LOGIN“ฉันจะยอมถอนหมั้นกับเย่ฟางตง และแต่งให้กับซ่งหมิงค่ะ”
เพล้ง !
แก้วน้ำชาในมือว่านหวนเย่ตกแตกหลังได้ยินคำประกาศของว่านอันอันบนโต๊ะอาหาร เพียงคืนเดียวผ่านไปลูกสาวคนโตเขาก็คิดตกขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?
ด้านเจิ้งหลินที่นั่งอยู่ข้างสามีหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ลูกเขยดี ๆ อย่าง เย่ฟางตง ใคร ๆ ก็อยากได้ ในสายตาของนางว่านชิงชิงที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ เหมาะสมกับตำแหน่งคุณนายตระกูลเย่มากกว่านังเด็กไม่มีแม่คนนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า
ตอนแรกนึกว่าจะต้องลงแรงมากกว่านี้เสียอีกถึงจะทำให้ม้าบ้าจอมพยศอย่างว่านอันอันยอมถอนหมั้น ไม่คิดว่าโอกาสจะมาเร็วแบบนี้
“เรื่องนั้น พ่อลองคิดดูแล้ว การถอนหมั้นดูจะเป็นเรื่องยากไปเสียหน่อย ความร่วมมือหลายอย่างระหว่างสองตระกูลก็ดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว คงยกเลิกไม่ได้ง่าย ๆ ยังไงพ่อจะไปช่วยคุยกับเย่ฟางตงให้ก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ... ในเมื่ออันอันตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว เราก็อย่าฝืนใจเด็กเลยค่ะ ปัญหานี้ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้นะคะ”
ว่านอันอันมองท่าทีปลอบโยนรู้ความของแม่เลี้ยงแล้วยิ้มหยัน ไม่คิดว่าวันหนึ่งงูพิษตัวนี้จะทำตัวมีประโยชน์ขึ้นมา
“แก้ไขยังไง ?”
“สัญญาแต่งงานก็ให้คงไว้ดังเดิม ชิงชิงของเราเองก็เพียบพร้อมเหมาะสม แค่เปลี่ยนชื่อเจ้าสาวเล็กน้อย การร่วมมือทางธุรกิจก็เป็นไปดังเดิม ทั้งยังรักษาน้ำใจกับทางตระกูลเย่ไว้ได้ด้วย แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“แม่คะ !” ว่านชิงชิงทำท่าทีเขินอายตกใจยกใหญ่
“เหลวไหล แบบนี้จะได้อย่างไร ?”
ว่านหวนเย่ยังคงมีจิตใจคิดถึงลูกสาว การที่ถูกแย่งงานแต่งไปโดยน้องสาวตนเองย่อมต้องมีความโกรธแค้นในใจ ยิ่งเป็นว่านอันอันที่อารมณ์ร้อนด้วยแล้ว ไม่แคล้วอาละวาดบ้านแตกเลยหรือไง ?
“ฉันเห็นด้วยนะคะ” ว่านอันอันส่งเสริม
“ฮะ ! ?”
“หา ! ?”
คนบนโต๊ะอาหารต่างตกใจทำอะไรไม่ถูก นี่ออกจะดูแปลก ๆ หรือไม่ ?
“แต่มีเงื่อนไข หนึ่งหลังฉันแต่งงานกับซ่งหมิงแล้วจะไปจากที่นี่ บ้านตระกูลว่านจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉันอีก”
เจิ้งหลินแทบอดทนไม่ได้รีบตอบตกลงอย่างสุดความสามารถ ว่านอันอันคงจะสมองกระทบกระเทือนจนเพี้ยนไปแล้วสินะ
“ข้อสอง สินเดิมของแม่ฉัน ต้องเป็นของฉันทุกหยวน”
เงื่อนไขข้อนี้กลับทำให้ทุกคนชะงัก เจิ้งหลินและว่านชิงชิงลอบสบตากันเล็กน้อย สมบัติส่วนนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเธอหมายตากันอยู่ แต่หากแลกกับตำแหน่งคุณนายตระกูลเย่ มันก็เป็นเงินแค่น้อยนิดเท่านั้น
ว่านหวนเย่รู้สึกสับสนในใจ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าเขากำลังจะสูญเสียลูกสาวคนนี้ไป
“ของพวกนั้นอย่างไรก็ต้องเป็นของลูกอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่หรอก บ้านช่องใหญ่โตอยู่ได้อีกหลายชีวิต” ว่านหวนเย่ตอบลูกสาวคนโต
“ปักกิ่งมีแต่คนรู้จักของฉันเต็มไปหมด ในสังคมชนชั้นสูงแบบนี้จะให้ฉันเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้คนได้คะ ว่าแต่งงานกับสามีคนสวน สู้ให้ฉันไปเริ่มชีวิตใหม่ที่บ้านนอกเสียยังดีกว่า” ท่าทีฮึดฮัดเอาแต่ใจถูกงัดขึ้นมาแสดงอีกครั้งจนผู้เป็นพ่อลำบากใจ
“เอาเถอะ ๆ คุณคะ ในเมื่ออันอันตัดสินใจแล้วก็ยอมตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ สินเดิมก็ไม่ใช่น้อย ๆ เธอไม่ลำบากหรอก เรื่องสำคัญคือเรื่องงานแต่งของชิงชิงต่างหากล่ะค่ะ” ผู้เป็นภรรยากล่อมสามีอย่างนุ่มนวล
“ชิงชิงลูกอยากแต่งงานกับฟางตงไหม” ว่านหวนเย่ถามลูกสาวคนเล็ก จะอย่างไรการแต่งงานก็เป็นเรื่องใหญ่ หากฝ่ายหนึ่งไม่อยากแต่งก็คงเป็นไปได้ยาก
“หากต้องทำเพื่อครอบครัวของเรา... ชิงชิงก็พร้อมยอมรับค่ะ” หญิงสาวผู้น่ารักมีใบหน้าแดงระเรื่อ หลุบตาลงเล็กน้อย ท่าทีดูเขินอายชวนให้คนเอ็นดู
“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่จะไปที่บ้านตระกูลเย่ก่อน เรื่องหลังจากนี้เราค่อยมาคุยกัน”
หลังมื้ออาหารสองสามีภรรยาก็ออกจากบ้านไป ว่านชิงชิงที่มีนัดเที่ยวกับเพื่อน ส่วนว่านอันอันกลับเข้าห้องเค้นสมองหาความทรงจำเกี่ยวกับเศรษฐกิจและประเทศในชีวิตครั้งก่อน แล้วจดข้อมูลสำคัญไว้อย่างเป็นระเบียบ
ชาติก่อนเธอปล่อยให้เย่ฟางตงเอาทรัพย์สมบัติไปทั้งหมด ครั้งนี้เธอจะใช้เงินทุกหยวนมาตั้งตัวและช่วยซ่งหมิง สามสิบกว่าปีที่เป็นวิญญาณมาเธอมีความรู้และเหตุการณ์ล่วงหน้า จะทำให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาอีกไม่ได้เชียวหรือ ?
ว่านอันอันคุณหนูผู้เอาแต่ใจคนนั้นตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ว่านอันอันที่ต้องการมีชีวิตที่มีความสุขกับซ่งหมิงผู้แสนดีเท่านั้น
พอช่วงเย็นว่านหวนเย่กับเจิ้งหลินก็กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บอกกับทุกคนว่าทางตระกูลเย่ยอมเปลี่ยนตัวเจ้าสาวอย่างไม่ติดขัดอะไร และเชิญทุกคนไปทานอาหารค่ำร่วมกันในวันนี้ด้วย
ว่านชิงชิงที่แต่งตัวสวยเพราะเพิ่งกลับมาจากข้างนอกยิ้มเขินอาย ออดอ้อนพ่อกับแม่ของตน บรรยากาศในบ้านดูชื่นมื่นปรองดอง ว่านอันอันที่ยืนมองทุกอย่างด้วยแววตาเฉยชากลับกลายเป็นเหมือนคนนอก
“จะไม่ไปด้วยจริงเหรอ ?” ว่านหวนเย่ถามลูกสาวอีกครั้ง
“ไปกันเถอะค่ะ” ว่านอันอันตอบด้วยความจริงใจ
เลือกไม่ไปร่วมมื้ออาหารโดยอ้างเหตุผลว่าทุกคนแต่งตัวเหมาะสมหมดแล้วหากรอเธอเตรียมตัวอีกคงจะช้า แต่ความจริงในใจคือเกลียดบ้านนั้นเข้าไส้ ไม่อยากไปนั่งปั้นหน้ายิ้มให้เหนื่อยต่างหาก
“เอาสิ !! แน่จริงก็ไปฟ้องเลย ถ้าพวกเราทั้งหมู่บ้านร่วมมือกันให้ปากคำกับทางการไปในทางเดียวกัน ว่าพวกแกเข้ามาข่มขู่รีดไถชาวบ้าน คอยดูซิ ใครมันจะเป็นฝ่ายชนะ !!”คำพูดจากเถ้าแก่เนี้ยว่านทำให้ชาวบ้านเบื้องหลังที่แอบหวั่นใจตาสว่าง มีความมั่นใจขึ้นมาแปดส่วนเลยทีเดียว“ออกไปจากหมู่บ้านเรา !!”“ออกไปคนน่ารังเกียจ !”“ออกไป !“ออกไป !”เสียงร้องโห่ไล่ทำให้สองสามีภรรยาเริ่มมีสีหน้าเหมือนกลืนยาขม“ไหนใครรังแกเถ้าแก่เนี้ย !!!” เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนร้องดังจากชายฉกรรจ์มากมายดังมาทางนี้เป็นเหล่าช่างไม้จากซานเหอมู่เย่พากันเคลื่อนทัพมา แต่ละคนผูกผ้าโพกหัว ถือไม้มาคนละท่อนราวจะออกรบ“พวกเรามาแล้วค่ะ !!”เหล่าพนักงานโรงงานเย็บผ้าและโรงงานขนมถั่วก็พากันมา ดูไกล ๆ เหมือนจะมีคนถือเข็มกับตะกร้าใส่ถั่วมาด้วย อืม... อาวุธครบมือจริง ๆภาพนี่ทำให้ว่านอันอันอดหัวเราะออกมาไม่ได้“แนะนำด้วยความจริงใจ ถ้าพวกเธอสองคนยังไม่ไปอีก ตายอยู่ที่นี่ไม่มีใครเอาศพไปส่งเมืองหลวงนะ” ท่าทางยิ้มยียวนของว่านอันอันทำให้อีกฝ่ายโกรธจนควันออกหู
“ถ้าที่นั่นดีขนาดนั้น แล้วจะถ่อมาเสนอหน้าถึงที่นี่ทำไมล่ะคุณนายเย่”ว่านอันอันกอดอกก้าวมาเผชิญศัตรู ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน“ว่านอันอัน !” อีกฝ่ายแผดเสียงเกรี้ยวกราดควบคุมอารมณ์ไม่ได้“ฉันรู้จักชื่อตัวเองดี ไม่ต้องเรียก ทางที่ดีมาทางไหนพวกเธอกลับไปทางนั้นเลยดีกว่า ฉันไม่รับแขก”เย่ฟางตงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรั้งแขนว่านชิงชิงเอาไว้ข้างหลัง แล้วก้าวมาด้านหน้าเดินเข้าไปใกล้ว่านอันอันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พยายามคลี่คลายความตึงเครียด“ใจเย็น ๆ ก่อนอันอัน พี่กับชิงชิงแค่มาเยี่ยมเฉย ๆ เห็นพวกเธอหายไปเลย ไม่กลับบ้านสักครั้ง คุณพ่อเองก็เป็นห่วง ฝากพวกเรามาช่วยถามไถ่”ว่านอันอันย้ายสายตากลับไปมองใบหน้าแสนคุ้นเคยที่อ่อนเยาว์กว่าในความทรงจำ ครั้งก่อนที่พบหน้าเป็นวันแรกที่เธอเพิ่งย้อนอดีตกลับมา มีเรื่องวุ่นวายในหัวไปหมดเลยไม่ทันได้รู้สึกอะไร แต่คราวนี้สีหน้าจอมปลอมของเย่ฟางตงกลับขุดความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของเธอกลับขึ้นมาเสียได้‘อันอันกินนี่สิ ดีต่อผิวพรรณนะ’‘เธออยากได้กระเป๋านี่ไม่ใช่เหรอ พี
หลังจากอ้างว่าไม่ว่างมานาน ในที่สุดเย่ฟางตงก็พาว่านชิงชิงเดินทางมาไกลถึงหมู่บ้านทูวา แม้จะโดยสารมาด้วยรถยนต์นั่งสบายของสามีแต่ว่านชิงชิงก็บ่นไม่หยุดตลอดทาง ทำเอาเย่ฟางตงใกล้หมดความอดทนเต็มที“โอ๊ย ! เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ร้อนก็ร้อน ยังโคลงเคลงไปมาอีก !”เสียงแหลม ๆ นั้นเหวี่ยงวีนหงุดหงิดเต็มที่“เธอเป็นคนร้องจะมาเองไม่ใช่หรือไง ?”“อะไร นี่พี่เย่จะโทษฉันเหรอ”“เฮ้อ”เมื่อเจอประโยคชวนทะเลาะน่ารำคาญอันดับหนึ่งเย่ฟางตงก็ยอมแพ้ ขับรถไปเงียบ ๆ ยิ่งมองใบหน้าของว่านชิงชิงยิ่งอารมณ์ไม่ดี ยาเสพติดที่เขาแอบใส่ในชามน้ำแกงให้ภรรยากินเกือบทุกวัน ทำให้คุณหนูผู้งดงามผิวแห้งกร้านมาก ใต้ตายังคล้ำดำ ริมฝีปากแห้งผากถึงขนาดที่ทาลิปสติกสีสดปกปิดแล้วก็ยังไม่น่ามองถึงจะเสียดายใบหน้าเดิมของว่านชิงชิงอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องทำเพื่อให้เธออยู่ในกำมือ ถึงเวลาใช้งานจะได้ควบคุมง่าย ๆ หน่อยเดินทางกันอยู่อีกนานทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านทูวาในช่วงบ่ายสามโมง รถยนต์หรูของคนแปลกหน้าที่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านทำให้ใครต่อใครชี้ชวนมองตาม“นั่นรถใครน่ะ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ไหลไปจรดเย็น ร้านต้นไม้มาส่งของพอดี หลังถูกตกแต่งด้วยพืชใบเขียวร่มรื่นร้านฉาหยูเถียนก็ดูน่านั่งผ่อนคลายขึ้นมาทันที“อันอันครับ” เสียงทุ้มคุ้นของสามีทำให้ว่านอันอันหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้างซ่งหมิงมาพร้อมป้ายชื่อร้านสองป้าย พวกเขาช่วยกันแขวนแล้วคลุมผ้าสีแดงไว้ รอวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นภารกิจวันนี้สองร่างใหญ่เล็กก็เดินเคียงข้างกันชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ“เฮ้อ ยุ่งสุด ๆ ไปเลยค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แทบไม่ได้พักหายใจดี ๆ“เหนื่อยไหมครับ” ซ่งหมิงโอบไหล่บางเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน“ไม่เหนื่อยค่ะ สนุกมาก รู้สึกว่าการตัดสินใจออกจากเมืองปักกิ่งมาเป็นเรื่องถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอเอ่ยความในใจพร้อมรอยยิ้มหวาน“จริงสิ อันอันรู้หรือยังครับ งานเทศกาลฤดูร้อนปีนี้เพราะถนนย่านการค้าหลักมีสะพานถล่ม ทางรัฐจึงย้ายที่จัดมาเป็นถนนเส้นนี้” ซ่งหมิงนึกได้ถึงข่าวน่าตื่นเต้นก็รีบบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย“ประกาศแล้วเหรอคะ ?” ว่านอันอันตื่นเต้นตาม แม้จะรู้อยู่แล้ว
วันต่อมาว่านอันอันกับซ่งหมิงก็เริ่มงานแต่เช้า โดยงานแรกคือ... การให้อาหารเจ้าเสี่ยวฮวา แมวส้มตัวน้อยที่ตอนนี้กลายพันธุ์เป็นลูกหมูน้อยตัวกลมดิกไปแล้ว มันคลอเคลียเจ้าของอยู่นาน ร้องตามเหมียว ๆ ไม่หยุด จนว่านอันอันใจอ่อนพามันไปเดินเล่นที่โรงเย็บผ้าด้วยซ่งหมิงนั้นแยกไปโรงไม้เพื่อสั่งงานการสร้างโรงงานผลิตขนมหวานจากถั่วลิสงข้าง ๆ โรงงานตัดเย็บ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ ที่หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้เอง เหล่าช่างไม้ที่ถนัดการก่อสร้างจึงรวมตัวกันแบกอุปกรณ์ข้าวของไปยังจุดก่อสร้างอย่างขยันขันแข็งสิ่งแรกที่ถูกสร้างคือเพิงเก็บถั่วลิสงขนาดใหญ่สามหลัง สำหรับถั่วลิสงที่จะเปิดรับซื้อวันนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันว่านอันอันก็กำลังอธิบายชุดคอลเล็กชันแรกที่จะเปิดตัวในวันงานเทศกาลนี้กับทุกคน เธอคิดค้นรูปแบบที่เหมาะสมกับหน้าร้อนมาโดยเฉพาะ ซึ่งว่านอันอันตั้งใจว่าห้องเสื้อเสียนฮวานี้จะกลายเป็นยี่ห้อหรูที่คุณหญิงคุณนายจับตามองจุดเด่นของยี่ห้อคือดอกไม้แสนพิเศษที่มีจำกัด เธอตั้งใจจะใช้ดอกไม้แต่ละฤดูเป็นลวดลายเฉพาะเพื่อสื่อความหมาย และลวดลายบนผ้าพิมพ
“แล้วฉันจะทำมาหากินอะไรต่อได้ ฮือออ”“ไม่มีที่ทำงานแล้ว ไม่มีงานแล้ว ไม่มีเงินแล้ว ฮืออ”“แล้วลูกสาวฉันที่ป่วยอยู่จะเอาเงินที่ไหนไปรักษา”“ถั่วที่กองอยู่ในลานบ้านฉันมีมากเป็นภูเขา แบบนี้ทุนที่ปลูกไปจะเป็นยังไง !”“จบแล้ว ! จบสิ้นแล้ว ! โฮ !”บรรยากาศสิ้นหวังหดหู่เศร้าใจปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หลินเฉินเองก็พลอยรู้สึกแก่ขึ้นไปสิบปีด้วยเหมือนกัน ในหัวไร้ทางออกได้แต่เดินปลอบใจถามไถ่ความเป็นอยู่ไปทีละหลัง เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจนฟ้าแทบถล่ม บางคนจากความเศร้ากลายเป็นความโกรธ พากันหอบถั่วลิสงที่ปลูกมาไปเผาอยู่หน้าโรงงานตามขบวนประท้วงสุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐคุมตัวไป หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับคำเตือนมาจึงรีบเรียกประชุมหมู่บ้านด่วน ว่านอันอันและซ่งหมิงเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน จึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ผู้คนในหมู่บ้านทูวาก็เพิ่งสังเกตว่าในหมู่บ้านมีสมาชิกใหม่ ๆ เพิ่มมาเยอะมาก จนแทบล้นศาลาประชุม ผู้นำหมู่บ้านหลิวเห็นทุกคนมาเกือบครบแล้วก็เริ่มพูดขึ้น“เรื่องโรงงานน้ำมันถั่วในครั้งนี้เป็นเหตุร้ายค







