ที่จริงแล้วลีออง ใจอ่อนตั้งแต่ที่เจสัน พูดให้เขาช่วยเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาแล้วละ แต่เขาก็ต้องกลับไปทบทวนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่เห็นแก่เงิน เพียงเพราะผลประโยชน์ที่ชายที่มีอำนาจด้านการเงินคนนี้มอบให้เขา ซึ่งมันเป็นจำนวนที่มากพอสมควร มันคือหุ้นที่เกินครึ่งของกิจการเลยก็ว่าได้
สำหรับเจสันแล้วนั้น เขารู้ว่าชายหนุ่มที่เขาเลือกนั้นไม่ผิดแน่นอน ผู้ชายคนนี้อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาก็ได้ เขาหวังกับอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก และหากมันไม่สามารถเป็นไปได้อย่างที่คาดหวัง ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงจะดูแลลูกสาวของเขาต่อไปได้ และไม่อาจจะละทิ้งไปได้ หากวันข้างหน้าเขาไม่อยู่ ซึ่งนั้นคือแผนของผู้เป็นพ่อที่ควรทำ
..... เย็นของวันเดียวกัน ลีอองได้โทรนัดแฟนสาวของเขา หรือเธอก็คือ จิมมี่ ที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขานั้นเอง เขานัดเธอให้พบกันที่ร้านกาแฟคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้กับบริษัท การนัดครั้งนี้ของเขาเพื่อเป็นการบอกเลิกความสัมพันธ์ เพราะเขาต้องแต่งงานกับอัยยะ
จิมมี่ไม่เข้าใจว่าทำไมลีอองถึงต้องยอมฝ่ายนั้น เขาต้องถูกบังคับให้แต่งงานอย่างแน่นอน ถึงแม้ชายหนุ่มจะบอกเธอว่าเขาไม่ได้ถูกบังคับ ถึงมันจะเป็นข้อสัญญาระหว่างธุรกิจ แต่การแต่งงานครั้งนี้เขาบอกว่าเขาเต็มใจ ซึ่งเธอไม่เชื่อ (เขาไม่ได้เต็มใจ เขาถูกบังคับ)
สิ่งที่เธอคิด มันคือหน้าที่ของเขา มันต้องเป็นหน้าที่ของเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงรักเธอ แต่ถ้าให้เลือกเขาก็เลือกครอบครัวและบริษัท หากเขาไม่ตกลงบริษัทของเขาจะล้มละลาย และเธอก็คือหนึ่งในนั้นที่จะตกงาน ลีอองไม่ได้บอกถึงเหตุผลอื่น หรือเรื่องที่เขาคุยและตกลงกับเจสัน เขาไม่ต้องการให้จิมมี่รอเขา หากเขาคิดจะเลิก ถึงแม้จะยังคงรักเธออยู่เขาก็อยากให้เธอเจอคนที่คู่ควรกับเธอ และรักเธอเช่นกัน
ลีอองยังก็บอกกับเธอว่า การแต่งงานครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นข้อตกลงที่เหมือนจะบังคับเขา แต่เขาก็เป็นคนตัดสินใจและสมัครใจด้วยตัวเอง เขายังขอให้เธอไม่ต้องเสียเวลากับเขาอีก ตอนแรกเธอทำงานในแผนกที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา หลังจากที่เขาบอกเลิกเธอ เขาก็ย้ายเธอมาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทแทน นั้นแสดงว่าเขาตัดสินใจเลิกกับเธออย่างแน่นอน
จิมมี่ เมื่อรู้ว่าลีอองมาพบครั้งนี้เพื่อบอกเลิกรากับเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และรู้สึกเจ็บในอกไปหมด เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือจุดจบของความรักของเธอ แต่เธอก็ต้องยอมรับมัน เพราะนั้นไม่ใช่แค่อนาคตของชายหนุ่มที่เธอรักเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานของเธอทุกคนก็จะพลอยโดยหางเลขไปด้วย
ถึงแม้ระหว่างพวกเขาจะคบกันแบบแฟนมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย นี้ก็เกือบจะ 5 ปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยจะหวือหวาเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ เพราะเธอนั้นถือเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ส่วนลีอองก็เป็นลูกผู้ชายมากจนเกินไป เขาจะให้เกียรติเธอเสมอ ไม่ล่วงเกินเธอเลย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเหมือนจะไม่ค่อยพัฒนาเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ มากสุดของทั้งคู่มีแค่จับมือ ขนาดหอมแก้ม นาน ๆ ครั้งเขาถึงจะกล้าทำมัน อย่าว่าแต่จูบเลย
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง