LOGINพ่อเลี้ยงคิมหันต์ตัดสินใจหยุดให้หญิงสาวได้พักเสียหน่อย คิดว่าคงหนีมาได้ไกลจากพวกนั้นแล้ว แต่คิดผิดเพียงไม่นานหลังจากทั้งสองหยุดพัก ก็มีเสียงฝีเท้ากลุ่มคนวิ่งตรงมาทางที่พวกเขาอยู่ คราแรกคิดว่าสลัดพวกนั้นหลุดแล้ว แต่พวกมันกับตามมาทัน
“แย่แล้วคุณพวกนั้นตามมาทันแล้ว” อังวรีบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ฉันว่าคุณรีบหาที่หลบก่อนเถอะช่วยฉันเท่านี้ก็พอแล้วขอบคุณมาก”
“หมายความว่าไง คุณจะยอมแพ้แล้วเหรอ”
“ฉันจะสู้ในวิธีของฉัน“
“หมายความว่าไง” พ่อเลี้ยงถามย้ำไม่เข้าใจว่าหญิงสาวคิดจะทำอะไรกันแน่
“เถอะน่า คุณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับคนแปลกหน้าอย่างฉันหรอก วันนี้มีคนตายมากพอแล้ว”
“แล้วคุณจะทำยังไง ไอ้วิธีของคุณน่ะ” คนไม่เชื่อยังคงคาดคั้นถามต่อ
“....” ไม่มีคำตอบมีแต่ความเงียบ
“สองคนก็ดีกว่าคนเดียวไม่ใช่หรือไง มาไกลได้ขนาดนี้แล้วจะมายอมแพ้อะไรตอนนี้”
“แต่ว่า...”
ยังไม่ทันจะได้พูดต่อเสียงตะโกนเยาะหยันดังแทรกขัดเสียก่อน
“ฮา ๆ ไม่มีทางให้หนีแล้วถ้าไม่อยากตายก็เอาของของกูคืนมา”
“ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย ก็ของที่มึงหยิบผิดไป เอาไปไว้ที่ไหน”
“ของอะไร ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ”
“กูรู้ว่ามึงรู้รีบเอาคืนมาดี ๆ แล้วกูจะปล่อยพวกมึงไป”
ปล่อยไปอย่างนั้นหรือขนาดนักท่องเที่ยวพวกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยพวกมันยังฆ่าทิ้งได้ง่ายๆเลย นับประสาอะไรกับเธอ
“แค่เอสดีการ์ดอันเดียวถึงกับต้องฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่อง พวกแกคงทำเรื่องไม่ดีไว้สินะ แล้วเอสดีการ์ดนั้นก็คงเป็นหลักฐานสำคัญมากถึงได้ตามมาไม่คิดชีวิตแบบนี้”
“ปากดีแบบนี้ แสดงว่าเปิดดูแล้วสินะ”
“ใช่ฉันเห็นทั้งหมดแล้ว เรื่องชั่ว ๆที่พวกแกทำไว้กัน ถ้าฉันไม่ตายพวกแกไม่รอดแน่ ฉันจะทำให้คนชั่วอย่างพวกแกได้รับกรรมที่ทำไว้”
-นี่หรือคือวิธีต่อสู้ที่เธอบอก เป็นวิธีฆ่าตัวตายชัดๆสถานการณ์ที่ปืนจ่อหน้าแบบนี้ยังกล้าต่อล้อต่อเถียงพวกชั่วนี่ -คิมหันต์คิดในใจ
“ปากเก่งดีนิเอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย ส่งของกูคืนมา”
“ฉันจะคืนให้ก็ได้ แต่แกต้องปล่อยผู้ชายคนนี้กับคนที่เหลือไปก่อน พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
พ่อเลี้ยงหนุ่มก้มมองเงาคนตัวเล็กข้าง ๆ ยืนต่อรองชีวิตให้ ทั้งที่ไม่มีโอกาสที่พวกมันจะปล่อยทั้งเธอและเขาไปด้วยซ้ำ
“เหอะ ๆ ชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด ยังมีหน้ามาขอชีวิตให้คนอื่นอีก ช่างเป็นคนจิตใจดีเสียจริง”
ชายคนเดิมพูดน้ำเสียงเยาะหยัน หัวเราะในลำคอราวกับเป็นเรื่องตลก
“ใช่ตัวฉันยังไงก็จะต้องตายอยู่แล้ว แต่คนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วยแกควรปล่อยเขาไป”
“อย่ามาเสียเวลาต่อรอง ยังไงมึงสองคนก็ต้องตายอยู่ที่นี่ทั้งคู่”
“ถ้างั้นก็ยิงเลยสิถึงฉันตาย หลักฐานก็จะถูกส่งไปให้ตำรวจอยู่ดี”
เสียงใสตะโกนท้าทายด้วยความหวาดกลัว คิมหันต์สัมผัสได้จากฝ่ามือน้อยที่สั่นระริกบีบกุมมือเขาไว้แน่นอย่างลืมตัว
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ ไหน ๆก็จะตายอยู่แล้วขี้เกียจอธิบาย”
“ปากดีนักนะอีนี่ ไปเอาตัวมันมานี่”
“หยุด! อย่าเข้ามา”
พ่อเลี้ยงหนุ่มตะเบ็งเสียงเข้มห้าม ในน้ำเสียงมีความน่าเกรงขาม แต่ไม่มีผลกับคนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าอย่างพวกมัน
“โอ๊ะ! แถวนี้มีพระเอกด้วย ดีเลยตอนตายจะได้ไม่เหงา มีคนตายเป็นเพื่อน”
“คุณหนีไปก่อนได้เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เธอบอกย้ำเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน พร้อมกับคลายมือที่จับเขาไว้ออก แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ฟังที่เธอพูดเลย
“พวกมึงรู้มั้ย ว่าที่นี่เป็นที่ของใคร”
“ของใครก็ช่างกูไม่กลัว เพราะนายกูใหญ่”
“ดี! กูจะจำคำพูดของมึงเอาไว้” คิมหันต์กัดกรามแน่น ก่อนหันไปถามคนข้างๆ
“คุณพร้อมมั้ย”
เขาถามเมื่อเห็นเงาคน หนึ่งในพวกมันกำลังเดินอ้อมตรงเข้ามาหา พร้อมกับกอดกระชับเอวบางเข้ามาแนบลำตัว
“พร้อมอะไร!”
เสียงใสประหม่าถามด้วยความสงสัย ไม่มีคำตอบจากปากเขาอีก เอวบางคอดถูกแขนแข็งแรงโอบกระชับแน่นขึ้นก่อนร่างน้อยจะลอยพุ่งลงกลางอากาศ ใจดวงน้อยหล่นวูบไม่ใช่ว่าเหาะได้ แต่นั่นเขาพาเธอกระโดดลงมา ไม่นานทั้งสองร่างร่วงหล่นมากองที่พื้นด้านล่าง พร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นตามหลังหลายนัด
ปัง! ปัง! ปัง!
อังวรีมองอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ เป็นจังหวะที่ป่านทองนำอาหารเข้ามาให้พอดี พ่อเลี้ยงจึงหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น“คุณทานข้าวก่อน เดี๋ยวสักพักจะมีตำรวจมาสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น คุณก็เล่าตามความจริงได้เลย”“เดี๋ยวคะ เออ คุณ..”“คิมหันต์ครับ” เขาตอบโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม“คิมหันต์ ที่นี่ไร่คิมหันต์”“ใช่ครับไร่ของผมเอง เรียกผมว่าพี่เขมก็ได้ ผมอายุมากกว่าคุณหลายปีอยู่”“เข้าใจแล้วค่ะ เอ่อคุณคิมหันต์คือว่าชุดที่ฉันใส่ก่อนหน้านี้ในกางเกงมี...”“เอสดีการ์ด แม่บ้านเอามาให้ผมแล้ว”-ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดเธอไปซะหมด -อังวรีคิด“เอ่อ..คุณเปิดดูหรือยังคะ”“ครับดูแล้ว คุณคงตกใจมากตอนที่เห็นมัน”“ค่ะ ฉันคิดว่า เพราะสิ่งนี้ ฉันถึงโดนพวกมันตามฆ่า”“ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ ผมรับปากคุณแล้วว่าอยู่ที่นี่คุณจะปลอดภัย”พ่อเลี้ยงหนุ่มย้ำน้ำเสียงจริงจัง ให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าตนไม่ได้พูดปลอบเธออย่างเดียวแต่เขาจริงจังกับทุกคำที่พูดออกไป อังวรีสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนเอ่ยถามเรื่องที่ค้าง
ด้านอังวรีหลังจากได้หลับยาวไปสองวันเต็มๆ ในฝันเธอมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวถูกยิง คิ้วบางขมวดนิ่วพลิกตัวไปมา จนคนนั่งเฝ้างงว่าหญิงสาวเป็นอะไร“ไม่นะ อย่ายิงอย่า” ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมหยดน้ำตาใส ๆไหลออกมา ก่อนที่เธอจะรีบเช็ดมันออกเมื่อรู้สึกตัว มองสำรวจรอบห้องว่าตนเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำสุดท้ายจำได้ว่าอยู่กระท่อมกลางป่า “ฝันร้ายเหรอคะคุณ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”อังวรีกวาดสายตามองตามเสียงอ่อนนุ่มที่กล่าวทักทาย ภาพที่เห็นคือหญิงสูงวัยท่าทางอ่อนน้อม ดูใจดีทั้งสุภาพเรียบร้อยในเวลาเดียวกัน ยืนมองมาด้วยสายตาห่วงใย เธอสังเกตได้“ค่ะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่คิมหันต์ค่ะ คุณหลับไปสองวันเต็มเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงแทบแย่”“แล้วอิ้งค์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“พ่อเลี้ยงพาคุณมาค่ะ ตอนนั้นคุณมีไข้สูง ตามร่างกายมีแต่บาดแผล” ป่านทองอธิบายอย่างคลายกังวล“พ่อเลี้ยง...” อังวรีย้ำคำ ในแววตาเต็มไปด้วยคำถาม“ใช่ค่ะ คุณหิวมั้ยคะป้าจะไปหาอะไรมาให้ทานก่อน คุณไม่ได้ทานอะไรมาตั้งสองวันแล้ว”พอหญิงสูงวัยพูดเรื่องอาหาร ร่างกายก็รีบฟ้อง ท้องเริ่มส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณว่าหิว ป่านทองมองแล้วก็อมยิ้มนิดๆอย่างเอ็นดู
ร่วมกันหาหลักฐานจับกุมทั้งเครือข่าย เพื่อกำจัดเครือข่ายนี้ล้างบางไม่ให้เหลือเป็นภัยกับลูกหลานและประเทศชาติต่อไปแต่ดูเหมือนจะเป็นงานที่หินพอสมควร เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านรวมถึงหน่วยงานในพื้นที่สักเท่าไหร่ ต้องคอยแอบสืบอย่างลับๆกันเอง จนกว่าจะได้หลักฐานชี้ตัวไปถึงต้นตอเครือข่ายแน่ชัดได้ เพื่อออกหมายเข้าจับกุม โดยมีพ่อเลี้ยงคิมหันต์คอยหนุนช่วยอีกแรงเช้ามืดวันใหม่แสงสว่างเริ่มส่องให้พอมองเห็นรำไร คิมหันต์ที่รู้สึกตัวตื่นก่อน ปลุกหญิงสาวที่หลับในอ้อมแขนให้ตื่นตาม“คุณ..คุณตื่นเถอะ เราต้องไปต่อกันแล้ว”ไม่มีเสียงตอบรับ ก็แหงแหละสิตอนนี้ตัวเธอร้อนยังกับไฟ เห็นท่าไม่ดีหากปล่อยไว้ จึงรีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ให้เธอและตัวเองก่อนเริ่มเดินทางต่อคนตัวเล็กถูกแบกขึ้นหลังมาใกล้ลำธาร พ่อเลี้ยงคิมหันต์วางร่างไร้สติประคองพิงโขดหิน จากนั้นใช้สองมือรองน้ำตกจากลำธารขึ้นดื่มดับกระหายก่อนใช้มือรองน้ำขึ้นมาป้อนหญิงสาวอย่างทุลักทุเล ป้อนได้เพียงทีละนิด ใช้เสื้อยืดตัวในที่ถอดออกเตรียมไว้ ชุบน้ำเช็ดตามใบหน้า ลำคอให้ เมื่อโด
“ไม่นะ อย่ายิง ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นะอย่า........”เสียงร้องไห้สะอื้นของคนฝันร้ายทำพ่อเลี้ยงหนุ่มสะดุ้งตื่น สายตาทอดมองร่างน้อยนอนขดตัวกอดตัวเอง จากความหนาวร่างกายสั่นเทา กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งที่ยังหลับตา คงกำลังฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมาแขนใหญ่แข็งแรงช้อนอุ้มคนตัวเล็กขยับเข้ามานอนใกล้กองไฟ ตอนนี้ตัวเธอเย็นเฉียบยังไม่ทันพ้นคืนนี้ไป หญิงสาวก็เป็นไข้หนักเสียแล้ว นั่นก็เพราะไม่ยอมถอดชุดที่เปียกออก นอนทั้งอย่างนั้นแต่ก็พอเข้าใจได้ อยู่ดีๆจะให้มาถอดชุดต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าได้อย่างไร“ยัยเด็กโง่”ที่บ่นเช่นนี้เพราะมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวอายุน้อยกว่าเขามาก“คุณ คุณได้ยินผมมั้ย”“...”“ผมจำเป็นต้องถอดชุดคุณออก เปลี่ยนใส่เสื้อผมแทนมันก่อนจะช่วยให้คุณอุ่นขึ้น”ไร้เสียงตอบกลับพ่อเลี้ยงหนุ่มรู้ดีว่าถึงบอกไปหญิงสาวก็ไม่ได้ยินอยู่ดี จึงถือวิสาสะถอดชุดที่เปียกของเธอออกมาผึ่งตากไฟให้ จากนั้นนำเสื้อของตนเองที่แห้งแล้วมาสวมทับให้แทนชั่วคราวร่างไร้สติถูกประคองเข้ามาแนบอกกว้าง สองแขนจับมือน้อยแนบหัวไหล่มลทั้งสองข้างในท่ากอดตัวเอง ทาบทับด้วยลำแขนแข็งแรงสวมทับกอดมอบความอบอุ่นให้สายตาคู่คมมองสำรวจคนห
“คนที่จะถูกปิดปากคือคนที่ไปรู้ความลับคนอื่นมา คุณไปรู้เรื่องอะไรของพวกมันมา”“นี่คุณกำลังหลอกถามให้พูด แล้วจะฆ่าฉันทิ้งใช่มั้ย” อังวรีเริ่มกลัว จากไม่ไว้วางใจเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเริ่มกังวลมากขึ้น“ถ้าผมจะฆ่าคุณ ผมจะเสี่ยงตายโดดลงมาพร้อมกับคุณทำไม”ก็จริงอย่างที่เขาพูด ถ้าจะฆ่า แค่ปล่อยให้เธอโดนยิงที่หน้าผาหรือปล่อยจมน้ำตายไปเลยจะไม่ง่ายกว่าเหรอ“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร มาที่นี่ก็แค่มาเที่ยว แต่ต้องมาเจอกับเรื่องอะไรก็ยังไม่รู้”ที่นี่เป็นจุดพักแรมของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ยามออกมาพักค้างแรมในป่า จึงมีอุปกรณ์ฟืนจุดไฟเตรียมไว้พร้อม เพราะยิ่งดึกใกล้สว่างอากาศยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น หลังจุดไฟเรียบร้อย แสงไฟทำให้ทั้งสองได้เห็นหน้าตากันเป็นครั้งแรก หญิงสาวเบื้องหน้าตัวเล็กกว่าที่จินตนาการไว้เล็กน้อย เป็นคนผอมเพรียวสมส่วน ถึงใบหน้าจะมอมแมมแต่ก็ดูออกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผิวขาวเนียนดวงตาโตกลมน่ารักจิ้มลิ้มราวกับดวงตาเด็ก ดูอ่อนเยาว์ไม่มีพิษมีภัยส่วนเขาเหมือนตอนอยู่ในเงามืดร่างสูงใหญ่บึกบึน ก่อนหน้าคิดว่
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนอากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวเริ่มมีอาการตัวหนาวสั่น แหงละสิวันนี้เธอเจอทั้งแดดทั้งลม แถมยังมาโดนน้ำเย็นของน้ำตกต่ออีก ต่อให้แข็งแรงแค่ไหนถ้าไม่ฟิตจริง ใครก็สู้ไม่ไหว“อดทนหน่อยนะคุณแถวนี้ยังไม่ปลอดภัย ต้องผ่านป่าด้านหน้าไปก่อน”เขาบอกน้ำเสียงจริงจัง เมื่อสัมผัสไอร้อนที่เพิ่มขึ้นจากตัวหญิงสาวด้านหลัง ทั้งยังต้องเดินแข่งกับเวลา กลางป่ายิ่งดึกยิ่งอันตราย“พวกนั้นยังตามเรามาหรือคะ”“พวกนั้นคงตามเรามาไม่ทันแล้ว ผมหมายถึงพวกสัตว์ป่าน่ะ อดทนอีกหน่อยนะใกล้ถึงแล้ว ข้างหน้ามีที่พักที่ปลอดภัยอยู่”“ที่พักที่ปลอดภัยหรือคะ”คนตัวเล็กถามน้ำเสียงดีใจ แต่ต่อให้ดีใจแค่ไหนร่างกายมันก็บอกไม่ไหวอยู่ดี เนื้อตัวเปียกชื้นชุ่มไปทั้งตัว ร่างเล็กหนาวสั่น ปวดหนึบไปทั้งทั่วร่างจนแทบขยับไม่ไหว คิมหันต์เห็นอาการหญิงสาวดูไม่ดี จึงรีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินให้เร็วขึ้น“คุณมาที่นี่กับใคร”เมื่อเห็นคนบนหลังนิ่งเงียบไปจึงเริ่มชวนคุย แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ“คุณ คุณ ทำไมเงียบไปเป็นอะไรหรือเปล่า” อังวรีได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงของเขาจึงตอบ“ทิ้งฉันไว้ที่นี่เถอะ ฉันว่าฉันไม่ไหวแล้ว แบกฉันไว้แบบนี







