บทนำ
“หญ้าเอ๊ย หญ้า มาหาแม่ใหญ่หน่อยเร็ว”
เสียงของแม่ใหญ่เรียกหาหลานสาวตัวน้อยนามว่ากอหญ้า เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีเศษซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก
“มาแล้วจ้า” เด็กสาวที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนเพราะเพิ่งกลับมาถึงบ้านหยกๆ เดินแกมวิ่งเข้าไปหาแม่ใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสสมวัย
นางเรียมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้หลานสาวตัวบางที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามภายในห้องครัว
“มาช่วยแม่ใหญ่ทำกับข้าวก่อน เสร็จแล้วค่อยกลับไป ทำการบ้าน พอดีว่าวันนี้คุณหนึ่งเพิ่งกลับลงมาจากดอย คุณนายเลยสั่งให้แม่ใหญ่เตรียมทำกับข้าวเอาไว้รอ”
กอหญ้ายิ้มหวานพานคิดถึงลูกชายคนเดียวของคุณนายงามตา ภพธรหรือคุณหนึ่ง เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเศรษฐีนีม่ายในจังหวัดตาก อาชีพหลักนั้นคือค้าขาย นับตั้งแต่อัญมณีมูลค่าสูงไปจนถึงของฝากนักท่องเที่ยวมูลค่าหลักสิบ มีชื่อเสียงเก่าแก่มาเนิ่นนาน เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น กระทั่งมาถึงรุ่นของคุณนายงามตาซึ่งมีลูกชายเพียงคนเดียว ภพธรจึงเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาผลักดันและดูแลธุรกิจให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น
นอกจากจะมีหน้าร้านหลายแห่งภายในจังหวัดแล้ว เขายังเปิดตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปอีกด้วย ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาเป็นเงินทุนหมุนเวียนอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าเวลานี้คงไม่มีใครเนื้อหอมเกินหน้าเกินตาลูกชายของคุณนายงามตาอีกแล้ว
ทว่า...คุณนายเองก็มีคนที่หมายตาเอาไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าต้องมีฐานะหน้าตาทัดเทียม เพื่อช่วยส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป
ภพธรเองก็ไม่เคยทำให้คุณนายผิดหวัง เขาได้ดั่งใจเสมอ เสียอยู่อย่างเดียว ยังไม่ยอมใจอ่อนแต่งงานมีหลานให้ท่านเสียที
ปีนี้ภพธรอายุยี่สิบแปดปีเข้าไปแล้ว แต่เขายังคงสนุกสนานกับงาน พอมีเวลาว่างก็มักจะออกไปเที่ยวกับกลุ่มแก๊งเพื่อนๆ ของเขา บ้างก็ขับโฟร์วีลคู่ใจไป บ้างก็มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีอยู่สองสามรุ่นจอดอยู่ในโรงจอดรถ หายไปครั้งละนานๆ กลับมาทีบางครั้งก็แทบจำไม่ได้ แต่เขาไม่ได้ไปเที่ยวสนุกสนานเพียงอย่างเดียว ทว่าไปช่วยเหลือด้วย นำสิ่งของเอาไปให้เด็กๆ ชาวเขาชาวดอย หรือแม้แต่บนพื้นราบที่ยังขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ชายหนุ่มและเพื่อนๆ ทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ภพธรขับรถขึ้นเขาไปตั้งแคมป์กับเพื่อนๆ บนดอยได้เกือบสิบวันแล้ว ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ของกินไปเต็มคันรถ เพิ่งจะกลับมาก็วันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่เคยเสียงานเสียการเลยสักครั้งเดียว เพราะถึงตัวไม่อยู่ แต่ยังสั่งการลงมาเป็นระยะ...
สำหรับเรื่องผู้หญิง ก็แทบจะไม่มีให้เห็น นานๆ ครั้งจะได้ยินเข้าหูแว่วๆ สักที เรียกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีที่ยังไม่มีแฟน ก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกันหรือไม่ แต่สำหรับกอหญ้าเรื่องรสนิยมคือเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจอะไร ความรักไม่ว่าจะเพศไหนคือสิ่งสวยงามเสมอ แต่คุณนายงามตานี่สิ จะรับได้แค่ไหนกัน
“คราวนี้มากันกี่คนจ๊ะ มีสาวๆ มาด้วยหรือเปล่า”
กอหญ้าเอ่ยถามอย่างนึกสนใจ เพราะเมื่อราวๆ สามเดือนก่อน ภพธรพาเพื่อนทั้งหญิงและชายมาพักที่บ้าน เพื่อนสาวๆ ของเขาคนหนึ่งเรื่องมากอย่างที่สุด ใช้กอหญ้าจนหัวหมุน ประสาทแทบเสียไปคราวหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนที่สำรวยสำอางแบบนั้นหลงมาคบหากับกลุ่มของภพธรที่โคตรลุยได้อย่างไรกัน
“ไม่รู้สิ แม่ใหญ่ยังไม่เจอหน้าพวกคุณๆ เขาเลย ไม่ได้ยินเสียงรถ น่าจะยังมาไม่ถึงนะ”
สาวน้อยนิ่งเงียบไปอึดใจ ก่อนจะชะเง้อออกไปข้างนอกเพราะได้ยินเสียงรถกระบะขับเข้ามาดังกระหึ่ม จึงผุดลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังหน้าต่างห้องครัว
พูดยังไม่ทันขาดคำพวกเขาก็มากันพอดี
กระบะโฟร์วีลนับสิบคันขับเคลื่อนเข้ามาจอดภายในบริเวณลานกว้างที่หน้าบ้าน แต่ละคันจัดว่าสวยเด็ดแต่เวลาเดียวกันก็มอมแมมได้ใจ พวกเขาทยอยก้าวลงมาจากในรถ มีทั้งหญิงและชายปะปนกัน ส่งเสียงคุยกันดังเจี๊ยวจ๊าว ท่าทางสนุกสนานไม่น้อย
กอหญ้าถอยออกมานั่งที่เดิม พลางถอนหายใจฟู่ ทำให้นางเรียมต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกแปลกใจ
“เป็นอะไรฮึ”
สาวน้อยยิ้มเมื่อยๆ ให้แม่ใหญ่
“มากันเยอะเลยแม่ใหญ่ งานนี้เราสองคนรับศึกหนักอีกตามเคย แล้วพี่เอี้ยงกับพี่เนตรล่ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ คนเยอะแยะขนาดนี้เราจะทำทันกันไหม” สาวน้อยเปรยด้วยความกังวล พี่เอี้ยงกับพี่เนตรเป็นลูกมือของแม่ใหญ่ แต่ถูกดึงตัวออกไปขายของหน้าร้านในตัวเมืองได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้ว เพราะพนักงานลาออกไปสองคน ทำให้ต้องหาคนไปทำแทนก่อนรับคนใหม่
“ก็จนกว่าร้านจะมีพนักงานใหม่มานั่นแหละ เอ้า รีบๆ ทำเข้า เดี๋ยวไม่ทันขึ้นมาจริงๆ จะถูกคุณนายเอ็ดเอาได้”
จากนั้นสองยายหลานก็เร่งมือทำอาหารคาวหวานรวมไปถึงกับแกล้มให้กับหนุ่มสาวด้านนอกกันมือระวิง
แต่สิ่งอื่นใดสาวน้อยจำต้องรีบหาน้ำหาท่าออกไปต้อนรับคนเหล่านั้นเป็นการด่วน พอดีกับที่น้าแสงภรรยาของน้าช่วงซึ่งเป็นคนงานดูแลสวนด้วยกันทั้งคู่เดินเข้ามาด้วยท่าทีเร่งร้อน
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นโอบกอดรอบลำตัวหนาของสามี เผยอรับปากจุมพิตอ่อนหวานของเขาอย่างเต็มใจ นานแล้วที่หล่อนและเขาไม่ได้ทำอะไรกันท่ามกลางแสงเดือนและแสงจันทร์สว่างจ้า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปปิดตะเกียงโซลาร์เซลล์ ใช้ความสว่างของดวงดาวนำทางแทน ลมหายใจพร่าลง เมื่อร่างกำยำของสามีเปลือยเปล่าท่ามกลางหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้า ขณะที่หล่อนเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเขาสักนิด เพราะถูกเขาเปลื้องออกเช่นเดียวกัน ร่างใหญ่ทาบทับลงมาบนร่างนุ่ม มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างขาวผ่อง ริมฝีปากบดจูบดูดดื่ม ก่อนเคลื่อนต่ำลงไปช้า ๆ แล้วครอบครองยอดทรวงเคร่งครัด “อืม…” เสียงหวานครางแผ่ว สองมือกอดรัดรอบศีรษะ ใบหน้างามสะบัดเริดยามเขาฉกปลายลิ้นลงบนผิวกายเนียนนุ่ม “คุณหนึ่ง” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ครางชื่อเขาออกมา แล้วผลักท่อนขาอวบอิ่มแยกจากกัน กอหญ้าสูดลมหายใจยาวแล้วผ่อนออกมาหนักหน่วงหอบพร่า มือที่กดศีรษะของเขาเอาไว้เปลี่ยนเป็นขยุ้มกองผ้าข้างกายแทน เมื่อเปิดเปลือกตา จึงพบว่าหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้าช่างงดงามเกินบรรยาย เช่นเดียวกับความรู้สึกซาบซ่านที่พลุ่งพล
พิเศษใส่ใจอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ภพธรรู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาเขาจะพบกับใบหน้าของมารดาที่ยิ้มให้เสมอ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป... เมื่อกอหญ้ากลับมา เขาก็ได้รู้อีกว่าเขายังมีสัญญาที่ให้ไว้กับหล่อนและต้องทำให้สำเร็จ เด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเผลอไผลย่ำยี นับจากนั้นเขาเฝ้าดูแลหล่อนอยู่ไกลๆ วันเวลาที่ผ่านไปทำให้เขาเกิดความผูกพันกับหล่อนทีละน้อย จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าหัวใจของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเจอกอหญ้า ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร น้ำเสียงที่ไล่ไปตามตัวอักษรบนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ตามเข้าไปอยู่ในฝันของเขาทุกคืนวัน กำลังใจที่จะหายจากอาการที่เป็นอยู่มีเพิ่มขึ้น จนในที่สุด ดวงตาของเขาก็เริ่มจะเห็นรางๆ ในตอนนั้นเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่นานความดีใจถูกบดบังอีกครั้ง เขายอมปล่อยให้หญิงสาวไปตามทางที่หล่อนตั้งใจเอาไว้แต่แรก ทว่าในค่ำคืนนั้นก่อนจากลา หล่อนทำให้เขาต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม เรือนร่างแน่งน้อยที่เคลื่อนไหวบนร่างของเขา
พระอาทิตย์มีขึ้นและลง พระจันทร์ส่องแสงในกลางคืน แล้วลาลับในยามเช้า เช่นเดียวกับชีวิตของผู้คน ที่มีหลับมีตื่น ดำเนินต่อและจากไปในเวลาสมควร... เช่นเดียวกับชีวิตครอบครัวของภพธร เมื่อสิ้นมารดาที่รักยิ่ง จึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับภรรยาและลูกๆ เขาตระหนักชัดว่าชีวิตนี้แสนสั้น จึงไม่ยอมให้อะไรมาพรากความสุขของคนที่รักไปง่ายๆ กิจการที่อยู่ตัวดีแล้ว ทำให้เขาหันมาทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น เพราะในเวลานี้ ทั้งเขาและภรรยาต่างไม่เหลือใครให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงหันมายึดเหนี่ยวดวงใจของกันและกัน มอบความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆ อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทุกวันหยุดเขาจะพาเด็กๆ ออกไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน บางครั้งก็พาบินลัดฟ้า เปิดโลกทัศน์ที่กว้างใหญ่กว่าให้พวกเขารู้ว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่ที่บ้าน แต่ยังมีอะไรอีกมากที่ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอ ร่างสูงเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา หญิงสาวยิ้มหวานพร้อมกับยกแก้วน้ำส่งให้สามี “เหนื่อยไหมคะ” เอ่ยถามพลางลูบบ่าของเขาเบาๆ เพื่อบรรเทาความอ่อนล้า “ไม่เหนื่อย” ตอบพลางวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยา
บทส่งท้ายตั้งแต่มีเด็กเพิ่มมาหนึ่งคน บ้านที่เคยกว้างก็ดูแคบลง ที่เคยเงียบเหงาก็กลับมาครื้นเครง ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา ทุกๆ เช้า กอหญ้าจะต้องพาลูกสาววัยหนึ่งขวบไปให้คุณย่าของแกอุ้มเล่นที่ระเบียงบ้าน ตั้งแต่มีหลานสาวทำให้อาการป่วยของคุณนายงามตาทุเลาลง สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้นมาก ทั้งกอหญ้าและ ภพธรต่างยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น “พอน้องพายได้สักสามขวบ เรามีหลานให้คุณย่าอีกสักคนเนอะ” ภพธรบอกกับภรรยาขณะพาแม่หนู ดาราพายออกมาทำบุญให้กับคุณทวดเรียมที่วัดใกล้บ้าน คนตัวบางค้อนสามีก่อนยิ้มให้ ขณะหยุดยืนที่ทางเดินริมแม่น้ำ “ถ้าแม่ใหญ่ยังอยู่ก็คงจะดีนะคะ” หญิงสาวเปรยถึงนางเรียม ชายหนุ่มก้มมองสีหน้าของภรรยา อึดใจต่อมาจึงค่อยยิ้มได้ เพราะดวงหน้างามของกอหญ้าไม่เศร้าหมองอีกต่อไปยามคิดถึงนางเรียม หล่อนทำใจได้แล้วจริงๆ “ใช่ น้องพายคงจะติดคุณทวดเรียมน่าดู” ชายหนุ่มเปรยออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้าน ทุกวันที่ผ่านไปยังคงราบรื่น ดาราพายโตวันโตคืน และเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเพราะความรักที่ทุกคนมอบให้ จนกระทั่งอายุได้สาม
“แล้วลูกล่ะคะ เป็นอะไรมากไหม” หญิงสาวคิดถึงเด็กน้อยหน้าตาคมคายคนนั้น ที่สามีเคยเอารูปมาให้หล่อนดูตอนแกคลอดใหม่ๆ กับภรรยาสาวสวยคนไทย “บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น” “คุณอย่าทำแบบนั้นนะคะ” ภพธรถึงกับเลิ่กลั่กเมื่อถูกภรรยามองอย่างจับผิด “ไม่ทำ” เขาส่ายหน้ารัว ทำให้หญิงสาวค้อนคมพลางบอก “ถ้าคุณคิดจะมีผู้หญิงอื่น บอกหญ้าดีๆ ก็พอ หญ้าจะเปิดทางให้แล้วไปดีๆ เลย” คนฟังนิ่วหน้า พลางคิดว่าเขาไม่น่าเล่าให้หล่อนฟังเลย แต่ถ้าไม่เล่าหญิงสาวก็ยิ่งคิดมาก เดี๋ยวจะหาว่าเขานอกลู่นอกทางเสียอีก “รักหญ้าจะแย่อยู่แล้ว จะมีใครอีกได้ไง” เขาบอก ทั้งกอดและหอมหนักหน่วง หญิงสาวตวัดค้อนก่อนจะยอมยิ้มออกมา “ไม่รู้สิคะ ก็รอดูกันต่อไป ถ้าคุณดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ หญ้าก็จะดีกับคุณเหมือนกัน” คำพูดของหญิงสาวและสายตาที่มองมาทำให้ภพธรรู้ว่าภรรยาไม่ได้พูดเล่น ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะรั้งร่างอวบมากอด “รอดูไปตลอดชีวิตเลยนะ พนันเลยว่าหญ้าไม่ได้เห็นผู้หญิงอื่นแน่นอน” “เพราะคุณหนึ่งจะซ่อนเอาไว้ให้มิดชิด” หญิงสาวโต้ออกมาทันควัน แต่เมื่อสามีทำต
ผ่านไปอีกหนึ่งปีสำหรับการร่วมชีวิตระหว่างภพธรและ กอหญ้า ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ลูกคนแรกของพวกเขาได้สำเร็จ แต่ยิ่งใกล้คลอด ว่าที่คุณแม่ก็ยิ่งรู้สึกเปราะบางเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของความรู้สึกทางอารมณ์หรือว่าร่างกาย เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินวนเวียนไปมาภายในห้องนอน เกือบห้าทุ่มแล้วแต่ภพธรยังไม่กลับบ้าน โทรศัพท์ไปก็ไม่ยอมรับสาย ทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับเพราะความเป็นห่วง จนกระทั่งห้าทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มก็กลับมาถึงบ้าน เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้คนที่เพิ่งดับไฟนอนลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโคมไฟข้างเตียงที่สว่างจ้า ชายหนุ่มชะงักเท้าแล้วหันไปมองภรรยาที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าค่อนข้างเรียบขรึม เขาจึงยิ้มให้แต่ยังไม่ยอมเดินเข้าไปหา “ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ หญ้าโทร.ไปคุณก็ไม่ยอมรับสาย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ถามพลางกวาดสายตามองเขาอย่างจับผิด แล้วก็ทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมา “นี่คุณดื่มมาด้วยหรือคะ” สิ้นเสียงถาม คนที่ไม่ยอมเข้าใกล้ก็ถึงกับถอนหายใจ ยิ่งทำให้หญิงสาวหรี่ตามองอย่างคาดโทษ “พอดีเพื่อนแวะไปหาที่ร้าน ก็เลยออกไปดื่มกับมันนิดหน่อ