Share

ตอนที่3 เย็นชา

last update Last Updated: 2025-09-11 15:59:41

เมืองหลวง ณ จวนจิ้งอ๋องลู่หย่งไท้

         ร่างสูงในชุดสีดำ ก้าวตรงเข้าไปในตัวเรือนหลังใหญ่ จวนอันเงียบสงบ ไร้พี่น้องพ่อแม่อยู่ร่วม ทว่ากลับเป็นที่หมายตาของสตรีทั่วเมืองหลวง ที่อยากจะมาเป็นสตรีหนึ่งเดียวในจวนแห่งนี้

          ทว่าเจ้าของจวนกลับเมินเฉยต่อเรื่องนั้น จนกระทั้งมีพระเสาวนีย์ จากองค์ไท้เฮา ถึงการหมั้นหมาย ที่มีกับบุตรสาวคนโต ของแม่ทัพตะวันตกหลินมู่เฉียว ซึ่งตามข่าวลือ นางคือบุตรสาวที่ติดท้องมารดา ซึ่งได้หย่าขาดกับท่านเจียงกั๋วกง

          “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกงได้ส่งเทียบเชิญ ให้ท่านอ๋องไปร่วมมื้อค่ำในวันพรุ่งนี้ขอรับ”

          พ่อบ้านชราถือเทียบเชิญจากจวนกั๋วกง ก้าวตามนายตนเข้าไปในเรือน ตามจริงเขาจะปฏิเสธแทนผู้เป็นนายก็ย่อมได้ แต่เพราะเจียงกั๋วกง คือบิดาโดยสายเลือดของว่าที่พระชายาเอก เขาจึงไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับเห็นชอบจากผู้เป็นนาย

          “ทุกครั้งท่านทำเยี่ยงไร ไยครานี้จึงต้องมาถึงมือข้าด้วยเล่า”

อ๋องหนุ่มย้อนถามพ่อบ้านของตน ซึ่งโดยปกติเรื่องแค่นี้ ย่อมไม่ผ่านเลยมาถึงมือเขา ให้ต้องเสียเวลาตัดสินใจ

          “แต่ท่านกั๋วกง คือบิดาแท้ๆ ของว่าที่พระชายา ข้าน้อยจึงไม่อาจตัดสินใจโดยพละการได้ขอรับ” พ่อบ้านชราชี้แจงถึงสิ่งที่เขาไม่อาจ ทำสิ่งใดได้โดยไม่ถามผู้เป็นนายก่อนได้

          “ท่านแม่ทัพหลินมิใช่หรือ ว่าที่พ่อตาข้า จวนกั๋วกง มีค่าอันใดให้ข้าใส่ใจ”

          อ๋องหนุ่มเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรด ก่อนจะรับชาร้อนมามาจากองครักษ์หนุ่ม เขาค่อยๆ เป่าไล่ความร้อน ที่ยังกรุ่นอยู่ คล้ายกับชาในถ้วยยังน่าใส่ใจ มากกว่าเทียบเชิญจากจวนกั๋วกง

          “แต่...”

          “ไม่ไป!”

          เป็นคำตอบที่ชัดเจน และหนักแน่น มีหรือเขาจะไม่รู้ ถึงแผนการอันตื้นเขินของคนสกุลเจียง ไม่ได้ตัวคู่หมั้นของเขากลับเข้าจวน ก็หวังใช้เล่ห์กลต่อเขา และตบท้ายด้วยคำว่าศีลธรรม เพื่อบีบบังคับให้เขาทำตาม

          “ข้าน้อยจะส่งคนไปแจ้งแก่จวนกั๋วกงขอรับ”

          ชายชรารู้สึกโล่งใจอยู่มาก ที่ผู้เป็นนายหนักแน่น แม้มิได้รู้จักคุ้นเคย หรือรักใคร่ต่อว่าที่พระชายา แต่อย่างน้อยท่านอ๋องก็รู้ที่จะปกป้องนาง

          “ให้คนไปดูด้วย ว่านางเป็นคนเช่นไร”

          แม้ว่าการแต่งงาน จะไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววัน ด้วยทางสกุลหลิน ยื่นคำร้องขอต่อไทเฮา ว่าอยากให้บุตรสาวเติบโตมากกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยแต่งงานกัน แต่กระนั้นไม่ช้านางก็ต้องเข้ามาอยู่ร่วมจวน เพื่อเรียนรู้ธรรมเนียมของชาววัง เขาจึงอยากรู้จักนางเอาไว้บ้าง ก่อนจะพบหน้ากัน

          “ไยเจ้าไม่รู้จักปฏิเสธบ้าง!”

          เสียงกร้าวดังขึ้นที่หน้าประตู จะเป็นใครไปไม่ได้ หากมิใช่ชินอ๋องผู้เป็นบิดา เพราะคงไม่มีใครกล้าเข้ามา โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของจวน พ่อบ้านชราเห็นแล้วว่าผู้ใดมาเยือน ชายชราโค้งกายให้แก่ผู้มาใหม่ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องไป รวมถึงองครักษ์หนุ่มด้วยเช่นกัน

          “เรื่องใดหรือขอรับ”

          อ๋องหนุ่มย้อมถามผู้เป็นพ่อ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเช่นเดิม ก่อนจะก้มมองชาในถ้วยอย่างใส่ใจ เขามิสนว่าจะได้รับสายตาตำหนิหรือไม่ เพราะอย่างไรเขาก็ได้รับมันจนชินชาเสียแล้ว

          “เจ้าก็รู้ว่าน้องชายของเจ้า ต้องการผู้สนับสนุน”

          “เกี่ยวอันใดกับข้า ในเมื่อทุกวันนี้ลูกเมียน้อยเยี่ยงเขา ก็สุขสบายดี มีตำแหน่งใหญ่โตไว้รองรับ อีกอย่างทุกการตัดสินใจ ล้วนเป็นท่านย่ากับท่านลุง”

          “หย่งไท้!”

 ชินอ๋องเรียกบุตรชายเสียงกร้าว กรามแกร่งขบกันจนเป็นสันนูน เมื่อเขาถูกประชดประชันจากคนเป็นลูก มันคือการบอกเขากลายๆ ว่าเขาไม่เคยให้สิ่งใกแก่บุตรชายคนโต ก็อย่าได้มาเรียกร้องสิ่งใดจากคนตรงหน้า

          “หากท่านคิดว่าไม่เหมาะสม ก็ไปทูลขอได้นะขอรับ ข้ามิขัด...”

          อ๋องหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองผู้เป็นพ่อ ก่อนที่เรียวปากหนา จะเหยียดอกอย่างเย้ยหยัน เพราะบิดาทำไม่สำเร็จอย่างไรเล่า จึงได้มาเดือดดาลอยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้

          “เจ้าคิดที่จะเป็นศัตรูกับข้าเช่นนั้นรึ!” ชินอ๋องถามออกไป ด้วยโทสะที่เริ่มจะเพิ่มขึ้น จากเดิมจนแทบระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ

          “ไม่เลยขอรับ แต่เพราะเราไม่เคยมีสัมพันธ์อันดีมาก่อนเลยต่างหาก สิ่งใดที่ท่านคิดว่าไม่คู่ควร ก็สามารถโต้แย้งต่อหน้าพระพักตร์ได้ขอรับ เพราะตัวข้าแม้จะเป็นนัดดาในฮ่องเต้ แต่ก็เป็นผู้ใต้บัญชามิต่างจากขุนนางอื่น เมื่อนายเหนือหัวมีบัญชา ย่อมต้องปฏิบัติตามมิใช่หรือขอรับ”

          ชายหนุ่มหุบยิ้ม พร้อมทั้งจ้องเขม็งตอบกลับบิดา ด้วยแววตาที่เย็นชาจนเหมือนคนไร้ซึ่งหัวใจ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น ในเมื่อเขาเคยเฝ้ารอการเข้าใจ แต่ชายตรงหน้า นอกจากไม่มีให้เขา ยังปักใจเชื่อว่าเขา คือจุดด่างพร้อยในชีวิตของบิดา แล้วแบบนี้ยังจะมาเรียกร้องคำว่าพี่น้อง พ่อลูกอันใดกับเขาอีกเล่า

          “เจ้ากล้าท้าทายข้าที่เป็นบิดา เหอะ! ช่างอกตัญญูนัก!”

          เมื่อไม่มีคำใดโต้แย้งคนเป็นลูกได้ ชินอ๋องจึงเริ่มคิดใช้คำว่าศีลธรรมบีบบังคับบุตรชาย เขาไม่เชื่อว่าหย่งไท้ จะเมินเฉยต่อเรื่องนี้ไปได้

          “คำนี้อาจใช้กับผู้อื่นได้สำเร็จ แต่ไม่ใช่ข้าที่เป็นเสมือนคนนอกสำหรับท่าน หากไม่มีเรื่องอื่นใดแล้ว ข้าคงต้องขอตัวงพักผ่อนก่อน คนไร้ครอบครัวเยี่ยงข้า ทำงานมาอย่างหนักหน่วงนัก จึงอยากที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ”

          เป็นคำประชดที่กึ่งไล่แขกที่มิได้เชื้อเชิญ ตามจริงแล้วจวนของเขา แทบไม่มีคนนอกเข้ามามากนัก เพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ชายตรงหน้า เป็นสิ่งที่ทหารยามหน้าประตู ยากจะปฏิเสธได้ คงมีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะเชิญคนผู้นี้ออกไปได้

          “มันจะมากไปแล้วนะลู่หย่งไท้!”

          สองพ่อลูกจ้องตากันนิ่ง ต่างไม่มีใครคิดที่จะยอมหลบ ทว่าความเย็นชาของชินอ๋องหรือจะสู้บุตรชายได้ ลู่หย่งไท้ ที่หล่อหลอมหัวมาด้วยความหว่าเหว่ เขาเรียนรู้ที่จะไม่ใส่ใจคนตรงหน้า และคนจากจวนชินอ๋อง จากความเคยชิน กลายเป็นความด้านชาไปเสียแล้ว

          “ข้าหวังว่าเจ้าจะทบทวนเสียใหม่”

          เมื่อไม่อาจทำสิ่งใดได้ ชินอ๋องจำต้องยอมเป็นฝ่ายล่าถอย เพราะมิว่าเขาจะรั้นสู้กับบุตรชายต่อไป ผลที่ออกมาก็ต้องเป็นเขาที่ต้องถอยฉากไปเสีย ความเย็นชาของอีกฝ่าย มันทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายเขาจะต้องทำเรื่องให้ถูกมารดาและพี่ชายตำหนิ ที่อาจหาญมาแตะต้องหลานรักของทั้งคู่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่7 น้องชายข้า

    “ไยข้าจะไม่กล้า ในเมื่อเราร้องขอเมตตาอย่างผู้อับจนหนทาง แต่ท่านกลับใช้สายตาและคำพูดเย้นหยันอยู่ในที แม้เราจะยากไร้แต่เราก็มีหัวใจ” เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉาน สายตาไม่ลอกแลก แต่มันกลับแน่วแน่ “หึ ๆ เถาเถา เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าข้าถูกเจ้าหนูตัวน้อยตำหนิ” “เจ้าค่ะ” “ชูสวี่ ยายสอนให้เจ้าเป็นคนไร้มารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” “ท่านยาย ถึงข้าต้องกรีดเลือด เฉือนเนื้อให้ท่านดื่มกิน ข้าก็ยินดีทำอย่างไม่ลังเล แต่จะให้ข้าทนเห็นท่านยายถูกเหยียดหยาม ข้ามิอาจทนได้ขอรับ” เด็กชายวัยเพียงหกขวบ ไม่น่าจะเกินนี้ กล้าที่จะพูดและมีความคิดที่ใหญ่โต แสดงว่าภูมิหลังสกุลชู คงไม่ใช่ยากไร้ตั้งแต่แรก หาไม่แล้วคงสอนเด็กน้อยคนนี้ ให้มีความคิดอ่านที่ฉะฉานได้ “คุณหนูหลานชายข้าน้อยยังเด็กนัก ได้โปรดเมตตาเขาสักครั้ง อย่าได้เอาผิดเขาเลยนะเจ้าคะ” “มาทางนี้เถอะ ข้าเมื่อยขา มานั่งคุยกันสักหน่อย” หลินมู่เสวี่ยมิได้ตอบรับ หรือปฏิเสธคำของหญิงชรา แต่เลือกที่จะเดินไปนั่งใต้ร่วมไม้ โดยส่งสัญญาณให้องครักษ์หนุ่ม ช่วยพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้นเดินตามมา

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่6 เจ้าหนูสวี่

    เจ็ดปีต่อมา ณ เส้นทางสู่เมืองหลวง รถม้าคันใหญ่เคลื่อนผ่านไปตามถนน ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่อย่างเอื่อยเฉื่อย ดูไม่ได้เร่งร้อน ที่จะไปให้ถึงจุดหมายโดยไว เช่นผู้เดินทางอื่นๆ หญิงงามในชุดแพรพรรณชั้นดี บอกได้ว่านางเกิดมาในครอบครัวของผู้มีอันจะกิน ความงามที่เฉิดฉายของนาง หากใครได้ยลก็เสมือนต้องมนต์สะกด เรียกว่าเป็นความงามที่ล่มเมืองเลยก็ว่าได้ “คุณหนูแตงโมเจ้าค่ะ” สาวใช้ข้างกาย ได้ยื่นจานแตงโมเนื้อแดงหวานฉ่ำ ให้แก่นายสาว แน่นอนว่าแดนตะวันตก มีพ่อค้าต่างแดนเข้าออกมากมาย สินค้าใดที่ล้ำค่าราคาแพงในเมืองหลวง คนที่อยู่ชายแดน จะได้รับมันก่อน ในราคาที่ย่อมเยากว่าหลายเท่านัก “ขอบใจเจ้ามากเถาเถา เจ้าก็กินเสียด้วยกันเลย” หญิงสาวยื่นมือไปหยิบไม้เล็ก ๆ ก่อนจะนำไปจิ้มแตงโมชิ้นพอดีคำ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย อากาศที่อบอ้าว ได้กินแตงโตที่เต็มไปด้วยน้ำเช่นนี้ มันสดชื่นเสียนี่กระไร อ๊ะ! ทว่าก่อนที่จะจิ้มแตงโมชิ้นต่อไป หญิงสาวต้องรีบหาที่คว้าจับ มิให้ร่วงลงจากที่นั่ง เมื่อรถม้าหยุดลงอย่างกะทันหัน “มีเรื่องอันใด ไยจึงหยุดกะทันหันเช่นนี้ คุณหนูเก

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่5 ข้าคือบุตรสาวแม่ทัพตะวันตก

    “โอ๊ะ! บ้าบอทำไมปวดหัวขนาดนี้” จวิ๋นมู่ ยกมือขึ้นวางบนหัวของตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้น เธอจดจำทุกอย่างได้ และมีความทรงจำของใครอีกคน ชัดเจนอยู่ในหัว เหอะ! นึกว่ามีแค่ในหนังในละคร เธอมาอยู่ในร่างของคนเป็นโรคหัวใจ แล้วยังคนละยุคสมัย กับที่เธอคุ้นเคย เรื่องเดิมๆ ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในชีรี่ย์ดังหลายๆ เรื่อง แต่ก็นะ...ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาส ก็ต้องใช้มันให้คุ้ม “ลูกแม่! เจ้าฟื้นแล้ว ไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า” หลินฮูหยิน รีบหันไปยื่นถาดยาให้มือให้สาวใช้ แล้วรีบก้าวยาวๆ ตรงไปหาบุตรสาวบนเตียง แค่เห็นว่าลูกลืมตา ใจของมารดาเช่นนาง ก็คลายความหวาดกลัวไปมากทีเดียว ร่างที่ยังคงงดงามของหลินฮูหยิน ค่อยๆ รีบนั่งลงขอบเตียง ก่อนจะคว้ามือบุตรสาวมากุมเอาไว้ ส่วนคนบนเตียง ที่กำลังพยายามเรียบเรียง ทุกความเป็นตัวตน ของคุณหนูจวนแม่ทัพ เธอทำได้เพียงแค่ยิ้ม ให้กับคนที่เรียกเธอว่าลูก ก่อนจะคิดคำพูด ที่จะไม่สร้างความคลางแคลงใจ ในความเปลี่ยนไปของคุณหนูหลินผู้นี้ “ท่านแม่ เอ่อ...ข้าหลับไปนานเท่าใดเจ้าคะ” หญิงสาวถามออกมาได้ในที่สุด ทว่าเสียงที่เปล่งออกมา มันช่างแหบแห้งน

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่4 บ่าวทรยศ

    จวนแม่ทัพตะวันตก อาชาสีดำตัวใหญ่ ถูกรั้งให้หยุดลงยังหน้าจวน ก่อนที่ชายสูงวัยที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าประตูบานใหญ่ จะวิ่งตรงออกมาหา “ลูกพ่อ!” ท่านแม่ทัพเรียกบุตรสาวเสียงหลง เมื่อเห็นว่าเวลานี้ นางไร้สติอยู่ในอ้อมแขนของบุตรชาย ท่านแม่ทัพรับร่างบุตรสาวลงจากหลังม้า ก่อนจะรีบหมุนกายเดินกลับเข้าไปในจวน “เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!” หลินฮูหยินเรียกบุตรสาว ด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะวิ่งตามหลังสามีกลับเข้าไปในจวน นางที่เพิ่งได้สติ จากการเป็นลมไป หลังได้รับข่าวว่าบุตรสาวหายตัวไป “หมอเร็วเข้าช่วยลูกข้าด้วย” ท่านแม่ทัพตะโกนเรียกหมอประจำตระกูล ซึ่งมาดูแลอาการของหลินฮูหยิน รีบวิ่งตามเจ้าของบ้านไป สีหน้าของหมอชรา เต็มไปด้วยความตึงเครียด ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าบ้านทั้งสาม มีความตื่นกลัว ความกดดันของเขาก็มากตามไปด้วย คุณหนูหลินนั้น มีโรคหัวใจมาแต่กำเนิด แค่ออกแรกเล็กน้อย นางยังล้มป่วยไปหลายวันเลย แล้วสภาพของนางในตอนนี้ ไม่น่าจะทนไหว...หลินเสวี่ยหลง ที่วิ่งตามพ่อแม่เข้าไปภายในเรือน มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ ก่อนที่เข้าจะเดินตรงไปยังสาวใช้คนสนิทของน้องสา

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่3 เย็นชา

    เมืองหลวง ณ จวนจิ้งอ๋องลู่หย่งไท้ ร่างสูงในชุดสีดำ ก้าวตรงเข้าไปในตัวเรือนหลังใหญ่ จวนอันเงียบสงบ ไร้พี่น้องพ่อแม่อยู่ร่วม ทว่ากลับเป็นที่หมายตาของสตรีทั่วเมืองหลวง ที่อยากจะมาเป็นสตรีหนึ่งเดียวในจวนแห่งนี้ ทว่าเจ้าของจวนกลับเมินเฉยต่อเรื่องนั้น จนกระทั้งมีพระเสาวนีย์ จากองค์ไท้เฮา ถึงการหมั้นหมาย ที่มีกับบุตรสาวคนโต ของแม่ทัพตะวันตกหลินมู่เฉียว ซึ่งตามข่าวลือ นางคือบุตรสาวที่ติดท้องมารดา ซึ่งได้หย่าขาดกับท่านเจียงกั๋วกง “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกงได้ส่งเทียบเชิญ ให้ท่านอ๋องไปร่วมมื้อค่ำในวันพรุ่งนี้ขอรับ” พ่อบ้านชราถือเทียบเชิญจากจวนกั๋วกง ก้าวตามนายตนเข้าไปในเรือน ตามจริงเขาจะปฏิเสธแทนผู้เป็นนายก็ย่อมได้ แต่เพราะเจียงกั๋วกง คือบิดาโดยสายเลือดของว่าที่พระชายาเอก เขาจึงไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำสิ่งใดโดยไม่ได้รับเห็นชอบจากผู้เป็นนาย “ทุกครั้งท่านทำเยี่ยงไร ไยครานี้จึงต้องมาถึงมือข้าด้วยเล่า”อ๋องหนุ่มย้อนถามพ่อบ้านของตน ซึ่งโดยปกติเรื่องแค่นี้ ย่อมไม่ผ่านเลยมาถึงมือเขา ให้ต้องเสียเวลาตัดสินใจ “แต่ท่านกั๋วกง คือบิดาแท้ๆ ของว่าที่พระชายา ข

  • คุณหนูบอบบางเยี่ยงข้าจะสังหารผู้ใดได้   ตอนที่2 ที่ไหน

    มือที่บางนี่จะแข็งแรงแค่ไหน เรื่องนี้จะจริงหรือฝัน เธอก็ไม่มีวันยอมให้ตัวเอง ถูกทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด เพราะถ้าคนไล่ล่าคือผู้ชาย น้อยนักที่จะไม่คิดเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิง จวิ๋นมู่หันมองสำรวจไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหลับตาลงแน่น เมื่อหัวของเธอเจ็บร้าว เหมือนถูกทุบซ้ำๆ จนต้องยกมือขึ้นกุมขมับเอาไว้ จะบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! พรึ่บ! หวืด! หมับ! ยังไม่ทันที่จะได้ทบทวนอะไร ดวงตาที่หลับนิ่งเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าจับข้อมือหนา ของผู้ชายตัวโตเอาไว้ ก่อนที่จะได้แตะต้องตัวเธอ ยังดีที่เธอเอี้ยวตัวหลบได้ทัน ไม่อย่างนั้น...ถ้าเธอตกอยู่ในเงื้อมือของชายแปลกหน้าไปแล้ว ฉึก! ปึก! มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนชายหนุ่มร่างใหญ่ ไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะถูกตอบโต้ จากหญิงสาวบอบบาง อ๊าก!!! ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อมีบางสิ่งแทงเข้าที่ลำคอของเขา ก่อนมันจะถูกดึงออก จนเลือดไหลพุ่งกระฉูดเมื่อเส้นเลือดถูกเปิด มือหนากุมลำคอเอาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้นดิน ใกล้กับหญิงสาวที่เขาไล่ล่าเสียงร้องโหยหวนของเขา ทำให้ฝีเท้าจำนวนหนึ่ง มุ่งตรงมายังทิศทางนี้ นั่นทำให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มควา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status