รักละมุนของศาสตราจารย์เย็นชากับภรรยาสาวน้อย

รักละมุนของศาสตราจารย์เย็นชากับภรรยาสาวน้อย

에:  ขี้เกียจจะตั้งชื่อ방금 업데이트되었습니다.
언어: Thai
goodnovel4goodnovel
평가가 충분하지 않습니다.
100챕터
8조회수
읽기
서재에 추가

공유:  

보고서
개요
목록
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.

[แต่งก่อนค่อยรัก! ความต่างของอายุ! ปรนเปรอหวานชื่น] [ศาสตราจารย์ผู้กักขังอย่างอ่อนโยน VS นักศึกษาแพทย์น่ารักนุ่มนิ่ม] ฟ้าของซินจือเหยาพังทลายลงแล้ว! ผู้ชายที่อยู่กับเธอหนึ่งคืนคือศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของเธอ และที่ทำให้หน้ามืดคือเธอดันตั้งท้องเสียนี่ เธอวางที่ทดสอบครรภ์ตรงหน้าเขาอย่างสั่นเทา ศาสตราจารย์โจวให้ทางเลือกเธอสองทาง หนึ่งคือทำแท้ง สองคือแต่งงาน ซินจือเหยาก็เลยแต่งงานกับศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของตัวเองอย่างงุนงง หลังแต่งงานทั้งสองคนแยกห้องนอน มีอยู่คืนหนึ่ง ศาสตราจารย์โจวกอดหมอนปรากฏตัวอยู่หน้าห้องเธอ “ฮีตเตอร์ห้องฉันเสีย คืนนี้อยู่ห้องเธอถูไถไปก่อนสักคืน” ซินจือเหยาเปิดทางให้อย่างงุนงง คืนวันต่อมาศาสตราจารย์โจวก็ปรากฏตัวขึ้นอีก “ฮีตเตอร์ยังซ่อมไม่เสร็จ ถูไถอีกคืน” สุดท้ายศาสตราจารย์โจวก็อยู่ห้องเธอเสียเลย พูดอย่างน่าฟังว่าประหยัดค่าฮีตเตอร์เพื่อเลี้ยงลูก …… วิทยาลัยการแพทย์ยูเนียนหลินไห่คือมหาวิทยาลัยดับเบิลเฟิสต์คลาสของประเทศ และศาสตราจารย์โจวจี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในมหาวิทยาลัย เป็นศาสตราจารย์วิทยาลัยแพทย์ที่อายุน้อยที่สุด นิ้วนางเขาสวมแหวนอยู่ตลอด แต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงโผล่อยู่ข้างตัวเขา ภายหลังมีนักศึกษาอดรนทนไม่ไหวถามในชั้นเรียนด้วยความอยากรู้ “ศาสตราจารย์โจว ได้ยินว่าศาสตราจารย์แต่งงานแล้ว เมื่อไรจะพาอาจารย์หญิงมาแนะนำให้พวกเรารู้จักล่ะคะ” ใครจะรู้ว่าศาสตราจารย์โจวจะเรียกชื่อขึ้นมากะทันหัน “ซินจือเหยา” ผู้หญิงในวัยทำงานคนหนึ่งผุดลุกขึ้นมาอัตโนมัติจากกลุ่มนักศึกษา “มาค่ะ” ภายใต้การจดจ้องของนักศึกษา ศาสตราจารย์โจวใบหน้าอ่อนโยน “ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อย นี่คือซินจือเหยาภรรยาของฉัน เธอคือศัลยแพทย์หัวใจที่โดดเด่นคนหนึ่ง”

더 보기

1화

บทที่ 1

“อือ”

ประตูห้องเปิดออก เงาร่างทั้งสองเดินตุปัดตุเป๋เข้าไป

ในดวงตาของทั้งสองเจือความเมาอยู่ พอเข้ามาก็จูบกันตรงที่เปลี่ยนรองเท้า

เสียงหอบหายใจหนักเบาดังขึ้น กลิ่นอายคลุมเครืออัดแน่นอยู่ในห้อง

“อ๊ะ”

ซินจือเหยาอุทานขึ้นมา เธอถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นอย่างสบาย ๆ

เรือนร่างอรชรของเธอขดอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ความแตกต่างของรูปต่างชวนให้คนจินตนาการไปไกล

เงาร่างสูงตรงเดินไปถึงเตียง เมื่อซินจือเหยาถูกโยนลงบนเตียงแล้ว ร่างสูงใหญ่ก็ประกบลงมา

หางตาอีกฝ่ายแดงก่ำ ดวงหน้าที่ปกติหักห้ามมีเปลวเพลิงวูบไหวอยู่ในเวลานี้

สติสัมปชัญญะสูญสิ้น

มือของซินจือเหยาจับผ้าห่มแน่นจนข้อต่อกลายเป็นสีขาว แสงสีขาวในดวงตากะพริบผ่าน

แสงไฟมืดสลัว เสียงครางแผ่วเบาสะท้อนทั่วทั้งห้อง

......

“เหยาเหยา”

“เหยาเหยา”

ซินจือเหยาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน หน้าผากมีเหงื่อซึมบาง ๆ ชั้นหนึ่ง

ฝันอีกแล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ฝันแทบทุกคืนเลย

ในการปิดภาคเรียนฤดูร้อน วันนั้นเป็นวันเกิดของอวี๋เชว่ เธอเข้าร่วมอย่างสุขสันต์ กลับพบว่าเขาไม่ได้เชิญเธอเพียงคนเดียว ยังเชิญเพื่อนเรียนในสาขาเดียวกันคนอื่น ๆ มาด้วย ในนั้นรวมไปถึงเจี่ยงซินผู้เลื่องชื่อว่าหน้าตาพริ้มเพรา พวกเขานั่งติดกัน อากัปกิริยาสนิทสนม

คนมากมายต่างมองไปทางเธอ เหมือนกำลังจะดูปฏิกิริยาของเธอ

เธอเรียนสาขาเดียวกับอวี๋เชว่ แต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ทุกคนรู้กันหมดว่าเธอชอบอวี๋เชว่มาสองปีแล้ว แม้แต่อวี๋เชว่เองก็ยังรู้ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธเธอ

จากท่าทางของเพื่อน ๆ ทุกคนต่างรู้ตัวตนของเจี่ยงซิน ก็มีแต่เธอที่ยังเป็นกบในกะลา

ด้านหนึ่งหลอกล่อเธอ อีกด้านหนึ่งก็มีสัมพันธ์คลุมเครือกับเจี่ยงซิน

สายตาดูเรื่องสนุกของเพื่อนนักศึกษาทิ่มแทงหัวใจเธอ เธอจึงสาบานอยู่ในใจว่าต้องหยุดการรักอย่างโจ่งแจ้งอันน่าหัวเราะนี้

คืนนั้นเธอดื่มหนัก อารมณ์โกรธอัดอั้นอยู่เต็มอก

ตอนไปเข้าห้องน้ำเธอเดินซวนเซชนกับคนหนึ่งและสบกับสายตาลุ่มลึกของอีกฝ่าย

หล่อกว่าอวี๋เชว่ มีความเป็นชายมากกว่า

เธอไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน กระชากคอเสื้อของเขาแล้วเอ่ยปากด้วยลมหายใจหอมว่า “คุณจะนอนกับฉันไหม?”

ภาพหลังจากนี้ก็คือการอยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งสองเข้าห้อง อึ๊บ ๆ ผ่านค่ำคืนที่ไม่อาจพรรณนา

ในเช้าวันต่อมา ในตอนที่ซินจือเหยาที่ได้ความกล้าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนเปลือยเปล่ากับผู้ชายคนหนึ่งบนเตียงก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด พอแต่งตัวเสร็จก็ล้มลุกคลุกคลานออกจากห้อง

เขารู้ว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร และไม่กล้าสืบว่าผู้ชายคนนั้นคือใครด้วย

แต่เพราะในใจอยากรู้มาตลอด ถึงจะผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังฝันแทบทุกคืน

ร่างเปลืองเปล่ากอดรัดกัน ลมหายใจหอบหนัก และดวงตาลุ่มลึกของอีกฝ่าย...

“เหยาเหยา รีบลุกเร็ว ยังเหม่ออะไรอยู่อีก เพิ่งเปิดเทอมเธอก็คิดจะสายแล้วใช่ไหม?”

เสียงของซ่งอวี่เจียทำให้ซินจือเหยาได้สติ เธอรีบลบภาพเหลวไหลพวกนี้ออกจากสมอง ตามด้วยกุลีกุจอปีนลงจากเตียง

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซินจือเหยาก็หอบหนังสือรีบไปห้องเรียนกับซ่งอวี่เจีย

“เธอจะวิ่งเร็วอย่างนั้นทำไม?” ซินจือเหยา ชักจะตามเธอไม่ทันแล้ว

“วันนี้มีคาบกายวิภาคศาสตร์ เธอลืมไปแล้วเหรอ?” ซ่งอวี่เจียเอ่ยปากพูด “ช่วงนี้เธอป้ำ ๆ เป๋อ ๆ นะ จำอะไรไม่ได้เลย”

เมื่อนั้นซินจือเหยาจึงนึกขึ้นได้

ได้ยินมาว่าทางมหาวิทยาลัยทุ่มเงินเชิญศาสตราจารย์กายวิภาคศาสตร์สุดเจ๋งมาคนหนึ่งที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ มาถึงก็แหกกฎรับเป็นศาสตราจารย์เลย เป็นศาสตราจารย์อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วิทยาลัยแพทย์

เนื่องจากศาสตราจารย์ท่านนั้นติดธุระไม่สามารถมามหาวิทยาลัยได้ตามกำหนด ทางมหาวิทยาลัยจึงเลื่อนวิชากายวิภาคศาสตร์ของนักศึกษาไปอีกหนึ่งเดือนให้หลังเสียอย่างนั้น ตอนนี้หลังจากกลับมาจากวันชาติ คาบเรียนแรกก็คือวิชาของศาสตราจารย์ท่านนั้น

“เหยาเหยา เธอรู้ไหม เช้านี้มีนักศึกษาเจอศาสตราจารย์คนนั้นแล้วนะ”

น้ำเสียงซ่งอวี่เจียแฝงความตื่นเต้น

“เห็นว่าศาสตราจารย์คนนั้นหน้าตาหล่อขั้นเทพ ตอนนี้กลุ่มวิทยาลัยแตกตื่นกันหมด นักศึกษาหลาย ๆ คนพากันเสียใจที่ไม่ได้ลงเรียนคาบเขา” ซ่งอวี่เจียดึงมือของซินจือเหยา “เดินเร็วหน่อย ชักช้าเราจะเบียดเข้าห้องเรียนไม่ได้แล้วนะ”

เวอร์ขนาดนี้เสียที่ไหน ตอนนี้พวกเธอเรียนปีที่สาม แถมยังเป็นคาบเรียนแรกอีก พวกหัวหมอหลาย ๆ คนตื่นไม่ไหวก็ให้รูมเมตมาลงเรียนแทน มักมีสภาพที่ห้องเรียนโล่งโจ้งแต่สมุดลงชื่อกลับลงชื่อครบเป็นประจำ

กระทั่งซินจือเหยาเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เห็นคนเต็มไปหมดก็ปาดอ้าตาค้าง

ไม่ต่างอะไรกับอาซิ่มอาแปะที่แย่งกันเอาขาฟรีในตลาดสด

ซ่งอวี่เจียราวกับสันนิษฐานภาพนี้อยู่ก่อนแล้ว

“หนุ่มหล่อแถมยังมีเครดิตจากมหาวิทยาลัยดัง ไม่ต่างอะไรกับสถานที่ติดตามดารา”

เธอลากซินจือเหยาเบียดเข้าไปข้างใน “หลีกหน่อย ๆ คนที่มาร่วมฟังก็อย่ายึดที่ของนักศึกษาตัวจริงอย่างเราได้ไหม?”

กว่าจะหาที่นั่งสองที่จากช่องเล็ก ๆ เจอ เพิ่งนั่งลงซ่งอวี่เจียก็เหมือนจะเห็นอะไรจึงทำหน้ารังเกียจ

“ซวย”

ตามสายตาของเธอ ซินจือเหยาเห็นอวี๋เชว่กับเจี่ยงซินนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้า

วิชาสำคัญบางวิชาจะรวมนักศึกษาหลายห้องอยู่ในห้องเรียนใหญ่ ไม่นึกว่าครั้งนี้จะได้เจอกัน

พวกเขาท่าทางสนิทสนม ไม่รู้ว่าอวี๋เชว่กระซิบอะไรข้างหูเจี่ยงซิน หยอกให้เจี่ยงซินปิดปากหัวเราะ

ซินจือเหยาจ้องพวกเขาอยู่ตลอด ซ่งอวี่เจียจึงถอนหายใจ “ช่วงนี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็เข้าใจได้ คนที่ชอบมาสองปีกลับไปคบกับคนอื่น ไม่ว่าใครก็รู้สึกแย่กันทั้งนั้น”

ซินจือเหยาได้ยินก็มองเธอด้วยความตะลึง “พวกเขาคบกันแล้วเหรอ?”

“ใช่สิ ยืนยันสัมพันธ์กันตอนวันเกิดอวี๋เชว่ไง ทำไมท่าทางเธอเหมือนเพิ่งจะรู้ล่ะ”

ซินจือเหยาพูดแผ่วเบา “ฉันเพิ่งจะรู้จริง ๆ”

“งั้นที่เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวช่วงนี้มันเพราะใครกัน?”

นับจากเปิดภาคเรียนจนถึงตอนนี้ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ซ่งอวี่เจียรู้สภาพการณ์ของซินจือเหยา

“...”

ซินจือเหยาไม่กล้าบอกว่าเป็นเพราะเรื่องที่ตัวเองดื่มเหล้าแล้วหลับนอนกับคนอื่น

เห็นเธอไม่พูด ซ่งอวี่เจียนึกว่าเธอปากแข็งจึงตบบ่าเธออย่างรู้ใจ “ไม่เป็นไรนะ เธอเพิ่งรู้ก็เพิ่งรู้เถอะ”

“...”

มันก็เพิ่งรู้อยู่แล้ว

“อวี๋เชว่นอกจากจะหน้าตาดีนิดหน่อย การเรียนก็ดีนิด ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีดีที่ตรงไหนอีก ทำให้เธอชอบเขาซึ่งเป็นสารเลวคนหนึ่งได้ คนที่หล่อกว่า เจ๋งกว่าเขามีถมเถไป ก็อย่างศาสตราจารย์ที่มาใหม่นี่ไง แพล็บเดียวก็เอาชนะเขาได้แล้ว เหยาเหยา ไม่งั้นเธอก็ชอบคนอื่นเถอะ”

ซินจือเหยามองเธอด้วยความสับสน “ชอบใครล่ะ?”

ซ่งอวี่เจียยิ้มหยอก “ชอบศาสตราจารย์คนใหม่ไง”

เธอพูดได้ทุกอย่างจริง ๆ

ซินจือเหยาเบิ๊ดกะโหลกเธอทีหนึ่ง “เธอเพ้อเจ้ออะไร!”

จู่ ๆ ในห้องเรียนก็มีเสียงอึกทึกดังมา

“ศาสตราจารย์มาแล้ว ๆ”

ห้องเรียนที่มีคนอัดแน่นบรรยากาศระทึกใจ แต่ละคนคอยืดคอยาวชะเง้อมอง

ซินจือเหยาก็เหมือนกัน

เธอแค่อยากเห็นว่ารูปลักษณ์หล่อขั้นเทพที่ว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น

หรือว่าจะมีดวงตาที่สามเหมือนเทพเจ้าสามตา

เงาร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวจากที่ไกลและใกล้หน้าห้องเรียนมาเรื่อย ๆ

เขาสูงโปร่ง ดวงหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา เส้นโครงหน้าลื่นไหล สันจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปสวย ดวงตาลุ่มลึกราวกับมองทะลุใจคน บุคลิกสุภาพเรียบร้อย ทำให้คนราวกับอาบสายลมวสันต์

ซ่งอวี่เจียได้ยินซินจือเหยาที่อยู่ด้านข้างสูดปาก

“เหยาเหยา ฉันไม่ได้หลอกเธอใช่ไหม หล่อมากจริง ๆ”

ซินจือเหยาที่อยู่ด้านข้างฟุบตัวกับโต๊ะไปแล้ว
펼치기
다음 화 보기
다운로드

최신 챕터

더보기

댓글

댓글 없음
100 챕터
บทที่ 1
“อือ”ประตูห้องเปิดออก เงาร่างทั้งสองเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปในดวงตาของทั้งสองเจือความเมาอยู่ พอเข้ามาก็จูบกันตรงที่เปลี่ยนรองเท้าเสียงหอบหายใจหนักเบาดังขึ้น กลิ่นอายคลุมเครืออัดแน่นอยู่ในห้อง“อ๊ะ”ซินจือเหยาอุทานขึ้นมา เธอถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นอย่างสบาย ๆเรือนร่างอรชรของเธอขดอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ความแตกต่างของรูปต่างชวนให้คนจินตนาการไปไกลเงาร่างสูงตรงเดินไปถึงเตียง เมื่อซินจือเหยาถูกโยนลงบนเตียงแล้ว ร่างสูงใหญ่ก็ประกบลงมาหางตาอีกฝ่ายแดงก่ำ ดวงหน้าที่ปกติหักห้ามมีเปลวเพลิงวูบไหวอยู่ในเวลานี้สติสัมปชัญญะสูญสิ้นมือของซินจือเหยาจับผ้าห่มแน่นจนข้อต่อกลายเป็นสีขาว แสงสีขาวในดวงตากะพริบผ่านแสงไฟมืดสลัว เสียงครางแผ่วเบาสะท้อนทั่วทั้งห้อง......“เหยาเหยา”“เหยาเหยา”ซินจือเหยาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน หน้าผากมีเหงื่อซึมบาง ๆ ชั้นหนึ่งฝันอีกแล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ฝันแทบทุกคืนเลยในการปิดภาคเรียนฤดูร้อน วันนั้นเป็นวันเกิดของอวี๋เชว่ เธอเข้าร่วมอย่างสุขสันต์ กลับพบว่าเขาไม่ได้เชิญเธอเพียงคนเดียว ยังเชิญเพื่อนเรียนในสาขาเดียวกันคนอื่น ๆ มาด้วย ในนั้นรวมไปถึงเจี่ยงซินผู้
더 보기
บทที่ 2
หลังจากวันไนท์สแตนด์ก็พบว่าอีกฝ่ายคือศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของตัวเอง จะทำอย่างไรดี?‘ความคิดและแผนการทุกอย่างจบสิ้นแล้ว’ เวลานี้คำนี้กำลังกลายเป็นรูปธรรมกับตัวซินจือเหยาเมื่อซ่งอวี่เจียที่กำลังกระดี๊กระด๊าก้มหน้าลงก็เห็นซินจือเหยากำลังฟุบแบบหมดความอาลัยอาวรณ์ต่อโลกใบนี้แล้ว“เหยาเหยา เธอเป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมทำหน้าอย่างกับกินขี้แน่ะ?”ถ้าทำได้ ซินจือเหยายอมไปกินขี้จะดีเสียกว่า“เจียเจีย” ซินจือเหยาอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “ฉันจบแล้ว ฉันตายแน่”“มีอะไรเหรอ?” ซ่งอวี่เจียไม่เข้าใจเวลานี้บนเวทีมีเสียงใสดังมา “เงียบ”เสียงนี้ทับซ้อนกับเสียงในคืนวันนั้น ซินจือเหยาที่ยังหวังว่าจะโชคดีพังทลายลงโดยสมบูรณ์ใช่เขาจริง ๆ ถึงเสียงในคืนนั้นจะแหบพร่าและทุ้มมาก แต่ซินจือเหยาฟังไม่ผิดแน่เพราะคำว่า ‘เงียบ’ ของเขา ทั้งห้องเรียนเงียบกริบฉับพลัน เงียบจนถ้ามีเข็มตกสักเล่มก็ยังได้ยินเสียงอันไพเราะของผู้ชายกระจายไปยังทุกซอกทุกมุมห้องด้วยไมโครโฟน“ฉันขอแนะนำตัวเองหน่อย ฉันชื่อโจวจี้ นับจากวันนี้ฉันจะสอนกายวิภาคศาสตร์พวกเธอ”“ว้าว”“ว้าว”เมื่อพูดคำนี้ออกมา ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาเป็นระลอกทันที
더 보기
บทที่ 3
โจวจี้นั่งอยู่หน้าหน้าต่าง ใบหน้าประณีตเหมาะเจาะถึงที่สุด ดวงตาเรียวยาวเย็นชาผสมผสานกับความอ่อนโยน มีเสน่ห์มาก ตรงสันจมูกมีกระดูกชิ้นเล็กนูนขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาไม่ถึงกับธรรมดา ตอนนี้ราวกับแม้แต่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างก็ยังชื่นชอบเขาเป็นพิเศษ จังหวะที่ซินจือเหยาเห็นเขาก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกโคตรหล่อ!!!วินาทีต่อมาก็คิดได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาลุ่มหลงจึงประหม่าทันใด แล้วเอ่ยปากอย่างกระวนกระวาย “ศาสตราจารย์โจว”เธอชายตาลงล่างด้วยท่าทางที่เหมือนมีความผิด แต่ความจริงเธอทำเพื่อปกปิดความละอายใจของตัวเองเทียบกับซินจือเหยาที่กระวนกระวาย โจวจี้ดูใจเย็นกว่ามาก ทำตัวเหมือนเป็นอาจารย์จริง ๆ ชี้ที่นั่งฝั่งตรงข้าม “นั่ง”ซินจือเหยากล้านั่งเสียที่ไหน ยิ้มแหยพูด “ไม่ค่ะ ศาสตราจารย์โจว ฉันยืนก็พอ”โจวจี้ลุกขึ้นยืน เขาสูงกว่าซินจือเหยาไปคืบหนึ่ง เธอถึงขั้นว่าต้องแหงนหน้ามองเขา“พูดมา ทำไมถึงเหม่อลอยในคาบเรียน”เสียงของโจวจี้ปกติ คล้ายสนใจแค่เรื่องที่ทำไมเธอถึงใจลอยจริง ๆซินจือเหยาจะกล้าพูดสาเหตุที่แท้จริงเหรอ คิดอยู่ครึ่งค่อนวันจึงตอบออกไปอย่างตื่นตระหนก “เพราะ เพราะเมื่อวานนอนหลับไม่สนิทค่ะ”
더 보기
บทที่ 4
......ในตอนที่ซินจือเหยากลับห้องเรียนได้เจอกับอวี๋เชว่และเพื่อนพวกเขาอีกสองสามคน เนื่องจากอวี๋เชว่สูงกว่าพวกเขาครึ่งคืบ กอปรกับรูปลักษณ์ที่เหนือกว่าจึงจำได้ในปราดเดียวพวกเขาเดินมาถึงตรงหน้าซินจือเหยา แต่ไม่เห็นตัวตนของเธอ“เอ๊ะ อวี๋เชว่ เห็นว่าก่อนเปิดเทอมแมลงตามตูดคนนั้นของนายไม่เคยไปหานายเลยเหรอ”“คงเพราะได้ยินว่านายมีแฟนแล้ว ก็เลยใจแตกสลายละมั้ง”“วันนี้แม้แต่คาบเรียนของศาสตราจารย์โจวก็ยังใจลอย ต้องเพราะว่านายกับเจี่ยงซินนั่งอยู่ข้างหน้าเธอ จึงทำให้เธอทุกข์ระทมแน่ ฮ่า ๆ ๆ”พอพูดถึงตรงนี้ ซินจือเหยาถึงรู้ว่าแมลงตามตูดที่พวกเขาพูดถึงก็คือตัวเองคะแนนของเธอกับอวี๋เชว่คือสิบอันดับต้นของชั้นปี เพราะชอบเขา เธอจึงไปเรียนกับเขาบ่อย ๆ ไม่นึกว่าจะกลายเป็น ‘แมลงตามตูด’ ในสายตาเพื่อนเขาเสียอย่างนั้นซินจือเหยารู้สึกเสียดสีในทันทีท่าทีของเพื่อนตัดสินท่าทีของอวี๋เชว่ แค่คิดก็รู้ได้ว่าอวี๋เชว่ก็คิดแบบนี้อยู่ในใจเหมือนกันแต่ทุกครั้งที่เธอเชื้อเชิญเขา เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ตอนที่ทั้งสองถกปัญหาด้วยกันก็มีความสุขดี นี่จึงทำให้ซินจือเหยาทึกทักไปเอง นึกว่าตัวเองมีความหวังพอฟังมาถึงตรงนี้อวี๋
더 보기
บทที่ 5
ซินจือเหยาได้รับกรรมในความผิดพลาดที่เกิดจากความหลงผิดชั่วขณะ หลายวันต่อมาจิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ราวกับถูกยึดร่างไปอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้เธอยังไม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอรู้ว่าเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้แน่ เธอไม่กล้าบอกพ่อแม่ แต่ถ้าจะผ่าตัดจำเป็นต้องให้ญาติเซ็นชื่อ หลังจากผ่าตัดแล้วยังต้องพักฟื้นอีก ถ้าถูกคนของมหาวิทยาลัยรู้ การเรียนของเธอจะเสียเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกลัวและลนลานอย่างหนัก แม้แต่ซ่งอวี่เจียก็รู้สึกว่าเธอผิดปกติไป จึงถามด้วยความห่วงใย “เหยาเหยา เธอเกิดเรื่องอะไรเหรอ?”หลายวันนี้เธอหน้าซีดเซียว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ราวกับผีเร่ร่อนไร้ญาติขาดมิตรซินจือเหยาส่ายหน้าอย่างหมดแรง “ฉันไม่เป็นไร”ไม่เป็นไรสิแปลก“เธอมีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ? เราหาทางแก้ไขด้วยกัน” ซ่งอวี่เจียเห็นเธอแล้วรู้สึกสงสารอยู่บ้าง จึงเอ่ยปากอย่างลังเล “เพราะเรื่องของอวี๋เชว่ใช่ไหม?”สำหรับซินจือเหยาในเวลานี้ เรื่องของอวี๋เชว่ไม่สลักสำคัญอะไรทั้งนั้นแต่ซ่งอวี่เจียยังเป็นนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าบอกเรื่องนี้กับเธอ มีแต่เพิ่มคนทำอะไรไม่ถูกอีกคนเท่านั้นเธอฝืนยิ้มกับอีกฝ่าย “ฉันไม่มีอะไรจ
더 보기
บทที่ 6
ซินจือเหยายืนอยู่ด้านข้าง เธอเม้มริมฝีปากเรียกซินอู่ “พ่อ”ซินอู่เหลือบมองเธอ ตามด้วยสอดส่องในบ้าน “น้องแกล่ะ? ยังไม่กลับมาเหรอ?”ซินจือเหยากำลังจะพูดว่าไม่รู้ ก็ได้ยินหลินไห่อิงพูดว่า “ฉันเพิ่งโทรไปถามมา บอกว่าเล่นบาสกับเพื่อนอยู่ เพิ่งจะเลิก อยู่ระหว่างทางแล้ว”ซินอู่แสยะยิ้ม “วัน ๆ รู้แต่เล่นบาส หนังสือหนังหาไม่ตั้งใจเรียน ไม่เอาไหน”“ลูกเพิ่งจะม.หก คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่เอาไหน มีพ่อแม่ที่ไหนว่าลูกชายตัวเองแบบนี้ฮะ”หลังจากจัดวางอาหารเสร็จ ทั้งสามก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะ แต่ไม่มีใครเริ่มจับตะเกียบเพียงเพราะซินฮ่าวเจ๋อยังไม่กลับซินจือเหยาเคยชินแล้ว จ้องเม็ดข้าวตรงหน้าเหม่อลอย“ทำไมฮ่าวฮ่าวยังไม่กลับมาอีก จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?” หลินไห่อิงเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง“โตขนาดนี้แล้วจะเกิดเรื่องอะไรได้” ถึงซินอู่จะพูดอย่างนี้ แต่ก็ยังอดพูดไม่ได้ “คุณโทรหาถามหน่อยเถอะ”ทันใดนั้นซินจือเหยานึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก เพราะไม่มีเงินกินแล้ว เธอที่อยู่หอพักจึงได้แต่ฉวยโอกาสวันสุดสัปดาห์กลับบ้านมาขอจากพวกเขา วันนั้นระหว่างทางกลับบ้านฝนตก เธอหลบฝนอยู่ใต้ชายคานานมากกว่าฝนจะซาลง รอ
더 보기
บทที่ 7
โจวจี้ยื่นมือออกไปรับ ในตอนที่เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ในนั้นว่า ‘ตั้งครรภ์ในโพรงมดลูกระยะแรก’ ดวงตาหดลงเล็กน้อยซินจือเหยาสังเกตปฏิกิริยาของเขาด้วยความระมัดระวังอยู่ตลอด เห็นเขาจ้องกระดาษแผ่นนั้นไม่ละสายตาจึงเริ่มใจไม่ดี รีบอธิบาย “ศาสตราจารย์โจว เด็กคนนี้เป็นของศาสตราจารย์นะคะ ฉัน ฉันมีผู้ชายแค่ศาสตราจารย์คนเดียว”พูดจบก็อดหน้าแดงไม่ได้ในที่สุดโจวจี้ก็เคลื่อนสายตาไปทางเธอมิน่าตั้งแต่เริ่มต้นก็เครียดขนาดนั้นเธอเป็นแค่นักศึกษาอายุยี่สิบเอ็ดที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์อะไรทั้งนั้น ตอนที่รู้ว่าท้องต้องหวาดกลัวหมดกำลังแน่ ถ้าไม่ใช่ว่าทางตันก็คงไม่มาหาเขาโจวจี้ด่าตัวเองในใจว่าสารเลว ควบคุมตัวเองไม่ได้ครั้งเดียวกลับทำลายชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งเขาวางผลการตรวจในมือลงบนโต๊ะ แล้วถามเธอด้วยเสียงอ่อนโยน “เธอคิดยังไง?”ความสงบของอีกฝ่ายทำให้ซินจือเหยาอึ้งไปเล็กน้อย เดาความคิดของเขาไม่ออกแต่เธอก็ยังส่ายหน้าอย่างซื่อตรง พูดด้วยความสับสน “ฉันไม่รู้ค่ะ ฉัน ฉันกลัวอยู่หน่อย ๆ”โจวจี้มองมือทั้งสองที่บิดไปบิดมาไม่หยุด เกิดความรู้สึกสงสาร“จะกลัวก็ปกติ ไม่ว่าใครที่รุ่นราวคราวเดียวกับเธอเจอเรื่อง
더 보기
บทที่ 8
โจวจี้ไม่นึกว่าเธอจะให้คำตอบเร็วอย่างนี้ “เธอคิดดีแล้วเหรอ?”“ค่ะ” ซินจือเหยาน้ำเสียงแน่วแน่ “คิดดีแล้วค่ะ แต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องสักเรื่อง”“ว่ามา”“ฉันยังไม่อยากบอกเรื่องแต่งงานกับพ่อแม่ค่ะ”โจวจี้เงียบไปสองสามวินาที “นี่จะไม่เหมาะสมกับมารยาท เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถึงฉันจะอยู่เมืองนอกมาระยะหนึ่ง แต่ก็รู้หลักปฏิบัติการแต่งงานที่นี่ ฝ่ายชายต้องเจอหน้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงก่อน ได้รับความเห็นชอบจากพวกเขาแล้วถึงจะพูดเรื่องสินสอด กำหนดวันแต่งงาน แบบนี้ถึงจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง”ซินจือเหยาเม้มปากแน่น “ฉันไม่อยากค่ะ ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันท้องต้องให้ฉันทำแท้งแน่”ซินอู่รักหน้าตา ถ้าพวกเขารู้ความจริง เธอต้องเจอกับการตำหนิด่าทอและทุบตีโจวจี้ทางปลายสายเงียบซินจือเหยากลัวว่าเขาจะกลับคำจึงพูดเสียงสั่น “ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้นก็ได้ ฉันแค่อยากแต่งงานเดี๋ยวนี้”จนถึงตอนท้าย เสียงของเธอเริ่มสะอื้น “ศาสตราจารย์โจวคะ ฉันแค่อยากมีบ้าน”เสียงของซินจือเหยาส่งผ่านกระแสไฟไปถึงข้างหูโจวจี้เขาราวกับเห็นเด็กสาวยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมนอย่างไร้ที่พึ่งพิง มองเขาด้วยสายตาวิงวอนไร้กำลังความเงียบงันเวียนวนระ
더 보기
บทที่ 9
รอจนซินจือเหยาถือสมุดเล่มแดงออกจากสำนักงานเขต ร่างกายเบาหวิวของเธอเมื่อกี้จึงราวกับกลับสู่ความจริงเธอแต่งงานแบบงง ๆ อย่างนี้? แถมยังแต่งกับศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยตัวเองด้วยเธอหันไปมองทางโจวจี้ เห็นเขากำลังถือทะเบียนสมรสถ่ายรูปอยู่แน่นอน เธอไม่ไร้เดียงสาคิดว่าเขาถ่ายรูปลงไทม์ไลน์อยู่แล้ว วันที่แอดไลน์กันเธอแอบเปิดไทม์ไลน์เขาดูแล้ว ในนั้นว่างเปล่าโจวจี้รู้สึกได้ถึงสายตาของเธอจึงเอ่ยปากอธิบาย “บอกพ่อแม่ฉันหน่อยน่ะ”ซินจือเหยาดวงตานิ่งค้าง “ฉันควรไปพบคุณลุง คุณ...”โจวจี้หันมาเลิกคิ้วให้เธอซินจือเหยาหน้าแดงฉับพลัน เปลี่ยนการเรียกอย่างเขินอาย “ฉันควรเรียกว่าคุณพ่อ คุณแม่ใช่ไหมคะ”พระเจ้า ไม่ชินเลย พอพูดจบเธอยังรู้สึกขนลุกซู่“ไม่รีบ” โจวจี้เก็บทะเบียนสมรส “ตอนนี้พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่เมืองนอก ยังกลับมาไม่ได้หรอก”“ถ้าพวกเขาไม่ชอบฉันล่ะคะ” ซินจือเหยากังวลโจวจี้ดีเลิศขนาดนี้ เธอไม่เป็นโล้เป็นพาย พ่อแม่ของเขาจะรู้สึกว่าเอาเขาที่เป็นดอกไม้สวย ๆ ไปปักเธอที่เป็นขี้วัวหรือเปล่า“ไม่หรอก พวกเขาบอกว่าเธอน่ารักมาก”“หือ?” ซินจือเหยาช้อนตามองเขา ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยโจวจี้อธิบายก
더 보기
บทที่ 10
“หา?” ซินจือเหยาสมองวิ่งฉิว “ฉัน ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? น้องชายฉันเล่นบาสแล้วหกล้ม ฉันก็เลยพาเขาไปโรงพยาบาล”“แม่เธอไม่อยู่เหรอ?”“แม่ แม่ต้องทำกับข้าว”“คนบ้านเธอนี่ประคบประหงมน้องชายเธอเสียเหลือเกินนะ ตั้งแต่เธอเข้ามหาลัยก็ไม่เคยขาดเรียน ตอนนี้น้องเธอหกล้มยังต้องให้เธอลาไปดูแลเขาอีก” ซ่งอวี่เจียรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนซินจือเหยาซินจือเหยาละอายใจอย่างหนักถ้าให้หลินไห่อิงรู้ว่าเธอแช่งลูกชายของเธอ คงได้ถือปังตอตามมาถึงมหาวิทยาลัยแน่“จริงสิ เมื่อวานศาสตราจารย์โจวก็ลาเหมือนกัน”ซินจือเหยากำลังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือพลันกระตุก“เมื่อวานทีแรกเขามีสอน แต่หาอาจารย์คนอื่นมาแทน เห็นอาจารย์คนนั้นบอกว่าตอนที่ศาสตราจารย์โจวไปหาเขาเพื่อแลกคาบเรียน อาจารย์ถามไปคำหนึ่งว่าเขาจะไปทำอะไร ศาสตราจารย์โจวกลับบอกว่าจะไปทำเรื่องใหญ่ในชีวิต”“งั้นเหรอ?” ซินจือเหยาหัวเราะเหอะ ๆ“เธอทายดูสิ เรื่องใหญ่ในชีวิตที่ศาสตราจารย์โจวบอกคืออะไร?”รอยยิ้มของซินจือเหยาแข็งทื่อไปเล็กน้อย “ฉัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”ซ่งอวี่เจียลูบคาง “ฉันเดาว่าแต่งงาน”“แค่ก ๆ ๆ” ซินจือเหยาสำลักน้ำลายตัวเองซ่งอวี่เจียเห็นท
더 보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status