ห้านาทีต่อมาทั้งพินทุอรและภัคจิราก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องพักของหมอรัชตะซึ่งเป็นศัลยแพทย์อันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์
พินทุอรเคาะประตูเบาๆ “พี่โอ๊ต อิงเอง”
“เข้ามาสิอิง เลิกงานแล้วเหรอครับ” เสียงห้าวปนอบอุ่นดังแว่วมาจากในห้อง น้ำเสียงคนพูดเจือความดีใจอยู่ไม่น้อย
จิตแพทย์สาวเปิดประตูเข้าไป คนในห้องก็ก้าวยาวๆ เข้ามาหาทันที ใบหน้าขาวหล่อเหลาเปื้อนยิ้มสดใส แขนทั้งสองข้างกางออกเพื่อจะโอบกอดแฟนสาว
ทว่าเมื่อรัชตะเห็นภัคจิราเดินตามเข้ามา เขาก็ชะงักเท้า รอยยิ้มเกลื่อนดวงหน้าเมื่อครู่จางหาย เหลือเพียงริมฝีปากกระตุกเหมือนควบคุมไม่ได้ ดวงตาเรียวรีเบิกโพลง มิหนำซ้ำหน้าซีดเป็นไก่ต้มที่ต้มแล้วต้มอีกหลายวัน มีแต่แขนสองข้างที่ยังกางค้างราวกับสมองประมวลผลไม่ทันจึงยังไม่สั่งการ
สำหรับพินทุอร...นี่เป็นการยืนยันได้ทันทีว่าสิ่งที่ผู้หญิงหน้าสวยแต่ปากแจ๋วคนนั้นพูดมาน่าจะเป็นความจริง
ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้มันคบซ้อนจริงๆ
ไอ้ผู้ชายควายธนู!
ความเงียบครอบคลุมห้องพักแพทย์เพียงชั่วอึดใจ แต่เหมือนยาวนานชั่วนิรันดร์ และในที่สุด รัชตะก็ยอมเปิดปากแบบสั่นๆ
“อะ...อิง...นี่มันอะไรกัน มา...มาพร้อมกันได้ยังไง”
พินทุอรสะบัดข้อมือไปมา จากนั้นก็หักนิ้วดังกร๊อบๆ จนครบสิบนิ้ว หมุนคอหมุนไหล่เพื่อวอร์มร่างกาย แล้วค่อยก้าวช้าๆ ไปหาแฟนหนุ่ม
วิณทร์วายุกำลังถอดเสื้อกาวน์แขวนและเตรียมตัวจะกลับบ้านตอนที่พยาบาลอาวุโสวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องตรวจ
“หมอวิณทร์คะ หมออิงเกิดเรื่องแล้วค่ะ”
“คนไข้ของหมออิงมีปัญหาเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ รีบไปที่แผนกศัลย์เถอะค่ะ เร็วๆ เลย อาจจะมีคนบาดเจ็บนิดหน่อย”
จิตแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว ในเมื่อพินทุอรเป็นจิตแพทย์และประจำอยู่ที่แผนกจิตเวชเหมือนเขา แล้วจะให้ไปที่แผนกศัลยกรรมเพื่ออะไร
“ไปทำไมที่แผนกศัลย์ มีคนบาดเจ็บ ทำไมไม่ส่งไปโอพีดี”
“ไปก่อนเถอะค่ะ อย่ามัวถามเลย ไปที่ห้องพักของหมอรัชตะนะคะ” พยาบาลสูงวัยพูดพลางดันร่างสูงของจิตแพทย์หนุ่มออกจากห้องตรวจ
วิณทร์วายุเป็นจิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้พระเอกเกาหลี แถมยังเป็นหลานของเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย เรียกว่ารูปหล่อ พ่อรวยและฉลาดครบสูตร แต่เสียดายที่ชายหนุ่มแต่งงานแล้ว ทำให้สาวๆ ในโรงพยาบาลร้องไห้กันอยู่เป็นเดือน
ชายหนุ่มก้าวยาวๆ อย่างไม่รีบร้อนไปยังแผนกศัลยกรรมซึ่งอยู่ชั้นสามของโรงพยาบาล ทว่ายังลงบันไดเลื่อนไปไม่ถึงบริเวณที่พยาบาลสูงวัยบอก ก็ได้ยินเสียงโวยวายลั่นอยู่หน้าห้องของศัลยแพทย์มือดีคนหนึ่งของโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์
“แกทำพี่โอ๊ตเจ็บ นังบ้า แกต้องโดน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องดังลั่น ทำเอาคนไข้ที่นั่งรอด้านนอกมองหน้ากันไปมา บางคนถึงกับชะโงกหน้าเข้าไปสังเกตการณ์
“ก็มาดิค้าบ”
เสียงหวานใสแต่ท้าทายอวัยวะเบื้องล่างแบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากพินทุอร จิตแพทย์สาวที่เป็นเพื่อนรักของเขาเอง
ฉิบหายแล้วไง!
เขารีบสาวเท้าเร็วๆ ไปยังต้นกำเนิดของเสียง แล้วก็ต้องชะงักนิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาพตรงหน้าของวิณทร์วายุคือความชุลมุนย่อมๆ ผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานทำกำลังพยายามจะเข้าไปทำร้ายพินทุอร ติดก็แต่จิตแพทย์สาวมีรูปร่างสูงเพรียวและแข็งแรงกว่ามาก พินทุอรทำเพียงยกมือดันศีรษะอีกฝ่ายให้ห่างออก ผู้หญิงคนนั้นจึงได้แต่หวีดร้อง ปัดแขนป่ายไปป่ายมาอย่างน่าสงสาร
วิณทร์วายุรีบเข้าไปรวบตัวของพินทุอรไว้ ดึงให้ห่างออกจากหญิงสาวปริศนา แล้วถามเสียงขุ่น
“ไอ้อิง ทำบ้าอะไรวะ ที่นี่โรงพยาบาล แล้วแกก็เป็นหมอนะโว้ย ไม่ใช่อันธพาล”
“ฉันเลิกงานแล้ว ทำไมจะรับจ๊อบเป็นอันธพาลไม่ได้” เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ก็ยอมให้จิตแพทย์หนุ่มลากตัวให้ห่างออกจากผู้หญิงตรงหน้าที่เพิ่งหยุมหัวกันเมื่อครู่
เมื่อหลุดจากพินทุอรมาได้ หญิงสาวคนนั้นก็ชี้ไปที่มุมห้องแล้วฟ้องทันที “นังนี่มันทำร้ายหมอรัชตะ จับส่งตำรวจเลย”
วิณทร์วายุหันไปมองตามที่หญิงสาวแปลกหน้าชี้ ถึงได้เห็นรัชตะ แพทย์รุ่นพี่นั่งคอตกอยู่ แถมยังมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูกไม่หยุด เบ้าตาขวามีร่องรอยการถูกทำร้ายเด่นชัด
“ไอ้เชี่ยอิง! เวรเอ๊ย” ชายหนุ่มอุทาน รู้ทันทีว่าใครเป็นคนฝากรอยรักไว้ให้คุณหมอรุ่นพี่แบบนี้
พินทุอรสะบัดตัวหลุดจากอ้อมแขนเพื่อนรัก หักข้อนิ้วดังกร๊อบ ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาศัลยแพทย์หนุ่มที่นั่งหมดสภาพอยู่
“พอแล้วอิง” วิณทร์วายุคว้าข้อมือเธอไว้แล้วรีบห้าม
จิตแพทย์สาวกลอกตามองบน ก่อนพูดเสียงเรียบ “ฉันแค่อยากจะพูดอะไรกับหมอโอ๊ตนิดนึง นี้ดดดเดียว ไม่ได้จะเข้าไปอัดเขาเพิ่มสักหน่อย”
“งั้นก็ค่อยๆ พูด อย่าลงมือ”
“รู้แล้วน่า”
“สัญญา”
“เออ สัญญา”
เมื่อวิณทร์วายุปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ เธอก็ก้าวไปยืนกอดอก มองหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยังนั่งกองอยู่กับพื้น แล้วอธิบายเสียงเย็นเยียบ
“ที่อิงต่อยพี่ไปสามหมัด อิงมีเหตุผล หมัดที่หนึ่ง อิงเอาคืนที่ผู้หญิงคนนั้นของพี่กล้ามาตบอิงถึงห้องตรวจ แต่อิงไม่ทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน อิงเลยต้องมาเอาคืนกับพี่ โอเคไหม” เมื่อคนโดนต่อยพยักหน้ารับรู้ เธอก็พูดต่อ “ส่วนหมัดที่สอง อิงต่อยพี่เพราะพี่หลอกลวงอิง คบซ้อนมาตลอดหลายปี ทำให้อิงกลายเป็นคนโง่ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องเสียใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนควรเจออะไรเลวร้ายแบบนี้ พี่เข้าใจนะ”
“ขะ...เข้าใจจ้ะ” รัชตะพยักหน้าเกรงๆ “แล้วหมัดที่สามล่ะ”
“อิงแค่อยากต่อย เห็นหน้าพี่แล้วหงุดหงิด พี่มีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่มี ไม่มีเลย” รัชตะลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล พยายามจะเอื้อมมือมาจับพินทุอรแต่เมื่อเห็นจิตแพทย์สาวตาวาวก็ชักมือกลับ “อิงจ๋า พี่แค่พลาด ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ พี่สัญญาว่าจะจัดการปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ถ้าแค่ครั้งหรือสองครั้ง ก็อาจจะเรียกว่าพลาดได้ แต่ดูเหมือนพี่พลาดนานไปหน่อยนะคะ” พินทุอรหยุดแล้วหันไปหาผู้หญิงอีกคนที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ “คุณคบกับหมอรัชตะมากี่ปีนะ”
“สองปีกว่า” เธอตอบเสียงสะอื้น
“พลาดมาสองปีกว่า แถมยังพลาดมีลูกด้วยกันอีก พี่จบแล้วละ”
“อิง เดี๋ยวก่อน” รัชตะรวบรวมความกล้าคว้าข้อมือจิตแพทย์สาวไว้ “พี่เลือกอิงนะ”
“เฮอะ!” พินทุอรกลั้นขำ “พี่มีสิทธิ์อะไรมาเลือก คนอย่างอิงไม่เคยยอมเป็นตัวเลือกของใคร เราสองคนจบกันแค่นี้ อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ”
“ไม่นะอิง”
พินทุอรบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม ก่อนจะเหวี่ยงกำปั้นซัดเข้าที่ใบหน้าของศัลยแพทย์หนุ่มเต็มแรง โดนปากครึ่งจมูกครึ่ง ทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
จิตแพทย์สาวสะบัดข้อมือเบาๆ หันไปหาผู้หญิงอีกคนของอดีตแฟนหนุ่ม
“ฉันจบกับเขาแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของคุณกับเขาเคลียร์กันเองก็แล้วกันนะว่าจะยังไงต่อ”
“อิง...” รัชตะจับข้อเท้าเธอไว้
“ปล่อย”
“อิงจ๋า อย่าไป”
“เอาเวลาอ้อนวอนไปศึกษาวิธีเลี้ยงลูกเถอะ”
พินทุอรชักเท้าออก ก่อนจะก้าวเร็วๆ ออกมาจากบริเวณนั้น ฝ่าสายตาของกลุ่มพยาบาลที่มารับชมละครชิงรักหักสวาทช่วงเย็นโดยไม่สนใจว่าตนเองคือตัวละครหลักในละครเรื่องดังกล่าว ส่วนวิณทร์วายุก็ได้แต่ก้าวยาวๆ ตามเพื่อนรักไปเท่านั้น
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย