เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังขึ้นในความเงียบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอุทานของพยาบาลสาวประจำห้องตรวจ และเสียงโวยวายเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ทว่าคนโดนตบกลับไม่ร้องสักนิด
พินทุอรเป็นจิตแพทย์สาวรูปร่างสูงโปร่งเพรียวกระชับราวกับนางแบบ ผมดำขลับตัดทรงบ๊อบสั้นเผยให้เห็นศีรษะทุยสวย เธออายุสามสิบห้าปีแต่ยังดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก รวมทั้งท่าทางออกจะแข็งๆ กวนๆ ทำให้คุณหมอสาวดูห้าวและแมนมากกว่าจะดูสวยบอบบางน่าทะนุถนอม
จิตแพทย์สาวมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า แม้จะเจ็บจนหน้าชา แต่ยังไม่อาจเข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าได้เลยสักนิด
“ขอเตือนอีกครั้งนะ เลิกยุ่งกับผัวฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะทำเรื่องร้องเรียนโรงพยาบาล ร้องเรียนแพทยสภาจรรยาบรรณแพทย์น่ะ เคยรู้จักไหม จบแพทย์มาก็ควรทำตัวให้เหมือนแพทย์ ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวแพศยา ทำไม ผู้ชายมีเป็นฝูง ไม่มีปัญญาหาเองหรือไง ถึงต้องส่ายหางร่านดิกๆ มาแย่งผัวชาวบ้านแบบนี้ หรือว่าตอนนี้เข้าฤดูผสมพันธุ์ เลยเงี่ยนจนหยุดไม่อยู่” แขกไม่ได้รับเชิญแผดเสียงด่าทอลั่นห้องตรวจ มิหนำซ้ำยังมองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
จากการคาดเดาของพินทุอร ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุราวสามสิบถึงสามสิบห้าปี เรียกได้ว่ารุ่นราวคราวเดียวกับเธอ การแต่งตัวก็เรียบหรูดูดี แถมยังดูมีการศึกษา ช่างแตกต่างจากสิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากปากเหลือเกิน
จะว่าไป...คนที่เอาแต่ทำงานเช้าจดเย็นอย่างเธอจะมีโอกาสไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ตอนไหน มากไปกว่านั้น เธอน่ะนะ จะหาแฟนสักคนยังยากเย็น จะมีปัญญาไปแย่งสามีใครได้
แต่เรื่องแบบนี้ ถามไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
“สามีคุณคือใคร” พินทุอรถาม
“แหม ยังมีหน้ามาถาม”
“ก็ตอบมาก่อนสิ”
“หมอรัชตะ”
พินทุอรชะงักนิ่ง ตัวชาวูบ โอเค เก็ตละ เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอจริงๆ
จิตแพทย์สาวสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด “สรุปว่าสามีคุณคือหมอรัชตะเหรอ”
“ใช่ หมอโอ๊ตนั่นแหละ ผัวฉัน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยนะ ฉันชื่อภัคจิรา เมียหมอโอ๊ต”
“แต่เท่าที่ฉันรู้ หมอเขายังไม่แต่งงานนะ”
คนที่พยายามแนะนำตัวว่าเป็น ‘เมียหมอโอ๊ต’ เชิดหน้าท้าทาย “จะแต่งหรือยังไม่แต่งแล้วยังไง ฉันเอากับเขาตั้งแต่วันแรกที่คบกัน ยังไงก็เรียกได้ว่าเป็นเมีย”
พินทุอรพยักหน้ารับรู้ “โอเคๆ ขอบคุณที่บอกให้รู้ คำก็เมีย สองคำก็เมีย ยอมให้ก็แล้วกัน แล้วนี่พวกคุณคบกันมานานหรือยัง”
“สองปีกว่า และตอนนี้ฉันก็ท้องลูกของเขา”
“สองปีกว่า ท้องแล้วด้วย” เธอทวนคำ
“ใช่ เธอเองก็หน้าที่การงานดี คงหาผัวใหม่ได้ไม่ยาก เลิกเล่นชู้กับผัวชาวบ้านซักทีเถอะ”
พินทุอรยกมือขึ้นกอดอก “หมอชื่อพินทุอร จะเรียกว่าหมออิงก็ได้ และคนอย่างหมอไม่เคยเป็นชู้กับใคร คุณน่ะแต่งตัวก็ดี หน้าตาก็ดี ทำไมไม่พูดจาให้สุภาพบ้าง”
“พูดกับชู้ ทำไมต้องสุภาพ”
“งั้นมาฟังคำอธิบายจากฝั่งหมอบ้างนะ”
“อธิบายอะไร จะแก้ตัวอะไรก็ว่ามา ขอแค่อย่าตอแหลก็พอ”
คนไม่ตอแหลถอนใจยาวเหยียด ก่อนจะอธิบาย
“หมอคบกับหมอรัชตะมาห้าปี พูดง่ายๆ ก็คือหมอมาก่อน คุณน่ะเป็นแค่กิ๊กที่บังเอิญพลาดแล้วท้อง แต่ไม่ต้องกังวลนะ หมอไม่พรากลูกพรากพ่อจากกันหรอก คุณจะไปสร้างครอบครัวกันที่ไหนก็ไป แต่งกันเมื่อไหร่ก็จะใส่ซองและกรวดน้ำไปให้ จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน แล้วถ้าคุณจะกรุณา ช่วยล่ามคนของคุณไว้ให้ดีอย่าให้มาเที่ยวเพ่นพ่านหรือมาวอแวกับหมออีก ผู้ชายแบบนั้น หมอไม่เอามาทำพันธุ์แน่นอน เชิญคุณตามสบาย”
ภัคจิรานิ่งไปถนัดใจกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ หญิงสาวทำหน้างง ลดเสียงให้เบาลงในตอนที่ถาม
“นี่ตกลงว่าฉันมาทีหลังเหรอ”
“เออสิ แอบกินแฟนชาวบ้านจนท้องแล้วยังกล้ามาโวยวายประจานตัวเองอีก เป็นหมอ หมออายนะแบบนี้” พินทุอรส่ายหน้าปลงๆ
เหมือนภัคจิราจะเริ่มตั้งสติได้ เธอเงยหน้ามาสบตาจิตแพทย์สาวอีกครั้ง พูดเสียงดังลั่นเหมือนเดิม
“ไม่รู้ละ แต่ฉันท้องก่อน คุณต้องเลิกกับหมอโอ๊ตให้ฉัน”
“ต่อให้คุณไม่บอก เจอแบบนี้ ยังไงหมอก็จะเลิกกับเขาอยู่ดี แต่ก่อนจะเลิก หมอต้องถามหมอโอ๊ตให้รู้เรื่องก่อน ถ้านี่เป็นเรื่องจริง หมอรับปากเลยว่าเลิกแน่”
“ทำไมต้องถาม ก็เลิกไปเลยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ เกิดคุณเป็นมิจฉาชีพ หรือเป็นดาวติ๊กตอก อยากสร้างคอนเท็นต์โง่ๆ โดยการหลอกคนอื่น มันก็ไม่ยุติธรรมกับฝั่งหมอโอ๊ต อย่างน้อยเขาควรได้อธิบาย แต่ถ้าเขาคบซ้อนจริง หมอเลิกแน่”
“สาบานได้มั้ยล่ะ ว่าจะทำอย่างที่พูด”
“ทำไมต้องสาบาน” จิตแพทย์สาวเท้าเอวด้วยความโกรธกรุ่น
“เผื่อคุณหน้าด้าน พูดอย่างทำอย่างไง สมัยนี้คนแบบนี้มีเยอะ รู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่รู้ละ ยังไงคุณก็ต้องสาบานก่อนว่าถ้าฉันพูดความจริง คุณจะไม่เจอหน้าผัวฉันอีก”
“นี่คุณ หมอกับสามีคุณทำงานที่เดียวกันนะ จะไม่ให้เจอหน้ากันเลยได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้”
“งั้นก็ลาออกไป”
“ทำไมหมอต้องออก ดูปากหมอนะ หมอ ไม่ ออก” จิตแพทย์สาวพูดย้ำทีละคำ
“ร่าน”
“ถ้าด่าอีกคำ หมอจะเรียกเรียกรปภ.แล้วนะ” พินทุอรถอนใจก่อนจะบอกต่อ “เอางี้ เราสองคนไปหาไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นพร้อมกัน เพื่อจบปัญหานี้แบบแฟร์ๆ กันไปเลย”
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย