Share

บทที่3

Author: ชุนกวงห่าว
สังเกตเห็นถึงสาายตาของเธอ เสินหลีรีบยกมือปิดกำไลทองที่ข้อมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ร่างกายย่อท่าทีพยายามหลบไปชิดเหลียงหยวนโจ

เหลียงหยวนโจดึงเธอมายืนหลังตัวเอง จ้องมองสืออวี๋ด้วยท่าทีที่สูงส่ง “คุณจ้องเสินหลีทำไม?”

ขอบตาของสืออวี๋แดงเล็กน้อย “เหลียงหยวนโจว ทำไมคุณถึงให้กำไลทองแบบเดียวกันกับเสินหลี? คุณเคยบอกแล้วว่านั่นเป็นของฉันคนเดียว”

“เสินหลีเคยเห็นคุณใส่ บอกว่าชอบมาก ผมก็คงเอาของคุณไปส่งให้เธอไม่ได้สินะ? อีกอย่างมันก็แค่กำไลอันเดียว คุณกลายเป็นคนใจแคบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ระหว่างคิ้วของเหลียงหยวนโจเต็มไปด้วยความเหลือทน เหมือนกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยไร้สาระเรื่องหนึ่ง

ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “แต่อดีตตอนคุณให้ฉัน เคยบอกว่า……”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเหลียงหยวนโจขมวดคิ้วขัดจังหวะ “สืออวี๋ อยู่กับอดีตตลอด มันมีความหมายนักเหรอ? คุณเองก็บอกแล้วนี่นะว่ามันคืออดีต”

เขาไม่ชอบที่สุดก็คือสืออวี๋ชอบพูดถึงเรื่องอดีต เพราะมันจะทำให้เขานึกถึงความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ และช่วงเวลาที่มืดมนในตอนนั้นของตนเอง

สืออวี๋เป็นคนที่อยู่ข้างเขาในตอนนั้น รู้ทุกความลำบากและความพังทลายของเขา ดังนั้นหลังจากประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่อยากย้อนกลับไปจำวันเวลาที่ยากลำบากนั้น และเริ่มรำคาญสืออวี๋

สืออวี๋มองดูเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า ราวกับแก้วที่ใกล้จะแตก

“ดังนั้น คำสัญญาที่คุณให้ไว้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป สามารถทำลายได้อย่างง่ายดายเลยใช่ไหม?”

เหลียงหยวนโจมองดูเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “ผมสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ ดังนั้นคุณจะแต่ง ผมก็ยอมแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก?”

“สืออวี๋ สิ่งเดียวที่ผมต้องขอโทษคุณคือ ไม่รักคุณแล้ว แต่ว่าแม้แต่ผมจะรักใครก็ตัดสินใจเองไม่ได้แล้วเหรอ?”

สืออวี๋กะพริบตา น้ำตาไหลลงมา

ที่แท้เมื่อผู้ชายเปลี่ยนใจแล้ว คำสัญญาที่เคยให้ไว้ก็จะกลายเป็นปราสาทที่ใช้ทรายสร้างขึ้นมา พอลมพัดมาก็ล้มสลายหมด

ไม่รักก็คือไม่รักแล้ว เขาทำได้ แต่เธอล่ะ? เธอจะทำอย่างไร?

จะบอกตัวเองให้ลืมช่วงเวลาที่รักกันในอดีตได้อย่างไร จะบอกตัวเองให้ยอมรับที่เขาเปลี่ยนใจไปได้อย่างไร แล้วจบอกให้ตัวเองยอมปล่อยเขาไปได้อย่างไร และปล่อยตัวเองไปด้วย……

เห็นสืออวี๋กัดริมฝีปากที่ซีด ไม่พูดอะไร เหลียงหยวนโจก็กอดเสินหลีแล้วจากไป ร่างเงาหายไปที่มุมอย่างรวดเร็ว

สืออวี๋กะพริบตาแสบขมอยู่สักครู่ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนาน ก่อนจะปรับอารมณ์แล้วหันตัวกลับเข้าไปยังห้องส่วนตัว

จนถึงดึกๆ งานเลี้ยงเพิ่งจบ

สืออวี๋ยืนอยู่หน้าร้าน เห็นเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายจากไป จึงขับรถกลับบ้าน

กลับมาถึงบ้าน เปิดประตูห้องมืดสนิท เหมือนที่คิดว่าเหลียงหยวนโจยังไม่กลับมา

ภาพที่เขาจูบเสินหลีบนอ่างล้างหน้าผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง หัวใจเจ็บจึ๊กขึ้นมาอีก

เธอหลับตา บังคับน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล

เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดกล่องเครื่องประดับ หยิบกำไลทองรูปดอกทิวลิปออกมา

อดีตกำลังที่เห็นเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกใจหวาน ตอนนี้แค่มองก็ทำให้เจ็บปวดใจยิ่งนัก

ในเมื่อไม่ได้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก

กัดริมฝีปากอย่างขมขื่น สืออวี๋ก็ปล่อยมือ

กำไลหล่นจากมือร่วงลงถังขยะข้างล่าง ส่งเสียง ‘ติ๊ง’ หนึ่งครั้งพอดี เหมือนเติมเต็มความเจ็บปวดตอนที่เธอเห็นเสินหลีใส่กำไลนั้นจนหัวใจสะดุด

หลายวันต่อมา เหลียงหยวนโจวก็ไม่กลับ สืออวี๋ส่งข้อความเตือนเรื่องลองชุดแต่งงานในวันเสาร์ให้เขาทุกวัน เขาก็ไม่ตอบ

เช้าวันเสาร์ สืออวี๋ลุกอาบน้ำ แต่งหน้า ขณะกำลังแต่งหน้าได้รับข้อความจากเหลียงหยวนโจว

【ผมอยู่ที่ร้านชุดแต่งงาน】

มาถึงร้านชุดแต่งงาน เห็นเสินหลีที่อยู่ข้างๆและควงแขนเหลียงหยวนโจวไว้อย่างออดอ้อน สายตาของสืออวี๋ก็เย็นเฉียบทันที

“เหลียงหยวนโจว วันนี้เป็นวันลองชุดแต่งงานของเรา คุณพาเธอมาทำไม?”

เหลียงหยวนโจทำหน้านิ่ง เหมือนกันไม่รู้สึกว่ามันผิดตรงไหนเลย “ลองชุดเสร็จ ผมกับเธอจะไปคุยเรื่องงานร่วมมือ เรื่องเล็กๆแบบนี้ก็ต้องโวยวายด้วยเหรอ?”

“เรื่องเล็ก? ในสายตาคุณ มันเป็นแค่เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งจริงเหรอ?”

วันลองชุดแต่งงานของพวกเขา แต่เขากลับพาชู้สาวของตัวเองมาทำให้เธออึดอัดใจ แล้ววันแต่งงาน เขาก็จะให้เสินหลีมาเข้าร่วมด้วยหรือ?

เสินหลีปล่อยแขนเหลียงหยวนโจว สีหน้าตื่นตื่นตระหนกเล็กน้อย “ประธานเหลียง ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ควรมา……ฉันกลับบริษัทก่อน……รอคุณลองชุดแต่งงานเสร็จแล้วฉันค่อย……”

“ไม่ต้อง”

เขาหันไปมองสืออวี๋ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอจะลองไหม? ผมยุ่งมาก ไม่ได้ว่างมาเสียเวลาตรงนี้กับคุณนะ”

สืออวี๋รู้จักเขาดี เมื่อเขาขมวดคิ้วแบบนี้ หมายถึงสุดทนแล้ว

ถ้าตอนนี้เธอบอกว่าไม่ลอง เขาก็จะหันหลังและเดินจากไปแน่นอน

ไม่ได้พูดอะไรอีก สืออวี๋หันหลังเดินเข้าร้านชุดแต่งงานโดยตรง

ก้าวเข้าร้านชุดแต่งงาน พนักงานยิ้มต้อนรับทันที

เมื่อเห็นเหลียงหยวนโจที่อยู่ด้านหลังสืออวี๋ และเสินหลีที่อยู่ข้างกายเหลียงหยวนโจ สายตาของเธอฉายแววไม่คาดคิด บนใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม

“ประธานเหลียง คุณหนูสือ สวัสดีตอนเช้า ชุดแต่งงานที่สั่งทำมาถึงแล้วค่ะ ฉันพาคุณไปลองนะคะ”

สืออวี๋เคยเรียนออกแบบมาบ้าง ชุดแต่งงานนี้ใช้เวลาครึ่งปีออกแบบภายใต้คำแนะนำของนักออกแบบชื่อดังคนหนึ่งในประเทศ เธอทุ่มเทใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ตอนเห็นเสินหลี ทุกความหวังของเธอก็พังทลายหมดในชั่วพริบตา ตอนนี้เหลือเพียงทำหน้าที่ให้เสร็จ

เธอพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “โอเค”

เดินตามพนักงานไปที่โซนลองชุด สืออวี๋เห็นชุดแต่งงานของเธอวางอยู่กลางห้อง

ชุดแต่งงานเป็นแบบเกาะอก ด้านบนปักดอกทิวลิปที่เธอชื่นชอบอย่างประณีตบนผ้าตาข่ายและลูกไม้ ด้วยเทคนิคปักแบบฝรั่งเศส ดูมีชีวิตชีวาราวกับดอกไม้กำลังเติบโตออกมาจากลูกไม้เลยทีเดียว

รอบเอวประดับด้วยไข่มุกเรียงเป็นวงเล็กดุจดาวเต็มฟ้า ส่องประกายระยิบระยับใต้แสงไฟ กระโปรงด้านหน้าทำจากผ้าซาติน ส่วนด้านหลังเป็นซาตินผสมลูกไม้สามชั้นเป็นหางยาว เบาและพริ้ว สืออวี๋แทบละสายตาไม่ได้

“คุณหนูสือ ชุดนี้เพิ่งเอามาถึงเช้านี้ ลูกค้าหลายท่านเห็นแล้วก็อยากลองใส่ดู คุณใส่แล้วคงสวยมากเลยค่ะ”

เสินหลีก็เห็นชุดแต่งงานชุดนั้นในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและอิจฉา “ใช่ สวยมากเลยนะ! ก่อนหน้านี้ฉันก็ได้ยินมาแล้วว่าชุดแต่งงานของคุณสือเธอเป็นคนออกแบบเอง คุณสือเก่งมากเลยค่ะ!ใช่ไหมคะ ประธานเหลียง?”

เสียงหวานเลี่ยนของเธอดังขึ้นข้างหู สืออวี๋รู้สึกราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป น่าขยะแขยงจนแทบทนไม่ไหว

กำลังจะพูด ก็เห็นเหลียงหยวนโจวก้มลงมองเสินหลีด้วยสายตาอ่อนโยน เอามือลูบหัวเธอ

“คุณก็ไม่เลว ไม่งั้นก็คงไม่ได้เป็นเลขาของผม”

เสินหลีมองเขาด้วยความโกรธเล็กน้อย “คุณก็เอาแต่ล้อฉันอยู่ได้”

วินาทีนั้น สืออวี๋ก็ไม่อยากพูดอะไรอีกเลย

ยังจะพูดอะไรได้อีก?

ที่เสินหลีสามารถโผล่มาที่นี่เพื่อมาทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะเหลียงหยวนโจเป็นคนหนุนหลังให้ความมั่นใจเธอ

พนักงานข้างๆก็เจอสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ครั้งแรก พูดด้วยความระมัดระวัง “คุณหนูสือ……ชุดแต่งงาน ยังจะลองอยู่ไหมค่ะ?”

สืออวี๋หันกลับไป ตอบด้วยสีหน้าเฉยชา “ลอง”

พนักงานเอาชุดแต่งงานลงมาอย่างระมัดระวัง พาสืออวี๋เข้าไปในห้องลอง

เพราะด้านหลังชุดมีลูกไม้และสายรัดอยู่ ใส่ยาก ต้องใช้เวลานานกว่าสิบกว่านาที ถึงจะใส่เสร็จ

ซืออวี๋นั้นงดงามอยู่แล้ว ผิวขาวดุจหิมะ ใบหน้าละมุนงดงาม ดุจดอกบัวที่เบ่งบานเต็มที่ อ่อนช้อยน่าหลงใหล มิเช่นนั้นในอดีตเหลียงหยวนโจก็คงไม่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบหรอก

เธอที่สวมชุดแต่งงาน ยิ่งทำให้คนไม่อาจละสายตาได้

พนักงานจัดกระโปรงให้เธอแล้วพลางพูดว่า "คุณหนูสือ ถ้าฉันไม่ใช่ผู้หญิง คงหลงใหลคุณไปแล้ว"

สืออวี๋ก้มหน้าลงแล้วฝืนยิ้ม "ขอบคุณค่ะ"

เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี พนักงานก็ถอนหายใจยาว และไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อม่านห้องลองชุดเปิดออก เหลียงหยวนโจก็กำลังตอบข้อความลูกค้าในไลน์อยู่ ส่วนเสินหลีก็ไม่รู้ไปไหนแล้ว

พนักงานข้างๆ เตือนเขา "ประธานเหลียง คุณหนูสือเปลี่ยนชุดแต่งงานเสร็จแล้วค่ะ"

เหลียงหยวนโจเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเหลือบมองบนตัวของสืออวี๋อย่างเฉยชา

"ก็ธรรมดาดี"

เขารู้สึกว่ามันธรรมดาจริง เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสืออวี๋อีกแล้ว ต่อให้เธอยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า เขา เขาก็ไม่มีอารมณ์อะไรเลย

ในใจของสืออวี๋รู้สึกผิดหวัง ปีแรกที่พวกเขาคบกัน เคยคุยกันว่าตอนแต่งงานจะใส่ชุดแต่งงานแบบไหน

เหลียงหยวนโจบอกว่าเธอใส่อะไรก็สวยที่สุด ตอนเธอลองชุดแต่งงาน เขาคงน้ำตาไหลพรากด้วยความตื่นเต้นแน่ๆ เพราะในที่สุดเขาก็จะได้แต่งงานกับเธอ

มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง เขาคงลืมไปนานแล้วสินะ

เวลาแปดปี มันนานมากจริง นานจนสามารถทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นได้

มันยังนานจน พอที่จะลบใครบางคนออกไปจากใจอย่างช้าๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างทั้งสอง พนักงานกำลังจะไกล่เกลี่ย แต่ทันใดนั้นม่านห้องลองชุดตรงข้ามก็เปิดออก เสินหลีที่สวมชุดแต่งงาน ยิ้มมุมปาก หันไปมองเหลียงหยวนโจอย่างสง่างามเป็นธรรมชาติ

"ประธานเหลียง คิดไม่ถึงว่าชุดแต่งงานที่คุณเลือกจะพอดีตัวขนาดนี้ เป็นยังไงบ้าง?"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 221

    เมื่อเห็นเขายิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องงานของตัวเองเลยสักนิด สืออวี๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเขาคงแกล้งทำเป็นสบาย ๆ ก็เพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเองสินะเธอสูดหายใจเข้าลึก แกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ ดูท่าต่อไปคุณก็จะเป็นหมอซือที่ค่าตัวหลายสิบล้านแล้วสินะคะ”“อืม เพราะงั้นคุณไม่ต้องห่วงผมหรอก หมอที่ค่าตัวหลายสิบล้านแบบนี้ โรงพยาบาลไหนบ้างจะไม่แย่งกันเอา”สืออวี๋พยักหน้า “พูดถูก โรงพยาบาลไหนได้ตัวคุณไปก็ถือว่ากำไรมหาศาลแล้ว”พอดีกับที่ลิฟต์มาถึง ทั้งสองจึงเดินเข้าไปด้วยกันเมื่อออกจากลิฟต์ ทั้งสองก็แยกย้ายกันตรงหน้าประตูพอกลับถึงบ้าน สืออวี๋ก็วางเสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อตอนบ่ายไว้ตรงโถงทางเข้าบ้าน เปลี่ยนรองเท้า แล้วไปหยิบน้ำขวดหนึ่งจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรออกไปยังเบอร์ของเหลียงหยวนโจว“อาอวี๋... ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังติดต่อผมมา...”น้ำเสียงของเหลียงหยวนโจวเจือความดีใจและความรู้สึกแบบทำตัวไม่ถูก ราวกับย้อนกลับไปในช่วงที่เขากำลังจีบสืออวี๋ ที่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 220

    “อืม ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ เราไปกันเถอะ”อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหลียงหยวนโจวอุ้มเสินหลีไปส่งที่รถ เขาก็ยืนอยู่ข้างรถและพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า: “ผมยังมีธุระที่บริษัท เดี๋ยวให้คนขับรถส่งคุณไปโรงพยาบาล”พูดจบ ก็ทำท่าจะปิดประตูสีหน้าของเสินหลีเปลี่ยนไป เธอยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที “หยวนโจว คุณไม่ไปกับฉันเหรอคะ? ถ้าเผื่อลูกเป็นอะไรขึ้นมา…”เหลียงหยวนโจวพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ผมไม่ใช่หมอ อีกอย่าง ต่อไปนี้ถ้าคุณเจอสืออวี๋ก็หลีกเลี่ยงเธอซะ พยายามอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอ”“ว่าไงนะคะ?”เสินหลีมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่แม้แต่จะถามสักคำว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถูกรังแกหรือเปล่า แต่กลับบอกให้ฉันเห็นสืออวี๋แล้วต้องเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยง?”เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาไปเข้าข้างสืออวี๋ได้ยังไง!“จำเป็นต้องถามด้วยเหรอ ด้วยนิสัยของสืออวี๋ ถ้าคุณไม่ไปหาเรื่องเธอก่อน เธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามองคุณด้วยซ้ำ”“งั้นคุณก็หมายความว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฉันงั้นสิ”เหลียงหยวนโจวหมดความอดทน เขามองเธออย่างเย็นชา แววตาหนาวเยียบ“รู้ตัวก็ดีแล้ว ที่ผม

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 219

    “ดูภายนอกก็ดูดี ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ได้!”“เหอะ ๆ ของทั้งเนื้อทั้งตัวรวมกันก็เกือบสิบห้าล้านแล้วมั้ง ผู้ชายคนนั้นก็คงรวยน่าดู ไม่อย่างนั้นจะรีบพุ่งเข้าไปจับขนาดนั้นเหรอ?” …เสียงซุบซิบดูแคลนรอบข้าง ยิ่งทำให้เสินหลีรู้สึกรังเกียจชืออวี๋มากขึ้นไปอีก เห็น ๆ อยู่ว่าตัวเองคุมแฟนไม่อยู่ มีสิทธิ์อะไรมาโทษเธอด้วยล่ะ? ถ้าเป็นรักแท้จริง ๆ คบกันปีสองปีก็แต่งงานกันแล้ว นี่เหลียงหยวนโจวคบกับเธอมาห้าปีแล้วยังไม่แต่ง ก็ได้แต่พูดว่าเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสืออวี๋เลยต่างหาก เธอแค่ปรากฏตัวได้ถูกจังหวะก็เท่านั้น เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยยิ่งคิด เสินหลีก็ยิ่งโมโหขณะที่เธอกำลังจะโต้เถียงสืออวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเกร็งที่ท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน“อ๊า... ท้องของฉัน...”เธอรีบกุมท้อง ใบหน้าซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือดผู้คนที่มุงดูอยู่รอบตัวเธอรีบถอยห่างทันที บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจ กลัวว่าเสินหลีจะแกล้งพาลใส่พวกเขาเมื่อเห็นว่าทุกคนมีแต่ท่าทีเย็นชา ไม่มีใครยอมช่วยเรียกรถพยาบาลให้ เสินหลีจึงทำได้เพียงทนความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกดโทรศัพท์หาเหลียง

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 218

    ปกติถ้าพวกเขาอยากได้อะไรที่เกินเงินค่าขนมของตัวเอง ก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์หาเงินซื้อเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย การแต่งตัวและการกินอยู่ของซ่งจื่ออินก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ เลยมีน้อยคนมากที่จะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของประธานสือกรุ๊ปแม้ว่าตอนนี้คุณพ่อของเธอจะไม่จำกัดเรื่องเงินแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ซ่งจื่ออินใส่ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของที่ซื้อตามตลาดนัด“ได้”ซ่งจื่ออินลองเสื้อผ้าเสร็จ ก็เลือกซื้อชุดที่ค่อนข้างพอใจสองสามชุด พอรูดบัตรเสร็จก็ให้ทางร้านจัดส่งไปที่บ้านตระกูลซ่งโดยตรงทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากร้าน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพอดีพอเห็นว่าเป็นเสินหลี สีหน้าของซ่งจื่ออินก็เคร่งขรึมลงทันทีสืออวี๋เองก็ประหลาดใจไปชั่วครู่ แต่พอนึกถึงเรื่องที่เหลียงหยวนโจวเคยบอกว่าจะแต่งงานกับเสินหลี ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไปเสินหลีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ดูเรียบง่ายจืดชืด เธออยู่ในชุดแบรนด์หรูสั่งตัด ผมยาวดัดลอนอ่อน ๆ ในมือหิ้วถุงช้อปปิ้งแบรนด์ไฮเอนด์หลายใบ บนข้อมือสวมนาฬิกาประดับเพชรแวนคลีฟแอนด์อาร์เพลส์ เผยให้เห็นความหรูหราประณีตตั้งแต่หัวจรดเท้าซ่งจื่ออินแค่นเสียงเ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 217

    แต่ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้อยู่กับสืออวี๋ และนี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ เขาไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาดเขากระดกไวน์แดงในแก้วจนหมดรวดเดียว ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปชั่วพริบตาเดียวก็ถึงบ่ายของวันรุ่งขึ้น สืออวี๋เพิ่งตื่นจากงีบหลับกลางวัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่งจื่ออิน“อาอวี๋ ฉันถึงหน้าประตูหมู่บ้านแกแล้ว แต่ยามไม่ให้เข้า ฉันรออยู่ข้างนอกนะ”“โอเค รอฉันสิบนาทีนะ”สืออวี๋รีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบมือถือกับกระเป๋าแล้วจึงออกจากห้องไปพอเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน เธอก็เห็นซูเปอร์คาร์สีชมพูของซ่งจื่ออินจอดอยู่ไม่ไกลทันทีที่ขึ้นรถ ซ่งจื่ออินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นโลเคชั่นหมู่บ้านที่แกส่งให้ ก็รู้สึกคุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน เพิ่งจะนึกออกว่า ตอนที่โครงการนี้สร้าง บริษัทของพี่ชายฉันก็เคยมีดีลด้วยนะ รู้สึกว่าทางผู้พัฒนาโครงการจะแถมบ้านให้เขาสองหลังเลยล่ะ”สืออวี๋ฉายแววประหลาดใจ “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก่อนที่บริษัทซ่งซื่อจะเปลี่ยนสายธุรกิจ หลัก ๆ ก็ทำอสังหาริมทรัพย์นี่แหละ เคยร่วมมือกับผู้พัฒนาในเมืองเซินตั้งหลายเจ้า เดี๋ยวคืนนี้กลับไปฉันจะถามเขาดูว่าห้อ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 216

    “ดูท่าว่า นายคงอยากกลับเมืองหลวงแล้วสินะ”ซือห่าวอวี่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “คุณอาเล็กครับ ถ้าผมกลับไปเมืองหลวง ผมก็จะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าทุกวัน ทีนี้พอพูดมากเข้า เกิดผมเผลอหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป คุณอาเล็กก็น่าจะเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”“ดูเหมือนว่าไม่กี่ปีที่ฉันไม่อยู่บ้าน นายจะเก่งกาจขึ้นเยอะเลยนะ รู้จักข่มขู่คนเป็นแล้วด้วย”สายตาของซือเยี่ยนเย็นชา ทั่วทั้งร่างมีไอความเย็นแผ่ซ่านถ้าเป็นปกติ ซือห่าวอวี่คงกลัวจนตัวสั่นไปแล้วทว่าตอนนี้ทั้งสองคนคือศัตรูหัวใจ เขาจะแสดงความขลาดกลัวออกมาแม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วจะเอาอะไรไปสู้กับซือเยี่ยนได้ซือห่าวอวี่จ้องมองซือเยี่ยนตรง ๆ มุมปากประดับรอยยิ้ม “คุณอาเล็กครับ ทั้งหมดนี้ก็เพราะคุณอาสอนมาดี”หว่างคิ้วของซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นวันนี้ฉันจะสอนนายอีกเรื่องที่มันไม่มีความหวังน่ะ รีบตัดใจซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคนที่จะเจ็บปวดทีหลังก็คือนายเอง”“คุณอาเล็กครับ ในสายตาคุณอา ผมอาจจะไม่มีหวัง แต่ในสายตาผม คุณอาต่างหากคือคนที่ไม่มีหวัง”ด้วยความที่ท่านย่าซือกับท่านผู้เฒ่าซือให้ความสำคัญกับซือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status