Share

บทที่4

Author: ชุนกวงห่าว
เหลียงหยวนโจวยิ้มมองเธอ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “สวยมาก แถมยังเหมาะกับคุณมากด้วย”

ทั้งสองสบตากันกลางอากาศ แววตาที่มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความรักที่ไม่ปิดบังเลย

ทั้งที่เธอกับเหลียงหยวนโจเป็นคนลองชุดแต่งงาน แต่พอมีเสินหลีอยู่ข้าง ๆ เธอกลับเหมือนมือที่สามคนหนึ่ง

สืออวี๋กำกระโปรงแน่น สายใยแห่งเหตุผลในหัวเหมือนถูกดีดขาด ดัง “เพี้ยะ” ในทันที

เธอยกชายกระโปรงขึ้น ค่อยๆเดินตรงไปหาเสินหลี

เสินหลีเห็นสืออวี๋เดินมา รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งลึกขึ้น “คุณหนูสือ ชุดแต่งงานของคุณสวยมากเลยจริงๆ ฉันเห็นชุดแต่งงาน จู่ๆก็อยากลองใส่ดู คุณคงไม่ถือสามั้งคะ?”

“เพี้ยะ!”

สืออวี๋ยกมือขึ้นตบเธอโดยตรง ก่อนจะพูดชัดถ้อยชัดคำ “ตอนนี้คุณน่าจะรู้แล้วว่า ฉันถือสาหรือไม่”

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวเปลี่ยนไปทันที “สืออวี๋ นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ?!”

เขารีบก้าวเข้ามาผลักสืออวี๋ออกไป แล้วยกคางของเสินหลีขึ้นตรวจดูว่าหน้าของเธอบาดเจ็บหรือไม่

กระโปรงชุดแต่งงานพองใหญ่ ประกอบกับรองเท้าส้นสูงแปดเก้าซม. ทำให้สืออวี๋ที่ถูกเหลียงหยวนโจวผลักขาพลิกและล้มลงไปกับพื้นทันที

แม้ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าจะรุนแรงแทบขาดใจ แต่กลับเทียบกับความเจ็บลึกในหัวใจเพียงเสี้ยวเดียวไม่ได้เลย

ในอดีต เหลียงหยวนโจชแค่เห็นเธอหยดน้ำตาเพียงหยดเดียวก็ปวดใจแทบขาด แต่ตอนนี้กลับลงมือกับเธอเพียงเพราะผู้หญิงอีกคน

เหลียงหยวนโจวไม่แม้แต่จะเหลียวมองสืออวี๋ด้วยซ้ำ ขมวดคิ้วมองดูใบหน้าที่บวมแดงของเสินหลี พูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ผมพาคุณไปโรงพยาบาล”

เสินหลีส่ายหน้า ฝืนทนความแสบร้อนบนใบหน้าก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ประธานเหลียง ฉันไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแค่ประคบเย็นก็ได้แล้ว อีกอย่างสิบเอ็ดโมงยังมีนัดกับคู่ค้า จะทำให้เสียงานเสียการไม่ได้นะคะ”

เห็นความอดกลั้นในดวงตาของเธอ เหลียงหยวนโจวก็โกรธจัด แต่ไม่ใช่เพราะเธอ แต่เป็นเพราะสืออวี๋

เขาหันกลับมา จ้องมองสืออวี๋จากที่สูงด้วยสายตาที่เย็นชา “ขอโทษซะ!”

สืออวี๋เงยหน้ามองเขา แววตานิ่งสงบ “ทำไมฉันต้องขอโทษ?”

“เธอตบคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล ไม่ควรขอโทษหรือไง? สืออวี๋ คุณกลายเป็นคนที่ไม่แยกแยะสถานที่ และดุร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาที่จ้องมองเธอเหมือนไฟจะพุ่งออกมา และยังแฝงความผิดหวังไว้อีกด้วย

สืออวี๋ทนต่อความเจ็บปวดในขอเท้า กัดฟันทนพยายามลุกขึ้นยืน จ้องมองเขา

“เหลียงหยวนโจ คุณบอกว่าฉันเปลี่ยนไป?แล้วคุณไม่เปลี่ยนเลยหรือไง?”

เหลียงหยวนโจชะงักไป แต่ยังไม่ทันเอ่ย เสินหลีที่อยู่ข้างๆก็รีบดึงแขนเขาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ประธานเหลียง คุณกับคุณหนูสืออย่าทะเลาะกันเลยนะคะ เป็นความผิดของฉันเอง……เมื่อกี้ฉันไม่ควรไปลองชุดแต่งงาน……ขอโทษค่ะ……”

เหลียงหยวนโจเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่หางตาของเธอ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “มันไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ต้องขอโทษ คนที่ควรขอโทษคือคนอื่น”

สืออวี๋อยากหัวเราะ แต่ดวงตากลับแดงก่ำ

อยู่ด้วยกันมาแปดปี……ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนก็จะแต่งงานกันแล้ว แต่ในปากของเขากลับสามารถใช้คำว่าคนอื่นสองคนนี้มาแทน……

มองดูเสี้ยวหน้าที่เย็นชาของเขา สืออวี๋เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า เขาเคยรักเธอจริงเหรอ?

ถ้าเคยรัก ทำไมถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้?

ถ้าไม่เคยรัก ความดีทั้งหมดที่เคยมีให้เธอในอดีตนั้นมันคืออะไร?

เมื่อปลอบใจเสินหลีเสร็จ เหลียงหยวนโจวก็หันไปมองสืออวี๋ด้วยแววตาที่เย็นชาและรังเกียจ

“ถ้าคุณไม่ขอโทษให้เสินหลี งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องลองชุดแต่งงานแล้ว เรื่องงานแต่งก็เลื่อนออกไปด้วย”

สีหน้าของสืออวี๋ซีดเผือด แววตาที่มองดูเขาสิ้นหวังราวกับจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง

เขาปกป้องเสินหลีมากขนาดไหน เพียงเพราะเธอตบเสินหลีครั้งเดียว ก็ใช้การเลื่อนงานมาข่มขู่ให้เธอขอโทษ

ความเจ็บปวดของลูกศรหมื่นดอกปักกลางใจ มันเป็นอย่างนี้เอง

เธอนนึกภาพออกแล้วว่า ถ้าวันนี้เธอยอม ในอนาคตคงต้องเจ็บช้ำอีกนับครั้งไม่ถ้วน

แต่เธอ……ไม่อยากทำให้ตัวเองต้องเจ็บช้ำอีกแล้ว

“ก็ดี ถ้าคุณอยากเลื่อน ก็เลื่อนออกไปสิ”

เสียงเธอไม่ดังมาก แต่ดังพอให้เหลียงหยวนโจวกับเสินหลีได้ยิน

พูดจบ เธอก็ยกกระโปรงขึ้น หันหลังกลับ เดินกะเผลกเข้าห้องลองชุดด้วยหลังที่ยังคงตั้งตรง

มองดูแผ่นหลังของเธอ เหลียงหยวนโจวก็ขมวดคิ้วแน่น สายตามืดครึ้ม

เสียงระมัดระวังของเสินหลีดังแผ่วขึ้นข้างหู “ประ……ประธานเหลียง ฉันก่อเรื่องแล้วใช่ไหมคะ?”

ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินหรือยังไง เหลียงหยวนโจวไม่ได้ตอบกลับ

เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เห็นข้อเท้าที่บวมขึ้นของสืออวี๋ พนักงานถึงกับร้องตกใจ “คุณหนูสือ เท้าคุณบวมแล้ว เดี๋ยวฉันเอาน้ำแข็งมาให้คุณประคบนะคะ”

สืออวี๋ก้มหน้าลง น้ำตาคลอ

คิดไม่ถึงว่าแม้แต่พนักงานร้านชุดแต่งงานที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง ยังใส่ใจเธอมากกว่าคู่หมั้นเธอเสียอีก

เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบนี้ มันคุ้มจริงๆเหรอ?

เธอเม้มปาก แล้วฝืนยิ้มให้พนักงาน “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เป็นหน้าที่ของฉันเอง”

พนักงานกำลังจะเก็บชุดขึ้นแขวนใหม่ และไปเอาน้ำแข็ง ทันใดนั้นก็เห็นแสงวูบวาบบนพื้น

เธอก้มลงไปเก็บขึ้นมา พบว่าเป็นกำไลหกแฉกที่สืออวี๋ใส่ในมือก่อนหน้านี้ รีบถามว่า “คุณหนูสือ กำไลคุณหล่นบนพื้นค่ะ”

สืออวี๋กำลังเปลี่ยนชุด พอได้ยินแบบนี้แล้วก็หันหัวมา

เมื่อเห็นกำไลอันนั้น ดวงตาของเธอก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อย

“มันขาดแล้ว ใส่ไม่ได้แล้ว รบกวนคุณช่วยทิ้งให้ฉันที”

นั่นคือของขวัญวันเกิดปีครบรอบสามปี ที่เหลียงหยวนโจให้เธอ บนกำไลยังมีอักษรย่อชื่อทั้งสองสลักไว้อยู่เลย ด้านหลังตามด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษที่แทนความหมายของคำว่าตลอดกาล

ก่อนหน้านี้สืออวี๋ทะนุถนอมมันอย่างดี ไม่คิดว่าวันนี้มันจู่ๆมันก็ขาดลง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงเสียใจมากแน่ รู้สึกว่ามันเป็นลางร้าย

แต่ตอนนี้……ขาดก็ขาดเถอะ……

พนักงานอยากจะบอกว่ากำไลนี้แพงมาก น่าจะซ่อมได้ แต่เห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของสืออวี๋ ลังเลไปสักพักก็ตัดสินใจไม่พูด แขวนชุดแต่งงานเรียบร้อย เอากำไลแล้วจากไป

เดินมาถึงถังขยะ พนักงานกำลังจะทิ้งกำไล จู่ๆเสียงที่เย็นชาก็ดังมาจากข้างๆ

“ในมือคุณคืออะไร?”

พนักงานสะดุ้ง หันหลังกลับมาเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเหลียงหยวนโจว รีบพูดว่า “ประธานเหลียง นี่คือกำไลของคุณหนูสือค่ะ มันขาดตอนลองชุด เธอบอกว่าใส่ไม่ได้แล้ว ให้ฉันช่วยทิ้งให้เธอ”

แววตาของเหลียงหยวนโจวมีวคามเย็นวาบผ่านไป เขาจำได้ดีว่านั่นคือของขวัญวันเกิดที่เขาเคยส่งให้สืออวี๋

เพราะเขาเคยให้กำไลแบบเดียวกันกับเสินหลี ดังนั้นเธอเลยจงใจทิ้งกำไลที่ตัวเองส่งให้เธอทิ้ง เพื่อบีบบังคับให้เขาขอโทษงั้นเหรอ?

ออร่าโดยรอบของเขาทันใดก็หนักอึ้งขึ้นมาอย่างชัดเจน “ให้……”

ยังพูดไม่ทันจบ เสียงที่หวานใสของเสินหลีก็ดังขึ้น “ประธานเหลียง ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วค่ะ”

มือที่ยื่นออกไปของเหลียงหยวนโจวหยุดชะงัก ก่อนจะเก็บกลับอย่างไม่แยแส หันไปมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนอีกครั้ง

“ในเมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้ว งั้นไปกันเถอะ”

“ทักทายคุณหนูสือก่อนแล้วค่อยไปเถอะค่ะ ว่าแต่ เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับพนักงานหรือคะ?”

“ไม่มีอะไร ไม่ต้องรอเธอหรอก”

เสินหลีมองพนักงานอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อเพราะรู้จักนิสัยของเหลียงหยวนโจวดี เรื่องที่เขาไม่อยากบอก ถามต่อไป ก็มีแต่จะทำให้เขารำคาญ

หลายปีมานี้ เธอใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อสร้างความขัดแย้งมากมายระหว่างเหลียงหยวนโจวกับสืออวี๋

สืออวี๋เปลี่ยนชุดแต่งงานแล้วออกมา เหลียงหยวนโจวกับเสินหลีกำลังจะจากไป

หางตาเหลือบเห็นแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไปอย่างเคียงข้างกัน สืออวี๋ก็กำมือแน่นขึ้น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร

เมื่อก่อนไม่รู้ว่าเคยเห็นจากไหนมาประโยคหนึ่งว่า เมื่อคุณสะสมความผิดหวังในตัวใครสักคนมามากพอแล้ว ก็จะจากไป

เธอคิดว่าความผิดหวังที่เธอมีต่อเหลียงหยวนโจว ก็เหมือนจะสะสมมามากพอแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 221

    เมื่อเห็นเขายิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องงานของตัวเองเลยสักนิด สืออวี๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเขาคงแกล้งทำเป็นสบาย ๆ ก็เพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเองสินะเธอสูดหายใจเข้าลึก แกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ ดูท่าต่อไปคุณก็จะเป็นหมอซือที่ค่าตัวหลายสิบล้านแล้วสินะคะ”“อืม เพราะงั้นคุณไม่ต้องห่วงผมหรอก หมอที่ค่าตัวหลายสิบล้านแบบนี้ โรงพยาบาลไหนบ้างจะไม่แย่งกันเอา”สืออวี๋พยักหน้า “พูดถูก โรงพยาบาลไหนได้ตัวคุณไปก็ถือว่ากำไรมหาศาลแล้ว”พอดีกับที่ลิฟต์มาถึง ทั้งสองจึงเดินเข้าไปด้วยกันเมื่อออกจากลิฟต์ ทั้งสองก็แยกย้ายกันตรงหน้าประตูพอกลับถึงบ้าน สืออวี๋ก็วางเสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อตอนบ่ายไว้ตรงโถงทางเข้าบ้าน เปลี่ยนรองเท้า แล้วไปหยิบน้ำขวดหนึ่งจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรออกไปยังเบอร์ของเหลียงหยวนโจว“อาอวี๋... ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังติดต่อผมมา...”น้ำเสียงของเหลียงหยวนโจวเจือความดีใจและความรู้สึกแบบทำตัวไม่ถูก ราวกับย้อนกลับไปในช่วงที่เขากำลังจีบสืออวี๋ ที่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 220

    “อืม ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ เราไปกันเถอะ”อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหลียงหยวนโจวอุ้มเสินหลีไปส่งที่รถ เขาก็ยืนอยู่ข้างรถและพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า: “ผมยังมีธุระที่บริษัท เดี๋ยวให้คนขับรถส่งคุณไปโรงพยาบาล”พูดจบ ก็ทำท่าจะปิดประตูสีหน้าของเสินหลีเปลี่ยนไป เธอยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที “หยวนโจว คุณไม่ไปกับฉันเหรอคะ? ถ้าเผื่อลูกเป็นอะไรขึ้นมา…”เหลียงหยวนโจวพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ผมไม่ใช่หมอ อีกอย่าง ต่อไปนี้ถ้าคุณเจอสืออวี๋ก็หลีกเลี่ยงเธอซะ พยายามอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอ”“ว่าไงนะคะ?”เสินหลีมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่แม้แต่จะถามสักคำว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถูกรังแกหรือเปล่า แต่กลับบอกให้ฉันเห็นสืออวี๋แล้วต้องเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยง?”เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาไปเข้าข้างสืออวี๋ได้ยังไง!“จำเป็นต้องถามด้วยเหรอ ด้วยนิสัยของสืออวี๋ ถ้าคุณไม่ไปหาเรื่องเธอก่อน เธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามองคุณด้วยซ้ำ”“งั้นคุณก็หมายความว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฉันงั้นสิ”เหลียงหยวนโจวหมดความอดทน เขามองเธออย่างเย็นชา แววตาหนาวเยียบ“รู้ตัวก็ดีแล้ว ที่ผม

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 219

    “ดูภายนอกก็ดูดี ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ได้!”“เหอะ ๆ ของทั้งเนื้อทั้งตัวรวมกันก็เกือบสิบห้าล้านแล้วมั้ง ผู้ชายคนนั้นก็คงรวยน่าดู ไม่อย่างนั้นจะรีบพุ่งเข้าไปจับขนาดนั้นเหรอ?” …เสียงซุบซิบดูแคลนรอบข้าง ยิ่งทำให้เสินหลีรู้สึกรังเกียจชืออวี๋มากขึ้นไปอีก เห็น ๆ อยู่ว่าตัวเองคุมแฟนไม่อยู่ มีสิทธิ์อะไรมาโทษเธอด้วยล่ะ? ถ้าเป็นรักแท้จริง ๆ คบกันปีสองปีก็แต่งงานกันแล้ว นี่เหลียงหยวนโจวคบกับเธอมาห้าปีแล้วยังไม่แต่ง ก็ได้แต่พูดว่าเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสืออวี๋เลยต่างหาก เธอแค่ปรากฏตัวได้ถูกจังหวะก็เท่านั้น เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยยิ่งคิด เสินหลีก็ยิ่งโมโหขณะที่เธอกำลังจะโต้เถียงสืออวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเกร็งที่ท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน“อ๊า... ท้องของฉัน...”เธอรีบกุมท้อง ใบหน้าซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือดผู้คนที่มุงดูอยู่รอบตัวเธอรีบถอยห่างทันที บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจ กลัวว่าเสินหลีจะแกล้งพาลใส่พวกเขาเมื่อเห็นว่าทุกคนมีแต่ท่าทีเย็นชา ไม่มีใครยอมช่วยเรียกรถพยาบาลให้ เสินหลีจึงทำได้เพียงทนความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกดโทรศัพท์หาเหลียง

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 218

    ปกติถ้าพวกเขาอยากได้อะไรที่เกินเงินค่าขนมของตัวเอง ก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์หาเงินซื้อเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย การแต่งตัวและการกินอยู่ของซ่งจื่ออินก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ เลยมีน้อยคนมากที่จะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของประธานสือกรุ๊ปแม้ว่าตอนนี้คุณพ่อของเธอจะไม่จำกัดเรื่องเงินแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ซ่งจื่ออินใส่ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของที่ซื้อตามตลาดนัด“ได้”ซ่งจื่ออินลองเสื้อผ้าเสร็จ ก็เลือกซื้อชุดที่ค่อนข้างพอใจสองสามชุด พอรูดบัตรเสร็จก็ให้ทางร้านจัดส่งไปที่บ้านตระกูลซ่งโดยตรงทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากร้าน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพอดีพอเห็นว่าเป็นเสินหลี สีหน้าของซ่งจื่ออินก็เคร่งขรึมลงทันทีสืออวี๋เองก็ประหลาดใจไปชั่วครู่ แต่พอนึกถึงเรื่องที่เหลียงหยวนโจวเคยบอกว่าจะแต่งงานกับเสินหลี ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไปเสินหลีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ดูเรียบง่ายจืดชืด เธออยู่ในชุดแบรนด์หรูสั่งตัด ผมยาวดัดลอนอ่อน ๆ ในมือหิ้วถุงช้อปปิ้งแบรนด์ไฮเอนด์หลายใบ บนข้อมือสวมนาฬิกาประดับเพชรแวนคลีฟแอนด์อาร์เพลส์ เผยให้เห็นความหรูหราประณีตตั้งแต่หัวจรดเท้าซ่งจื่ออินแค่นเสียงเ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 217

    แต่ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้อยู่กับสืออวี๋ และนี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ เขาไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาดเขากระดกไวน์แดงในแก้วจนหมดรวดเดียว ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปชั่วพริบตาเดียวก็ถึงบ่ายของวันรุ่งขึ้น สืออวี๋เพิ่งตื่นจากงีบหลับกลางวัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่งจื่ออิน“อาอวี๋ ฉันถึงหน้าประตูหมู่บ้านแกแล้ว แต่ยามไม่ให้เข้า ฉันรออยู่ข้างนอกนะ”“โอเค รอฉันสิบนาทีนะ”สืออวี๋รีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบมือถือกับกระเป๋าแล้วจึงออกจากห้องไปพอเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน เธอก็เห็นซูเปอร์คาร์สีชมพูของซ่งจื่ออินจอดอยู่ไม่ไกลทันทีที่ขึ้นรถ ซ่งจื่ออินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นโลเคชั่นหมู่บ้านที่แกส่งให้ ก็รู้สึกคุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน เพิ่งจะนึกออกว่า ตอนที่โครงการนี้สร้าง บริษัทของพี่ชายฉันก็เคยมีดีลด้วยนะ รู้สึกว่าทางผู้พัฒนาโครงการจะแถมบ้านให้เขาสองหลังเลยล่ะ”สืออวี๋ฉายแววประหลาดใจ “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก่อนที่บริษัทซ่งซื่อจะเปลี่ยนสายธุรกิจ หลัก ๆ ก็ทำอสังหาริมทรัพย์นี่แหละ เคยร่วมมือกับผู้พัฒนาในเมืองเซินตั้งหลายเจ้า เดี๋ยวคืนนี้กลับไปฉันจะถามเขาดูว่าห้อ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 216

    “ดูท่าว่า นายคงอยากกลับเมืองหลวงแล้วสินะ”ซือห่าวอวี่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “คุณอาเล็กครับ ถ้าผมกลับไปเมืองหลวง ผมก็จะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าทุกวัน ทีนี้พอพูดมากเข้า เกิดผมเผลอหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป คุณอาเล็กก็น่าจะเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”“ดูเหมือนว่าไม่กี่ปีที่ฉันไม่อยู่บ้าน นายจะเก่งกาจขึ้นเยอะเลยนะ รู้จักข่มขู่คนเป็นแล้วด้วย”สายตาของซือเยี่ยนเย็นชา ทั่วทั้งร่างมีไอความเย็นแผ่ซ่านถ้าเป็นปกติ ซือห่าวอวี่คงกลัวจนตัวสั่นไปแล้วทว่าตอนนี้ทั้งสองคนคือศัตรูหัวใจ เขาจะแสดงความขลาดกลัวออกมาแม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วจะเอาอะไรไปสู้กับซือเยี่ยนได้ซือห่าวอวี่จ้องมองซือเยี่ยนตรง ๆ มุมปากประดับรอยยิ้ม “คุณอาเล็กครับ ทั้งหมดนี้ก็เพราะคุณอาสอนมาดี”หว่างคิ้วของซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นวันนี้ฉันจะสอนนายอีกเรื่องที่มันไม่มีความหวังน่ะ รีบตัดใจซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคนที่จะเจ็บปวดทีหลังก็คือนายเอง”“คุณอาเล็กครับ ในสายตาคุณอา ผมอาจจะไม่มีหวัง แต่ในสายตาผม คุณอาต่างหากคือคนที่ไม่มีหวัง”ด้วยความที่ท่านย่าซือกับท่านผู้เฒ่าซือให้ความสำคัญกับซือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status