..... ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยของโรงพยาบาล
ชายหนุ่มกลับเข้าสู่โลกปัจจุบัน หลังจากที่เขาหวนนึกถึงเรื่องราวที่เขาได้เข้ามาสู่โลกของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่กำลังนอนหลับไม่ได้สติ หลังจากเกิดอุบัติเหตุในคืนวันนั้น มันเป็นผลมาจากการทะเลาะกันของพวกเขา
เจสัน พ่อตาของเขา ก็ไม่ได้กล่าวโทษเขาเลยด้วยซ้ำ นั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น และสัญญาระหว่างเขากับเจสันพ่อตาของเขาที่ยังไม่ถึงกำหนด มันก็เพิ่งผ่านมาได้ปีกว่า ๆ เอง และตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายที่ไม่สามารถทนหญิงสาวคนนี้ได้
ตอนนี้ ลีออง ไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยร้าย ๆ ของอัยยะได้อย่างไร ดูจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เธอตั้งใจไปทำร้ายจิมมี่ถึงที่บริษัทของเขา เขาก็ต้องยอมรับว่าไม่มีความสามารถจริง ๆ
ดังนั้น ลีออง จึงลองหยั่งเชิงอัยยะ และดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หาเขาขอเธอหย่า เพราะหากครบกำหนด 2 ปี เขาก็จะหย่ากับเธออยู่ดี
ใจจริงเขาก็ต้องการให้หญิงสาวคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นกัน
ลีอองมองดูหญิงสาว จากนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ เตียงผู้ป่วย เขาจัดโต๊ะ และที่นั่งของตัวเอง เพื่อทำงานไปด้วย และคอยเฝ้าสังเกตอาการของเธอไปด้วย ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว พ่อตาของเขาหลับแล้ว ส่วนตัวเขายังคงนั่งทำงานและเช็กเอกสารต่าง ๆ ที่เขาหอบมันมาจากบริษัท
"คุณยาย คุณยายค่ะ คุณยายอยู่ไหน" เสียของหญิงสาวที่ยังคงหลับอยู่ดังออกมา
ลีอองได้ยินเสียงของเธอ เขาหันไปมองแวบหนึ่งหลังจากได้ยินเสียง แต่เธอเพียงแค่ละเมอเท่านั้น เธอยังไม่ฟื้น จากนั้นเสียงของเธอเงียบลง เขาเห็นว่าอาการของหญิงสาวดีขึ้นมาก และเริ่มรู้สึกตัว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที แต่แล้วคิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากัน แบบคนกำลังครุ่นคิด จากนั้นมันก็หายมาเป็นปกติอีกครั้ง
เวลาเกือบเช้าแล้ว แสงพระอาทิตย์กำลังเริ่มขึ้นเช้าของวันใหม่ เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอ
"มะ มะ แม่ แม่อย่าทิ้งหนูไป รอหนูด้วย ... รอหนูด้วย ... แม่ แม่ แม่ ..."
ชายหนุ่มจำได้ว่าเธอละเมอครั้งแรกนั้นเรียกหายาย และครั้งนี้ เธอเรียกหาแม่ เขารู้สึกแปลกใจ พร้อมกับพูดกับตัวเอง "เธอเรียกหายายและแม่เหรอ" เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น เพื่อดูอาการของเธอ เขาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวดังออกมา
"เธอร้องไห้ ..." ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง จากนั้นเขาก็หันไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาให้กับเธอ
หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นไขว่คว้า และจับมือของเขาไว้ในทันที เธอจับมันแน่นไม่ยอมปล่อย จากนั้นหญิงสาวก็หยุดละเมอ และหยุดร้องไห้
ชายหนุ่มยังคงเฝ้าดูแลเธออยู่ และเธอยังคงจับมือของเขาอยู่ ส่วนพ่อของเธอกลับไปเมื่อตอนตีห้า ท่านจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวละเมอออกมา และเห็นการลากแขนชายหนุ่มไปกอดไว้
แสงอาทิตย์เริ่มทอแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น หญิงสาวยกมือข้างซ้ายขึ้นปิดบังด้วยตาของเธอจากแสงพระอาทิตย์ที่กระทบตาของเธอ มันเป็นมือที่เธอจับแขนของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเธอไว้
จากการขยับแขนของหญิงสาว ชายหนุ่มรู้สึกตัวทันที เขามองไปยังเธอ
"อะ ... ซีดดดดดด ... อะ ... เจ็บ เจ็บ" เธอร้องจากความเจ็บ ดวงตากลมโตของเธอค่อย ๆ ตื่นเต็มดวงมากขึ้น เธอยังคงจ้องขึ้นไปยังเพดานด้านบน
ชายหนุ่มมองเธอ แต่เธอยังคงสะลึมสะลือหลังจากฟื้นจากการหลับใหล เธอร้องออกมาอีกครั้ง
"อะ อะ เจ็บ เจ็บ เจ็บ" เธอมองไปยังแขนที่เธอเพิ่งยกมันขึ้นมา และหันไปเห็นสายน้ำเกลือที่ต่อจากแขนอีกข้างของเธอ
"คุณฟื้นแล้ว" เสียงชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างของเตียงดังขึ้น
หญิงสาวตกใจจากเสียงที่ได้ยิน (ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอ .... แล้วนี่ใคร)
เธอมองไปยังเจ้าของเสีย และเธอก็ต้องตกใจกับใบหน้าของเขา
"คะ คะ คุณ ... คุณ ... อะ อะ ... ซีดดดด"
ลีอองไม่รอช้า ดึงร่างของเธอเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมมอบจูบที่ละมุนให้กับเธออีกครั้ง เขาจูบเธอเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เพราะนี้ยังต้องทำหน้าที่รับแขกอยู่ "ผมขอขอบคุณคนที่สำคัญกับผมที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณ คุณเจสัน พ่อตาของผมที่ท่านเอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านมาโดยตลอดและยังมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านให้ผู้ดูแล ที่ตอนนี้เธอกลายมาเป็นภรรยาที่น่ารักของผม ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากๆ ที่สร้างโอกาสให้กับผมได้พบกับเธอคนนี้" ประโยคหลังลีอองหันไปมองพ่อกับแม่ของเขา เขาพูดจริงที่ท่านทั้งสองบังคับให้เขาแต่งงานกับอัยยะ หากเขาไม่ตกลงในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะได้รู้จักเธอคนนี้หรือเปล่า "และที่สำคัญ ขอบคุณเธอคนนี้ ...." ลีอองจับมือของอัยยะขึ้นมาจูบ มองไปที่ใบหน้าสวยของเธอที่ตอนนี้ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน "ที่เธอยอมเป็นคู่ชีวิตของผม และไม่ยอมที่จะหย่ากับผมแล้ว" พูดเสร็จเขาก็ดึงร่างอัยยะเขามาไว้ในอ้อมกอด และหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เสียงตบมือของแขกภายในงานดังสนั่น ถึงคิวของอัยยะที่ต้องพูดบ้างแล้ว "ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่เป็นเกียรติมาร่วมฉลองงานครบรอบของเราทั้งสองในวันนี้ เรื่องร
วันเปิดร้านของอัยยะเป็นไปอย่างราบรื่น อัยยะจ้างลูกน้อง 3 คน และผู้จัดการร้าน ส่วนเธอจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยใช้นามแฝงเดิมของไอรดา "ทุกท่านค่ะ ... " อัยยะที่ส่งเสียงเรียกแขกที่เข้าร่วมงานในวันนี้ "ทางร้านดวงจันทร์มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ" อัยยะมองไปยังแขกที่ตอนนี้ตั้งใจฟังที่เธอพูด "ทางร้านเราได้รับการตอบรับจากคุณพระจันทร์เสี้ยว เธอจะกลับมาเป็นที่ปรึกษาของทางร้านเราอีกครั้ง โดยทางคุณพระจันทร์เสี้ยวจะเป็นคนตรวจสอบวัตถุในเบื้องต้น ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของจริงหรือของเลียนแบบ หรือการตั้งชื่อวัตถุที่ยังไม่มีชื่อและมอบความหมายที่มีคุณค่าให้กับวัตถุนั้นๆ หากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถว่าจ้างทางเราได้นะคะ" อัยยะที่พูดถึงจุดเด่นของทางร้าน แขกที่รู้จักชื่อเสียงของพระจันทร์เสี้ยวต่างก็มีเสียงฮือฮาออกมา และต่างก็แสดงความยินดีที่พระจันทร์เสี้ยวจะกลับมารับงานอีกครั้ง เพราะนี้จะ 3 เดือนแล้วที่พระจันทร์เสี้ยวไม่รับงาน งานของร้านดวงจันทร์ก็ลดลงเกือบครึ่งเช่นกัน ก่อนวันเปิดร้านอาทิตย์หนึ่ง อัยยะบอกคุณยายนาน่าว่าไม่ต้องบอกใครถึงการเสียชีวิตของพระจ
ลีอองที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เสียโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ครับคุณพ่อ ....จัดการเรียบร้อยแล้วครับ .... ครับ ....เย็นนี้คุณพ่อจะมาทานข้าวกับเราที่บ้านหรือเปล่าครับ" ลีอองที่กำลังสนทนากับพ่อตา "ไม่ล่ะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมตอนเช้า เอาไว้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ดีกว่า อีกอย่างพ่อไม่อยากรบกวนพวกเราสองคน อุตส่าห์ปรับความเข้าใจกันได้" เสียงเจสันพ่อตาดังออกมาจากปลายสาย "ครับคุณพ่อ ... ครับสวัสดีครับ " ลีอองกล่าวลาพ่อตาของเขา และเดินทางกลับบ้าน ตัดภาพไปที่เจสันที่อยู่ที่บ้านตัวเอง เจสันพ่อตา ที่ยิ้มแก้มปริหลังจากที่วางโทรศัพท์จากลูกเขย สถานการณ์ที่ส่งผลต่อบริษัทเรื่องที่เขานอกใจจากภรรยา ก็ได้รับการคลี่คลาย และเขายังจัดการได้ดีในเรื่องของแฟนเก่า เจสันรู้ว่าลีอองนั้นไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย เขาย่อมเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ลูกเขยของเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหก นี้ก็ผ่านมาอีกเดือน ร้านดวงจันทร์ สาขาเมือง S ได้ฤกษ์เปิดร้าน มันเป็นต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีทีเดียว อัยยะที่ยืนอยู่ทางเข้าร้าน วันนี้เธอแต่ง
ระหว่างกลับบ้านก่อนเขาตัวเมือง P "เราไม่กลับบ้านหรือคะ" อัยยะถาม เมื่อรถวิ่งเข้าสูงกลางเมือง แทนที่จะไปแถบชานเมือง "ผมต้องมาเก็บเสื้อผ้า" ลีอองบอกเธอถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ วันนี้เขาพาเธอมาที่คอนโด "อือ ... ค่ะ" อัยยะรับทราบ เธอยังไม่เคยเข้าไปในคอนโดของเขาเลย วันนั้นที่มาเอารถเธอก็ไม่ได้ขึ้นไปกับเขา ทั้งคู่ที่เดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่ประตูที่ปิดลง ลีอองที่เดินมาเปิดไฟ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกอะไรเธอว่าเธอต้องนั่งรอเขาที่ไหนในตอนที่เขาเก็บเสื้อผ้า เขาก็ดึงร่างบางของเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที พร้อมกับประกบไปที่ปากกระจับของเธออย่างโหยหา อัยยะที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้สามีของเธอจะเริ่มเร็วขนาดนี้ ก็ทำตาโตมองสบตาที่ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดลงตามอารมณ์ของเขาแล้ว มือของเขาที่ปลดกระดุมเสื้อของเธอมันก็รวดเร็วพอกันกับปากของเขา การบดขยี้ปากบางของเธอด้วยปากของเขามันช่างเร้าอารมณ์เธอได้เร็วจริงๆ ปลายลิ้นของเขาที่ดันตัวเองเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากของเธอ และดูดดื่มความชุ่มฉ่ำในโพรงปากมันช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาจริงๆ "อืมมมม ..." เสียงครางเบาๆ จากอัยยะที
เช้าวันถัดมา อัยยะและลีอองกล่าวลา พ่อกับแม่ของเขา และเดินทางเข้าเมือง S ทั้งคู่ไปเยี่ยมคุณยายนาน่า และอยู่คุยกับท่านในช่วงเช้า "หนูอัยย์ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะคุณยาย" อัยยะที่ยืนยันกับคุณยายนาน่าเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะคุณยายยังคงเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ "ถึงจะหายดีแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหม" คุณยายกล่าวเสริม "ค่ะคุณยาย" อัยยะรับคำ "มีคุณลีอยู่ เขาไม่ปล่อยให้หนูอัยย์เป็นอะไรไปหรอกค่ะ" อัยยะหันไปมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ "ครับคุณยาย ผมไม่ยอมให้คุณอัยย์เป็นอะไรไปแน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะอยู่กับใคร" ลีอองเสริมความมั่นใจให้คุณยาย "และไหนจะเจ้าตัวเล็กที่เรายังไม่มีอีก ผมต้องดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะครับ คุณยายจะได้อุ้มเหลนเร็วๆ ไงครับ" ลีอองที่หันไปพูดกับอัยยะอย่างหน้าตาย หญิงสาวที่เริ่มหน้าแดงจากคำพูดของเขาก็บิดไปที่ต้นขาของเขาเบาๆ ลีอองที่ทำเป็นเจ็บ แต่ก็อมยิ้มตอบเธอกลับมา เป็นเชิงว่าผมยอมแล้วคราบ... "ยายเห็นเราทั้งคู่รักกันอย่างนี้ ยายก็หมดห่วง และเรื่องเหลนพวกเราทั้งคู่ต้องรีบๆ เลยนะ ยายแก่แล้วอยากอุ้มเหลนแล้วด้วย
ช่วงอาหารค่ำที่บ้านลีออง "หนูอัยยะทานเยอะๆ นะลูก" แม่สามีตักอาหารให้เธอ "ขอบคุณค่ะ" อัยยะกล่าวขอบคุณ "แม่เห็นลูกๆ รักใคร่กันอย่างนี้ แม่ก็มีความสุข แม่อยากจะเห็นหลานๆ แล้วล่ะ หวังจากพี่แกคงอีกนาน" แม่ของลีอองที่พูดถึงลูกชายคนโต ที่ทำยังไงก็ไม่ยอมแต่งงานสักที "ได้ครับแม่ ... ผมจะทำหลานคนแรกให้แม่กับพ่อไม่เกินปลายปีนี้แน่นอนครับ" ผู้ชายหน้าตายคนนี้ พูดเรื่องแบบนี้ออกมาแบบไม่อายใครก็เป็น แถมอมยิ้มให้อัยยะด้วยสายตาที่หน้าตีจริงๆ "ดี ดี ดี พ่อก็อยากที่จะอุ้มหลานเร็วๆ แล้ว แกต้องตั้งใจ เข้าใจไหมเจ้าลี อย่าให้เสียชื่อตระกูลของเราล่ะ" พ่อปู่เสริมทับ ยิ่งทำให้อัยยะรู้สึกเขินจนกินอาหารไม่ลง เธอเกือบจะสำลักอาหารเข้าให้ด้วย หลังทานอาหารเย็นเสร็จอัยยะกับแม่ย่าก็พากันเก็บจานไปล้าง และเธอก็เข้าห้องเพื่อเตรียมที่นอน ส่วนลีอองที่หลังทานอาหารเสร็จก็เข้าไปนั่งคุยกับพ่อที่ระเบียบบ้าน "พ่อครับ ... ผมมีเรื่องรบกวนหน่อยครับ" "ว่ามา ... มีเรื่องอะไร" "เรื่องจิมมี่ครับ ... ผมต้องการที่จะย้ายเธอกลับมายังสำนักงานใหญ่ของเราที่นี่ ... พอจะมีตำแหน่ง