก ตื่นมาก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว
พลับจีนรับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างจากสายตาของลูกค้าที่กำลังจ้องมองมา ทว่าเขาทำเพียงเหลือบตามองแทนการหันไปประจันหน้าแบบตรง ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเคนถึงยังนั่งอยู่ในร้าน ทั้งที่กาแฟก็ดื่มไปเกือบหมดแล้ว เขาเผลอไปเหยียบเท้าตอนอีกคนเดินเข้ามาในร้านหรือเปล่า ถึงได้จ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น
“พี่พลับครับ มีคนโทรมา”
ดวงตากลมเบิกกว้าง ปัดป่ายมือไปตามร่างกาย เขาไปลืมมือถือตั้งไว้ที่เคาน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไร เพราะเคนแท้ ๆ ที่เอาแต่มองกันจนเขาทำตัวไม่ถูก ถึงได้ลืมนู่นลืมนี่
ร่างสมส่วนเดินตรงมาที่เคาน์เตอร์ กดรับสายเพื่อนสนิทที่โทรเข้ามาตั้งแต่เช้า ๆ ไม่รู้ว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า เพราะปกติเจ้าตัวไม่ค่อยโทรมาเวลานี้
[ฮัลโหลพลับ วันนี้ไปทำงานไหม]
“อือ ตอนนี้เราอยู่ที่ร้าน น่านมีอะไรหรือเปล่า”
[เปล่าหรอก พอดีเราไปทำธุระแถวนั้นพอดีเลยโทรมาถาม จะได้แวะหาชาร้อนกินสักแก้ว ไปหาพลับด้วยไม่ได้เจอตั้งหลายวันเรากับน้องคุณคิดถึง]
“มาสิ เราก็คิดถึงน่านเหมือนกัน ขอโทษนะช่วงนี้เราไม่ค่อยว่างได้ไปหา”
[ไม่เป็นไรเลย เราเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวเราแวะไปนะ]
“โอเค”
หลังจากวางสายกะบน่านน้ำก็มีลูกค้าเข้าร้านมาพอดี จังหวะที่เดินผ่านเคนไปต้อนรับลูกค้าพลับจีนยังเห็นว่าเคนมองตามแทบจะทุกฝีก้าว
นี่เขาไปทำอะไรผิดมาจริง ๆ หรือไง
น่านน้ำแวะมาหาพลับจีนที่ร้านเบเกอรี่ตามที่บอกไว้ ทว่ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ตอนเดินเข้ามาเขากลับเห็นเคนนั่งอยู่
“สวัสดีครับเฮียเคน” คนอายุมากกว่าเลื่อนสายตาไปมองน่านน้ำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “มาทำธุระแถวนี้เหรอครับ”
“อือ กำลังจะกลับแล้ว” ว่าพลางลุกขึ้นยืนวางแบงก์พันไว้บนโต๊ะ ก่อนจะย่อตัวลงพูดกับหลานชาย “น้องคุณอยากกินอะไรสั่งเลยนะ อาจ่ายเงินไว้ให้แล้ว น่านด้วย เงินบนโต๊ะเฮียเลี้ยงนานกับหลาน”
“ขอบคุณครับเฮีย” น่านน้ำเอ่ยขอบคุณอย่างงง ๆ มองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไปจนลับตา
“น่านนั่งก่อนสิ”
พลับจีนเดินเข้ามาหาเพื่อนหลังจากเห็นว่าเคนเดินออกไปแล้ว กว่าจะไปนั่งอยู่เกือบชั่วโมง ไม่รู้พี่แกว่างหรือยังไงถึงได้นั่งอยู่ที่นี่เฉย ๆ นานขนาดนั้น คนตัวเล็กสะบัดหัวไล่ความคิดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะไปทำชาร้อนมาให้น่านน้ำ พร้อมขนมและโอวัลตินให้กับมีคุณ
“เฮียเคนมาที่นี่นานแล้วเหรอ”
“ก็สักพักแล้วนะ”
“แปลก”
“อะไรแปลก?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แค่เห็นเฮียเคนที่นี่แล้วรู้สึกแปลก ๆ”
น่านน้ำทำหน้าแปลกใจอย่างที่พูด แสดงว่าไม่ใช่แค่พลับจีนที่รู้สึกย่างนั้น เพราะน่านน้ำอยู่ใกล้ชิดกับเคนมานาน ถ้าน่านน้ำดูออกแบบนั้นละก็แปลว่าต้องมีอะไรแปลกไปจริง ๆ
พลับจีนอยู่คุยกับน่านน้ำได้ไม่น่านก็ต้องกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ต่อให้เป็นคนโปรดของพี่ฝนก็ใช่ว่าจะมานั่งอู้อยู่อย่างนี้ได้
.
.
เวลาเกือบตีหนึ่งพลับจีนเพิ่งจะได้เดินทางกลับบ้าน วันนี้พลับจีนมีอาหารเหลือจากที่ผับกลับมาฝากเจ้าดำเพราะเห็นว่าอาหารที่เหลือวันนี้ยังดีอยู่ ไม่ได้สกปรกอะไร
ไม่รู้เป็นเพราะซอยห้องแถวที่เขาอยู่ เขาใช้มันเดินเท้าเข้าไปเป็นประจำหรือเปล่าถึงไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนขับรถตามมาตั้งที่ทำงานจนถึงที่นี่ วันไหนที่ไม่ต้องแวะซื้อของกินเขาก็ให้รถรับจ้างเข้าไปส่งถึงหน้าห้อง ทว่าตั้งแต่ตอนเย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่างเขาจึงจำเป็นต้องแวะซื้อหมูปิ้งเจ้าประจำกลับไปกินที่ห้องเช่นเคย
ดวงตากลมสวยเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ล้อมวงดื่มเหล้าอยู่ไม่ไกล เป็นปกติของที่นี่ นอกจากจะมีห้องแถวอยู่เกือบท้ายซอยแล้ว ยังมีบ้านคนที่อาศัยอยู่แถวนี้ด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกคนหาเช้ากินค่ำเสียมากกว่า เพราะที่นี่ห่างไกลจากใจกลางเมืองพอสมควร แทบจะเป็นเหมือนหลืบเล็ก ๆ ที่ถ้าไม่มีใครสังเกตหรือมีธุระที่นี่ก็คงไม่มีใครมา พลับจีนเองก็อยากย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ด้วยเงินที่มียังไม่มากพอให้เขาออกไปตั้งหลักใหม่ จึงต้องทนอยู่ต่อไป อีกอย่างเจ้าของห้องแถวก็ใจดี เดือนไหนพลับจีนหาเงินมาจ่ายไม่ทันก็ยังอนุญาตให้ผัดผ่อน
ฟังดูแล้วอาจจะตลกไปเสียหน่อยที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำตั้งสองสามงาน แต่เงินที่ได้มาแต่ละเดือนกลับไม่เพียงพอกับการหาห้องพักดี ๆ สักห้อง นั่นเพราะเขายังมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
พลันความคิดฟุ้งซ่านแล่นเข้ามาตำหนิตัวเอง พลับจีนก็ทำเพียงทอดถอนใจก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงห้องเร็วที่สุด อีกทั้งยังไม่หันไปมองพวกคนเมาแม้แต่หางตาราวกับพวกมันไม่มีตัวตนอยู่
แต่ถ้าชีวิตไอ้พลับมันง่ายขนาดนั้นก็คงเป็นไม่ใช้ไอ้พลับตัวจริง
“รีบเดินไปไหน” ชายร่างสูงคนหนึ่งในวงเหล้าเมื่อครู่มาหยุดยืนขว้างหน้าเขาเอาไว้ อีกทั้งเพื่ออีกสองคนยังประกบด้านหลังเอาไว้ไม่ให้เขาหนีไปไหนได้
ถามว่ากลัวหรือเปล่า แน่นอนว่าเขาต้องกลัวอยู่แล้ว ผู้ชายตัวใหญ่สามคนกับคนตัวเล็ก ๆ อย่างเขาแค่คนเดียวต่อให้เป็นผู้ชายเหมือนกันก็ใช่ว่าแรงจะเยอะสู้สามคนได้ กระนั้นก็ยังทำทีเป็นไม่สนใจ เบี่ยงตัวหนีตั้งใจจะเดินไปอีกทาง ทว่ากลับโดนกระชากแขนจนตัวแทบลอยให้กลับมายืนอยู่ที่เดิม
“ปล่อย!” เสียงทุ้มนุ่มกระแทกเสียงราวกับไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย
ก่อนจะถูกผู้ชายทั้งสามคนเข้ามาฉุดกระชากลากดึงไปทางบ้านของมัน พลับจีนใช้ถุงข้าวหมากับข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เพิ่งซื้อมาฟาดใส่ทั้งสามคนอย่างสะเปะสะปะจนถุงแตก อาหารที่อยู่ด้านในหกเลอะเทอะสกปรกไปหมด เสียงหัวเราะชอบใจของพวกทำเอาพลับจีนรู้สึกผวา พยายามข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้ ใช้แรงที่มีทั้งหมดดิ้นสู้เพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการน่าขยะแขยงพวกนี้
“ปล่อยนะ ไอ้พวกเหี้ยปล่อยกู!!”
พลั่ก!
ชายร่างใหญ่กระเด็นออกไปตามแรงถีบของชายอีกคนที่พลับจีนเองก็รู้จัก ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำราวกับคนโกรธจัด ออกหมัดออกเท้าใส่คนเมาทั้งสามอย่างไม่ยั้งแรง
ในช่วงจังหวะหนึ่งพลับจีนเพียงขอให้ตัวเองรอดพ้นจากพวกคนเมาไปได้ หรือใครก็ได้สักคนที่จะช่วยเขา เหมือนว่าสวรรค์จะได้ยินเสียงอ้อนวอนของเขาถึงได้ส่งคนมาช่วยจริง ๆ
“คุณเคน!... ช่วยพลับด้วย”
พลับจีนไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้เคนจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงขอแค่ช่วยเขาออกไปจากตรงนี้ได้ก่อนก็พอ
“คุณเคน!... ช่วยพลับด้วย”
tbc.
คุยกับนักเขียน
แปลก ๆ นะคุณเคน มันเป็นยังไงน้อ แค่อยากให้เขาจำได้ว่าพูดอะไรไว้กับตัวเอง ถึงขนาดต้องขับรถตามเลยหรือไง ทำตัวเป็นสต๊อกเกอร์ไปได้555555555
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง“ลงสิ”พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรงร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”“เด็กที่ไหนครับ”“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอแต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่
เจ้าของร่างสูงยืนพิงหน้าต่างมองดูคนหมดสภาพที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถูกราดน้ำเรียกสติอยู่พักใหญ่กว่าจะหมดฤทธิ์ถึงได้หลับไป ปล่อยให้เคนจัดการเปลี่ยนผ้าให้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยสักนิดความต้องการของคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปคือการที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งเคนไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่ขาดสติ วิธีที่พอจะช่วยได้ที่คิดออกก็มีเท่านี้ระหว่างทางกว่าจะมาถึงห้องพักของพลับจีน เจ้าตัวพยายามที่จะปีนป่ายเข้าหาเคนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากที่พยายามฝืนตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดซิบก็ตาม“เจอตัวยังครับคุณแซน”[ค่ะคุณเคน เป็นลูกค้าใหม่เพิ่งมาครั้งแรกค่ะ]“ไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ผมไม่สนใจ กฎของร้านเป็นยังไงคุณแซนรู้ใช่ไหมครับ”[รู้ค่ะ แล้วเรื่องที่พนักงานของเราไปฟาดหัวเขาล่ะครับ]“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานเราไม่ผิดที่ปกป้องตัวเอง”“ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือแซนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”“ฝากด้วยครับ”เคนกดวางสายจากผู้จัดการร้าน ทอดมองพลับจีนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงเสียพลับจีนก็ถือว่าเป็นพนักงานในร้านของเขาเห
หลังจากผ่านพ้นความอึดอัดบนโต๊ะอาหารมาได้ กลับต้องมากระอักกระอ่วนต่อในรถ เพราะน่านน้ำเป็นห่วงเขาจนจับยัดใส่รถคุณเคนให้พามาส่งที่บ้าน ประจวบเหมาะกับเวลาช่วงทุ่มครึ่งแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยรถ ติดไฟแดงยาวเหยียดกว่าจะได้ขยับเขยื้อนพลับจีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ครั้นจะลงจากรถตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ในรถยังมีคีนนั่งมาด้วยอีกคน“เฮียส่งคีนข้างหน้านี้ก็ได้ครับ เพื่อนคีนอยู่แถวนี้คีนจะไปหาเพื่อนก่อน”เวร!!! หรือเขาควรลงตรงนี้ด้วยเลยดีไหมวะ?รถยนต์ขับมาจอดเทียบริมฟุตพาทปล่อยให้เคนได้ลงตามที่ต้องการ พลับจีนกำลังชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก“พลับขอลงตรงนี้ด้วย---”“ปิดประตู”พูดไม่ทันจบเจ้าของรถก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยคำสั่งอยู่กลาย ๆ ทำให้พลับจีนต้องกระเถิบมานั่งที่เดิมพร้อมกับปิดประตูคนตัวเล็กหน้างอง้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจที่ตัวเองเชื่อฟังคำสั่งของเคน ทั้งที่ควรทำตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องนั่งอยู่ต่อเลยสักนิดเจ้าของรถเอื้อมมือไปหยิบของในเก๊ะเก็บของ ก่อนจะโยนมาไว้บนตักพลับจีน คำสั่งถูกเอ่ยออกจากปากเคนอีกครั้ง พลันดวงตากลมสบเข้า
สารนิโคตินถูกสูบเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันในปากออกมายาวเป็นสายให้มันค่อย ๆ จางหายไปในอากาศทิ้งไว้เพียงกลิ่นเฉพาะตัวที่คนสูบคุ้นเคยเป็นอย่างดีดวงตาคมเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เลื่อนสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างมามองคนบนเตียง ร่างกายขาวเนียนบอบบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คงจะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อคืนนี้ถึงได้นอนหลับไม่รู้สึกตัวแม้ว่าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วก็ตามความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่อีกฝ่ายต้องไปทำงาน แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ไหว เคนเองก็ไม่อยากปลุก เอาแต่คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอทุกอย่างจบลงไปแล้วเขาถึงเพิ่งมานึกได้ว่าไม่ควรทำตั้งแต่แรก หากยับยั้งความต้องการสักนิดก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้นเคนไม่รู้ว่าพลับจีนจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยอมง่าย ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไหม เพราะเขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ต่อให้พลับจีนจะเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และอาจจะผิดใจกันได้ในภายหลัง ซึ่งเขาไมได้สนใจอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวภายหลังก็พอบุหรี่ม้วนที่สามถูกโยนทิ้งออกไปหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่กองอยู่บนโซฟามาสวมใส่ กำลังชั่
“เจ็บไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเบา“ฉันจะทำเบา ๆ”คำถามนี้ของพลับจีนพอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่าว่าไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือว่าความต้องการอยากรู้อยากลองของพลับจีนเองที่ทำให้ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเกิดมายี่สิบหกปีพลับจีนไม่เคยผ่านมือชายใด หรือนัวเนียกับสาวคนไหนมาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา และไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ลองสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะยังไงหลังผ่านคืนนี้ไปเคนก็คงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากนี้เราคงไม่มีเรื่องบังเอิญเจอกันบ่อยเหมือนช่วงนี้“แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่จูบ”“ครับ”“แน่ใจใช่ไหมว่าให้ฉันทำจริง ๆ ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะถ้าเริ่มแล้วฉันจะไม่หยุดกลางคัน ต่อให้เธอขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ตาม”“พะ พลับแน่ใจ พลับอยากลอง”นับว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เคนไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับตน ตอนแรกก็แค่จะขอดูเฉย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดว่าพลับจีนจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้ที่ผ่านมาเคนไม่ใช่คนติดเซ็กซ์ไม่ได้มีอะไรกับ
เป็นครั้งแรกที่พลับจีนพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง เพราะแม้แต่น่านน้ำก็ไม่เคยมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่เสียงฝนด้านนอกตกกระทบบนหลังคาเสียงดังชัดเจน แม้จะกั้นฝ้าแต่ไม่ได้ช่วยทำให้เสียงภายนอกเบาลงพลับจีนวางกล่องปฐมพยาบาลบนโซฟาข้าง ๆ ตัวเอง ใช้สำลีชุบน้ำเกลือค่อย ๆ ล้างแผลบนท่อนแขนแกร่ง ความเงียบภายในห้องทำให้พลับจีนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก รอยแผลขนาดยาวกับเลือดสีแดงสดทำพลับจีนกระอักกระอ่วน ทว่ายังฝืนตัวเองทำแผลต่อไป เพราะเขาบอกให้อีกคนไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องลากกลับมาที่ห้องตัวเอง อย่างน้อยก็ควรทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้อีกอย่างแผลบนแขนนี่ก็เกิดจากการช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้ หากเคนไม่เข้ามาช่วยเขาจากพวกคนเมา ไม่เอาตัวเข้ามาขวางตอนพวกมันกำลังจะใช้มีดแทงเขาแผลที่แขนนี่ก็คงไม่เกิดขึ้น“เจ็บไหมครับ” หลังจากเงียบมานาน พลับจีนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “พลับไม่เคยทำแผลให้ใครมาก่อน ไม่รู้ว่ามือหนักไปหรือเปล่า”“...”เคนยังคงเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา พลับจีนเองก็เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน เอาแต่ก้มหน้าก้ม







