LOGINบรรยากาศภายในห้องแขกวีไอพี กับชายหนุ่มวัยกลางคนประมาณสี่ห้าคน และเด็กพีอาร์อีกห้าคนรวมถึงพลับจีนที่กำลังทำหน้าที่ดูแลแขกอย่างเต็มที่
นักธุรกิจท่านหนึ่งที่พลับจีนนั่งประกบข้างยื่นไมค์มาให้ ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มทุกครั้งที่มองกัน แม้จะแอบขนลุกอยู่บ้างแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไงก็เป็นงานที่เขาเลือกเอง
“ร้องสักเพลงสิ เสี่ยอยากฟังเสียงหนู”
พลับจีนยกยิ้มให้บาง ๆ ปกปิดความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา เสี่ยฐาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ และเขาก็เป็นเหมือนอีหนูขาประจำที่ถูกซื้อตัวทุกครั้งที่มา ไม่รู้ว่าติดใจอะไรนักหนาทั้งที่เด็กในร้านก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ดีอยู่หรอกที่เสี่ยฐาเปย์หนัก ให้ทิปก็เยอะ แต่ที่พลับจีนไม่ชอบมากที่สุดก็คงเป็นสายตาแทะโลมเวลาที่มองกัน แม้ว่าจะยังไม่เคยล่วงเกินกันทางร่างกายมากไปกว่าจับมือ กอดเอว แต่มันก็ทำให้รู้สึกขยะแขยงอยู่ไม่น้อย
“เสียงพลับไม่เพราะหรอกครับ พลับอยากฟังเสี่ยร้องให้ฟังมากกว่า”
“แต่เสี่ยอยากฟัง”
ดูท่าคงจะไม่ใช่แค่ล้อกันเล่นแน่ ๆ ตั้งแต่เกิดมาพลับจีนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องเพลงครั้งล่าสุดเมื่อไร แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้เพราะน่าฟังอย่างที่คิด
“ก็ได้ครับ”
พลับจีนรับไมค์จากเสี่ยฐามาอย่างขัดไม่ได้ เพลงที่เลือกร้องไม่ใช่เพลงสมัยใหม่แต่เป็นเพลงที่พลับจีนฟังบ่อยที่สุดสมัยเรียนมอปลาย
ก้อนเนื้อในอกเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้เคยร้องเพลงต่อหน้าคนหมู่มากแบบนี้มาก่อน หากเสียงไม่ดีอย่างที่อีกฝ่ายคาดหวังเอาไว้ มีหวังถูกหัวเราะเยาะก็เป็นได้
“ร้องสิเสี่ยรอฟังอยู่” เสี่ยฐาเอ่ยขึ้นครั้นพลับจีนเอาแต่เงียบปล่อยให้ดนตรีดังไปเรื่อย ๆ จนเกือบครึ่งค่อนเพลง
น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอ เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองกังวลอะไรกับไอ้แค่ร้องเพลงให้จบ ๆ ไป แต่ทว่าภาพความทรงจำในอดีตเด่นชัดขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“พลับร้องไม่ได้จริง ๆ ครับเสี่ย” เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนสีหน้าหันไปทำทีเป็นออดอ้อนอีกฝ่าย
“โอเค ร้องไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่เป็นไร งั้นมาดื่มเป็นเพื่อนเสี่ยแทนแล้วกัน แบบนี้คงได้ใช่ไหม”
“ครับ”
พลับจีนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม วางไมค์ลงบนโต๊ะพลางหยิบแก้วขึ้นมาชนกับเสี่ยฐา บรรยากาศในห้องกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากนั่งลุ้นรอฟังพลับจีนร้องเพลง
มีก็แต่พลับจีนที่กำลังเก็บสีหน้าเอาไว้ แวบหนึ่งความทรงจำเลวร้ายกลับเข้ามาทุบตีเขาจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาได้ ความตื่นเต้นกังวลกลัวว่าจะโดนหัวเราะเยาะก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลเหมือนกัน
เวลาล่วงเลยมาจนเวลาเลิกงาน หลังจากโดนเสี่ยฐาป้อนเหล้าเข้าปากไปหลายแก้วก็ทำเอาพลับจีนตัวอ่อนคอพับ ยังดีที่พอจะดึงสติตัวเองเอาไว้ได้
ร่างสมส่วนย่อตัวลงนั่งโก่งคออ้วกอยู่ตรงพุ่มไม้ข้าง ๆ ร้าน หากไม่เอาของที่กินเข้าไปออกมาบ้างมีหวังได้นอนอยู่ข้างทางก่อนถึงห้องแน่ ๆ
“แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหอบหายใจดังขึ้นครั้นพยายามจะล้วงคออ้วกออกมาเท่าไรก็ไม่ออกมาสักที ร่างกายก็เริ่มจะหมดเรียวหมดแรงลงเรื่อย ๆ
พลับจีนพยุงร่างอันหนักอึ้งของตัวเองลุกขึ้นยืน ยังไงเขาก็คงไม่ยอมนอนอยู่ตรงนี้แน่ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีก้อนหินหนัก ๆ ตั้งทับอยู่บนศีรษะอย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนมองคนเมาอยู่นานสองนาน ก่อนจะเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่กำลังจะล้มลงไปนอนกองบนพื้น มือหนากำคอเสื้อพลับจีนจนร่างเล็กกลับมาทรงตัวยืนตรงตามเดิม ดวงตากลมหรี่ตามองคนที่ช่วยตนเองไว้ แม้ว่าจะเมาแค่ไหนแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง ถึงจำได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือคุณเคน
“คุณเคน มาทำอะไรที่นี่ครับ” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามเสียงยานเล็กน้อย ลิ้นเล็กเหมือนเริ่มจะพันกันจนพูดไม่ค่อยชัด
“ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง”
เคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้มาเจอพลับจีนสภาพที่ดูน่าเวทนาแบบนี้อีกแล้ว เมื่อวันก่อนก็ทำของตกอยู่ข้างถนน วันนี้ยังเมาแอ๋จนเดินไม่ตรงทาง
ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนน่านน้ำเขาคงไม่ได้สนใจที่ยื่นน้ำใจเข้าไปช่วยเท่าไรหรอกนะ เพราะไม่ว่าอีกคนจะเป็นยังไงมีสภาพแบบไหนก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว
“พลับกลับเองได้” เด็กหนุ่มเอ่ยพูดพลางยืนตรงพยักหน้าน้อย ๆ
“สภาพอย่างนี้จะเดินออกไปเรียกรถหรือไง ได้ไปนอนอยู่ข้างทางก่อนพอดี”
ดูจากสภาพแล้วคงไม่ได้เรียกรถให้มารับที่นี่ หากปล่อยให้เดินออกไปคงได้ไปนอนอยู่ในโพรงหญ้าตรงไหนสักแห่ง
“อือ! ดูถูก พลับเดินไหว ไม่เชื่อดู!”
คนดื้อดึงยังคงไม่ยอมแพ้ สะบัดตัวแกะมือหนาออกจากคอเสื้อตัวเอง ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วชี้ที่ตาตัวเองตวัดสลับกับหันไปชี้ที่ตาอีกคนประกอบคำพูด ตั้งท่าเสียดิบดีทว่าเดินไปได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ล้มลงนั่งกองอยู่ที่พื้น เคนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรปล่อยคนอวดดีไว้ตรงนี้แล้วก็ไปเสีย แต่กลับไม่ได้ทำอย่างที่คิด ร่างกายไม่รักดีเดินเข้าไปดึงแขนอีกฝ่ายเต็มแรงเพื่อให้ลุกขึ้นก่อนจะลากพาไปที่รถ จับยัดเข้าไปไม่ได้สนใจว่าหัวจะชนกับขอบประตูไปแรงเท่าไร
“ฮือ! เจ็บนะเว้ย!”
แค่ไปส่งให้ถึงที่จะได้จบ ๆ
แม้ว่าตอนนี้เคนจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปยุ่งกับเด็กคนนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม เมื่อก่อนเคนแทบไม่ได้สนใจเลยว่าในร้านมีพนักงานชื่ออะไรบ้าง เพราะทุกอย่างเขามอบหน้าที่ให้ผู้จัดการเป็นคนดูแล เว้นแต่เรื่องของบัญชีที่เขาจะเป็นคนตรวจสอบเองทุกวัน
แต่พอได้มารู้ว่าพลับจีนทำงานอยู่ที่ร้านตัวเองก็กลายเป็นว่าเขาคอยจับตามองราวกับสังเกตอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวเสียอย่างนั้น เว้นก็แต่พลับจีนที่ดูท่าแล้วคงไม่รู้ว่าเคนคือเจ้าของร้านที่ตนเองทำงานอยู่
“นี่” ขับรถออกห่างออกมาจากร้านได้ไม่ไกล เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็เอ่ยถึงเสียงดัง “ถ้าไม่เต็มใจจะไปส่งก็ปล่อยพลับกลับเองสิ มาบังคับกันทำไม”
“เมาก็นอนไป”
“ไม่เมา! พลับไม่ได้เมาสักหน่อย”
ถ้าไม่ติดว่าต้องขับรถเขาคงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้ให้ดูตอนสร่างเมา สภาพของคนที่บอกว่าไม่เมาตอนนี้เป็นอย่างไร ก่อนอื่นลืมตาขึ้นมาพูดให้ได้ก่อนเถอะ
“ไอ้คนหน้ายักษ์ ชอบทำหน้าเหมือนหน้าดุเหมือนหมาแม่ลูกอ่อน ดูสิ ตอนนี้ยังทำหน้าแบบนั้นอยู่เลย”
ไม่ว่าเปล่าพลับจีนยกมือชี้นิ้วไปที่หน้าอีกฝ่าย ครั้นเคนหันมาทำตาข้นใส่กัน เขาไม่ได้พูดเกินจริงสักหน่อย เคนเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ
“ฉันทำแบบนั้นตอนไหน”
“ทุกตอน คุณเคนนะชอบทำหน้าเบื่อโลก เวลาพลับพูดด้วยก็ไม่พูด แล้วยังทำหน้าดุ ๆ ใส่พลับด้วย”
ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินคนพูดถึงตัวเองแบบนี้ แต่แค่ไม่เคยมีใครพูดตรง ๆ ต่อหน้า ส่วนใหญ่จะบังเอิญได้ยินเสียมากกว่า ซึ่งเคนไม่ได้สนใจเท่าไรนักไม่ว่าใครจะพูดถึงยังไง เพราะเขาคิดว่าเขารู้จักตัวเองดี
แต่พอได้ฟังพลับจีนพูดต่อหน้าแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแปลก ๆ เขาไปทำอะไรแบบนั้นใส่ตอนไหนกัน เว้นก็แต่อีกฝ่ายพูดมากจนน่ารำคาญก็เท่านั้น อย่างเช่นตอนนี้ ปกติก็ดูเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว พอเหล้าเข้าปากก็ดูจะพูดเก่งขึ้นแถมพูดไม่คิดอีกด้วย
“คุณเคนไม่เห็นใจดีเหมือนเฮียคินทร์กับน้องคีนเลยสักนิด”
“ฉันต้องเหมือนด้วยหรือไง”
“ชิ! ถ้าบอกว่าไม่ใช่พี่น้องกันพลับก็เชื่อ”
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เป็นพี่น้องกันไม่ได้หมายความว่าต้องเหมือนกันสักหน่อย”
“พลับเนี่ยเหม็นขี้หน้าคุณชะมัด เบื่อหน้าซังกะตายของคุณ คุณน่ะมีดีก็แค่หล่อ แต่นิสัยนะ โคตรแย่เลย”
พูดจบคนเมาก็ชิงหลับไปเสียดื้อ ๆ ปล่อยให้คนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับคำกล่าวหาเหล่านั้นที่พูดออกมา
เสียงเฮอะดังขึ้นในลำคอหนึ่งคำด้วยความหงุดหงิด ทั้งที่เขาอุตส่าห์ช่วยเอาไว้ตั้งสองครั้งสองคราแต่กลับมาพูดจาแบบนี้เนี่ยนะ ตลกเป็นบ้า นิสัยโคตรแย่? ฟังแล้วเจ็บใจแปลก ๆ มันน่าปล่อยลงจากรถให้ไปนอนอยู่ข้างถนนจริง ๆ
พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าจะจำที่ตัวเองพูดได้บ้างหรือเปล่า ไม่เข้าใจเลยว่าน่านน้ำไปคบเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง นิสัยแตกต่างกับตัวเองโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรคล้ายกับน่านน้ำเลยสักอย่าง
เคนถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครั้นคำพูดของพลับจีนที่ต่อว่ากันยังแล่นวนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาจนน่ารำคาญ
“พลับเนี่ยเหม็นขี้หน้าคุณชะมัด เบื่อหน้าซังกะตายของคุณ คุณน่ะมีดีก็แค่หล่อ แต่นิสัยนะ โคตรแย่เลย”
tbc.
คุยกับนักเขียน
มันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะลูก ฮ่าๆ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาไง ไม่อยากสนใจแต่ช่วยเขาฉ่ำเลย ฮ๊อบบบบ
ตอนแรก ๆ อาจจะหน้าเบื่อนิดหนึ่งนะคะ แต่ประมาณตอนที่ 4 เป็นต้นไป เริ่มจะมีซัมติ่งใดๆ มากขึ้น ทั้งแซ่บ ตลก เศร้า ซึม หวานเจี๊ยบ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาา รอตามตอนต่อๆ ไปก่อน
ภายในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน จนกระทั่งรถเลี้ยวมาจอดหน้าร้านขายของชำที่พลับจีนเองก็เคยมาอยู่หลายครั้ง“ลงสิ”พลับจีนหันมองเจ้าของรถด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันได้ถามอะไรอีกฝ่ายก็ลงจากรถไปเสียแล้ว ดวงตากลมกลอกมองบนพลางเป่าลมออกจากปากจนผมหน้าม้าเสียทรงร่างสมส่วนเดินตามหลังคนอายุมากกว่าเข้ามาในร้านขายของชำ หันไปยิ้มทักทายเจ้าของร้านเล็กน้อย“ช่วยเลือกซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบหน่อย”“เด็กที่ไหนครับ”“บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยไป”พลับจีนไม่เข้าใจเคนจริง ๆ ว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่ ครั้งก่อนบอกไม่ชอบเด็ก ทว่าครั้งนี้กลับพาเขามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็ก ๆ น่ะเหรอแต่ถึงสงสัยยังไงพลับจีนก็ไม่อยากถามอะไรให้มากนัก เดินไปหยิบตะกร้าใบใหญ่มาใบหนึ่ง เลือกซื้อพวกขนมและของใช้ที่คิดว่าจำเป็น จำพวกของเดิมๆ ที่เคยซื้อเหมือนทุกครั้งเวลาไปที่นั่น เคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ขัด ไม่ว่าพลับจีนจะเลือกซื้ออะไร แม้ว่าของบางชิ้นจะราคาแพงก็ตาม“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ”“มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือไง แค่นี้จะพออะไร”“แต่นี้ก็หลายบาทแล้วนะครับ” คนที่มีงบน้อยอย่างพลับจีนแม้ว่าจะอยากช่วยเหลือคนอื่น แต่
เจ้าของร่างสูงยืนพิงหน้าต่างมองดูคนหมดสภาพที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถูกราดน้ำเรียกสติอยู่พักใหญ่กว่าจะหมดฤทธิ์ถึงได้หลับไป ปล่อยให้เคนจัดการเปลี่ยนผ้าให้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยสักนิดความต้องการของคนที่กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปคือการที่มีความต้องการทางเพศ ซึ่งเคนไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่ขาดสติ วิธีที่พอจะช่วยได้ที่คิดออกก็มีเท่านี้ระหว่างทางกว่าจะมาถึงห้องพักของพลับจีน เจ้าตัวพยายามที่จะปีนป่ายเข้าหาเคนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถือว่าเก่งมากที่พยายามฝืนตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดซิบก็ตาม“เจอตัวยังครับคุณแซน”[ค่ะคุณเคน เป็นลูกค้าใหม่เพิ่งมาครั้งแรกค่ะ]“ไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ผมไม่สนใจ กฎของร้านเป็นยังไงคุณแซนรู้ใช่ไหมครับ”[รู้ค่ะ แล้วเรื่องที่พนักงานของเราไปฟาดหัวเขาล่ะครับ]“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะพนักงานเราไม่ผิดที่ปกป้องตัวเอง”“ค่ะ เดี๋ยวที่เหลือแซนจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”“ฝากด้วยครับ”เคนกดวางสายจากผู้จัดการร้าน ทอดมองพลับจีนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงเสียพลับจีนก็ถือว่าเป็นพนักงานในร้านของเขาเห
หลังจากผ่านพ้นความอึดอัดบนโต๊ะอาหารมาได้ กลับต้องมากระอักกระอ่วนต่อในรถ เพราะน่านน้ำเป็นห่วงเขาจนจับยัดใส่รถคุณเคนให้พามาส่งที่บ้าน ประจวบเหมาะกับเวลาช่วงทุ่มครึ่งแบบนี้ท้องถนนเต็มไปด้วยรถ ติดไฟแดงยาวเหยียดกว่าจะได้ขยับเขยื้อนพลับจีนถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ครั้นจะลงจากรถตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ยังดีหน่อยที่ในรถยังมีคีนนั่งมาด้วยอีกคน“เฮียส่งคีนข้างหน้านี้ก็ได้ครับ เพื่อนคีนอยู่แถวนี้คีนจะไปหาเพื่อนก่อน”เวร!!! หรือเขาควรลงตรงนี้ด้วยเลยดีไหมวะ?รถยนต์ขับมาจอดเทียบริมฟุตพาทปล่อยให้เคนได้ลงตามที่ต้องการ พลับจีนกำลังชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก“พลับขอลงตรงนี้ด้วย---”“ปิดประตู”พูดไม่ทันจบเจ้าของรถก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยคำสั่งอยู่กลาย ๆ ทำให้พลับจีนต้องกระเถิบมานั่งที่เดิมพร้อมกับปิดประตูคนตัวเล็กหน้างอง้ำขึ้นเล็กน้อย ไม่พอใจที่ตัวเองเชื่อฟังคำสั่งของเคน ทั้งที่ควรทำตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรต้องนั่งอยู่ต่อเลยสักนิดเจ้าของรถเอื้อมมือไปหยิบของในเก๊ะเก็บของ ก่อนจะโยนมาไว้บนตักพลับจีน คำสั่งถูกเอ่ยออกจากปากเคนอีกครั้ง พลันดวงตากลมสบเข้า
สารนิโคตินถูกสูบเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นควันในปากออกมายาวเป็นสายให้มันค่อย ๆ จางหายไปในอากาศทิ้งไว้เพียงกลิ่นเฉพาะตัวที่คนสูบคุ้นเคยเป็นอย่างดีดวงตาคมเรียบนิ่งยากจะคาดเดา เลื่อนสายตาจากทิวทัศน์นอกหน้าต่างมามองคนบนเตียง ร่างกายขาวเนียนบอบบางซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม คงจะเหนื่อยจากกิจกรรมที่ทำด้วยกันเมื่อคืนนี้ถึงได้นอนหลับไม่รู้สึกตัวแม้ว่าตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้วก็ตามความจริงวันนี้น่าจะเป็นวันที่อีกฝ่ายต้องไปทำงาน แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ไหว เคนเองก็ไม่อยากปลุก เอาแต่คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน พอทุกอย่างจบลงไปแล้วเขาถึงเพิ่งมานึกได้ว่าไม่ควรทำตั้งแต่แรก หากยับยั้งความต้องการสักนิดก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนขึ้นเคนไม่รู้ว่าพลับจีนจะยอมรับข้อเสนอหรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะยอมง่าย ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ไหม เพราะเขาไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ต่อให้พลับจีนจะเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และอาจจะผิดใจกันได้ในภายหลัง ซึ่งเขาไมได้สนใจอยู่แล้ว ขอเพียงแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวภายหลังก็พอบุหรี่ม้วนที่สามถูกโยนทิ้งออกไปหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งเดินมาหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่กองอยู่บนโซฟามาสวมใส่ กำลังชั่
“เจ็บไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถามเสียงเบา“ฉันจะทำเบา ๆ”คำถามนี้ของพลับจีนพอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่าว่าไม่ปฏิเสธ ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือว่าความต้องการอยากรู้อยากลองของพลับจีนเองที่ทำให้ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเกิดมายี่สิบหกปีพลับจีนไม่เคยผ่านมือชายใด หรือนัวเนียกับสาวคนไหนมาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา และไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ลองสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะยังไงหลังผ่านคืนนี้ไปเคนก็คงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน หลังจากนี้เราคงไม่มีเรื่องบังเอิญเจอกันบ่อยเหมือนช่วงนี้“แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่จูบ”“ครับ”“แน่ใจใช่ไหมว่าให้ฉันทำจริง ๆ ปฏิเสธตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะถ้าเริ่มแล้วฉันจะไม่หยุดกลางคัน ต่อให้เธอขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ตาม”“พะ พลับแน่ใจ พลับอยากลอง”นับว่าเป็นคนกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เคนไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับตน ตอนแรกก็แค่จะขอดูเฉย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่คิดว่าพลับจีนจะตอบตกลงง่าย ๆ แบบนี้ที่ผ่านมาเคนไม่ใช่คนติดเซ็กซ์ไม่ได้มีอะไรกับ
เป็นครั้งแรกที่พลับจีนพาคนอื่นเข้าห้องตัวเอง เพราะแม้แต่น่านน้ำก็ไม่เคยมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่เสียงฝนด้านนอกตกกระทบบนหลังคาเสียงดังชัดเจน แม้จะกั้นฝ้าแต่ไม่ได้ช่วยทำให้เสียงภายนอกเบาลงพลับจีนวางกล่องปฐมพยาบาลบนโซฟาข้าง ๆ ตัวเอง ใช้สำลีชุบน้ำเกลือค่อย ๆ ล้างแผลบนท่อนแขนแกร่ง ความเงียบภายในห้องทำให้พลับจีนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก รอยแผลขนาดยาวกับเลือดสีแดงสดทำพลับจีนกระอักกระอ่วน ทว่ายังฝืนตัวเองทำแผลต่อไป เพราะเขาบอกให้อีกคนไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา สุดท้ายก็ต้องลากกลับมาที่ห้องตัวเอง อย่างน้อยก็ควรทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้อีกอย่างแผลบนแขนนี่ก็เกิดจากการช่วยเขาเมื่อก่อนหน้านี้ หากเคนไม่เข้ามาช่วยเขาจากพวกคนเมา ไม่เอาตัวเข้ามาขวางตอนพวกมันกำลังจะใช้มีดแทงเขาแผลที่แขนนี่ก็คงไม่เกิดขึ้น“เจ็บไหมครับ” หลังจากเงียบมานาน พลับจีนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “พลับไม่เคยทำแผลให้ใครมาก่อน ไม่รู้ว่ามือหนักไปหรือเปล่า”“...”เคนยังคงเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา พลับจีนเองก็เป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อีกทั้งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกัน เอาแต่ก้มหน้าก้ม







![สถานะเมียในสมรส [Omegaverse]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)