รถยนต์คันหรูแล่นออกจากโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ด้วยความรวดเร็วโดยมีวิณทร์วายุเป็นคนขับ ส่วนพินทุอรซึ่งเป็นผู้โดยสารนั้นปรับเบาะนอนเหยียดยาวทำเหมือนไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
จิตแพทย์หนุ่มตัดสินใจพาเพื่อนสาวกลับคอนโดฯ ของตนเอง โดยทิ้งรถของอีกฝ่ายไว้ที่โรงพยาบาลแล้วกลับพร้อมกันกับเขา ในระหว่างที่รอพินทุอรเก็บของ เขาก็ได้โทร.ไปขออนุญาตคะนึงรักซึ่งเป็นภรรยาไว้เรียบร้อยแล้ว
‘ดีใจจัง พี่อิงจะมานอนค้างกับเรา’ คะนึงรักตอบกลับเสียงใส
‘แต่สภาพอาจจะไม่ค่อยดีนะ มีเรื่องที่โรงบาลนิดหน่อย’
‘อ้าว งั้นเหรอคะ ลี่ถามได้มั้ยว่าเรื่องอะไร’
‘ความรัก’
‘โอเค งั้นลี่จะสั่งอาหารอร่อยๆ ที่พี่อิงชอบมารอไว้ละกัน อาหารอร่อยๆ จะเยียวยาหัวใจเราเอง’
‘อืม ฝากด้วย รักลี่นะ’
‘ลี่ก็รักคุณ’ เธอตอบก่อนวางสายไป
คะนึงรักหรือสาลี่คือภรรยาของวิณทร์วายุ แต่ก่อนหญิงสาวทำงานอยู่ที่บริษัทเวดดิง แพลนเนอร์ชื่อดัง ตอนนี้ขอลาพักอย่างไม่มีกำหนดเพื่อเลี้ยงลูกชายที่อายุได้หกเดือน
หลังจากแต่งงานกัน ภรรยาสาวของเขาก็มีเรื่องจุกจิกซึ่งมักจะโทร. คุยอะไรกับพินทุอรบ่อยครั้ง ทำให้สองสาวสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ผู้หญิงกับผู้หญิงได้ปลอบใจกัน อาจจะดีกว่าเขาที่เป็นผู้ชายก็เป็นได้
วิณทร์วายุเหลือบมองเพื่อนสาวอย่างระมัดระวังเป็นระยะๆ ในที่สุดคนถูกมองก็เปิดเปลือกตาขึ้น ถอนใจเหนื่อยหน่าย แล้วบอก “แกอยากถามอะไรก็ถามมา อย่าเอาแต่เหลือบจนตาเหล่แบบนั้น มันน่ารำคาญรู้ไหม”
“แกอยากเล่ามั้ยล่ะ ถ้ายังไม่อยากพูดถึงก็ไม่ต้องเล่า ฉันแค่มองเพราะกลัวว่าแกจะหยุดหายใจบนรถฉันแค่นั้นเอง”
“แกคิดว่าคนอย่างฉันจะตายกับแค่เรื่องอกหักเหรอ อยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะ ไม่สะเทือนขนาดนั้นหรอก”
“ตกลงว่าแกคบกับหมอรัชตะมาห้าปีเลยเหรอ เราสองคนสนิทกันขนาดนี้ ทำไมฉันไม่ระแคะระคายอะไรเลย” วิณทร์วายุถามตรงๆ
“เขาบอกว่าเป็นรักในที่ทำงาน ไม่อยากเปิดเผย ไม่อยากมีปัญหา แต่งงานเมื่อไหร่ค่อยประกาศทีเดียวเลย”
“ก็แค่ข้ออ้างของพวกชอบทำตัวเป็นโสด เจ้าชู้สันดานเสีย” ชายหนุ่มด่า
“แหม...ทำเป็นพูดดีนะ ก่อนจะหยุดแกก็เคยสุดมาก่อน จำได้ว่าตอนเรียน มีสาวๆ มาจีบแกพร้อมกันสามคน แกหยอดเล่นทุกคน ไปหาคนนั้นที คนนี้ที แต่สุดท้ายก็ไม่เอาสักคนเลย”
จิตแพทย์หนุ่มยิ้มแหยๆ เบาเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ “แกก็อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นแบบนี้สิ ห้ามเอาไปเล่าให้แม่ เอ๊ย เมียบังเกิดเกล้าของฉันฟังนะ ถ้าเกิดแม่เจ้าประคุณได้ยินแล้วอยากคิดบัญชีย้อนหลัง ฉันคอขาดแน่”
“ลี่ไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นสักหน่อย”
“กันไว้ดีกว่าแก้โว้ย เกิดลี่หึงจนหน้ามืด แล้วมาทำร้ายร่างกายฉันแบบแกที่ต่อยหมอรัชตะจนเลือดอาบ ฉันก็แย่น่ะสิ แต่คิดๆ ไปเมียฉันคงไม่หึงโหดขนาดนั้น ไม่เหมือนแก ไอ้ผู้หญิงใจร้าย”
“ถ้าฉันใจร้ายจริง คงไม่ฟาดแค่ดั้งจมูกหรอก หักข้อมือแม่งทิ้งดีกว่า เอาให้หมดทางหากิน” พินทุอรบ่น
วิณทร์วายุหัวเราะเบาๆ ใครๆ ก็รู้ว่ามือและข้อมือสำคัญสำหรับศัลยแพทย์ขนาดไหน
“คืนนี้นอนค้างคอนโดฯ ฉันก่อนละกัน ตั้งหลักให้ดีก่อน ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ ไปกินข้าวบ้านฉันก่อนนะ ลี่โทร. สั่งอาหารที่แกชอบมาแล้ว”
“เอาสิ ฉันไม่ได้เจอลี่มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว คิดถึงหลานตัวอ้วนๆ ด้วย” รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อพูดถึงเด็กชายคณินทร์ หลานชายตัวอ้วนจ้ำม่ำซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนรัก
“หลับไปก่อนก็ได้ ถึงแล้วฉันปลุก”
แทนที่พินทุอรจะทำตาม จิตแพทย์สาวกลับปรับเบาะขึ้นเป็นระดับปกติ แล้วถามเสียงเบา
“แกว่าที่ฉันก่อเรื่องเมื่อกี้ จะโดนพักงานไหมวะวิณทร์”
“จะเหลือเหรอ ฟาดปากเพื่อนร่วมงานเลือดอาบเสียขนาดนั้นน่ะ ได้พักยาวเพื่อสงบสติอารมณ์อย่างน้อยสองสัปดาห์แน่นอน แต่ถึงไม่มีคำสั่งให้พักงาน แกเองก็คงไม่อยากไปทำงานสักพักนั่นแหละ ใช่มั้ยวะ”
“แกเป็นหลานเจ้าของโรงบาลนี่ บอกปู่แกหน่อยสิว่าอย่าไล่ฉันออก”
วิณทร์วายุค้อนควัก “ปู่ฉันรักแกมากกว่ารักฉันอีก ไม่มีวันไล่แกออกอยู่แล้ว นี่ถ้าปู่ฉันรู้ว่าหมอรัชตะนอกใจหลานรักของท่านนะ อนาคตเขานั่นแหละที่อาจจะไม่รุ่ง”
เป็นเพราะพินทุอรและวิณทร์วายุเรียนจบมารุ่นเดียวกัน ทำให้หญิงสาวสนิทสนมกับครอบครัวของชายหนุ่มมาตั้งแต่ยังเป็นนิสิตแพทย์ ติดก็แต่พินทุอรท่าทางเหมือนเพื่อนผู้ชายสองคนคบกันมากกว่า ทำให้ไม่มีใครมองเพื่อนซี้ทั้งสองคนไปในทางชู้สาว
“ให้มันจบตรงนี้นี่แหละ อย่าให้เรื่องส่วนตัวกระทบเรื่องงานเลย ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า พี่เขาก็เป็นหมอศัลย์ที่เก่งมากคนหนึ่งในโรงบาลเรา แม้เขาอาจจะไม่ใช่แฟนที่ดีแต่ก็เป็นหมอที่ดี เพราะฉะนั้น ช่างมันเถอะ”
“หมอที่ดีควรมีคุณธรรมและศีลธรรมที่ดีด้วยต่างหาก ไม่งั้นคนที่จะสอบเข้าเรียนหมอสมัยนี้จะสอบจริยธรรมแพทย์ไปทำไม” วิณทร์วายุแย้งก่อนสรุป “แต่เอาเหอะ แกว่าไงก็ว่างั้น ฉันเคารพในการตัดสินใจของแก”
จากนั้นเพียงไม่ถึงสิบห้านาที วิณทร์วายุก็ขับรถมาถึงคอนโดฯ คะนึงรักรีบมาเปิดประตูให้ ส่วนลูกชายของทั้งสองกำลังนอนเล่นของเล่นอยู่ในคอกเด็กสีฟ้าอ่อน
“พี่อิง สวัสดีค่ะ”
ทันทีที่คะนึงรักเอ่ยต้อนรับแขกคนสวยจบประโยค วิณทร์วายุก็คว้าเอวบางเข้าไปกอด ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาดังจ๊วบ ไม่สนใจเพื่อนสาวที่อมยิ้มกลอกตามองบนอยู่ที่หน้าประตูห้องแม้แต่น้อย
“หวานน้อยๆ หน่อยเถอะวิณทร์ บอกตามตรงว่าฉันยังรับสภาพความคลั่งรักของแกแบบนี้ไม่ค่อยได้ ขนลุก” พินทุอรแกล้งลูบแขนเรียว
“หวานน้อยไม่ได้โว้ย เดี๋ยวเมียไม่รัก” จิตแพทย์หนุ่มตอบหน้าตาย จากนั้นจึงเดินไปล้างมือ ก่อนจะช้อนเด็กน้อยอ้วนจ้ำม่ำขึ้นมากอด
“ว่าไงไอ้เสือน้อยลูกพ่อ วันนี้เป็นเด็กดีมั้ยครับ”
“เป็นเด็กดีคับ ผมเป็นเด็กดีกว่าพ่ออีกคับ” พินทุอรแกล้งดัดเสียง
“ไปห่างๆ เลยไอ้อิง เดี๋ยวเชื้อบ้าของแกติดลูกฉัน”
“น้าอิงไม่บ้าคับ น้าอิงฉวย” เด็กชายคณินทร์ตัวปลอมยังคงเจื้อยแจ้วต่อเนื่อง ส่วนเด็กน้อยตัวจริงได้แต่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก
คะนึงรักมองขำๆ ปล่อยให้สามีกับเพื่อนสนิทของเขาเล่นกับลูกชายพักใหญ่ จึงค่อยมาตามให้ทุกคนไปกินข้าว โดยอาหารมื้อใหญ่นี้หญิงสาวเลือกมาแต่เมนูที่จำไว้ว่าพินทุอรชอบทั้งสิ้น
“สั่งอาหารเอาใจพี่ขนาดนี้ มีหมาคาบข่าวมาบอกสินะลี่” จิตแพทย์สาวอมยิ้มหลังจากเห็นอาหารหลากหลายชนิดบนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปแยกเขี้ยวใส่ ‘หมา’ ที่คาบข่าวมาบอก
“วิณทร์เขาแค่เป็นห่วงพี่อิงน่ะค่ะ”
พินทุอรกลอกตามองบน “แหม...ออกตัวแทนกัน”
วิณทร์วายุแกล้งยักไหล่ “ทำไงได้วะ คนมันหล่อ เมียเลยรักมากเป็นธรรมดา”
“ถ้าแกไม่มีฉันคอยให้คำปรึกษาตอนที่จะจีบลี่ ป่านนี้แกคงยังนอนโง่ๆ เขี่ยมุมผ้าห่มเล่นอยู่คนเดียวแน่นอน ไม่มีโอกาสได้มีลูกน่ารักมีเมียสวยแบบนี้หรอก”
วิณทร์วายุค้อนควักราวกับผู้หญิง “เรื่องมันนานแล้ว เลิกพูดเสียที กินๆ เข้าไป ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งน่ะ แกชอบไม่ใช่เหรอวะ เอ้า...กิน!”
“มีเบียร์มั้ย” พินทุอรถามพลางนั่งลง
“มี เดี๋ยวฉันไปเอาให้” วิณทร์วายุบอกพร้อมก้าวยาวๆ หายไปทางครัวก่อนจะกลับมาพร้อมเบียร์สองกระป๋อง “แกดื่มกับฉันได้ ลี่ห้ามเพราะให้นมลูกอยู่”
แล้วทุกคนก็ร่วมวงกินข้าวเย็นด้วยกัน แม้แต่เด็กชายคณินทร์ตัวอวบอ้วนก็มานอนกินนมบนตักคะนึงรักก่อนจะผล็อยหลับไปเมื่อนมหมดขวด
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่แย่เกินไปนัก ไม่ได้มีอารมณ์โศกเศร้าเคล้าน้ำตาของคนอกหักแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับมีเสียงหัวเราะดังแว่วเป็นระยะ แต่วิณทร์วายุและคะนึงรักก็พอจับสังเกตได้ว่าคืนนี้ดวงตาของพินทุอรหม่นเศร้าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย