พิธีหมั้นของแคลลี่จะจัดขึ้นที่โรงแรมสตาร์ไลท์ ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวประจำเมือง เรื่องนี้ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เพราะตระกูลรังสรรค์ไพศาลถือว่าเป็นตระกูลผู้ดีมีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร คาดว่าคงมีแต่สถานที่หรูหราอลังการแบบนี้เท่านั้นที่จะเข้าตาสองแม่ลูกคู่นี้
พวกเธอที่ใช้ชีวิตติดหรูใช้ของแพงของแบรนด์เนมมาโดยตลอด แถมยังพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นคุณหนูไฮโซคุณนายไฮโซ ไม่มีทางที่สองแม่ลูกคู่นั้นจะเลือกโรงแรมแบบธรรมดาในการจัดงานหมั้น เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวประจำเมืองหลวงอย่างเช่นโรงแรมสตาร์ไลท์แห่งนี้ นั่นก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว
ได้ยินมาว่าคู่หมั้นของเธอคือ ธีร์ ธีระภัทร ทรัพย์วรากรณ์ ประธานบริษัท MOIS กรุ๊ปที่อายุน้อยที่สุด ชายผู้มีวิธีการที่โหดเหี้ยม เด็ดขาด และไร้ความปรานี เขาใช้เวลาเพียงปีเดียวในการนำพา MOIS กรุ๊ปจากที่เกือบจะล้มละลายให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
การที่ได้เกี่ยวดองกับเขานับว่าเป็นเรื่องที่ดีของวงศ์ตระกูล เพราะผู้ชายอย่างธีระภัทร ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักธุรกิจเงินทุนหนา แถมยังเป็นบุคคลที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ จะสามารถช่วยให้ธุรกิจครอบครัวของตระกูลรังสรรค์ไพศาลที่กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ นั้นกลับมาฟื้นฟูได้อีกรอบอย่างแน่นอน
สุขภาพของติณภพแย่ลงทุกปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของตระกูลรังสรรค์ไพศาลก็แย่ลงทุกปีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่เขาต้องการใช้การแต่งงานเพื่อสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจกับธีระภัทร จึงเป็นสิ่งที่ฉันคาดการณ์เอาไว้แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น
ฉันปฏิเสธความหวังดีของมีอาที่เธอต้องการจะแต่งตัวให้ฉัน และไปที่งานหมั้นของแคลลี่แบบหน้าสดไร้เครื่องสำอางประทินโฉมยังไงซะในสายตาของคนอื่น ฉันก็เป็นแค่คุณหนูรองของตระกูลรังสรรค์ไพศาลที่เอาแต่ใจและไม่เอาไหน บางคนก็แทบจะไม่รู้จักฉันเสียด้วยซ้ำ เทียบกับแคลลี่ที่อ่อนโยนและน่ารักไม่ได้เลยสักนิด
ดูเหมือนแคลลี่จะลืมเหตุการณ์ที่เธอชี้หน้าด่าฉันว่าเลวเมื่อสองเดือนก่อนไปแล้ว พอฉันเดินไปถึงหน้าโรงแรมเธอก็ยิ้มร่าเดินเข้ามาหาฉัน พร้อมกับท่าทางเป็นมิตรที่ฉันก็รู้อยู่แล้วว่านั่นคือการแสดงออกที่เสแสร้งอย่างเธอถนัดทำในทุกครั้ง
"วาริส ดีใจจริง ๆ ที่เธอมางานหมั้นของฉัน"
แคลลี่ทักทายเมื่อเห็นฉัน เธอกอดแขนฉัน แสดงท่าทางราวกับว่าเราเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาก แต่ฉันก็ชักมือออกอย่างไม่เกรงใจ และพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า
"เธอน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ฉันมาที่นี่ก็แค่ต้องการดูว่าการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจครั้งนี้มันคุ้มค่าหรือเปล่า ก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น"
แคลลี่ไม่ใช่คนโง่ เธอเข้าใจความหมายในคำพูดของฉันอย่างแน่นอน
"เด็กสารเลว! กล้าพูดกับพี่สาวแบบนี้ได้ยังไง? ดูการแต่งตัวของเธอสิ! คนอย่างฉัน ติณภพคนนี้ จะมีลูกสาวแบบเธอได้ยังไง!"
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นิสัยของติณภพก็ยังคงหุนหันพลันแล่นเหมือนเดิม พอเห็นฉันก็โกรธจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อ เขาต้องเป็นพ่อแบบไหนกัน หลงใหลแต่ลูกคนอื่นแต่กลับไม่ใส่ใจลูกแท้ ๆ ของตัวเอง ก็เพราะเขาเป็นแบบนี้ไง ฉันจะเกลียดเขามันก็ไม่แปลก เพราะไม่ใช่เพียงว่าเขาเห็นลูกของคนอื่นดีกว่าลูกแท้ ๆ ของตัวเองเท่านั้น แต่มันยังเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ทำร้ายแม่และทำลายความสุขของครอบครัวของเราจนมันพังทลายลง
อารยาที่แต่งตัวอย่างหรูหรารีบออกมาไกล่เกลี่ย เมื่อเห็นว่ากำลังจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น
"คุณคะ ใจเย็น ๆ สิ วาริสยังเด็ก ไม่รู้จักโลก ดังนั้นการพูดจาจึงไม่ค่อยระมัดระวัง แต่ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ คุณใจเย็นก่อนนะ"
"ใช่ค่ะพ่อ วาริสเป็นน้องสาวของหนู ไม่ว่ายังไง หนูก็จะไม่เอาเรื่องกับเธอหรอกค่ะ"
ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสองแม่ลูกคู่นี้ก็คือการเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนใจดีและมีเมตตา กลับขาวเป็นดำต่อหน้าติณภพ นี่ถือว่าเป็นสกิลขั้นเทพของนางจิ้งจอกสองแม่ลูกคู่นี้เลยก็ว่าได้ เล่นละครตบตาได้ทุกบทบาท โดยเฉพาะบทบาทที่สวมรอยเป็นคนดีมีจิตใจเมตตาโอบอ้อมอารีกับผู้อื่น ฉันเห็นแบบนี้แล้วแทบจะอยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองให้นางจิ้งจอกสองแม่ลูกคู่นี้ไปครอบครองซะเลย
เล่นละครเก่งชะมัด!
"พ่อ พ่อไปต้อนรับแขกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะพาวาริสไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง"
แคลลี่คงกลัวว่าฉันจะพูดอะไรที่ทำให้ตระกูลรังสรรค์ไพศาลเสียหน้า เธอจึงลากแขนฉันเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยไม่พูดอะไร
เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว แคลลี่ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป เธอสะบัดมือฉันออก และพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการข่มขู่
"วาริส ที่ฉันให้เธอมางานหมั้นของฉันกับคุณธีร์ ก็ถือว่าให้เกียรติเธอมากแล้วนะ ไม่ใช่เธอบอกว่าฉันจะมีอนาคตที่ไม่ดีเหรอ? ฉันจะทำให้เธอได้เห็นว่าชีวิตฉันมีความสุขและสวยงามแค่ไหน! แต่ฉันเตือนเธอไว้ก่อนนะ ถ้าเธอกล้าสร้างปัญหาล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่"
"โห! ใครบอกว่าไก่ป่าบินขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วจะกลายเป็นหงษ์ไม่ได้? ฉันว่าตอนนี้เธอก็ดูเหมือนนะ"
ฉันเป็นคนที่ชอบพูดจาเสียดสีโดยเฉพาะกับคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้
"เธอ!"
แน่นอน แคลลี่โกรธจัดจนยกมือขึ้นจะตบหน้าฉัน แต่น่าเสียดาย ฉันไม่ใช่วาริสคนเดิมที่ยอมให้พวกเขารังแกอีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อนฉันอาจจะยอมให้นางจิ้งจอกสองแม่ลูกนี้รังแกและทำร้ายโดยที่ไม่ตอบโต้ แต่ตอนนี้อย่าหวังเลยว่ามันจะเป็นเหมือนเดิม ฉันไม่ใช่วาริสคนเดิมที่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว ฉันจับข้อมือแคลลี่ไว้แน่น และยิ้มเยาะอย่างพอใจ
"ทำไม? เธออยากให้พี่เขยในอนาคตของฉันเห็นว่าคู่หมั้นของเขาดุร้ายแค่ไหนงั้นเหรอ? ทะเลาะกับน้องสาวของตัวเอง ถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ?"
ใบหน้าของแคลลี่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมถอยและหันมามองฉันด้วยความโกรธแค้น
"วาริส วันนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องกับเธอ แต่เธออย่าคิดว่าฉันกลัวเธอนะ ถ้าเธอยังยืนกรานที่จะต่อต้านฉัน ฉันจะทำให้เธอเสียชื่อเสียงและอับอาย!"
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"แคลลี่ เธออยู่ในนั้นไหม?"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มและมีเสน่ห์ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดแคลลี่จ้องมองฉันอย่างดุร้าย ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู
"ธีร์คะ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ ฉันกำลังจะพาน้องสาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เธอก็ไม่ยอม..."
ฉันอยากจะรู้ว่าผู้ชายตาบอดคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ทำไมถึงได้เลือกผู้หญิงอย่างแคลลี่มาเป็นคู่ครองจึงเงยหน้าขึ้นดู แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันก็ถึงกับต้องตกตะลึง
คู่หมั้นของแคลลี่ กลายเป็นเขา!
คือเขา!
คือเขางั้นเหรอ!
จริงเหรอเนี่ย!!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ผู้ชายที่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่มีอาได้เตรียมไว้ให้ ผู้ชายที่ฉันนอนด้วยแล้วเขาก็เสนอที่จะเลี้ยงดูฉัน คนคนนั้น....เขาคือธีระภัทร ทรัพย์วรากรณ์!
โอ้แม่เจ้า!!
นี่มันเรื่องบังเอิญอะไรกัน!!
ฉันตกใจจนอ้าปากค้าง พยายามคิดวนไปวนมากับเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น นี่มันบังเอิญอะไรขนาดนี้ คู่หมั้นของแคลลี่กลายเป็นผู้ชายคนนั้นยังไม่พอ แต่วันนี้ฉันยังต้องมาเจอเขาอีกครั้งในสภาพที่ตัวเองยังไม่พร้อมทั้งด้านหน้าตาและการแต่งกาย นี่มันแย่ชะมัด ทำไมฉันถึงไม่เชื่อฟังในสิ่งที่มีอาเพื่อนสนิทของฉันได้บอกตั้งแต่แรกกันนะ
ทั้งคู่ส่งเสียงครางประสานกันก่อนที่จะเสร็จสมไปเป็นครั้งที่สอง คนตัวเล็กที่ตอนนี้ฟุบลงไปกับเตียงหายใจหอบถี่ ๆ อย่างหอบเหนื่อย สองน้ำที่ผ่านมาทำเอาเธอเพลียร่างเหลือเกิน อีกฝ่ายที่เพิ่งจะถอดถอนแก่นกายออกจากร่องรูรักของวาริสก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาหมั่บ!!มือหนาเอื้อมไปจับขาเรียวก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาหาตัวในท่าก้มโค้ง“อร๊ายย คุณธีร์ คุณจะทำอะไรน่ะ”“ฉันยังไม่อิ่มเลยที่รัก เธออร่อยเหลือเกิน”ธีระภัทรตอบพลางซุกไซร้ที่แผ่นหลังงามอีกครั้ง“ฉัน...ฉันไม่ไหวแล้วค่ะ ฉันพูดจริง ๆ นะ อ๊ายยยยย”เขาไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอเลยแม้แต่นิด ตอนนี้ธีระภัทรนั้นไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังขย้ำกวางน้อย เขาอุ้มร่างบางลอยขึ้นก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ภายในห้อง จัดท่าให้ร่างบางก้มโค้งลำตัวแนบไปกับเคาน์เตอร์บาร์ก่อนที่จะ....สวบบบ!!!“อ๊าส์ พี่ธีร์ เอามันออกไปนะ วาริสไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”ธีระภัทรไม่ฟังเสียงทัดทานแต่อย่างใด เอวแกร่งยังคงอัดกระแทกเข้าออกที่ช่องทางสวาทนั้นด้วยจังหวะที่รุนแรง“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์ อ๊าส์”เสียงเล็กจากวาริสครางออกมาไม่หยุด สร้างความพึงพอใจให้อีกคนได้เป็นอย่างมาก“ฉันรักเธอนะ วาริ
“เราไปต่อกันที่เตียงกันดีกว่านะ”.................................................//เฮือก//วาริสสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่กับคำพูดที่ได้ยิน“ฉะ...ฉันเหนื่อยแล้วนะคะ”“ถ้าฟ้าไม่เปลี่ยนสี อย่าเรียกฉันว่า ธีระภัทรเลย ไม่ได้ทำมานาน คืนนี้ฉันจะกินเธอให้หายอยาก”เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ธีระภัทรในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากหมาป่าที่หิวกระหาย มือหนาช้อนอุ้มวาริสขึ้นจากอ่างน้ำ แล้วเดินตรงไปที่เตียงโดยไม่ฟังคำทัดทานของเธอเลยแม้แต่น้อย“หะ...ห๊า.....อ๊ายยยยย คุณธีร์... ปล่อยฉันลงนะ”ตุ้บ!“คะ..คุณธีร์ อย่าเข้ามา พอแล้วนะคะฉันเหนื่อยแล้วจริง ๆ ”วาริสพยายามเอ่ยห้ามธีระภัทรที่ตอนนี้กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ตัวเธอ สีหน้าท่าทางของเขานั้นราวกับเสือตัวใหญ่ที่กำลังเจอเหยื่ออันโอชะและพร้อมจะตะครุบ ตอนนี้เขาได้เข้ามาประชิดถึงตัวเธอแล้วพร้อมกับทาบทับร่างกายลงบนเรือนร่างงามอย่างไม่รีรอ“คะ...คุณธีร์ ฉะ...ฉันว่า....อื้อออออออ”“อื้มมมมมมมมม”คำพูดของวาริสถูกปิดด้วยริมฝีปากของธีระภัทร เขาไม่ปล่อยให้เธอได้พูดหรือเอ่ยห้ามอะไรอีก สัมผัสที่เร่าร้อนได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และในค่ำคืนนี้ไม่รู้เลยว่าบทรักของเขาแล
“ทำไมหัวใจเต้นแรงขนาดนี้นะ” วาริสคิดในใจ“ขนาดลูกหนึ่งแล้ว เธอก็ยังน่ากินอยู่เลยที่รัก...”“เอ่อ...คุณธีร์คะ ฉันว่า....อุ๊บบ!!! อื้อออ....”ไม่ทันได้พูดจบประโยค วาริสก็ถูกธีระภัทรจับหันหน้าเข้าหาตัวเขาที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ริมปากหนาหยักได้รูปก็ประกบลงที่ริมปากบางที่อวบอิ่มนั้นทันที“อื้มมมม” เธอส่งเสียงครางในลำคอธีระภัทรไม่ปล่อยช่องว่างให้เธอหายใจเลยแม้แต่น้อย รสจูบนั้นเร่าร้อน และปลุกเร้าอารมณ์ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี“อืมมมมม วาริส.....หวาน....จัง”ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปภายในโพรงปากบางเพื่อเชยชิมความหอมหวานจากโพรงปากบางนั้น มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ร่างบางเล็กอย่างช้า ๆ จนไปถึงยอดเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อและบีบเบา ๆ เขาถอนริมฝีปากออก และเริ่มซุกไซร้คนตัวเล็กร่างอีกครั้ง ร่างสูงลากปลายลิ้นลงมาเรื่อย ๆ จนถึงปลายยอดทับทิมสีชมพู“หมับ”“อ๊ะ!!!! คะ....คุณธีร์ อย่า อ๊ะ”แม้ปากจะร้องห้าม แต่หน้าอกกลับแอ่นรับสัมผัสนั้นที่เขามอบให้ ธีระภัทรขบเม้มบริเวณนั้นจนพอใจ แล้วอุ้มร่างบางเล็กขึ้นมานั่งบนตัก พร้อมกับประกบริมฝีปากตามไปอีกครั้ง“อืมมมมมม”เสียงครางในลำคอดังขึ้นไม่หยุด เมื่อระดมจูบอย่างพออกพอใจ
วันไปเที่ยวธีระภัทรและวาริส ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง“หนูฝากของขวัญด้วยนะคะคุณแม่ พี่จิตตรี…. ของขวัญ ที่รักของแม่ ห้ามดื้อกับคุณย่าและพี่จิตตรีนะลูก”วาริสพูดจบเธอก็ก้มลงไปจูบหน้าผากเด็กน้อยอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก “ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะดูแลของขวัญให้เอง พวกเธอทั้งสองคนไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่”“ขอบคุณครับคุณแม่ พวกเราไปแล้วนะครับ”ทั้งสองคนขึ้นรถและออกเดินทาง ใช้เวลาขับรถจากที่บ้านประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงที่พัก ที่พักตรงนี้เป็นบ้านพักติดทะเลที่ธีระภัทรเป็นเจ้าของเอง นี่ก็ถือว่าเป็นอีกโครงการหนึ่งในเครือของกลุ่มบริษัททรัพย์วรากรณ์บ้านพักติดทะเลหลังนี้เป็นบ้านพักสุดหรูติดทะเลแบบ Poll Villa ที่มีทั้งอ่างจากุซชี่ และสระว่ายน้ำในตัว มองเห็นวิวทะเลได้ชัด ได้สัมผัสกลิ่นอายของทะเลอย่างเต็มที่ ทำให้วาริสถูกอกถูกใจเป็นที่สุด เพราะเธอเป็นคนที่ชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว“โอ้โห!! ฉันชอบจังเลยค่ะ มีสระว่ายน้ำในตัวด้วย แบบนี้ต้องถ่ายรูปสวย ๆ ให้เยอะ ๆ เลยนะ ไม่ได้มาเที่ยวนานแล้ว พอได้มาก็รู้สึกดีนะเนี่ย”เธอพูดอ้อนเสียงหวานพร้อมเข้ามากอดซบร่างสูงคนรักของเธอ“ไปเป
หลังจากที่วาริสออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาอยู่บ้าน เธอเป็นคนเลี้ยงลูกเองโดยมีพี่เลี้ยงเด็กและแม่ของธีระภัทรที่คอยมาช่วยอยู่ไม่ห่าง วาริสไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเลี้ยงโดยเฉพาะ เนื่องจากเธออยากสร้างความผูกพันกับลูก อยากให้ลูกติดแม่ เธอจึงเป็นคนเลี้ยงเองโดยพี่เลี้ยงเด็กช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น ส่วนธีระภัทร ทุกวันหลังจากที่กลับจากบริษัทเขาก็จะช่วยเลี้ยงลูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับวาริส ในตอนกลางคืนเด็กน้อยมีร้องไห้งอแงบ้างทั้งคู่ก็ช่วยกันปลอบ การเลี้ยงเด็กหนึ่งคนนั้นยากลำบาก ทำให้คนเป็นแม่แบบเธอไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน ทั้งสองคนไม่ค่อยมีเวลากระหนุงกระหนิงกันเหมือนเมื่อก่อน เป็นแบบนี้จนระยะเวลาล่วงเลยจนของขวัญอายุได้สองขวบ ในช่วงนั้นธีระภัทร ได้ให้เนตรนภา แม่ของเขามาอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อจะได้ช่วยดูแลเด็กน้อยอีกแรง เนื่องจากเขาเกรงว่าวาริสจะเหนื่อยเกินไปในช่วงที่เขาต้องเข้าบริษัทและไม่ได้อยู่ช่วยเธอดูแลลูก“ขอบคุณนะคะคุณแม่ ที่มาอยู่ช่วยหนูดูแลของขวัญ”“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่เต็มใจ ยังไงซะของขวัญก็คือหลานสาวของแม่ หนูเองก็ไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ แม่กับจิตตรีจะดูแลของขวัญให้เอง”“ขอบคุณนะคะคุณ
อุแว้...อุแว้...."คลอดแล้วค่ะ เป็นเด็กผู้หญิง"ธีระภัทรน้ำตาซึมเมื่อได้ยินพยาบาลสาววิ่งออกมาบอก เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจไปพร้อม ๆ กันลูก... ลูกของเขากับวาริส...ในที่สุด เขาและเธอก็ได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วพวกเราสามคน พ่อ แม่ ลูก..."คุณพ่อเข้าไปหาคุณแม่ได้นะคะ เธอเพิ่งจะหลับไป อย่าเพิ่งเสียงดังรบกวนเธอนะคะ"ธีระภัทรพยักหน้าตอบรับคำของพยาบาล ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาลในขณะนี้ วาริสยังคงหลับสนิทบนเตียงของโรงพยาบาล ธีระภัทรเดินย่องเท้าอย่างเบาที่สุดแล้วค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาเพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดเสียงดังจนรบกวนทำให้เธอต้องตื่น"ลำบากเธอแล้วนะ..."เขามองไปที่วาริสที่นอนอยู่และพึมพำออกมาเสียงเบา เขารู้ดีว่าการคลอดลูกของผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดและทรมานมากที่สุด เขารู้สึกขอบคุณเธอและซาบซึ้งที่เธอยอมลำบากอุ้มท้องนานถึง 9 เดือน และยังทนเจ็บปวด คลอดเด็กทารกที่แสนน่ารักมาเติมเต็มครอบครัวให้กับเขาธีระภัทรนั่งมองวาริสอย่างไม่ละสายตา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ นานา เป็นความคิดที่มีแต่คำขอบคุณ ความซาบซึ้ง แววตาที่เขาจ้องมองเธอก็เต็มไปด้วยความรั
ฉันไปโรงพยาบาลกับอารยา และให้พยาบาลเจาะเลือดของฉันแต่โดยดี ฉันมองดูเลือดของตัวเองค่อย ๆ ถูกถ่ายเข้าไปในร่างกายของแคลลี่ ความเกลียดชังในใจกลับงอกงามอย่างบ้าคลั่งเหมือนวัชพืชที่แท้ ความใจอ่อนที่แม่ของฉันก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี กลับเป็นแค่แผนการหลอกลวง พวกเขาร่วมมือกันหลอกแม่ ฉันดีใจที่แม่ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไม่อย่างนั้นแม่คงจะเสียใจมากกว่าที่เคยเสียใจ ฉันเกลียดพวกเขา เกลียดทุกคน อยากให้พวกเขาตายไปเสียให้สิ้น! แต่ฉันก็ยังช่วยชีวิตแคลลี่ เธอ ที่เรียกว่า เป็นพี่สาวแท้ ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกันกับฉันเลือดจำนวนมากถูกถ่ายเข้าสู่ร่างกายของแคลลี่ การหายใจของเธอก็ค่อย ๆ เป็นปกติ สามชั่วโมงต่อมา แคลลี่ก็ตื่นขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ตำรวจก็มาถึงต่อหน้าเธอ"คุณแคลลี่คือคนไหนครับ"น้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์เอ่ยถาม แคลลี่ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงพูดเบา ๆ ว่า"ฉันค่ะ... ฉันเอง"ในวินาทีต่อมา กุญแจมือเย็นเฉียบก็ถูกสวมใส่ลงบนมือแคลลี่อย่างไม่ลังเล"คุณแคลลี่ เราได้รับแจ้งว่าคุณได้วางแผนและมีส่วนร่วมในคดีลักพาตัว และต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา ม
ในที่สุดฉันก็เข่าใจในสิ่งที่อารยาจะสื่อ เนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นการถ่ายเลือดจะต้องมาจากญาติที่สนิทที่สุด ยิ่งถ้าเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันยิ่งจะดีที่สุด เพราะแบบนี้จะแทบไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาฉันรู้สึกตลกขึ้นมาทันทีตอนนั้นสองแม่ลูกคู่นี้ร่วมมือกัน กลั่นแกล้งทำร้ายฉันสารพัด แทบจะอยากกำจัดฉันไปให้พ้นทาง แต่ตอนนี้ยังมีหน้ามาขอให้ฉันไปบริจาคเลือดให้แคลลี่อีก? ใครกันที่ให้ความกล้าแบบนี้กับเธอมา?ตอนแรกฉันอยากจะเยาะเย้ยเธอสักหน่อย แต่พอเห็นใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความงดงามในอดีตของอารยาใจของฉันก็แอบรู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย“อารยา ฉันคิดว่าเธอคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ เธอบอกว่าแคลลี่ต้องการให้พี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันไปบริจาคเลือดให้ แต่ขอโทษด้วย ฉันกับแคลลี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น บางทีเธออาจจะต้องไปตามหาผู้ชายคนก่อนของเธอ เผื่อว่าเขาจะมีลูกคนอื่นอีก แบบนั้น เธออาจจะยังพอมีหวัง”ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เอาผิดกับความผิดที่พวกเธอก่อไว้ในอดีต แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะให้อภัยพวกเธอ อารยาแอบเป็นชู้กับพ่อของฉัน และทำให้แม่ของฉันเสียชีวิต
การล้มละลายของบริษัท รังสรรค์ไพศาล กรุ๊ป และการจับกุมติณภพในข้อหาตกแต่งปลอมแปลงบัญชีและยื่นงบการเงินที่เป็นเท็จ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่โด่งดังไปทั่วกรุงเทพมหานคร ใคร ๆ ก็รู้กันหมด ทุกคนต่างยินดีปรีดาที่ได้เห็นคนเลวได้รับกรรมอย่างสาสมแต่ฉันกลับไม่มีความสุขเลยสักนิดคนที่จัดการงบการเงินนั้นคือแคลลี่ แต่คนที่ต้องติดคุกกลับกลายเป็นติณภพ นี่มันชัดเจนว่าติณภพรับโทษแทนแคลลี่ไม่ใช่รึไง?ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าติณภพพ่อของฉันจะไม่สนใจใยดีลูกสาวแท้ ๆ อย่างฉัน แถมยังด่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ ได้ทุกเมื่อ แต่เขากลับดีกับแคลลี่ ลูกติดเมียใหม่คนนี้ซะจริง ๆ ถึงขนาดยอมรับโทษติดคุกแทนแคลลี่ได้ธีระภัทรปลอบใจของฉันอยู่ข้างๆ“ไม่เป็นไรนะ วาริส ถ้าเธอไม่พอใจ ฉันมีวิธีจัดการแคลลี่อีกตั้งเป็นพันเป็นหมื่นวิธี…”“ช่างเถอะ” ฉันโบกมือให้เขาหยุดพูด“สำหรับฉัน แค่นี้ก็ถือว่าได้แก้แค้นให้แม่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยมที่จะต้องเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ในเมื่อติณภพยอมรับโทษแทนเธอแล้ว ก็ปล่อยให้เขาได้สำนึกผิดในคุกก็แล้วกัน ยังไงซะตั้งแต่ฉันก็ออกจากบ้านตระกูลรังสรรค์ไพศาลแล้ว เขาก็ถือว่าไม่ใช่พ่อของฉันอีกต่อไปแล้ว ส่วนอารยากับ