Mag-log inผ่านไปราวสองชั่วโมงกับการเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ไกลแค่ไหน อังวรีเริ่มเดินช้าลงเรื่อย ๆ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงแทบก้าวเดินไม่ไหวแต่ไม่อยากเป็นภาระชายหนุ่มด้านหน้า จึงฝืนร่างกายเดินต่อ
เห็นคนตัวเล็กอ่อนล้าเต็มที พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงเดินก้าวช่วงขาให้สั้นพร้อมลดความเร็วลง เพื่อให้หญิงสาวเดินตามได้ทัน ความอดทนของเธอทำเขาประทับใจไม่น้อย หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงบ่นและไม่สู้ตั้งแต่สามกิโลแรกแล้ว แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้
“อดทนหน่อยนะคุณ พอผ่านน้ำตกตรงนี้ลงไป ผมจะหาที่ให้พัก”
“ค่ะ”
ใบหน้าสวยขาวซีดพยักหน้าแทนคำตอบ การได้ยินเสียงน้ำตกก็พอให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้ทั้งสองอยู่เหนือน้ำด้านบนในเวลากลางคืนเช่นนี้บรรยากาศช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน กลัวจะพลาดลื่นพลัดตกลงไป
ระหว่างที่เดินพ่อเลี้ยงหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้ากลุ่มคนเดินมาทางเขาและเธอ อังวรีที่เดินตามมาไม่ทันได้สังเกตว่าคนด้านหน้าหยุดเดิน ใบหน้าเรียวเล็กชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างแข็งแรงเข้าเต็มๆอย่างจัง
“โอ๊ย อื้อ!” มือหนารีบยกขึ้นปิดปากคนด้านหลังด้วยความรวดเร็ว
“อื้อ อื้อ”
“ชู่! มีคนเดินมาทางเรา” คนตัวเล็กนิ่งฟัง เมื่ออีกฝ่ายสงบเขาก็ปล่อยมือ
“เป็นชาวบ้านแถวนี้หรือเปล่าคะ พวกเราขอให้เขาช่วยดีมั้ย”
“ชาวบ้านไม่ออกมาเดินกลางป่ากลางเขาลึกในเวลาแบบนี้หรอกคุณ น่าจะเป็นคนไม่ดีมากกว่า”
“หรือว่าพวกมันจะตามเรามาทันแล้ว”
พ่อเลี้ยงหนุ่มคิดว่าคงไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นพวกลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายมากกว่า เขาต้องสืบให้ได้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร กล้ามากที่มาใช้พื้นที่ของเขา ขณะคิดก็พาหญิงสาวหลบหลังหินใหญ่ ลอบสังเกตมองคนกลุ่มนั้นว่ากำลังทำอะไร
“ผมว่าไม่ใช่ น่าจะพวกลักลอบขนยาเสพติดมากกว่า” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นลอย ๆ
“อะไรนะ”
ดวงตาโตกลมเลิกคิ้วสูง มองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าอีกครั้ง -แบบนี้มันเรียกหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ-เธอคิดในใจ- ก่อนถามเขาต่อ
“แล้วเราต้องทำยังไงต่อ”
“คงต้องรอให้พวกมันไปกันก่อน”
“ไม่มีทางอื่นให้ไปแล้วเหรอ”
“มี”
“ทางไหน คุณก็รีบนำไปสิ”
คนใจร้อนถาม เธอกลัวว่ากลุ่มคนที่เพิ่งหนีมา จะตามมาทัน แล้วกลุ่มคนพวกนี้อีกหากเป็นคนไม่ดี เห็นพวกเธอเข้าคงหนีไม่รอดแน่
“ทางที่พวกเราเพิ่งเดินมา คุณจะเดินกลับไปมั้ยล่ะ” น้ำเสียงกวนเล็กน้อย บอกหน้าตาเฉย เชื่อเขาจริงๆ
“จะบ้าหรือไงคุณ หนีมาไกลขนาดนี้ หลบตรงนี้ก่อนก็ได้ถือว่าพักไปในตัว รอพวกนั้นไปแล้วเราค่อยไปต่อ” เธอบอกพร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งบนโขดหิน
กร๊อบ แกร็บ!!!
จะบ้าตายที่คิดว่าเป็นหิน แต่มันไม่ใช่ มันเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ แถมเป็นกิ่งไม้ที่ผุกรอบพร้อมย่อยสลายแล้วอีกต่างหาก
“ว้ายย...”
แขนยาวแข็งแรงรีบคว้าข้อมือคนตัวเล็กที่กำลังจะหงายหลังตกลงไป ใจดวงน้อยหล่นวูบคิดว่าตัวเองจะตกลงไปเสียแล้ว ด้านหลังเธอเป็นหน้าผาน้ำตกขนาดใหญ่ ร่างบางถูกดึงเข้ามากระแทกอกกว้างอย่างจัง พ่อเลี้ยงเองก็ตกใจมากไม่น้อย
“ซู่!...ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ผมจับคุณไว้ได้แล้ว”
คิมหันต์ลูบหลังปลอบร่างเล็กที่ตัวสั่นระริก ด้วยความกลัวเธอเผลอสวมกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เสียงร้องของอังวรีทำให้กลุ่มคนพวกนั้นหันมาทางที่ทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่ทันที
“นั่นใคร! ออกมาเดี๋ยวนี้”
“เป็นอะไรมั้ย”
ไม่สนเสียงทักท้วง ตอนนี้เขากังวลเรื่องความรู้สึกของหญิงสาวเบื้องหน้าเท่านั้น
“ไม่ค่ะ ขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ”
หญิงสาวบอกอย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกนั้นจับได้
“คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
อีกฝั่งที่มั่นใจว่าเป็นคนแน่นอนทนรอคำตอบไม่ไหวจึงตะโกนขู่อีกครั้ง
“ถ้าไม่ออกมากูจะยิง” สิ้นคำชายฉกรรจ์สองคนเล็งปืนมาทางทั้งสองทันที
“พวกเราออกไปแสดงตัวดีมั้ย”
“ถ้าอยากตายคุณก็ออกไป”
“แล้วจะทำยังไง พวกนั้นรู้แล้วว่าเราซ่อนตัวอยู่ตรงนี้”
เธอกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนคิดบางอย่างได้
“คุณว่ายน้ำเป็นมั้ย”
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงหลังอังวรีติดต่อเพื่อนสนิทได้ พริมพาก็มาปรากฏตัวที่รีสอร์ต โดยมาพร้อมผู้กำกับแทนคุณที่อาสาพาเธอมาส่ง ระหว่างทางผู้กำกับหนุ่มได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พริมพาฟังบ้างแล้ว“คุณจะรอในรถก่อนมั้ย” ผู้กำกับหนุ่มถามเพราะคุ้นชินกับคนที่นี่“ไม่ค่ะ ฉันจะลงไปด้วย”“ครับ งั้นตามผมมา”“สวัสดีค่ะผู้กำกับมาหาพ่อเลี้ยงหรือคะ” มาริสากล่าวทักทาย“ครับ พ่อเลี้ยงอยู่มั้ย”“พ่อเลี้ยงประชุมอยู่ค่ะ”“แล้วคุณอิ้งค์อยู่ที่นี่หรืออยู่ที่บ้าน”“อยู่ที่นี่ค่ะ ในห้องทำงานพ่อเลี้ยง”“ห้องไหนคะ”พอรู้ว่าเพื่อนรักอยู่ที่นี่ พริมพารีบพูดแทรกถามด้วยความร้อนใจ มาริสามองหน้าผู้กำกับหนุ่มสลับมองหน้าหญิงสาวแปลกหน้า เพื่อขอความเห็น เมื่อผู้กำกับแทนคุณพยักหน้า มาริสาจึงพาทั้งสองไปหาอังวรีที่ห้องทำงานของพ่อเลี้ยง“ยัยอิ้งค์”“พริม”สองสาวโผเข้าสวมก่อนกันด้วยความโล
การที่คิมหันต์พาอังวรีมาเปิดตัวที่รีสอร์ตทำให้เหล่าพนักงานพากันคิดไปต่าง ๆนานาส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเธอคนนี้คือผู้หญิงของพ่อเลี้ยงแน่นอน เพราะพ่อเลี้ยงไม่เคยพาหรือควงผู้หญิงคนไหนมาที่นี่แบบนี้มาก่อน ยกเว้นรตาเพื่อนสาวคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก“เห็นผู้หญิงสวยๆที่มากับพ่อเลี้ยงมั้ย พวกเธอว่าเป็นใคร”“จะเป็นใครไปได้ล่ะ ก็ว่าที่แม่เลี้ยงของไร่นี้ไง”“จะเป็นไปได้เหรอ”“เป็นไปได้อย่างมากเลยล่ะ พวกเธอเคยเห็นพ่อเลี้ยงพาสาวที่ไหนมาเปิดตัวแบบนี้มั่งมั้ยล่ะ นี่คนแรกเลยนะที่ได้ยืนใกล้แถมถูกพ่อเลี้ยงประคองอีกต่างหาก พูดแล้วก็อิจฉา”“พูดถึงก็ดูเหมาะสมกันดีนะ สวยน่ารัก แต่งตัวธรรมดาดูเป็นกันเองไม่ถือตัวเหมือนพ่อเลี้ยง”“แต่เห็นคนในไร่พูดกันว่าเป็นนักท่องเที่ยวในข่าวนะ”“จะเป็นใครก็ช่างอย่าไปอยากรู้กันนักเลย เรื่องของเจ้านาย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวเตือนเพื่อนร่วมงาน ให้สาวๆขี้เมาท์แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเหตุการณ์ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวถูกสังหารหมู่ บนจุดชมวิวเปิดใหม่ของไร่คิมหันต์ เป็นข่าวใหญ่โตดังไปทั่วประเทศ ออกข่าวทีวีช่องหลักทุกช่อง ถึงสำนักข่าวจะช่วยป
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่อังวรีอาศัยอยู่ที่บ้านไร่แห่งนี้ ตอนนี้อาการของเธอดีขึ้นจนเกือบจะหายดี วันนี้หญิงสาวตั้งใจจะเดินลงไปชมรอบ ๆบ้านด้วยตนเองเสียหน่อย“คุณอิ้งค์ ทำไมเดินลงมาเองละคะ” ป่านทองถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาเอง“อิ้งค์ดีขึ้นมากแล้วค่ะป้าป่าน เลยอยากลองเดินด้วยตัวเองบ้าง”“แล้วนี่กำลังจะไปไหนคะ”“อิ้งค์อยากเดินดูรอบ ๆบ้านหน่อยค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย”“ถ้าอย่างนั้นอย่าเดินไปไกลนะคะ เดี๋ยวหกล้มเป็นอะไรขึ้นมาพ่อเลี้ยงจะมาว่าป้าได้”“ค่ะ อิ้งค์จะระวังป้าป่านไม่ต้องกังวลไปนะคะ”เมื่อรับปากแล้วคนตัวเล็กก็เดินชมรอบ ๆบ้าน เป็นบรรยากาศที่ชาวคนเมืองอย่างเธอใฝ่หา อากาศบริสุทธิ์หายใจเข้าแล้วสดชื่นบ้านหลังนี้เป็นบ้านสวนสองชั้นครึ่ง ทรงสูงหลังไม่ใหญ่มาก ชั้นล่างมีห้องครัวเล็ก ๆ ห้องรับแขกและห้องทำงาน แต่ละชั้นเพดานยกสูงเป็นพิเศษทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย ด้านบนเป็นพื้นที่ส่วนตัวมีเพียงห้องเดียวสำหรับไว้นอนเป็นห้องกว้างๆ มีพื้นที่ส่วนกลางสำหร
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องสว่างต้อนรับวันใหม่ แสงเหลืองทองกระทบใบหน้างาม ดวงตาโตกลมตื่นลืมตาขึ้น เห็นตัวเองนอนอยู่เคียงข้างเจ้าของบ้าน ก็พอเดาได้ว่าเมื่อคืนเขาและเธอผล็อยหลับไปด้วยกันทั้งคู่บนนี้ ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นหมายจะกลับห้องไปอย่างเงียบๆ แต่ก่อนหน้านี้บิดขี้เกียจเสียงดังไปหน่อยทำให้คนนอนข้างๆตื่นไปด้วย“นั่นคุณจะไปไหน”“จะกลับห้องค่ะ”“เดี๋ยวผมไปส่ง”“ฉันว่า ฉันพอเดินเองได้แล้ว คุณไม่ต้องอุ้ม...อุ๊ย!” ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ พูดจบร่างน้อยก็ถูกคนตัวโตช้อนอุ้มขึ้นมาแล้ว“ไม่อยากหายแล้วกลับบ้านไว ๆหรือครับ เดินมากแผลจะยิ่งอักเสบเอานะ”“คุณคงอยากให้ฉันกลับแล้ว”“ผมหมายความว่า เดินมากแผลจะอักเสบ ให้ผมอุ้มดีกว่า ถ้าหายแล้วคุณจะอยู่ให้ผมอุ้มไปตลอดชีวิตเลยก็ยังได้ ผมไม่ติดอะไร”“ใครเขาจะอยู่ให้คุณอุ้มไปตลอดชีวิตกันเล่า”“ผมพูดเปิดทางไว้ เผื่อคุณสนใจ” พูดจบร่างสูงอุ้มพาคนในอ้อมกอด เดินลงไปส่งยังห้องนอน
เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปไกล คนอยากรู้ย้ำถามอีกครั้ง อังวรีมองจ้องสบตาเข้าไปในดวงตาคู่คม แววตาเขาเป็นประกายอยากรู้เรื่องเธอเสียเหลือเกิน จึงเอ่ยตอบไปให้หายสงสัย“ก็คงเพราะวันๆทำแต่งานมั้งคะ เลยไม่มีเวลาเจอใคร”“แล้วถ้าเจอคนมาจีบตอนนี้จะทำยังไงครับ”“ก็ต้องดูว่านิสัยเข้ากันได้มั้ย ที่สำคัญคนที่มาจีบต้องโสดจริง ฉันไม่อยากมีปัญหาทีหลังค่ะ”เธอเน้นในประโยคสุดท้ายน้ำเสียงจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นคนรักความสงบ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ชอบเรื่องที่ควบคุมไม่ได้“แล้วคุณชอบคนที่อายุมากกว่าหรืออายุน้อยกว่า”“ชอบผู้ชายอบอุ่นค่ะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปกป้องฉันได้สามารถอยู่ด้วยกันในเวลาที่ฉันต้องการได้ อายุไม่สำคัญถ้าเด็กกว่าแต่นิสัยไม่เด็กก็ใช้ได้”“แล้วมีคนมาจีบบ้างมั้ยครับ”“ก็มีบ้างค่ะ”“แล้วมีใครเข้าตาหรือยัง”“ยังค่ะ”อังวรียู่ปากใส่คนถาม คิ้วบางขมวดเพ่งมองอย่างสงสัยเมื่อคนตัวโตถามลึกเกินไปแล้ว“ถามเยอะขนาดนี้ อย่าบอกนะคะ ว่าคุณกำลังคิดจะจีบฉันน่ะ”ปากไวเท่าความคิดรู้ตัวอีกทีก็เปล่งคำถาม ถามกลับไปแล้
“สวยจังเลยนะคะ คุณคงขึ้นมาบนนี้บ่อย”“ก็ทุกครั้งที่มีเรื่องเครียด แค่ได้มาอยู่บนนี้ มันเหมือนได้หยุดเรื่องเครียดๆพวกนั้นไว้”“ถึงจะรู้ว่าปัญหาที่ทำให้เครียดยังอยู่เหรอคะ”“ครับ อย่างน้อยการได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ มันก็ทำให้มีสติในการแก้ไขปัญหามากขึ้น”“วันนี้ก็ด้วยหรือคะ”“วันนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณต่างหาก”คำตอบของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำหัวใจดวงน้อยพองโต รู้สึกซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจความรู้สึกของเธอมากถึงเพียงนี้“ขอบคุณนะคะ”“มาขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ”“ทุกเรื่องเลยค่ะ ทุกเรื่องที่พ่อเลี้ยงทำให้ ขอบคุณมากจริงๆนะคะ”“คุณนี่ไว้ใจคนง่ายจังนะครับ”“ก็ไม่ง่ายนะ”“แต่คุณกำลังไว้ใจผม”“นั่นก็เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเชื่อใจคุณได้ ถ้าคุณจะทำอะไรฉันก็คงทำไปตั้งนานแล้ว ไม่แบกคนแปลกหน้าที่ไม่เห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ลงจากเขามาหรอก แถมเลี้ยงดูให้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้อีกต่างหาก”“ผมอาจกำลังทำให้คุณตายใจอยู่ก็ได้”“พูดแบบนี้คือต้องให้ฉันระวังคุณไว้ใช่มั้ย” อังวรียิ้มกรุ้มกริ่ม“แต่ฉันสัมผัสได้ว่าคุณเป็นคนดี”“แล้วถ้าผมไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดล่ะ”“ดี ไม่ดีใครเป็นคนตัดสินล่ะคะ เรื่องแบบนี้ก







