"คุณเจสัน เชิญผมมาพบในวันนี้มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าครับ?" ชายหนุ่มเริ่มเข้าประเด็นทันที หลังจากที่เขานั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร โดยไม่ปล่อยเวลาให้หลุดลอยไป แต่ผู้ที่กำลังนั่งตรงข้ามกับเขายังคงยิ้ม และยังไม่พูดอะไร
"ถ้าหากว่า .... เป็นเรื่องของการแต่งงาน ผมยังคงขอพูดคำเดิมนะครับ" ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง และปฏิเสธคำตอบล่วงหน้า ถึงแม้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเขายังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยก็ตาม
"อย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วอย่างนั้นเลยครับ ดื่มกาแฟก่อนได้นะ แล้วเดี๋ยวเราทานอาหารร่วมกันซักมื้อก่อน" ผู้ที่เชิญเขามาในวันนี้เริ่มสนทนากับเขา และเชิญเขาดื่มกาแฟและทานข้าวด้วย มันเป็นประโยคที่ชวนให้เขาคิดมาก?
"หมายความว่าอย่างไรครับ?" ชายหนุ่มเริ่มมีความสงสัย
"วันนี้ผมเชิญคุณลีมาพบ ไม่ใช่ในฐานะประธานบริษัท แต่ผมมาในฐานะของพ่อคนหนึ่งเท่านั้น" เจสัน เริ่มเข้าสู่บทสนทนา
"ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนอย่างไร และผมก็ทราบคุณลีเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้ชอบการบังคับ หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำธุรกิจใด ๆ" ชายหนุ่มฟังสิ่งที่เจสันกำลังพูด พร้อมกับเริ่มทำท่าทางสงสัยว่าพ่อลูกคู่นี้จะมาไม้ไหน อันที่จริงเขาก็รู้จักประวัติ ของเจสัน บาสเตียน ดี
เขาถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับลูกสาวของเขาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจฟังโดยไม่ขัดจังหวะ
"การที่ลูกสาวผมเป็นอย่างนี้ ความผิดที่ไม่อาจปัดความรับผิดชอบไปได้ก็มาจากผม ผมต้องขอโทษคุณด้วย" หลังสิ้นประโยคนี้ ชายที่มีอายุมากกว่าเขาซึ่งถือได้ว่าอายุเท่าพ่อของเขาเลยก็ว่าได้ ยืนขึ้นและโค้งตัวลงเพื่อกล่าวคำขอโทษเขา
ชายหนุ่มเห็นการกระทำอย่างนั้น ก็ลุกขึ้นตามทันที
"คุณเจสัน!!! ... ยะ อย่างทำอย่างนี้เลยครับ .... นั่งลงก่อนครับ!!!" ชายหนุ่มกล่าวประโยคที่คิดว่าต้องทำ เพราะการกระทำของคนที่มีศักดิ์สูงกว่าย่อมเป็นการไม่เหมาะสม และเขาก็ถือเป็นเด็กที่ทั้งอายุและทางสังคมธุรกิจอ่อนกว่าคนที่กำลังขอโทษและโค้งให้กับเขาด้วย
"ครับ ....." เจสันนั่งลง และเริ่มประเด็นที่เขาต้องการพูดคุยกับชายหนุ่มที่เขาเชิญมาในวันนี้ทันที
"อันที่จริงผมเชิญคุณลีมาพบในวัน ผมอยากจะขอร้องคุณในฐานะพ่อเพียงเท่านั้น .... หากคุณไม่เห็นด้วย และไม่เต็มใจผมก็ไม่ว่าอะไร และการร่วมลงทุนในบริษัทของเราก็ยังคงสามารถดำเนินการต่อได้"
"ครับ ... เชิญคุณพูดมาเลยครับ" ชายหนุ่มเชิญให้ผู้ที่กำลังสนทนากับเขาพูดได้เลย
"ผมอยากรบกวนคุณลี แต่งงานกับลูกสาวของผม ... " ลีออง เมื่อได้ยินสิ่งที่เจสันพูดก็ตกใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
"ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร" เจสัน เหมือนรู้ทันว่าชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธเขา เจสันก็พูดขึ้นก่อนหน้าชายหนุ่มทันที
"ขอให้ผมพูดให้เสร็จก่อนนะครับ" เจสัน พูดเสร็จมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา และเห็นท่าทางที่ไม่โต้แย้งใด ๆ เขาก็เริ่มพูดทันที
"ผมขอเวลาคุณ 2 ปี ในการแต่งงานกับลูกสาวผม ยัยอัยย์ให้สัญญากับผมว่า หากคุณแต่งงานกับเธอ เธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ... ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนยังไง หากวันหนึ่งผมไม่อยู่ผมก็เชื่อว่าเธอจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ... ดังนั้น ผมในฐานะพ่อ ผมอย่างเห็นลูกสาวของผมโตขึ้น และสามารถดูแลตัวเองได้ ... ผมเชื่อว่าคุณสามารถช่วยผมในเรื่องนี้ได้" เจสัน หยุดพูด พร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม
ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นมา "ผมจะช่วยอะไรคุณได้? และผมจะแก้ไขลูกสาวของคุณได้อย่างไร? แล้วหากภายในเวลา 2 ปี ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
"ผมไม่ขออะไรคุณมาก คุณเพียงแค่สอนการเข้าสังคม และดัดนิสัยของลูกสาวผมตามที่คุณเห็นสมควรก็พอครับ ... ผมอยากให้เธอได้รู้ถึงสังคมโลกภายนอกที่ไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือ เธอจะอยู่กับมันยังไง ...." เจสันพูดไป มองหน้าชายหนุ่มไป เขาหยุดพูดเพื่อดูการตอบสนองของชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ
"หากภายในเวลา 2 ปี ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ผมก็ให้โอกาสคุณในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ หรือจะเดินออกไป เพราะ 2 ปี ผมก็ถือว่าบทเรียนชีวิตของคนคนหนึ่งมันนานพอดู ... " ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังสิ่งที่ผู้เป็นพ่อคนหนึ่งกำลังพูดกับเขา
"หากคุณตัดสินใจช่วยผมในครั้งนี้ ผมถือเป็นบุญคุณอย่างมาก ... ผมจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณ และผมยังจะให้หุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าตอบแทนในครั้งนี้ มันจะเป็นชื่อของคุณคนเดียว และมันจะยังคงเป็นของคุณ ถึงแม้คุณกับลูกสาวของผมต้องเลิกรากัน และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ผมจะให้ในนามคู่สัญญาระหว่างผม คุณ และลูกสาวของผม" เจสันพูดเสร็จก็มองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา
ลีออง ครุ่นคิดสักครู่ เจสันก็เหมือนรู้ว่าชายหนุ่มขอเวลาคิด และนั้นเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี เขาเลยพูดขึ้น
"คุณลีสามารถกลับไปคิดทบทวน และให้คำตอบผมในภายหลังได้นะครับ ผมยังหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณในเรื่องนี้ ... อันที่จริงหากคุณลี ตกหลุมรักลูกสาวของผมได้จริง ๆ ผมก็มีความยินดี ผมอยากมีลูกชายอย่างคุณ แต่ผมมีลูกแค่คนเดียว และผมก็ไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้" สายตาของคนที่กำลังพูดเหม่อลอยสักครู่ เหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน แต่แล้วเขากลับมาเป็นปกติ และยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา
ลีออง เห็นความเป็นพ่ออย่างเต็มเปี่ยมของชายคนนี้ ใจเขาก็อ่อนยวบทันที (เฮอ ....) เขาถอนหายใจ และคิดได้ทันทีว่าเขาช่างเป็นพ่อที่ดีจริง ๆ ทำไมลูกสาวของเขาถึงไม่ได้ความดีเหล่านี้มาเลยนะ เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี
และการที่ชายคนนี้เสนอหุ้นให้กับเขา เขาก็รู้ด้วยว่า นี้คือการวางหมากในการหาผู้ดูแลธุรกิจ และผู้ดูแลลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา ซึ่งเห็นได้จากที่ทำข้อสัญญาหุ้มระหว่างพวกเขาสามคน ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เธอยังคงเป็นเธอคนเดิม และก็ยังคงสามารถมีชีวิ
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง