Share

บทที่11

Author: ชุนกวงห่าว
สีหน้าเธอเรียบเฉย ทำให้เหลียงหยวนโจวรู้สึกเบื่อสุดๆ หัวเราะเยาะแล้วเข้าไปที่ห้องครัว

ตอนนี้แกล้งทำเป็นใจกว้าง ก็แค่เพื่อจะแต่งงานกับเขา

รอทั้งสองแต่งงานแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเสแสร้งขนาดไหน

กลับไปถึงห้อง สืออวี๋ก็เปิดคอมพิวเตอร์ ปรับอารมณ์ให้สงบแล้วทำงานต่อ

ในวันต่อๆ มา เธอก็ยุ่งอยู่กับงาน กลับบ้านดึกทุกวัน เหลียงหยวนโจวไม่ก็นั่งดูเอกสารอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ไม่ก็ยังไม่กลับ

ทั้งสองอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่สองสามวันมานี้คุยกันยังไม่ถึงห้าประโยคเลย

ถ้าเป็นแต่ก่อน สืออวี๋คงทนไม่ได้ ต้องเป็นคนไปง้อขอคืนดีเหลียงหยวนโจวแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกสบายใจ ไม่รู้สึกอึดอัดสักนิดเลย

เหลียงหยวนโจวเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน ครั้งนี้เขาย้ายกลับมา สืออวี๋ปฏิบัติกับเขาเย็นชามากขึ้น

ทำอาหารก็ทำแค่ของตัวเอง ตอนกลางคืนก็ไม่เปิดไว้ให้เขา เขาไปงานสังสรรค์กลับมาก็ไม่ทำต้มยาแก้เมาค้างให้เขา เขาไม่กลับมาทั้งคืนก็ไม่ถามเหตุผล

พวกเขาเหมือนรูมเมทที่จำเป็นต้องเช่าอยู่ด้วยกันเพราะไม่มีเงิน ต่างคนต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน และแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย

แต่เหลียงหยวนโจวกลับสบายใจมาก เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รักสืออวี๋แล้ว ก็ไม่อยากเปลืองแรงไปง้อเธอ

พอถึงวันหยุด เซี่ยงชินเฟินก็มาหาพวกเขาโดยตนเอง และไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับพวกเขา

หลังถ่ายชุดแรกเสร็จ สืออวี๋นั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก เหลียงหยวนโจวก็นั่งเเล่นโทรศัพท์บนโซฟาด้านหลังเธอ

พึ่งแต่งงานเสร็จ ทันใดนั้นสีหน้าของเหลียงหยวนโจวก็เปลี่ยนไป ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พรีเวดดิ้งค่อยถ่ายวันอื่น ตอนนี้ผมมีเรื่องเร่งด่วน”

สืออวี๋ยังไม่ได้พูดอะไร เซี่ยงชินเฟินก็รีบแย่งโทรศัพท์เขามา พูดด้วยความโกรธ “เรื่องอะไรจะไปสำคัญกว่าการถ่ายพรีเวดดิ้ง?!บริษัทแกจะล้มละลายหรือไง?!”

เมื่อกี้เธอนางอยู่ข้างๆ ก็เหลือบมองเห็นผู้หญิงที่เรียกว่าเสินหลีนั้นส่งข้อความหาเหลียงหยวนโจวตลอด แม้ว่าเหลียงหยวนโจวจะไม่ตอบ แต่สีหน้ากลับกังวลอย่างเห็นชัดเจน

“แม่ เอาโทรศัพท์คืนฉัน เสินหลีเธอจะกระโดดตึก ชีวิตคนยังไม่สำคัญกว่าการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งหรือไง?!”

เซี่ยงชินเฟินเยาะเย้ย “กระโดดตึก? งั้นก็ให้เธอกระโดดสิ ชู้สาวที่ไร้ยางอายและทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นแบบนี้ อยู่ต่อก็มีแต่จะทำให้คนรู้สึกขยะแขยง!”

“แม่ แม่พอได้แล้วหรือยัง?! ถ้าวันนี้แม่ไม่ให้ผมไป งานผมก็จะไม่แต่งงาน!”

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวมืดครึ้ม ออร่ารอบกายเต็มไปด้วยความกดดันและน่ากลัว

“เหลียงหยวนโจว แกพูดอีกรอบสิ!”

เซี่ยงชินเฟินมองเขาด้วยสายตาโกรธจัด ดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบและตึงเครียดขึ้น

สองแม่ลูกสบตากัน ไม่มีใครพูดอะไร

ห้องแต่งหน้าเงียบสนิท พนักงานรอบๆ ก็เบาลมหายใจลงโดยไม่รู้ตัว ทุกวินาทีเหมือนกลายเป็นล่าช้ามาก

ทันใดนั้น เสียงส้นสูงดังขึ้น

สืออวี๋เดินไปข้างๆ เซี่ยงชินเฟิน เอาโทรศัพท์คืนจากมือของเขา

“สืออวี๋……หนู……” เซี่ยงชินเฟินมองดูเธอด้วยความตกตะลึง ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร

สืออวี๋ไม่มองเซี่ยงชินเฟิน ส่งโทรศัพท์ให้เหลียงหยวนโจว “คุณไปเถอะ”

สีหน้าเธอเรียบเฉย ไม่ได้อาละวาด ไม่ได้ผิดหวังหรือเสียใจ ดวงตาที่มองดูเหลียงหยวนโจวไม่มีอารมณ์ใดๆ

เหมือนมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

เหลียงหยวนโจวหายใจตึงขึ้น แต่ในวินาทีถัดมา เขาก็รับโทรศัพท์จากมือสืออวี๋ แล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอกโดยไม่ลังเล

มองดูแผ่นหลังของเขา สืออวี๋พลางนึกถึงวันที่ถูกตระกูลสือไล่ออกมา มันหนาวมาก มือของเขาแห้งแต่ร้อนอุ่น จับมือเธอแล้วเดินออกไป

ตอนนั้นเธอก็มองแผ่นหลังเขาแบบนี้ ตอนนั้นสิ่งที่คิดอยู่ในใจคือ ต่อไปเขาก็คือที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอแล้ว

แต่ตอนนี้ เธอทำได้เพียงมองดูเขาเดินไปหาผู้หญิงอีกคน

เธอห้ามไม่ได้ และไม่อยากห้าม

เซี่ยงชินเฟินหันมองสืออวี๋ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแล้วเศร้าโศก “สีอวี่……”

สืออวี๋ยิ้มจางๆ หันมาปลอบใจเธอ “ป้าเซี่ยง หนูรู้ว่าป้าจะพูดอะไร ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ อีกอย่างรูปพรีเวดดิ้งก็ถ่ายไปชุดหนึ่งแล้ว พอแล้วค่ะ”

“ป้าแค่รู้สึกว่าลำบากใจแทนคุณ”

“ไม่ลำบากใจหรอกค่ะ”

เธอไม่คาดหวังอะไรจากเหลียงหยวนโจวอีกแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกลำบากใจอีกต่อไป

เซี่ยงชินเฟินถอนหายใจ อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ตัวเองไม่ควรใช้บุญคุณที่ช่วยชีวิตมาบีบบังคับสืออวี๋ให้โอกาสเหลียงหยวนโจวอีกครั้งหรือเปล่า?

แต่ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เสียใจ ก็สายเกินไปแล้ว

ส่งเซี่ยงชินเฟินกลับไป สืออวี๋ก็หันไปถามพนักงาน “พรีเวดดิ้งยังเหลือกี่ชุด?”

“คุณหนูสือ ตอนนั้นพวกคุณเลือกไว้สี่ชุด แล้วทางเราก็เพิ่มให้อีกหนึ่งชุด ยังเหลืออีกสี่ชุดที่ยังไม่ได้ถ่าย คุณจะมาถ่ายเพิ่มภายหลังหรือจะจัดการอย่างไรดีคะ?”

“ไม่ต้องถ่ายเสริม ถ่ายวันนี้ให้เสร็จเลย”

ได้ยินเช่นนี้แล้วพนักงานก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “คุณหนูสือ คุณจะถ่ายคนเดียวเหรอคะ?”

“อืม ชุดที่ถ่ายเสร็จแล้ว ช่วยลบเขาออกให้หน่อย แค่ปรับแต่งให้เป็นภาพศิลปะของฉันคนเดียวก็พอแล้ว”

“อ้า?อ๋อ……ได้คะ……งั้นชุดต่อไป จะถ่ายเป็นภาพศิลปะเดี่ยวของคุณใช่ไหม”

สืออวี๋พยักหน้า “อืม”

สตูดิโอนี้เธอเป็นร้านที่เธอเปรียบเทียบมาหลายที่ แล้วเลือกมาตั้งนานถึงจะเลือกออกมาได้ เธอจึงไม่อยากเสียเปล่า

ถ่ายเสร็จ ก็ตอนเย็นหกโมงกว่าแล้ว

สืออวี๋ไปทานข้าวเย็นแถวๆ สตูดิโอแล้วค่อยกลับบ้าน เปิดประตูก็เจอกับความมืดมิดเหมือนที่คาดไว้

ถ่ายรูปมาทั้งวัน สืออวี๋เหนื่อยมาก กลับห้องไปอาบน้ำแล้วเข้านอนโดยตรงเลย

เช้าวันต่อมา สืออวี๋ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จกำลังจะเตรียมออกไป ก็ถูกเหลียงหยวนโจวเรียกเอาไว้

“สืออวี๋ เราคุยกันหน่อยเถอะ”

เธอหยุดเดิน แล้วดูเวลาจากนั้นค่อยหันไปมองเขา “ฉันมีเวลาแค่ห้านาที คุณจะคุยเรื่องอะไร?”

“ฉันสามารถแต่งงานกับคุณได้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอห้ามยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเสินหลีอีก”

เห็นท่าทีที่ยอมถอยให้เยอะแล้วของเหลียงหยวนโจว สืออวี๋ก็รู้สึกตลก

เมื่อก่อนเธอช่างต่ำต้อยมาก ต่ำต้อยจนเขาคิดว่าจะทำร้ายเธอยังไงเธอก็ไม่มีวันจากไป ดังนั้นจึงทำให้เขาพูดคำพูดแบบนี้ออกมาสินะ?

“เหลียงหยวนโจว วันที่สองของวันที่ไปกินข้าวที่บ้านป้าเซี่ยง เธอมาหาฉันที่สำนักงานกฎหมาย ใช้บุญคุณที่เธอเคยช่วยชีวิตฉันไว้มาแลกเพื่อให้ฉันให้โอกาสคุณอีกครั้ง”

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวเปลี่ยนไป สืออวี๋กลับทำเหมือนไม่เห็น พูดต่อว่า “ตอนนั้นฉันบอกว่า ถ้าภายในหนึ่งเดือนนี้คุณสามารถตัดขาดกับเสินหลีได้ ฉันจะให้อภัยคุณ”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากแต่งกับฉัน ฉันก็ไม่อยากเป็นร้ายที่ทำให้คุณกับเสินหลีต้องแยกจากกัน ตอนนี้เหลืออีกยี่สิบวันถึงจะครบหนึ่งเดือน คุณแค่อยู่กับเสินหลีต่อก็ได้แล้ว เมื่อครบหนึ่งเดือนแล้ว เราก็เลิกกัน”

พูดจบ เหลียงหยวนโจวก็หัวเราะเยาะ “สืออวี๋ เลิกเสแสร้งแล้วได้ไหม? คุณพูดแบบนี้ ก็แค่อยากบังคับให้ผมตัดขัดกับเสินหลีไม่ใช่เหรอ?”

“ผมตอบตกลงที่จะแต่งงานกับคุณแล้ว คุณยังมีอะไรไม่พอใจอีก? ให้ตำแหน่งคุณนายเหลียงกับคุณยังไม่พออีกเหรอ?”

คำพูดของสืออวี๋ เขาไม่เชื่อสักคำ

ใกล้แต่งงานแล้ว เธอจะยอมเลิกกันได้ยังไง ก็แค่ข้ออ้างที่หามาเพื่อบังคับให้เขากับเสินหลีเลิกกันเท่านั้นเอง

มองดูสีหน้าที่หมดความอดทนของเหลียงหยวนโจว ใจของสืออวี๋ก็ขมขื่น

“เหลียงหยวนโจว สิ่งที่ฉันต้องได้ไม่ใช่ตำแหน่งคุณนายเหลียง”

สิ่งที่เธอต้องการ คือใจจริงของเขาตอนมหาวิทยาลัยต่างหาก

แต่น่าเสียดายเหลียงหยวนโจวในตอนนี้ ไม่มีวันเข้าใจหรอก

ต่อให้เข้าใจ ก็ไม่สนใจ

เหลียงหยวนโจวมองดูเธอด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย “คุณไม่อยากได้ตำแหน่งคุณนายเหลียง เลยหาทางบังคับให้ผมแต่งงานกับคุณ?”

“ฉันบอกแล้ว ครบกำหนดหนึ่งเดือน เราก็เลิกกัน”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 221

    เมื่อเห็นเขายิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องงานของตัวเองเลยสักนิด สืออวี๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเขาคงแกล้งทำเป็นสบาย ๆ ก็เพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเองสินะเธอสูดหายใจเข้าลึก แกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ ดูท่าต่อไปคุณก็จะเป็นหมอซือที่ค่าตัวหลายสิบล้านแล้วสินะคะ”“อืม เพราะงั้นคุณไม่ต้องห่วงผมหรอก หมอที่ค่าตัวหลายสิบล้านแบบนี้ โรงพยาบาลไหนบ้างจะไม่แย่งกันเอา”สืออวี๋พยักหน้า “พูดถูก โรงพยาบาลไหนได้ตัวคุณไปก็ถือว่ากำไรมหาศาลแล้ว”พอดีกับที่ลิฟต์มาถึง ทั้งสองจึงเดินเข้าไปด้วยกันเมื่อออกจากลิฟต์ ทั้งสองก็แยกย้ายกันตรงหน้าประตูพอกลับถึงบ้าน สืออวี๋ก็วางเสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อตอนบ่ายไว้ตรงโถงทางเข้าบ้าน เปลี่ยนรองเท้า แล้วไปหยิบน้ำขวดหนึ่งจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรออกไปยังเบอร์ของเหลียงหยวนโจว“อาอวี๋... ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังติดต่อผมมา...”น้ำเสียงของเหลียงหยวนโจวเจือความดีใจและความรู้สึกแบบทำตัวไม่ถูก ราวกับย้อนกลับไปในช่วงที่เขากำลังจีบสืออวี๋ ที่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 220

    “อืม ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ เราไปกันเถอะ”อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหลียงหยวนโจวอุ้มเสินหลีไปส่งที่รถ เขาก็ยืนอยู่ข้างรถและพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า: “ผมยังมีธุระที่บริษัท เดี๋ยวให้คนขับรถส่งคุณไปโรงพยาบาล”พูดจบ ก็ทำท่าจะปิดประตูสีหน้าของเสินหลีเปลี่ยนไป เธอยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที “หยวนโจว คุณไม่ไปกับฉันเหรอคะ? ถ้าเผื่อลูกเป็นอะไรขึ้นมา…”เหลียงหยวนโจวพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ผมไม่ใช่หมอ อีกอย่าง ต่อไปนี้ถ้าคุณเจอสืออวี๋ก็หลีกเลี่ยงเธอซะ พยายามอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอ”“ว่าไงนะคะ?”เสินหลีมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่แม้แต่จะถามสักคำว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถูกรังแกหรือเปล่า แต่กลับบอกให้ฉันเห็นสืออวี๋แล้วต้องเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยง?”เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาไปเข้าข้างสืออวี๋ได้ยังไง!“จำเป็นต้องถามด้วยเหรอ ด้วยนิสัยของสืออวี๋ ถ้าคุณไม่ไปหาเรื่องเธอก่อน เธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามองคุณด้วยซ้ำ”“งั้นคุณก็หมายความว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฉันงั้นสิ”เหลียงหยวนโจวหมดความอดทน เขามองเธออย่างเย็นชา แววตาหนาวเยียบ“รู้ตัวก็ดีแล้ว ที่ผม

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 219

    “ดูภายนอกก็ดูดี ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ได้!”“เหอะ ๆ ของทั้งเนื้อทั้งตัวรวมกันก็เกือบสิบห้าล้านแล้วมั้ง ผู้ชายคนนั้นก็คงรวยน่าดู ไม่อย่างนั้นจะรีบพุ่งเข้าไปจับขนาดนั้นเหรอ?” …เสียงซุบซิบดูแคลนรอบข้าง ยิ่งทำให้เสินหลีรู้สึกรังเกียจชืออวี๋มากขึ้นไปอีก เห็น ๆ อยู่ว่าตัวเองคุมแฟนไม่อยู่ มีสิทธิ์อะไรมาโทษเธอด้วยล่ะ? ถ้าเป็นรักแท้จริง ๆ คบกันปีสองปีก็แต่งงานกันแล้ว นี่เหลียงหยวนโจวคบกับเธอมาห้าปีแล้วยังไม่แต่ง ก็ได้แต่พูดว่าเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสืออวี๋เลยต่างหาก เธอแค่ปรากฏตัวได้ถูกจังหวะก็เท่านั้น เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยยิ่งคิด เสินหลีก็ยิ่งโมโหขณะที่เธอกำลังจะโต้เถียงสืออวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเกร็งที่ท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน“อ๊า... ท้องของฉัน...”เธอรีบกุมท้อง ใบหน้าซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือดผู้คนที่มุงดูอยู่รอบตัวเธอรีบถอยห่างทันที บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจ กลัวว่าเสินหลีจะแกล้งพาลใส่พวกเขาเมื่อเห็นว่าทุกคนมีแต่ท่าทีเย็นชา ไม่มีใครยอมช่วยเรียกรถพยาบาลให้ เสินหลีจึงทำได้เพียงทนความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกดโทรศัพท์หาเหลียง

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 218

    ปกติถ้าพวกเขาอยากได้อะไรที่เกินเงินค่าขนมของตัวเอง ก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์หาเงินซื้อเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย การแต่งตัวและการกินอยู่ของซ่งจื่ออินก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ เลยมีน้อยคนมากที่จะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของประธานสือกรุ๊ปแม้ว่าตอนนี้คุณพ่อของเธอจะไม่จำกัดเรื่องเงินแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ซ่งจื่ออินใส่ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของที่ซื้อตามตลาดนัด“ได้”ซ่งจื่ออินลองเสื้อผ้าเสร็จ ก็เลือกซื้อชุดที่ค่อนข้างพอใจสองสามชุด พอรูดบัตรเสร็จก็ให้ทางร้านจัดส่งไปที่บ้านตระกูลซ่งโดยตรงทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากร้าน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพอดีพอเห็นว่าเป็นเสินหลี สีหน้าของซ่งจื่ออินก็เคร่งขรึมลงทันทีสืออวี๋เองก็ประหลาดใจไปชั่วครู่ แต่พอนึกถึงเรื่องที่เหลียงหยวนโจวเคยบอกว่าจะแต่งงานกับเสินหลี ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไปเสินหลีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ดูเรียบง่ายจืดชืด เธออยู่ในชุดแบรนด์หรูสั่งตัด ผมยาวดัดลอนอ่อน ๆ ในมือหิ้วถุงช้อปปิ้งแบรนด์ไฮเอนด์หลายใบ บนข้อมือสวมนาฬิกาประดับเพชรแวนคลีฟแอนด์อาร์เพลส์ เผยให้เห็นความหรูหราประณีตตั้งแต่หัวจรดเท้าซ่งจื่ออินแค่นเสียงเ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 217

    แต่ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้อยู่กับสืออวี๋ และนี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ เขาไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาดเขากระดกไวน์แดงในแก้วจนหมดรวดเดียว ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปชั่วพริบตาเดียวก็ถึงบ่ายของวันรุ่งขึ้น สืออวี๋เพิ่งตื่นจากงีบหลับกลางวัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่งจื่ออิน“อาอวี๋ ฉันถึงหน้าประตูหมู่บ้านแกแล้ว แต่ยามไม่ให้เข้า ฉันรออยู่ข้างนอกนะ”“โอเค รอฉันสิบนาทีนะ”สืออวี๋รีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบมือถือกับกระเป๋าแล้วจึงออกจากห้องไปพอเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน เธอก็เห็นซูเปอร์คาร์สีชมพูของซ่งจื่ออินจอดอยู่ไม่ไกลทันทีที่ขึ้นรถ ซ่งจื่ออินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นโลเคชั่นหมู่บ้านที่แกส่งให้ ก็รู้สึกคุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน เพิ่งจะนึกออกว่า ตอนที่โครงการนี้สร้าง บริษัทของพี่ชายฉันก็เคยมีดีลด้วยนะ รู้สึกว่าทางผู้พัฒนาโครงการจะแถมบ้านให้เขาสองหลังเลยล่ะ”สืออวี๋ฉายแววประหลาดใจ “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก่อนที่บริษัทซ่งซื่อจะเปลี่ยนสายธุรกิจ หลัก ๆ ก็ทำอสังหาริมทรัพย์นี่แหละ เคยร่วมมือกับผู้พัฒนาในเมืองเซินตั้งหลายเจ้า เดี๋ยวคืนนี้กลับไปฉันจะถามเขาดูว่าห้อ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 216

    “ดูท่าว่า นายคงอยากกลับเมืองหลวงแล้วสินะ”ซือห่าวอวี่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “คุณอาเล็กครับ ถ้าผมกลับไปเมืองหลวง ผมก็จะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าทุกวัน ทีนี้พอพูดมากเข้า เกิดผมเผลอหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป คุณอาเล็กก็น่าจะเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”“ดูเหมือนว่าไม่กี่ปีที่ฉันไม่อยู่บ้าน นายจะเก่งกาจขึ้นเยอะเลยนะ รู้จักข่มขู่คนเป็นแล้วด้วย”สายตาของซือเยี่ยนเย็นชา ทั่วทั้งร่างมีไอความเย็นแผ่ซ่านถ้าเป็นปกติ ซือห่าวอวี่คงกลัวจนตัวสั่นไปแล้วทว่าตอนนี้ทั้งสองคนคือศัตรูหัวใจ เขาจะแสดงความขลาดกลัวออกมาแม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วจะเอาอะไรไปสู้กับซือเยี่ยนได้ซือห่าวอวี่จ้องมองซือเยี่ยนตรง ๆ มุมปากประดับรอยยิ้ม “คุณอาเล็กครับ ทั้งหมดนี้ก็เพราะคุณอาสอนมาดี”หว่างคิ้วของซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นวันนี้ฉันจะสอนนายอีกเรื่องที่มันไม่มีความหวังน่ะ รีบตัดใจซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคนที่จะเจ็บปวดทีหลังก็คือนายเอง”“คุณอาเล็กครับ ในสายตาคุณอา ผมอาจจะไม่มีหวัง แต่ในสายตาผม คุณอาต่างหากคือคนที่ไม่มีหวัง”ด้วยความที่ท่านย่าซือกับท่านผู้เฒ่าซือให้ความสำคัญกับซือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status