เข้าสู่ระบบ“ทำไม...”
เป็นคำถามที่แหบโหยเหลือเกิน ทำไมเขาใจร้ายแบบนี้ แค่เลิกกันมันไม่ถึงกับต้องทำแบบนี้ หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ อยู่ในอ้อมกอดที่ยังรัดแน่น เพราะเป็นจุดตายทำให้เธอไม่มีเรี่ยวแรง ที่จะต่อต้านเพื่อเอาตัวรอด มันเกิดขึ้นแบบไม่ทันที่จะตั้งตัว
“ผมกำลังมีอนาคต คนแบบคุณไม่เหมาะที่จะเดินข้างๆ ผม เข้าใจไหมที่รัก”
เป็นคำพูดที่เลือดเย็นเหลือเกิน เขาพูดออกมาได้ยังไง ว่าเธอไม่คู่ควรเดินข้างเขา ถ้าเขารู้ว่าเธอคือคุณหนูตระกูลหลี เขาจะยังกล้าพูดแบบนี้อยู่ไหม ปึก! หญิงสาวใช้แรงเฮือกสุดท้าย กระแทกศอกไปด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มตกใจ เผลอคล้ายอ้อมแขน จวิ๋นมู่รู้ดีว่าเธอไม่มีทางรอดแล้ว จึงพุ่งตัวไปที่ระเบียงกว้าง ซึ่งเป็นส่วนที่มองเห็นได้จากถนน พี่ฝากนายทวงความเป็นธรรมให้พี่ด้วยหลีเสวียน
ภาพสุดท้ายที่หญิงสาวเห็นคือ น้องชายที่ยืนอยู่ข้างรถ โบกมือให้เธอ หวืด! แต่ก่อนที่คนรักจะพุ่งเข้ามาทันคว้าตัวเธอ หญิงสาวได้ปล่อยให้ตัวเอง ร่วงลงไปจากระเบียงในทันที เพราะถ้าเขาได้ตัวเธอไป จะไม่มีใครหาร่างเธอพบอีกตลอดกาล แบบนี้ดีที่สุดแล้ว...
“พี่!!!!”
เสียงของน้องชาย มันอยู่ไกลเหลือเกิน ปึก! แรงกระแทกไม่ทำให้ร่างนั้นถึงตายในทันที แต่มันคือบาดแผลที่ได้รับก่อนที่จะตกลงมาต่างหาก ใบหน้าที่เธอไม่มีวันลืมได้เลย ซือเส่า! คุณมันอำมหิตเหลือเกิน!
เสียงเรียกที่ดังมาจากถนน ทำให้ซือเส่าถึงกับเซถอยออกห่างจากระเบียงห้อง ใครกัน! ชายหนุ่มรีบวิ่งออกจากห้องลงไปหาพ่อแม่ เมื่อเห็นว่ามีใครหลายคน วิ่งเข้ามาหลังจากจวิ๋นมู่ตกลงไปจากระเบียง ทำไมเขาไม่รู้ว่าเธอพาคนอื่นมาที่วิลล่าด้วย
“เกิดอะไรขึ้นซือเส่า!”
สามีภรรยาสกุลซือ วิ่งไปหาบุตรชายที่ตีนบันได เพราะได้ยินเสียงคนอยู่ด้านนอก ซือเส่าได้มองไปที่ประตูหน้าบ้าน ปัง! ประตูบานใหญ่ถูกทำให้เปิดออกกว้าง ชายฉกรรจ์หลายคนวิ่งกรูเข้ามาในบ้าน พุ่งตรงมาที่เขากับครอบครัง
“กรี๊ดด!!! พวกแกเป็นใคร! เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง”
“บ้านแก่เหรอ! นี่มันวิลล่าตระกูลหลี บ้านของคุณหนูหลีต่างหาก”
บอดี้การ์ดหนุ่ม พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาดูแลพี่น้องสกุลหลีมานานปี ไม่คิดว่าวันนี้คุณหนูใหญ่ของบ้าน จะได้รับอันตรายต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้
“สกุลหลี!!”
สามพ่อแม่ลูกได้แต่อุทานออกมา นี่มันสกุลมหาเศรษฐี และเป็นสกุลนายทุนในหนังเรื่องใหม่ของซือเส่านี่....
“มัดตัวพวกมันไว้”
หัวหน้าบอดี้การ์ดสั่งเสียงกร้าว ก่อนจะรีบกลับไปหาเจ้านายน้อย ที่อยู่ข้างนอกด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอดสูทออกมา แล้วเดินไปย่อกายลง วางสูทห่มให้กับร่างที่ไร้ลมหายใจ เขารักเธอมานาน...นานเหลือเกิน แต่เพราะรู้ถึงฐานะ เขาไม่เคยสักครั้งที่จะทำนอกเหนือหน้าที่ เขาได้รับคำสั่งให้ตามคิดดุแลคุณชายน้อย แต่ไม่คิดว่าเธอจะไม่ได้ฟังคำบอกรักจากเขา
“ผม...จะทำหน้าที่ให้ดีครับ คุณหนู”
ชายหนุ่มก้มลงแนบใบหน้ากับมือที่เริ่มเย็นของหญิงสาว เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของคุณชายน้อยหลี กับเพื่อนรักของหญิงสาว มันไม่ต่างจากมีดที่กรีดใจเขา แค่เพราะเขาไม่กล้าพอ ที่จะบอกกับเธอ สุดท้ายเธอก้จากไปไม่รอฟังเสียงจากหัวใจเขาเลย
มิติคู่ขนาน หลังอารามอี้เมี่ยว ณ ชายแดนตะวันตก
หลินมู่เสวี่ย บุตรสาวของท่านแม่ทัพแดนตะวันตกหลินมู่เฉียว กำลังยืนหันรีหันขวาง รอสาวใช้ข้างกาย ซึ่งได้กลับไปเอาร่มที่ลืมอยู่ภายในอาราม ตอนที่พวกนางเข้าไปไหว้พระ ทั้งคู่เดินออกมายังหลังอาราม เพื่อชมความงามของน้ำตก ตามคำชักชวนของสาวใช้ข้างกาย แต่พอมาได้กว่าครึ่งทาง สาวใช้กลับบอกว่าลืมร่มเอาไว้ นางกำลังจะเอ่ยทัดทานอีกฝ่าย ว่าให้กลับไปเอาทีเดียว ตอนจะกลับจวน แต่สาวใช้มิได้ฟังคำของนาง วิ่งออกไปก่อนแล้ว
“ทำไมช้าจัง...”
หญิงสาวเริ่มร้อนใจ ด้วยเวลานี้สองข้างทางเดินล้วนเป็นป่า แม้จะไม่หนาทึบเท่าใดนัก แต่ก็น่ากลัวอยู่ดี คนของบิดาที่ติดตามมาคุ้มกัน ไยยังไม่ตามมาอีกเล่า นางจำได้ว่าก่อนเดินมาที่หลังอาราม ได้ให้สาวใช้ไปแจ้งแก่ผู้คุ้มกันแล้ว ซึ่งสาวใช้ของนางบอกว่าพวกเขา จะตรวจตราด้านหน้าก่อน จึงจะติดตามมาอารักขา แต่จนป่านนี้ยังมิเห็นวี่แววของผู้ใดเลย
แก๊ก! เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้หญิงสาวรีบหันกลับไปมอง หัวใจที่ไม่ได้แข็งแรงนักของนาง ถึงกับเต้นมิเป็นส่ำ เมื่อเห็นชายใบหน้าดุดันถึงห้าคน กำลังจับจ้องมาที่นาง แววตานั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย เท้าบางเริ่มที่จะขยับเคลื่อน นางต้องกลับไปที่อาราม คงไม่อาจรอสาวใช้หรือผู้คุ่มกันต่อไปได้แล้ว
“คุณหนู จะไปไหน”
ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะวิ่งกลับไปที่อาราม ชายทั้งห้าได้พุ่งมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน ทำให้หญิงสาวจำต้องมองหาหนทางอื่น เพื่อที่จะหนีไปจากตรงนี้
“ข้าไม่รู้จักพวกท่าน ไยจึงมาขวางทางข้าเยี่ยงนี้”
หญิงสาวถามออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ หากเดินหน้าไม่ได้เช่นนี้ หนทางเดียวคือนางต้องใช้เส้นทางอื่นเสียแล้ว
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าช่วยเผาเข็มให้ข้าเดี๋ยวนี้” แต่ก่อนที่หลินเสวียนจะพูดสิ่งใดต่อ คำสั่งของผู้เป็นอาจารย์ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน เด็กหนุ่มไม่คิดรีรอ เขารีบวิ่งไปที่รถม้า นำเตาอุ่นชาออกมา แล้วจัดการนำเข็มเงินออกมา เผาไฟให้มันร้อน การฝังเข็มเช่นนี้ นั่นหมายความว่าร่างกายของพี่เถาเถา ได้รับพิษหรือเส้นลมปราณเกิดบาดเจ็บรุนแรง เกาจูมีสีหน้าเคร่งเครียด นักฆ่าพวกนี้มีฝีมือระดับสูง ทว่าเถาเถา ที่มีช่วงวันนั้นของสตรี ต้องใช้พลังไปมาก ทำให้เส้นลมปราณบาดเจ็บหนัก แต่ที่น่ากลัวคือถ้าทำให้นางตื่นขึ้นไม่ได้ในสองชั่วยาม นางอาจไม่มีดอกาสได้ตื่นขึ้นมาได้เลย นางได้รับบาดเจ็บภายในมาก่อนหน้า ซึ่งเรื่องนี้มิได้บอกแก่ผู้เป็นนาย สิ่งที่เขาทำได้คือปลุกนางให้ตื่นขึ้นมาให้ได้เท่านั้น “คุณหนู คนที่ส่งมามิใช่คนของท่านกั๋วกงขอรับ” ฉู่เฟยรีบเข้ามารายงาน เมื่อรู้ที่ไปที่มาของคนร้าย ซึ่งครั้งนี้นับว่าโชคดีนัก ที่จิ้งอ๋องอยู่ร่วมในคณะ แม้ยังไม่เผยตัวตนก็ตามที “ส่งสาสน์ให้ทางนั้น ส่งของขวัญไป ข้ามักตอบแทนน้ำใจของผู้อื่นเสมอ ถ้าเถาเถาเป็นอันใดไป ข้าจะมอบให้มากกว่านี้อีกหลายเท่า”
ทางด้านถนนหลัก ชายสวมหน้ากาก ยืนอยู่เหนือร่างของคนที่หมายเอาชีวิตเขา แววตาที่มองคนใต้ฝ่าเท้า ไร้ซึ่งความเห็นใจหรือเมตตาใด ๆ ทว่ามันล้วนเต็มไปด้วยความเย็นชา จนคนที่กำลังหายใจรวยริน ต้องพิจารณาสายตานั้นอีกครั้ง ไม่นะ! เป็นเขาไปได้อย่างไร ชายผู้ไม่ใส่ใจใคร กลับมายืนอยู่ตรงนี้เพื่อนาง... “ไยไม่ทำให้ได้อย่างปากเจ้าว่าเล่า เอาชีวิตข้า และหัวของนาง” น้ำเสียงที่เย็นเยียบ เอ่ยออกมาด้วยความเนิบช้า สำหรับเขาแล้วสวะเหล่านี้ มีค่าอันใดให้เขาต้องเสียเวลา หากไม่เพราะเขาอยู่ตรงนี้ ในฐานะขององครักษ์ มันไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด ที่ต้องลงมือด้วยตนเอง “ทะ...เอ่อ...” ถงเมิ่งชี อยากที่จะเรียกคนตรงหน้า ด้วยตัวตนจริงยิ่งนัก แต่เพราะเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยตัวตน จึงไม่อาจที่จะเอ่ยปากออกมาได้ “เจ้าอาการไม่น่าจะไหวนะ” ชายสวมหน้ากากเอ่ยกับองครักษ์หนุ่ม ด้วยสภาพของถงเมิ่งชี มันย่ำแย่ไม่น้อยเลย แต่ก็ต้องยอมรับใจนักสู้ขององครักษ์หนุ่ม ที่ไม่ว่าอย่างไร ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี “เจ้าอยากตาย! ทำไมไม่บอกข้าแต่แรก ข้าจะได้ไม่เสียเวลาช่วยเจ้า”
“ทำไมหรือ หน้าข้ามีสิ่งใดเปื้อนหรือไม่”หญิงสาวยกมือขึ้น แตะที่ใบหน้าเบา ๆ ทว่าสายตาของนางนั้น มันคือความเย็นเยียบของพยัคฆ์ร้าย ที่กำลังจงใจเล่นกับเหยื่อ“จับนางกลับไปให้ท่านหัวหน้าซะ!”หนึ่งในสาวชายชุดดำ ที่ยังคงรอดชีวิต จากน้ำมือสาวใช้ ตะโกนสั่งเสียงเข้ม โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ สหายของตนเองกำลังตกที่นั่งลำบาก ฟึ่บ! และในพริบตา เพียงพัดในมือถูกสะบัดออกไป ลมหายใจของชายชุดดำ ก็พลันหยุดลง และภาพนั้นก็ชัดต่อสายตา ของคนที่ควบม้ากลับมา โดยมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ด้านหน้าโม่เชี่ยหาน แสร้งไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น คงเพราะแบบนี้ที่ท่านอ๋อง ไม่ยินดีจะยกเลิกการแต่งงาน เพราะพระชายาคือสิ่งล้ำค่า เกินกว่าที่ใคร ๆ จะทันคาดคิด ว่านางจะมีอีกด้านที่น่าหวั่นเกรง“พี่หญิงมิได้โหดร้ายนะขอรับ”หลินเสวียนรีบแก้ต่างให้คนเป็นพี่ เพราะสิ่งที่น่ากลัวกว่าอาวุธ ก็คงเป็นจิตใจของผู้คน เรื่องนี้ทั้งพ่อแม่บุญธรรม และท่านพี่ทั้งสอง มักจะบอกแก่เขาอยู่เสมอ เขากลัวว่าถ้าคนจวนอ๋องเห็นอีกด้านของนาง จะคิดทำร้ายนางเอาได้“ข้าน้อยได้เห็นสิ่งใดขอรับ”โม่เชี่ยหาน ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่แปลกใจเลยที่พระชายาจะรักน้องชายมาก เพราะคุ
“พี่หญิง อย่าตามมาขอรับ” หลินเสวียน หันกลับไปเห็นพี่สาวพุ่งตามมาติด ๆ ความเป็นห่วงพุ่งขึ้นมาภายในใจ นางอาจถูกทำร้ายในจังหวะนี้ก็เป็นได้ เขามันช่างไรสามารถนัก แค่ขี่ม้ายังควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ แล้วเขาจะปกป้องผู้ใดได้ ไหนจะพี่สาวของเขา ที่กำลังวิ่งออกมาพบอันตราย เพราะตัวเขาเอง “ปิดตาม้าเอาไว้!” หลินมู่เสวี่ย ตะโกนไล่หลังน้องชายไปอย่างสุดเสียง เพื่อให้น้องชายหยุดม้าให้ได้ ก่อนที่มันจะพาเตลิดไปจนเกิดอันตราย หลินเสวียน ฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงคำสอนของพี่ชาย ตอนที่พี่ใหญ่สอนเขาขี่ม้า เด็กหนุ่มตวัดชายเสื้อ ให้ปิดดวงตาของข้างของม้า โดยที่ตัวเขาแนบกายไปกับแผงคอของมัน พร้อมกับทำเสียงปลอบโยนมัน เพื่อให้มันสงบลง ทว่าทางด้านของหลินมู่เสวี่ย กลับต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อมีเงาร่างในชุดดำ กว่าห้าคน พุ่งมาขวางหน้าเอาไว้ หญิงสาวไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ดวงตาของนางยังคงมองเลยไปยังน้องชาย ด้วยความห่วงใยเช่นเดิม สำหรับนางแล้วคนทั้งห้าก็เพียงฝุ่นผงเท่านั้น จะมากฝีมือแค่ไหน นางก็ไม่คดที่จะละเว้นแต่แรกอยู่แล้ว เห็นทีนางคงต้องเร่งเข้าเมืองหลวง เพื่อมอบของขวัญให้สกุลกั๋วกงเส
“นางคือของข้า”ชายคนเดิมชี้ตรงไปที่ว่าที่พระชายาจิ้งอ๋อง ด้วยแววตาของนักล่า ที่พบเหยื่ออันโอชะ โดยที่เขาไม่รู้เลย ว่าคนที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อ คือตัวเขาเอง“กำแหง!”โม่เชี่ยหาน ตวาดเสียงกร้าว เมื่อเห็นสายตาของนักฆ่า ที่มองไปยังนายหญิงของเขา มันช่างเป็นแววตาของเดรัจฉานอย่างแท้จริง“ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบกันซึ่งหน้า กับยอดองครักษ์จวนจิ้งอ๋อง โม่เชี่ยหาน ชายผุ้เป็นดั่งแขนขาของลู่หย่งไท้”“สามหาว! เจ้ากล้าเอ่ยนามท่านอ๋องเยี่ยงนั้นได้อย่างไร”“ที่นี่มันเป็นบ้านป่าโม่เชี่ยหาน เจ้าจะมาเอากฎเกณฑ์ใดต่อการเอ่ยชื่อ และต่อให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ ข้าก็จะยังคงเรียกเช่นเดิม”“เจ้า!”ทว่าก่อนที่โม่เชี่ยหานจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ชายสวมหน้ากากครึ่งท่อน ได้เดินมาแตะที่ไหล่ของเขาเบา ๆ เพื่อให้สงบลงเสีย สายตาที่เต็มไปด้วยประกายสนุกสนาน มองไปยังคนพูด ก่อนเรียวปากจะคลี่ออกน้อย ๆ ซึ่งนั่นเป็นการกระตุ้นความไม่พอใจของชายชุดดำ แม้ใบหน้าครึ่งบนจะถูกปิดทับ แต่ก็ยังคงเห็นสายตา บวกรอยยิ้มเมื่อครู่นั่นอีก มันทำให้โทสะในกายพลุ่งพล่านยิ่งนัก“หึ ๆ เจ้าอยากได้หัวพระชายาหรือ แค่รอยยิ้มของข้า เจ้ายังมีโทสะ แล้วแบบนี
“ข้าผิดตรงไหนกัน”เมื่อเห็นโทสะของอีกฝ่าย พุ่งพล่านจากคำพูดของเขา องครักษ์หนุ่มมีหรือจะปล่อยผ่าน เขายิ่งรู้สึกสนุก ที่จะได้กลั่นแกล้งอีกฝ่าย บางทีนี่อาจเป็นการแก้เบื่ออีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้“ตรงที่เจ้าพูด และทุกตรง”เกาจูตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเช่นเดิม และการโต้เถียงก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งเกาจูเอง ลืมเลือนเรื่องที่ศิษย์รักออกไปขี่ม้ากลางแจ้ง ถงเมิ่งชีทำเพียงกลั้นขำเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เขาไม่รู้หรอกว่าเหตุผลใดกันแน่ ที่อีกฝ่ายชิงชังเขา แม้แต่หายใจยังผิด แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่เหงาอีกตอไปฮี่! ฮี่! จนกรทั้งได้ยินเสียงม้าตื่น นั่นจึงทำให้ทั้งคู่สงบคำ แล้วพุ่งตัวไปที่หน้าต่างรถม้า คนเจ็บก้ลืมความเจ็บ ด้วยสัญชาตญานของผู้ปกป้อง ภาพที่เห็นคือกลุ่มคนจำนวนมาก ที่โอบรอบคระเดินทางเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าหากนับตามจำนวนคนแล้ว ผู้มาเยือนมีจำนวนที่เหนือกว่า อีกมั้งร่างกายยังสมบูรณ์พร้อม ต่างจากพวกเขาที่มีคนเจ็บเสียเป็นส่วนใหญ่“เจ้าอยู่ที่นี่”เกาจูไม่ได้ต้องการฟังคำปฏิเสธ เพราะนี่คือคำสั่ง ก่อนที่เขาจะคว้าเอาแส้คู่ใจ พุ่งหายลงไปจากรถม้า องครักษ์หนุ่ม ควานหายาแก้ปวดมากินไปหล







