LOGINความอบอุ่นที่คลุมลงมาบนผิวกายทำให้ว่านอันอันสะดุ้งเล็กน้อย เป็นซ่งหมิงที่สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วเอาผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมให้เธอ
“ถอยไปนะ !”
ว่านอันอันโวยวายแล้วผลักชายหนุ่มที่หวังดีต่อเธออย่างแรง ทั้งที่ในใจแอบขอโทษซ้ำ ๆ คิดไว้ว่าจะชดเชยให้เขาทีหลังอย่างแน่นอน
“แต่งให้เขาซะว่านอันอัน ทำอะไรลงไปก็ต้องรับผิดชอบ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากตัดสิน
“ไม่ได้นะคะคุณ อันอันเพิ่งหมั้นกับฟางตง แบบนี้ไม่ใช่ว่าเราเป็นฝ่ายผิดสัญญาเหรอคะจะมีหน้าไปพบคนตระกูลเย่ได้ยังไง”
“นั่นสิคะคุณพ่อ อย่าบังคับพี่สาวเลย พี่สาวกับพี่ฟางตงรักกันจริง ๆ นะคะ”
สองแม่ลูกร้องรับส่งกันอย่างลื่นไหล คำพูดที่เหมือนจะช่วยแต่ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงพวกนั้นเป็นวิธีที่พวกหล่อนชอบใช้มากที่สุด เช่นนั้นว่านอันอันจะส่งเสริมอีกหน่อยแล้วกัน
“ใช่แล้ว ฉันหมั้นกับพี่ฟางตงไปแล้วนะ ฉันแต่งให้ใครไม่ได้หรอกค่ะ !” เธอเบิกตาโต เหมือนพบทางรอดใหม่เดินเข้าไปใกล้คู่หมั้น
คงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนเธอเห็นหน้าพวกเขาอีกครั้ง รู้สึกอยากจะบีบคอพวกเขาให้ตายมากเท่าไร แต่เพื่อทำตามคำสาบานที่ให้ไว้ เธอจะต้องหลุดออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้ นี่เป็นก้าวแรกของเธอกับซ่งหมิง
“อันอัน...” เย่ฟางตงพูดขึ้นในที่สุด สีหน้าเขาราวคนใจสลายและเสียใจมาก “ถึงแม้ฉันจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับเธอแค่ไหน แต่เกิดเรื่องแบบนี้ ที่บ้านฉันคงยอมรับเธอไม่ได้ง่าย ๆ เราคงหมั้นกันต่อไม่ได้แล้วล่ะ”
โอ้โห ! ว่านอันอันเพิ่งได้เห็นฝีมือการแสดงของสามีในชาติที่แล้วชัด ๆ กับตาตัวเอง ทั้งสีหน้าและแววตาแนบเนียนยิ่งกว่าแม่เลี้ยงกับน้องสาวแสนดีของเธอเสียอีก
“พี่ฟางตง ! พี่สาวรักพี่มากนะคะ อย่าทิ้งพี่อันอันเลย ถือว่าฉันขอร้องแทนเธอนะคะ”
“ดูสิว่านอันอัน น้องสาวรักเธอมากแค่ไหน ถึงกับขอร้องแทน เธอเป็นพี่สาวกลับทำตัวแย่แบบนี้ได้ยังไง” เจิ้งหลินร้องโฮทำท่าหัวใจสลายกอดแขนสามีแน่น
“นี่... หมายความว่า พี่ฟางตงจะถอนหมั้นกับฉันเหรอคะ” ว่านอันอันถามย้ำแกล้งก้มหน้าทำตัวสั่น
“ใช่”
คำตอบจากเขาทำให้ว่านอันอันแทบบังคับมุมปากไม่ให้ยกขึ้นไม่ไหว
“เฮ้อ ! ในเมื่อฟางตงตัดสินใจแบบนี้แล้ว เราที่เป็นผู้ใหญ่ก็มีแต่ต้องช่วยสนับสนุนสินะ” แม่เลี้ยงที่ฟูมฟายอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนสีหน้าเป็นเมตตาขึ้นมาทันที
ว่านหวนเย่ขมวดคิ้วมองความวุ่นวายตรงหน้า รู้สึกว่าเรื่องเริ่มจะเลยเถิดออกไปจนเขาควบคุมไม่ได้แล้ว จึงคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกเสียงร้องไห้โฮของว่านอันอันทำให้ตกใจไปก่อน
“ในเมื่อพี่ฟางตงไม่ต้องการฉันแล้วก็ไปเถอะค่ะ ! ฉันมันไม่มีค่าพอคู่ควรกับพี่แล้ว ฮือออ” ว่านอันอันยีหน้าหยีตาตะโกนร้องเสร็จเธอก็วิ่งเข้าไปขังตัวเองในห้องน้ำ ส่งเสียงร้องออกไปราวเสียใจนักหนา
มองใบหน้าในกระจกแล้วเกือบหลุดขำ เสียงจึงแกว่งไปเล็กน้อย ที่แท้เธอหุบยิ้มไม่ได้จริง ๆ นี่นา คนในกระจกมีสีหน้ายิ้มแย้มดวงตาเปล่งประกาย เอาอะไรมาเศร้าเสียใจกัน
เธอตั้งใจจะฟาดงวงฟาดงาไม่ยอมรับคำตัดสินใจของชายชั่วให้นานกว่านี้อีกหน่อย ให้เหมือนกับนิสัยร้ายกาจของตนเอง ทว่าพอได้มองเห็นใบหน้าพวกมันแล้ว เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนจนเกือบทนไม่ไหว ที่ตั้งใจไว้ว่าจะดื้อดึงไม่ยอมรับง่าย ๆ จึงได้ตกไป
ข้างนอกมีเสียงพูดคุยอยู่ครูหนึ่งก็เงียบลง ตามมาด้วยเสียงปิดประตู ว่านอันอันจึงได้ฤกษ์หยุดแหกปากสักที เธอกระแอมเล็กน้อยเพราะแกล้งส่งเสียงร้องไห้มาพักใหญ่จนคอแห้ง เมื่อคิดว่าข้างนอกไม่มีใครแล้วก็เปิดประตูห้องน้ำออกไป แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นซ่งหมิงคุกเข่าอยู่หน้าประตู
“นี่นายกำลังทำอะไร !”
ว่านอันอันเอื้อมมือไปดึงเขาให้ลุกขึ้น แต่ร่างหนาไม่ขยับเขยื้อนเลย ซ่งหมิงเลื่อนสายตาขึ้นมองว่านอันอัน กวาดไปตามรอยจ้ำแดงบนผิวขาวเนียนและใบหน้าซีดเซียวก็ยิ่งรู้สึกผิด
“เพราะผมบังคับตัวเองไม่ได้ คุณหนูถึงต้องเสียหายและเจ็บปวดทั้งกายและใจ ผมขอโทษด้วยครับ เชิญคุณหนูตบตีผมระบายทุกอย่างออกมาเถอะครับ” ซ่งหมิงยิ่งพูดยิ่งก้มตัวต่ำ ยินยอมให้คุณหนูผู้สูงศักดิ์เหยียบย่ำจนกว่าจะสบายใจ
แม้จะรู้ดีว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยเยียวยาหรือทำให้อะไรดีขึ้นได้ แต่เพราะเขาเป็นคนไม่มีอะไร จึงทำได้เพียงมอบร่างกายนี้ให้เท่านั้น
“เฮ้อ ! ลุกขึ้นเถอะ เมื่อคืนนายเองก็โดนยามาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ในความทรงจำอันเลือนราง ว่านอันอันยังพอจำได้ว่าเขาพยายามขืนตัวเองไว้และคิดจะขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ แต่เพราะถูกเธอที่ไร้สติดึงรั้งบดเบียดร่างกายเข้าหาไม่หยุดหย่อนทุกอย่างจึงได้เลยเถิด
“แล้วนี่... ใครทำนาย...” ว่านอันอันเชยคางสากขึ้นมองรอยช้ำดวงใหญ่ข้างแก้มและมุมปากของเขา
“ผมสมควรโดนแล้วครับ”
“พ่อฉันสินะ” เขานิ่งไม่พูดไม่จา แต่นั่นก็ถือเป็นคำตอบแล้ว
“ออกไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อน” ว่านอันอันไล่เขาออกไป เพราะถ้าปล่อยให้อยู่ต่อเขาต้องมาทำหน้าอ้อนวอนให้เธอตีเขาไม่หยุดแน่ ๆ
“แต่ว่า...”
“ออกไป”
กระแสเสียงจริงจังของคุณหนูทำให้ซ่งหมิง ยอมลุกขึ้นมาจากพื้นและเดินคอตกออกไปในที่สุด
ว่านอันอันถอนหายใจยาวแล้วล้มตัวนอนแผ่บนเตียงนุ่ม
“เดี๋ยวถ้าไปบ้านซ่งหมิงคงหาเตียงนุ่ม ๆ ได้ยากแล้วสินะ...” เสียงหวานพึมพำ คิดไปไกลถึงตอนได้ก้าวออกจากบ้านหลังนี้แล้ว
“เอาสิ !! แน่จริงก็ไปฟ้องเลย ถ้าพวกเราทั้งหมู่บ้านร่วมมือกันให้ปากคำกับทางการไปในทางเดียวกัน ว่าพวกแกเข้ามาข่มขู่รีดไถชาวบ้าน คอยดูซิ ใครมันจะเป็นฝ่ายชนะ !!”คำพูดจากเถ้าแก่เนี้ยว่านทำให้ชาวบ้านเบื้องหลังที่แอบหวั่นใจตาสว่าง มีความมั่นใจขึ้นมาแปดส่วนเลยทีเดียว“ออกไปจากหมู่บ้านเรา !!”“ออกไปคนน่ารังเกียจ !”“ออกไป !“ออกไป !”เสียงร้องโห่ไล่ทำให้สองสามีภรรยาเริ่มมีสีหน้าเหมือนกลืนยาขม“ไหนใครรังแกเถ้าแก่เนี้ย !!!” เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนร้องดังจากชายฉกรรจ์มากมายดังมาทางนี้เป็นเหล่าช่างไม้จากซานเหอมู่เย่พากันเคลื่อนทัพมา แต่ละคนผูกผ้าโพกหัว ถือไม้มาคนละท่อนราวจะออกรบ“พวกเรามาแล้วค่ะ !!”เหล่าพนักงานโรงงานเย็บผ้าและโรงงานขนมถั่วก็พากันมา ดูไกล ๆ เหมือนจะมีคนถือเข็มกับตะกร้าใส่ถั่วมาด้วย อืม... อาวุธครบมือจริง ๆภาพนี่ทำให้ว่านอันอันอดหัวเราะออกมาไม่ได้“แนะนำด้วยความจริงใจ ถ้าพวกเธอสองคนยังไม่ไปอีก ตายอยู่ที่นี่ไม่มีใครเอาศพไปส่งเมืองหลวงนะ” ท่าทางยิ้มยียวนของว่านอันอันทำให้อีกฝ่ายโกรธจนควันออกหู
“ถ้าที่นั่นดีขนาดนั้น แล้วจะถ่อมาเสนอหน้าถึงที่นี่ทำไมล่ะคุณนายเย่”ว่านอันอันกอดอกก้าวมาเผชิญศัตรู ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน“ว่านอันอัน !” อีกฝ่ายแผดเสียงเกรี้ยวกราดควบคุมอารมณ์ไม่ได้“ฉันรู้จักชื่อตัวเองดี ไม่ต้องเรียก ทางที่ดีมาทางไหนพวกเธอกลับไปทางนั้นเลยดีกว่า ฉันไม่รับแขก”เย่ฟางตงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรั้งแขนว่านชิงชิงเอาไว้ข้างหลัง แล้วก้าวมาด้านหน้าเดินเข้าไปใกล้ว่านอันอันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พยายามคลี่คลายความตึงเครียด“ใจเย็น ๆ ก่อนอันอัน พี่กับชิงชิงแค่มาเยี่ยมเฉย ๆ เห็นพวกเธอหายไปเลย ไม่กลับบ้านสักครั้ง คุณพ่อเองก็เป็นห่วง ฝากพวกเรามาช่วยถามไถ่”ว่านอันอันย้ายสายตากลับไปมองใบหน้าแสนคุ้นเคยที่อ่อนเยาว์กว่าในความทรงจำ ครั้งก่อนที่พบหน้าเป็นวันแรกที่เธอเพิ่งย้อนอดีตกลับมา มีเรื่องวุ่นวายในหัวไปหมดเลยไม่ทันได้รู้สึกอะไร แต่คราวนี้สีหน้าจอมปลอมของเย่ฟางตงกลับขุดความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของเธอกลับขึ้นมาเสียได้‘อันอันกินนี่สิ ดีต่อผิวพรรณนะ’‘เธออยากได้กระเป๋านี่ไม่ใช่เหรอ พี
หลังจากอ้างว่าไม่ว่างมานาน ในที่สุดเย่ฟางตงก็พาว่านชิงชิงเดินทางมาไกลถึงหมู่บ้านทูวา แม้จะโดยสารมาด้วยรถยนต์นั่งสบายของสามีแต่ว่านชิงชิงก็บ่นไม่หยุดตลอดทาง ทำเอาเย่ฟางตงใกล้หมดความอดทนเต็มที“โอ๊ย ! เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ร้อนก็ร้อน ยังโคลงเคลงไปมาอีก !”เสียงแหลม ๆ นั้นเหวี่ยงวีนหงุดหงิดเต็มที่“เธอเป็นคนร้องจะมาเองไม่ใช่หรือไง ?”“อะไร นี่พี่เย่จะโทษฉันเหรอ”“เฮ้อ”เมื่อเจอประโยคชวนทะเลาะน่ารำคาญอันดับหนึ่งเย่ฟางตงก็ยอมแพ้ ขับรถไปเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าของว่านชิงชิงยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยาเสพติดที่เขาแอบใส่ในชามน้ำแกงให้ภรรยากินเกือบทุกวัน ทำให้คุณหนูผู้งดงามผิวแห้งกร้านมาก ใต้ตายังคล้ำดำ ริมฝีปากแห้งผากถึงขนาดที่ทาลิปสติกสีสดปกปิดแล้วก็ยังไม่น่ามองถึงจะเสียดายใบหน้าเดิมของว่านชิงชิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อให้เธออยู่ในกำมือ ถึงเวลาใช้งานจะได้ควบคุมง่าย ๆ หน่อยเดินทางกันอยู่อีกนานทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านทูวาในช่วงบ่ายสามโมง รถยนต์หรูของคนแปลกหน้าที่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ใครต่อใครชี้ชวนมองตาม“นั่นรถใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ไหลไปจรดเย็น ร้านต้นไม้มาส่งของพอดี หลังถูกตกแต่งด้วยพืชใบเขียวร่มรื่นร้านฉาหยูเถียนก็ดูน่านั่งผ่อนคลายขึ้นมาทันที“อันอันครับ” เสียงทุ้มคุ้นของสามีทำให้ว่านอันอันหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้างซ่งหมิงมาพร้อมป้ายชื่อร้านสองป้าย พวกเขาช่วยกันแขวนแล้วคลุมผ้าสีแดงไว้ รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้สองร่างใหญ่เล็กก็เดินเคียงข้างกันชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ“เฮ้อ ยุ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แทบไม่ได้พักหายใจดี ๆ“เหนื่อยไหมครับ” ซ่งหมิงโอบไหล่บางเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน“ไม่เหนื่อยค่ะ สนุกมาก รู้สึกว่าการตัดสินใจออกจากเมืองปักกิ่งมาเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอเอ่ยความในใจพร้อมรอยยิ้มหวาน“จริงสิ อันอันรู้หรือยังครับ งานเทศกาลฤดูร้อนปีนี้เพราะถนนย่านการค้าหลักมีสะพานถล่ม ทางรัฐจึงย้ายที่จัดมาเป็นถนนเส้นนี้” ซ่งหมิงนึกได้ถึงข่าวน่าตื่นเต้นก็รีบบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย“ประกาศแล้วเหรอคะ ?” ว่านอันอันตื่นเต้นตาม แม้จะรู้อยู่แล้ว
วันต่อมาว่านอันอันกับซ่งหมิงก็เริ่มงานแต่เช้า โดยงานแรกคือ... การให้อาหารเจ้าเสี่ยวฮวา แมวส้มตัวน้อยที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็นลูกหมูน้อยตัวกลมดิกไปแล้ว มันคลอเคลียเจ้าของอยู่นาน ร้องตามเหมียว ๆ ไม่หยุด จนว่านอันอันใจอ่อนพามันไปเดินเล่นที่โรงเย็บผ้าด้วยซ่งหมิงนั้นแยกไปโรงไม้เพื่อสั่งงานการสร้างโรงงานผลิตขนมหวานจากถั่วลิสงข้าง ๆ โรงงานตัดเย็บ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ที่หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้เอง เหล่าช่างไม้ที่ถนัดการก่อสร้างจึงรวมตัวกันแบกอุปกรณ์ข้าวของไปยังจุดก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งสิ่งแรกที่ถูกสร้างคือเพิงเก็บถั่วลิสงขนาดใหญ่สามหลัง สำหรับถั่วลิสงที่จะเปิดรับซื้อวันนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันว่านอันอันก็กำลังอธิบายชุดคอลเล็กชันแรกที่จะเปิดตัวในวันงานเทศกาลนี้กับทุกคน เธอคิดค้นรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าร้อนมาโดยเฉพาะ ซึ่งว่านอันอันตั้งใจว่าห้องเสื้อเสียนฮวานี้จะกลายเป็นยี่ห้อหรูที่คุณหญิงคุณนายจับตามองจุดเด่นของยี่ห้อคือดอกไม้แสนพิเศษที่มีจำกัด เธอตั้งใจจะใช้ดอกไม้แต่ละฤดูเป็นลวดลายเฉพาะเพื่อสื่อความหมาย และลวดลายบนผ้าพิมพ
“แล้วฉันจะทำมาหากินอะไรต่อได้ ฮือออ”“ไม่มีที่ทำงานแล้ว ไม่มีงานแล้ว ไม่มีเงินแล้ว ฮืออ”“แล้วลูกสาวฉันที่ป่วยอยู่จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา”“ถั่วที่กองอยู่ในลานบ้านฉันมีมากเป็นภูเขา แบบนี้ทุนที่ปลูกไปจะเป็นยังไง !”“จบแล้ว ! จบสิ้นแล้ว ! โฮ !”บรรยากาศสิ้นหวังหดหู่เศร้าใจปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลินเฉินเองก็พลอยรู้สึกแก่ขึ้นไปสิบปีด้วยเหมือนกัน ในหัวไร้ทางออกได้แต่เดินปลอบใจถามไถ่ความเป็นอยู่ไปทีละหลัง เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจนฟ้าแทบถล่ม บางคนจากความเศร้ากลายเป็นความโกรธ พากันหอบถั่วลิสงที่ปลูกมาไปเผาอยู่หน้าโรงงานตามขบวนประท้วงสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุมตัวไป หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับคำเตือนมาจึงรีบเรียกประชุมหมู่บ้านด่วน ว่านอันอันและซ่งหมิงเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ผู้คนในหมู่บ้านทูวาก็เพิ่งสังเกตว่าในหมู่บ้านมีสมาชิกใหม่ ๆ เพิ่มมาเยอะมาก จนแทบล้นศาลาประชุม ผู้นำหมู่บ้านหลิวเห็นทุกคนมาเกือบครบแล้วก็เริ่มพูดขึ้น“เรื่องโรงงานน้ำมันถั่วในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายค







