ดวงตาตกตะลึงมองบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คู่ควรกับคำว่า ‘เล็ก’ ที่พองตัวพร้อมสู้รบอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากใจกลางความสาวด้วยความรู้สึกฟุ้งซ่าน
มันทั้งใหญ่และยาวขนาดนั้น...จะเข้ามาในตัวเธอได้เหรอ?
โอ้ไม่นะ...หยุดตอนนี้ทันมั้ยเนี่ย
“อย่ากลัว ถ้าคุณไม่ชอบหยุดได้ทุกเมื่อ” น้ำเสียงน่าฟังบอกขณะที่จับแท่งร้อนประจำตัวไปถูไถกับปากทางคับแคบ ศศิรินทร์กลืนน้ำลายเหนี่ยว ๆ ลงคออีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการรับรู้
ถึงใจนึงจะกลัวแต่ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ...นี่เธอเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายไปซะแล้วเหรอเนี่ย
มือบางยกขึ้นปิดหน้าปิดตาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงไปกุมผ้าปูที่นอนแน่นทั้งสองข้างด้วยใบหน้าเหยเกเมื่อเจ้าท่อนใหญ่โตแทรกเข้ามาล่วงล้ำ ราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยิ่งเขาดันตัวผ่านเยื่อพรหมจรรย์ที่เก็บรักษามาเนิ่นนานความเจ็บปวดก็ยิ่งถาโถมเข้าใส่ น้ำตาคลอหน่วยตาด้วยความเจ็บปวด
“เจ็บ ฮึก”
“ชู่ ไม่เป็นไรนะ ผมจะไม่ขยับจนกว่าคุณจะพร้อม” เขาพึมพำบอกพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาจูบ ใช่เพียงหญิงสาวที่รู้สึกเจ็บแต่ตัวเขาเองก็อึดอัดเจ้าส่วนนั้นจนแทบจะคลั่งแต่ก็ไม่คิดจะฝืนบังคับกัน
เขาพรมจูบซับน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนและจูบเธออย่างแผ่วเบารอจนเธอปรับตัวได้และไม่ทรมานกับความเจ็บปวดอีกจึงเริ่มขยับกายเข้าออกช้า ๆ ในจังหวะเนิบนาบ
ความร้อนผะผ่าวที่สอดแทรกเข้าออกทำให้ศศิรินทร์อ่อนระทวยไปทั้งร่างทุกครั้งที่ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นมันวูบวาบไปทั้งท้องน้อยอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ไม่ใช่ความเจ็บปวดทรมานแต่ก็ก่ำกึ่งระหว่างความสุขกับกับความทรมาน...มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ เลย
“อึก อ๊า”
ร่างปวกเปียกถูกจับพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่หลายท่าแต่ทุก ๆ ท่าก็สร้างความรู้สึกวูบวาบให้หญิงสาวได้อย่างมาก เสียงครางไม่เป็นศัพท์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าพอ ๆ กับเอวสอบที่ขยับโยกเข้าออกอย่างเนิบนานสลับเร่งรุกและกลับมาเนิบนาบอีกครั้งเมื่อเธอกำลังจะไปถึงจุดสูงที่สุด ไม่ยอมพาตัวเธอและตัวเขาเองไปถึงฝั่งฝันสักที...ราวกับต้องการจะแนบชิดกับเธอให้นานที่สุด
“อึก คุณ...”
“ซัน เรียกชื่อผมสิ” น้ำเสียงอ่อนโยนบอกอย่างนั้นในตอนที่หยุดโยกเอวราวกับบอกว่าจะไม่ยอมไปต่อถ้าเธอไม่ยอมเรียกชื่อเขา
“ซะะ ซัน ดะ ได้โปรด อึก” เสียงหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งออดอ้อนกึ่งวิงวอน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มก่อนจะเริ่มโยกกายเข้าหาด้วยจังหวะเนินนาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแทกกระทั้นรุนแรง
“อ๊า แรงอีก”
เธอเร่งด้วยน้ำเสียงวาบหวิวก่อนที่ชายหนุ่มจะเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ร่างเล็กแอ่นอกรับตามสัญชาตญาณเร้าร้อนก่อนที่ปลายทางฝั่งฝันจะลอยมาอยู่ตรงหน้า
ครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ได้กลั่นแกล้งหญิงสาวอีก เขากระหน่ำเอวใส่อย่างถึงพริกถึงขิง จากช้าไปเร็ว และเร็วขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะไปถึงจุดสูงสุดที่วาดฝันพร้อม ๆ น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยจนชุ่มชื่น
หญิงสาวเกร็งกระตุกตอดรัดแท่งร้อนผ่าวเอาไว้พร้อม ๆ กับหายใจหอบและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยสัมผัสทำให้หายเมาเป็นปลิดทิ้งง
อ๊า...ทำเรื่องอย่างว่าจน ‘เสร็จ’ ไปซะแล้วซิ
“อึก”
ยามชายหนุ่มถอดถอนตัวตนออกราวกับโลกทั้งใบเคว้งคว้างทว่ายามเขาทิ้งตัวลงมากอดเธอเอาไว้กลับอบอุ่นจนลงลืมความรู้สึกโหวง ๆ นั้นไปจนหมด
หายจากอาการเมาแต่อาการอ่อนเพลียก่อนเข้ามาแทนที่ หญิงสาวซุกตัวเข้าหาคนร่างหนาก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า...ไม่รู้ไม่ชี้มันแล้ว
รังสิมันตุ์ก้มมองคนในอ้อมแขนก่อนจะยื่นหน้าลงไปจุมพิตหน้าผากสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบริมใบหู “จะหลับง่าย ๆ ได้ยังไง...นี่แค่น้ำจิ้มเองนะ ยังไม่ได้ ‘กิน’ อาหารหลักเลย”
เปลือกตาสวยเปิดขึ้นอีกครั้งและเบิกกว้างเมื่อมือหนาเลื่อนมากอดเอวและรวบร่างเธอขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงซ้ำยังจับเรียวขาสวยให้แยกออก
โอ้ไม่นะ...
“ผมบอกแล้วไง ถ้าไม่หยุดตอนนี้...ผมก็ไม่หยุดแล้ว”
“ฮึก คุณมัน...หื่น อ๊า” คนถูกแหกแข้งแหกขาออกจนไม่เหลืออะไรให้เป็นความลับอีกแล้วได้แต่ร้องบอกก่อนจะต้องหลุดครางไม่ได้ศัพท์เมื่อตัวตนขึงขังแทรกเข้ามาลุกล้ำอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ เธอมาเจอคนหื่นใช่มั้ยเนี่ย
แต่ให้ตายสิ ทำไมยิ่ง ‘ทำ’ เธอกลับยิ่งชอบล่ะ
แล้วพรุ่งนี้เธอจะปล่อยให้เขาหายไปได้มั้ยเนี่ย
“อึก ซัน ตรงนั้นมัน...”
“ตรงนี้ทำไมเหรอ หืม...” เขารู้ในความหมายที่หญิงสาวจะสื่อแต่ก็ยังคงกลั่นแกล้งกระแทกไปที่จุดที่เธอสื่อไปถึง มันเป็นการกลั่นแกล้งด้วยความเอ็นดูแต่คนถูกแกล้งกลับแทบจะเสียสติเพราะความซาบซ่าน
ขืนเขายังทำแบบนี้ต่อไปเธอคงจะปลดปล่อยออกมาอีกแน่
อึก ทำไมถึงขี้แกล้งแบบนี้
“อึก กรี๊ด” วิมานความสุขเกิดขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้งชนิดที่ว่าศสิรินทร์ไม่ได้หายใจหายขอ แต่ยิ่งเขาแนบชิด ลึก ๆ เธอกลับชอบใจจนลืมไปแล้วว่าเป็นเพียงคนแปลกหน้า
ในหัวไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำแม้แต่เรื่องของคนรักเก่า ปากก็พึมพำเรียกได้แต่ชื่อของคนที่ปรนเปรอเรื่องแปลกใหม่ให้เธออยู่ตรงนี้จนแทบจะลืมชื่อตัวเองไปด้วยซ้ำ
เตียงขนาดใหญ่ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสมรภูมิร้อนนยับยู่ยี่ไปหมด กลิ่นอายรักร้อนคละคลุ้งไปทั่วบริเวณแต่กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกขยะแขยง ร่างเล็กถูกปล่อยให้นอนลงอย่างหมดแรงพร้อม ๆ กับความอ่อนเพลียก่อนที่ผู้กุมสนามรักจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ และมองใบหน้าอ่อนแรงนั้นด้วยสายตาเป็นประกายสายหนึ่งที่หญิงสาวไม่มีโอกาสได้เห็น
ศศิรินทร์ซุกกายเข้าหาความอบอุ่นก่อนจะหลับปุ้ยไม่รับรู้อะไรอีก ชายหนุ่มกระชับผ้าห่มให้คนหลับไปเพราะความอ่อนเพลียก่อนจะทาบทับริมฝีปากลงที่หน้าผากเล็กอ่อนแผ่วเบา
“ฝันดีนะแม่ตัวนุ่ม”
ภารกิจด่านพี่ ด่านเพื่อน ด่านน้องผ่านไปก็มีภารกิจใหม่เข้ามา นั่นก็คือการทำความรู้จักกับผู้คนรอบตัวของชายหนุ่ม สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเข้ามาพร้อมกับผู้คนที่หลากหลาย แต่ยังดีที่มีเจ้ญาดาและลูกสาวคอยช่วยทำให้เธอได้รู้จักกับคนภายในแฟลตได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วและด้วยความที่ไม่ได้บอกเล่าว่าเธอเป็นใครทำอาชีพอะไรทุกคนจึงทำตัวสบาย ๆ ทำให้หญิงสาวค่อนข้างจะสบายใจเวลาที่ได้พูดคุย เพียงไม่นานก็สนิทกับเกือบทุกคนโดยเฉพาะกับสาว ๆ จากกลุ่มสืบสวนที่มีกลุ่มไลน์ไว้คุยกันอย่างสนุกสนาน เธอถูกเรียกขานกันเป็นซ้อรองและกลายเป็นคนที่ทุกคนให้ความสำคัญรองลงมาจากซ้อใหญ่อย่างนีรนุชบรรยากาศภายในกลุ่มค่อนข้างสนุกและเป็นเอง ภายนอกกลุ่มก็ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีแต่ทุกสังคมก็มีทั้งทั้งดีและไม่ดี ปะปนกัน แต่ละคนก็มีนิสัยแตกต่างกันออกไป เธอจึงได้พบทั้งคนที่แสนดีและเป็นมิตร ทั้งคนที่จ้องจะนินทา คนที่นินทาเธอกับรังสิมันตุ์ก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งเธอและรังสิมันตุ์ก็เลือก
ตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ฝั่งขวาเป็นเสื้อผ้าของรังสิมันตุ์ที่มีเพียงไม่มาก ส่วนฝั่งด้านซ้ายมือเป็นเสื้อผ้าของศศิรินทร์ที่กินเลนไปเกือบสามของสี่ส่วน หญิงสาวกวาดสายตามองชุดนอนที่เรียงรายกันกินเลนไปในฝั่งของชายหนุ่มหลังจากที่จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะทอดถอนใจ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่มีตัวไหนน่าพอใจขึ้นมาซะอย่างนั้นเธอกลายเป็นคนเรื่องมากเรื่องชุดนอนตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย!คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจเบา ๆ แต่แล้วสายตาก็มองเลยไปในเขตของเจ้าของห้อง ตาคู่หวานหยุดลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาวตัวใหญ่ที่ดูธรรมดาไม่ได้พิเศษที่เรียงกันอยู่ถึงสามตัวก่อนจะหยิบออกมาจากตู้ด้วยแววตาพอใจ...ยืมใส่สักวันก็คงไม่ว่าหรอกมั้งนะคนไม่พอใจกับเสื้อผ้าตัวเองคิดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะถือเสื้อที่หมายตาเข้าไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ตอนที่แยกย้ายกั
มื้อเย็นวันนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างหายใจหายคอลำบากสำหรับศศิรินทร์ หญิงสาวมองไปยังด้านซ้ายที่มีพิชญาดาและพิชญะก่อนจะเบนสายตามายังด้านขวาถัดไปจากเก้าอี้ของรังสิมันตุ์ที่มีเพื่อนสาวทั้งสามคนนั่งเรียงกันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นว่าทั้งเพื่อนทั้งพี่แท็คทีมกันมาในวันเดียวกันแบบนี้ได้นะสายตาคู่หวานมองเลยเพื่อนสาวทั้งสามคนไปยังภาสกรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพื่อนหนุ่มใจสาวกลับไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเลยสักนิด...เสียแรงที่เรียกมาให้ช่วยจริง ๆ ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวที่พิชญาดาซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้เปิดเป็นพิเศษเพื่อวันนี้โดยเฉพาะผ่อนคลายลงมาบ้าง ศศิรินทร์ลอบเป่าปากเบา ๆ เมื่อทุกสายตาหันไปสนใจที่ประตู ทว่าเมื่อหญิงสาวหันไปมองตามก็ต้องขมวดคิ้วและหันมามองรังสิมันตุ์ด้วยความรู้สึกสงสัย“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะคุณแพร” น้
อาทิตยะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่สลายทีมงานแต่ยังพุ่งไปชักชวนพิชญะและภาสกรออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันด้วย มิหนำซ้ำยังไม่วายคว้ามือพานางเอกและพระเอกของเรื่องไปด้วยภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงศศิรินทร์และเจ้าของสถานที่ที่มองมาที่เธอและรังสิมันตุ์ตาแทบไม่กระพริบ“เอ่อ...ขนมคะ” หญิงสาวทนสายตาที่มองมาไม่ไหวต้องรีบหยิบยกเรื่องขนมขึ้นมาพูดจะได้ไม่รู้สึกเขิน “พอดีสั่งมาให้ทีมงาน ก็เลยเอามาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้ก็...รบกวนหน่อยนะคะ”“มะ ไม่รบกวนเลยครับซ้อรอง สำหรับซ้อรองแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ”“ใช่ครับ ๆ สำหรับแฟนพี่รองน่ะไม่รบกวนพวกเราหรอกครับ”“เอ่อ ค่ะ” เจอท่าทีคล้ายประจบของเพื่อนร่วมงานของรังสิมันตุ์เข้าไปหญิงสาวก็ไปไม่เป็นต้องเงยหน้ามองชายหนุ่ม ผู้กองหนุ่มรู้ถึงสัญญาณของความช่วยเหลือในทันทีจึงส่งเสียงกระแอมขึ้
ทั้งที่ศศิรินทร์เดินออกมาแต่ถึงอย่างนั้นภานุกานต์ก็ไม่ได้แยกไปไหนเพราะสถานที่ที่เขาจะมาก็เป็นห้องเดียวกับที่หญิงสาวเดินเข้าไป ชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบเชียบทว่ากลับไม่ได้มองหาคนที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่อดีตคนรักที่นั่งดูการถ่ายทำอยู่กับเพื่อนหนุ่มใจสาวอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ละไปไหน“เขามองแกอยู่” ภาสกรส่งเสียงกระซิบพร้อมกับสะกิดให้หญิงสาวได้รู้ตัว ทว่าศศิรินทร์กลับไม่ได้สนใจใด ๆเธอคาดเดาไม่ออกหรอกว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้เอาแต่จ้องมองมา คนคนนี้คาดเดาได้ยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเธอก็ไม่คิดที่จะหาคำตอบอีกแล้ว“คัส...โอเค พักกินข้าวได้” เสียงสั่งของอาทิตยะดังขึ้นในเสี้ยววินาทีต่อมา พร้อม ๆ กับที่คนของบ้านขนมไทยบุษบามาส่งขนม ทีมงานทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดกล้องวันแรกบอสสาวมักจะสั่งขนมไทยร้านประจำมาเลี้ยงเสียงเฮฮาจึงเริ่มต้นขึ้น
วันต่อมารังสิมันตุ์ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ศศิรินทร์เลือกให้เมื่อเย็นวานนี้เปิดประตูเข้ามาในห้องประจำทีมและตรงดิ่งมายังมุมชงกาแฟอย่างอารมณ์ดีโดยไม่สนใจทีมงานของกองถ่ายที่เข้ามาเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอยู่ภายในห้องรวมไปถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองมาราวกับว่าเขากินยาลืมเขย่าขวดหรือไม่ก็ซัดของผิดสำแดงเข้าไป ธัญย์ธิชาและตรัยคุณที่มักจะพูดคุยกันแทบทุกเรื่องจ้องมองไปที่พี่รองของทีมแล้วก็หันมองสบตากันคนแบบนี้มีความรักจริง ๆ สินะ“พี่รองกลับมาแล้วเหรอครับ” บางคนหายตกใจกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของพี่รองได้ไวก็ส่งเสียงทัก คำว่ากลับมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วว่ารองหัวหน้าทีมหายไปไหน แต่หมายถึงกลับมาทำงานแล้วเหรอ“อื้อ”แม้ว่าจะดูอารมณ์ดีผิดปกติแต่พี่รองก็ยังคงเป็นพี่รอง ผู้กองรังสิมันตุ์ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อย ไม่ได้ม