LOGINเป็นเสียงปืนของคนงานในไร่ลูกน้องพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ยิงมาจากทางด้านหลังของพวกมัน พร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาจับกุมพวกมันไว้ บางคนสามารถหลบหนีไปได้หลังสอบถามจากพวกที่จับตัวมาได้ รู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มโดดลงไปด้านล่างแล้ว จึงส่งตัวคนร้ายทั้งหมดให้ตำรวจ พากันก่อนแยกย้ายตามหาเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง
เสียงร้องอังวรีดังก่อนจะหายไปเมื่อสองร่างร่วงหล่นลงมานอนกองอยู่บนกองฟางขนาดใหญ่
ตุ๊บ! อึก!
“เป็นอะไรมั้ยคุณ”
คนถูกถามมีอาการจุกเล็กน้อย เธอเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบ
“เจ็บเหรอ บาดเจ็บตรงไหน”
“ไม่ค่ะ แค่จุกนิดหน่อย นี่พวกเรายังไม่ตายใช่มั้ย” ถามเพื่อความมั่นใจ ก่อนถามต่อ
“คุณรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าข้างล่างนี้มีกองฟาง”
“อืม!”
“ให้ตายเถอะ รู้อยู่แล้วก็น่าจะบอกกันก่อน ฉันคิดว่าไม่รอดแล้วแน่ ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะพาฉันโดดลงมาแบบนี้” เขายิ้มเห็นบ่นได้ขนาดนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไร
“ขอโทษครับสถานการณ์มันบังคับ”
“ช่างเถอะ ว่าแต่เราอยู่บนยอดเขานะ ทำไมถึงมีกองฟางพวกนี้ได้”
“ตรงนี้เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ที่เราโดดลงมาเป็นจุดชมวิวและค่อนข้างอันตรายพ่อเลี้ยง ผมหมายถึงเจ้าของไร่เขากลัวว่าจะมีนักท่องเที่ยวพลัดตกลงมา เลยสั่งให้คนงานช่วยกันขนฟางหญ้าพวกนี้มาวางกองไว้ ไม่คิดว่าจะได้ใช้งานจริง ๆ”
“เจ้าของที่นี่ช่างรอบคอบจริง ๆ ว่าแต่คุณเป็นคนงานของที่นี่หรือ”
“อืม”
“งั้นคุณก็ต้องรู้สิว่าเราจะกลับขึ้นไปข้างบนได้ยังไง”
“ไม่มีทางกลับขึ้นไปจากตรงนี้หรอกคุณ มีแต่โรยตัวจากด้านบนลงมา”
“หมายความว่าอะไร แล้วเราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง”
“มีทางเดียวคือเราต้องเดินลงเขาไปด้านล่างเท่านั้น”
“แต่นี่ไม่ใช่ทางที่เดินขึ้นมา แล้วเราจะลงไปได้ยังไง” ก็เพราะตอนนี้ทั้งมืด ทั้งไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของป่าหญิงสาวถึงได้กังวล
“ผมพอรู้ทางตามผมมาก็พอ อย่าเดินออกนอกลู่นอกทางอีกล่ะ ไม่งั้นพลัดตกเขาไปผมไม่ตามลงไปเก็บศพให้นะ”
“นี่คุณขู่ฉันเหรอ”
“เปล่าผมพูดจริง ๆ คุณดูนะฝั่งนี้เป็นเขา ส่วนฝั่งนั้นเป็นเหวถ้าไม่เชื่อก็ลองโดดลงไปดู” เขาชี้นิ้วอธิบายผ่านความมืด เธอก็เห็นเป็นเงาดำ ๆ ก็พอเข้าใจได้
“จะบ้ารึไงอุตส่าห์รอดมาได้ขนาดนี้แล้ว ฉันจะฆ่าตัวตายอีกทำไมเล่า”
“ดีครับ งั้นพวกเรารีบไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะ เผื่อพวกมันจะโดดตามมาอีก”
คิมหันต์บอกก่อนเดินนำไป เส้นทางใหม่เป็นทางเดินเล็ก ๆ พอดีตัวแต่คนนำทางเดินด้วยความคล่องแคล่ว
“คุณเดินช้า ๆหน่อยสิ ฉันมองไม่เห็นทาง” คนตัวเล็กท้วงเมื่อก้าวขาตามไม่ทัน
“โทษที คุณจับชายเสื้อผมไว้ แถวนี้ค่อนข้างอันตรายพลัดตกลงไปได้ง่าย”
“รู้ว่าอันตราย คุณก็ช่วยเดินช้าอีกหน่อยสิ ฉันเดินตามไม่ทันเห็นมั้ย” คนตัวเล็กบ่นแต่ไม่จริงจัง ติดจะงอแงเสียมากกว่า
“ว่าแต่คุณน่ะ รู้จักคนพวกนั้นด้วยเหรอ”
“จะไปรู้จักได้ยังไง ฉันเพิ่งจะเคยมาที่นี่ครั้งแรก”
“แล้วทำไมพวกมันต้องตามมาฆ่าคุณด้วย”
พอเขาถามหญิงสาวก็หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ถูกยิงเมื่อครู่
“คงเพราะฉันไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาละมั้ง”
อังวรีบอกน้ำเสียงหม่นสั่นเครือ เธออยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น อยากตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนั่งรถเมล์ไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน
“น้ำเสียงคุณดูไม่ดีเลย ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เธอเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ถามเขากลับแทน
“ว่าแต่คุณเถอะ รู้ใช่มั้ยว่าทางที่เรากำลังไปคือที่ไหน”
“ไร่คิมหันต์”
“แล้วอีกไกลมั้ยกว่าจะถึง”
“ถ้าไม่หยุดพักเลย เดินอีกประมาณสาม สี่ชั่วโมงก็น่าจะถึง”
“หา!! สามสี่ชั่วโมง”
“อืม ตอนคุณเดินขึ้นมา ก็ใช้เวลาทั้งวันเลยไม่ใช่หรือไง ทางนี้ใกล้กว่าเยอะเลยนะ”
เรื่องนี้เธอพอรู้ แต่เดินมาทั้งวันแล้วเกิดความเหนื่อยล้า จะเดินต่อได้อีกไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ หากจะหยุดเดินตอนนี้ก็น่ากลัวเกินไป เห็นคนด้านหลังเงียบไป พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงชวนคุยต่อ
“ถ้าคุณไม่ไหวเราหาที่พักแถวนี้ก่อนก็ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินต่อ แต่บนเขาก็จะอันตรายทั้งจากคนและสัตว์ถ้าให้แนะนำผมคิดว่าคืนนี้เดือนหงายถ้าเดินไหวเราควรเดินต่อ แต่ถ้าคุณไม่ไหวจริงๆพวกเราหาที่พักแถวนี้กันก่อนดีมั้ย”
“ไม่ค่ะ ฉันไหว”
“แน่ใจนะว่าไหว”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนเดินตามต่อ โดยไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ ส่วนชายหนุ่มก็ไม่ได้ชวนเธอคุยอีก กลัวจะทำให้คอแห้งแล้วหิวน้ำจะลำบากกว่าเดิม
เส้นทางที่พาหญิงสาวเดินเป็นเส้นทางเดินเท้าลัดเลาะตามริมสันเขา ซึ่งการเดินในเวลากลางคืนค่อนข้างอันตรายหากเดินพลาดมีโอกาสได้ตกลงไปด้านล่างจริง ๆแน่ จึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงหลังอังวรีติดต่อเพื่อนสนิทได้ พริมพาก็มาปรากฏตัวที่รีสอร์ต โดยมาพร้อมผู้กำกับแทนคุณที่อาสาพาเธอมาส่ง ระหว่างทางผู้กำกับหนุ่มได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พริมพาฟังบ้างแล้ว“คุณจะรอในรถก่อนมั้ย” ผู้กำกับหนุ่มถามเพราะคุ้นชินกับคนที่นี่“ไม่ค่ะ ฉันจะลงไปด้วย”“ครับ งั้นตามผมมา”“สวัสดีค่ะผู้กำกับมาหาพ่อเลี้ยงหรือคะ” มาริสากล่าวทักทาย“ครับ พ่อเลี้ยงอยู่มั้ย”“พ่อเลี้ยงประชุมอยู่ค่ะ”“แล้วคุณอิ้งค์อยู่ที่นี่หรืออยู่ที่บ้าน”“อยู่ที่นี่ค่ะ ในห้องทำงานพ่อเลี้ยง”“ห้องไหนคะ”พอรู้ว่าเพื่อนรักอยู่ที่นี่ พริมพารีบพูดแทรกถามด้วยความร้อนใจ มาริสามองหน้าผู้กำกับหนุ่มสลับมองหน้าหญิงสาวแปลกหน้า เพื่อขอความเห็น เมื่อผู้กำกับแทนคุณพยักหน้า มาริสาจึงพาทั้งสองไปหาอังวรีที่ห้องทำงานของพ่อเลี้ยง“ยัยอิ้งค์”“พริม”สองสาวโผเข้าสวมก่อนกันด้วยความโล
การที่คิมหันต์พาอังวรีมาเปิดตัวที่รีสอร์ตทำให้เหล่าพนักงานพากันคิดไปต่าง ๆนานาส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเธอคนนี้คือผู้หญิงของพ่อเลี้ยงแน่นอน เพราะพ่อเลี้ยงไม่เคยพาหรือควงผู้หญิงคนไหนมาที่นี่แบบนี้มาก่อน ยกเว้นรตาเพื่อนสาวคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก“เห็นผู้หญิงสวยๆที่มากับพ่อเลี้ยงมั้ย พวกเธอว่าเป็นใคร”“จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็ว่าที่แม่เลี้ยงของไร่นี้ไง”“จะเป็นไปได้เหรอ”“เป็นไปได้อย่างมากเลยล่ะ พวกเธอเคยเห็นพ่อเลี้ยงพาสาวที่ไหนมาเปิดตัวแบบนี้มั่งมั้ยล่ะ นี่คนแรกเลยนะที่ได้ยืนใกล้แถมถูกพ่อเลี้ยงประคองอีกต่างหาก พูดแล้วก็อิจฉา”“พูดถึงก็ดูเหมาะสมกันดีนะ สวยน่ารัก แต่งตัวธรรมดาดูเป็นกันเองไม่ถือตัวเหมือนพ่อเลี้ยง”“แต่เห็นคนในไร่พูดกันว่าเป็นนักท่องเที่ยวในข่าวนะ”“จะเป็นใครก็ช่างอย่าไปอยากรู้กันนักเลย เรื่องของเจ้านาย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวเตือนเพื่อนร่วมงาน ให้สาวๆขี้เมาท์แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเหตุการณ์ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวถูกสังหารหมู่ บนจุดชมวิวเปิดใหม่ของไร่คิมหันต์ เป็นข่าวใหญ่โตดังไปทั่วประเทศ ออกข่าวทีวีช่องหลักทุกช่อง ถึงสำนักข่าวจะช่วยป
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่อังวรีอาศัยอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้ ตอนนี้อาการของเธอดีขึ้นจนเกือบจะหายดี วันนี้หญิงสาวตั้งใจจะเดินลงไปชมรอบ ๆบ้านด้วยตนเองเสียหน่อย“คุณอิ้งค์ ทำไมเดินลงมาเองละคะ” ป่านทองถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาเอง“อิ้งค์ดีขึ้นมากแล้วค่ะป้าป่าน เลยอยากลองเดินด้วยตัวเองบ้าง”“แล้วนี่กำลังจะไปไหนคะ”“อิ้งค์อยากเดินดูรอบ ๆบ้านหน่อยค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย”“ถ้าอย่างนั้นอย่าเดินไปไกลนะคะ เดี๋ยวหกล้มเป็นอะไรขึ้นมาพ่อเลี้ยงจะมาว่าป้าได้”“ค่ะ อิ้งค์จะระวังป้าป่านไม่ต้องกังวลไปนะคะ”เมื่อรับปากแล้วคนตัวเล็กก็เดินชมรอบ ๆบ้าน เป็นบรรยากาศที่ชาวคนเมืองอย่างเธอใฝ่หา อากาศบริสุทธิ์หายใจเข้าแล้วสดชื่นบ้านหลังนี้เป็นบ้านสวนสองชั้นครึ่ง ทรงสูงหลังไม่ใหญ่มาก ชั้นล่างมีห้องครัวเล็ก ๆ ห้องรับแขกและห้องทำงาน แต่ละชั้นเพดานยกสูงเป็นพิเศษทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย ด้านบนเป็นพื้นที่ส่วนตัวมีเพียงห้องเดียวสำหรับไว้นอนเป็นห้องกว้างๆ มีพื้นที่ส่วนกลางสำหร
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องสว่างต้อนรับวันใหม่ แสงเหลืองทองกระทบใบหน้างาม ดวงตาโตกลมตื่นลืมตาขึ้น เห็นตัวเองนอนอยู่เคียงข้างเจ้าของบ้าน ก็พอเดาได้ว่าเมื่อคืนเขาและเธอผล็อยหลับไปด้วยกันทั้งคู่บนนี้ ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นหมายจะกลับห้องไปอย่างเงียบๆ แต่ก่อนหน้านี้บิดขี้เกียจเสียงดังไปหน่อยทำให้คนนอนข้างๆตื่นไปด้วย“นั่นคุณจะไปไหน”“จะกลับห้องค่ะ”“เดี๋ยวผมไปส่ง”“ฉันว่า ฉันพอเดินเองได้แล้ว คุณไม่ต้องอุ้ม...อุ๊ย!” ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ พูดจบร่างน้อยก็ถูกคนตัวโตช้อนอุ้มขึ้นมาแล้ว“ไม่อยากหายแล้วกลับบ้านไว ๆหรือครับ เดินมากแผลจะยิ่งอักเสบเอานะ”“คุณคงอยากให้ฉันกลับแล้ว”“ผมหมายความว่า เดินมากแผลจะอักเสบ ให้ผมอุ้มดีกว่า ถ้าหายแล้วคุณจะอยู่ให้ผมอุ้มไปตลอดชีวิตเลยก็ยังได้ ผมไม่ติดอะไร”“ใครเขาจะอยู่ให้คุณอุ้มไปตลอดชีวิตกันเล่า”“ผมพูดเปิดทางไว้ เผื่อคุณสนใจ” พูดจบร่างสูงอุ้มพาคนในอ้อมกอด เดินลงไปส่งยังห้องนอน
เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปไกล คนอยากรู้ย้ำถามอีกครั้ง อังวรีมองจ้องสบตาเข้าไปในดวงตาคู่คม แววตาเขาเป็นประกายอยากรู้เรื่องเธอเสียเหลือเกิน จึงเอ่ยตอบไปให้หายสงสัย“ก็คงเพราะวันๆทำแต่งานมั้งคะ เลยไม่มีเวลาเจอใคร”“แล้วถ้าเจอคนมาจีบตอนนี้จะทำยังไงครับ”“ก็ต้องดูว่านิสัยเข้ากันได้มั้ย ที่สำคัญคนที่มาจีบต้องโสดจริง ฉันไม่อยากมีปัญหาทีหลังค่ะ”เธอเน้นในประโยคสุดท้ายน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นคนรักความสงบ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ชอบเรื่องที่ควบคุมไม่ได้“แล้วคุณชอบคนที่อายุมากกว่าหรืออายุน้อยกว่า”“ชอบผู้ชายอบอุ่นค่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปกป้องฉันได้สามารถอยู่ด้วยกันในเวลาที่ฉันต้องการได้ อายุไม่สำคัญถ้าเด็กกว่าแต่นิสัยไม่เด็กก็ใช้ได้”“แล้วมีคนมาจีบบ้างมั้ยครับ”“ก็มีบ้างค่ะ”“แล้วมีใครเข้าตาหรือยัง”“ยังค่ะ”อังวรียู่ปากใส่คนถาม คิ้วบางขมวดเพ่งมองอย่างสงสัยเมื่อคนตัวโตถามลึกเกินไปแล้ว“ถามเยอะขนาดนี้ อย่าบอกนะคะ ว่าคุณกำลังคิดจะจีบฉันน่ะ”ปากไวเท่าความคิดรู้ตัวอีกทีก็เปล่งคำถาม ถามกลับไปแล้
“สวยจังเลยนะคะ คุณคงขึ้นมาบนนี้บ่อย”“ก็ทุกครั้งที่มีเรื่องเครียด แค่ได้มาอยู่บนนี้ มันเหมือนได้หยุดเรื่องเครียดๆพวกนั้นไว้”“ถึงจะรู้ว่าปัญหาที่ทำให้เครียดยังอยู่เหรอคะ”“ครับ อย่างน้อยการได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ มันก็ทำให้มีสติในการแก้ไขปัญหามากขึ้น”“วันนี้ก็ด้วยหรือคะ”“วันนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณต่างหาก”คำตอบของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำหัวใจดวงน้อยพองโต รู้สึกซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจความรู้สึกของเธอมากถึงเพียงนี้“ขอบคุณนะคะ”“มาขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ”“ทุกเรื่องเลยค่ะ ทุกเรื่องที่พ่อเลี้ยงทำให้ ขอบคุณมากจริงๆนะคะ”“คุณนี่ไว้ใจคนง่ายจังนะครับ”“ก็ไม่ง่ายนะ”“แต่คุณกำลังไว้ใจผม”“นั่นก็เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเชื่อใจคุณได้ ถ้าคุณจะทำอะไรฉันก็คงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่แบกคนแปลกหน้าที่ไม่เห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ลงจากเขามาหรอก แถมเลี้ยงดูให้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้อีกต่างหาก”“ผมอาจกำลังทำให้คุณตายใจอยู่ก็ได้”“พูดแบบนี้คือต้องให้ฉันระวังคุณไว้ใช่มั้ย” อังวรียิ้มกรุ้มกริ่ม“แต่ฉันสัมผัสได้ว่าคุณเป็นคนดี”“แล้วถ้าผมไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดล่ะ”“ดี ไม่ดีใครเป็นคนตัดสินล่ะคะ เรื่องแบบนี้ก







