LOGINโจวเหวินหลงที่เพิ่งจะดีใจจากการได้ยินคำพูดของไป๋เล่อฉิงได้ไม่นาน เจิ้งอู่ก็นำข่าวดีเข้ามารายงานให้เขาได้ทราบอีกครั้ง
“นายน้อยมีคนของเราส่งข่าวเรื่องสินค้าตระกูลเส้ามาแล้วขอรับ”
“ว่าอย่างไร”
“เรียนนายน้อยขบวนสินค้าของตระกูลเส้าถูกคนของเราสกัดไว้ได้หลายเส้นทาง และทำตามคำสั่งของท่านอย่างเข้มงวด คาดว่าอีกไม่เกินสองชั่วยามข่าวคงมาถึงจวนตระกูลเส้าแล้วขอรับ”
“อืม ดีมากสั่งการลงไปตกรางวัลให้ทุกคน”
“ขอรับนายน้อย”
ขณะนั้นเองซวี่ไห่ก็โพล่งถึงเรื่องที่อาจส่งผลกระทบถึงไป๋เล่อฉิง และนั่นทำให้ตัวของซวี่ไห่ต้องถูกส่งไปคอยติดตามเส้าเหยี่ยนเสียง
“เอ่อ นายน้อยขอรับการค้าของตระกูลเส้าครั้งนี้ใช้เงินไปไม่น้อย ในเมื่อสูญเสียเงินทองจำนวนมากเสนาบดีเส้าจะไม่คิดหาเงินมาเติมคลังในจวน อย่างการเร่งให้บุตรชายรีบแต่งงานกับคุณหนูสี่ไป๋หรือขอรับ?”
“หึ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้คนอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงทำได้สำเร็จงั้นหรือ ไหน ๆ เจ้าก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นนั้นเจ้าคอยจับตาดูเส้าเหยี่ยนเสียง ว่าหลังจากนี้คิดวางแผนทำอันใดกับฉิงเอ๋อร์ของข้าหรือไม่”
“นายน้อยจะให้บ่าวเริ่มลงมือตั้งแต่วันนี้เลยหรือไม่ขอรับ...”
“คำสั่งของข้าควรจะชักช้าหรือลงมือทันทีล่ะซวี่ไห่...”
น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของโจวเหวินหลงทำเอาซวี่ไห่ตัวแข็งทื่อ เมื่อนึกได้ว่าเจ้านายของตนไม่เคยพูดล้อเล่นไม่ว่าเรื่องอันใดก็ตาม
“แหะ ๆ ๆ บ่าวจะพยายามอย่างสุดความสามารถและจะรายงานให้นายน้อยทราบอย่างต่อเนื่องขอรับ”
“ดี เจ้ารีบตามไปที่จวนตระกูลเส้าเถิด”
“บ่าวทราบแล้วขอรับ”
โจวเหวินหลงอยู่ตรวจบัญชีที่ร้านค้าต่อเพียงไม่นานก็กลับจวน เนื่องจากน้องชายของเขาอย่างโจวฉีหมิงส่งข่าวมาว่า จะเดินทางถึงจวนในปลายยามเว่ยของวันนี้ เขาต้องกลับไปรอรับและตรวจสอบหลักฐานที่จะมอบให้กับสหาย
ทางด้านเส้าเหยี่ยนเสียงที่ถูกไป๋เล่อฉิงป่าวประกาศว่าเลิกสนใจตนเองต่อหน้าผู้คนมากมาย หลังจากออกจากร้านเครื่องประดับตระกูลไป๋ก็ตรงกลับจวน โดยไม่สนใจว่าหลัวอี้หรูจะตามมาหรือไม่ เพราะยามนี้เขาอยากอยู่ตามลำพังมากกว่าให้ใครมารบกวน
ส่วนหลัวอี้หรูเมื่อเห็นว่าเส้าเหยี่ยนเสียงกำลังอารมณ์ไม่ดี และนางก็วิ่งตามเขาไม่ทันจึงหันหลังกลับจวนของตนไปเช่นกัน
“ฮึ่ย ไป๋เล่อฉิงนะไป๋เล่อฉิงเจ้าทำแผนการของข้าพังไม่มีชิ้นดี จิวเมี่ยวอย่าลืมกำชับบ่าวที่ซื้อตัวไว้หากมีเรื่องอะไรให้รีบมารายงานทันที”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ภายในห้องตำราของเสนาบดีเส้าที่กลับจากวังหลวง ก็กำลังฟังคนสนิทของตนรายงานเรื่องราวที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับบุตรชายคนโต เสนาบดีเส้าคิดไม่ต่างจากบุตรชายว่าไป๋เล่อฉิงก็แค่เรียกร้องความสนใจ เพราะอยากให้บุตรชายของตนไปสู่ขอหมั้นหมายนางโดยเร็วเท่านั้น
จนกระทั่งเกือบถึงสองชั่วยามอย่างที่เจิงอู่พูดไว้ พ่อบ้านเส้าก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพบเจ้านายด้วยสีหน้าแตกตื่น และเกรงโทสะที่เสนาบดีเส้าจะแสดงออกมายามได้ยินข่าวที่ตนนำมารายงาน
แฮ่ก ๆ ๆ “นายท่าน ๆ แย่แล้วเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
“เกิดเรื่องใหญ่อันใดกันพ่อบ้านถึงได้ส่งเสียงดังตั้งแต่ยังมาไม่ถึงห้องตำราของข้า”
ฟู่ “นายท่านเรื่องใหญ่ที่บ่าวพูดถึงก็คือขบวนสินค้าที่กำลังมุ่งหน้ามาเมืองหลวง ถูกกลุ่มคนสกัดไว้และเผาทำลายทั้งหมด ครั้งนี้ไม่มีสินค้ามาเติมให้กับร้านค้าแล้วขอรับ”
พรึบ! “เจ้าพูดว่าสินค้าของผู้ใดถูกเผานะพ่อบ้านเส้า!”
“ขบวนสินค้าที่นายท่านกับฮูหยินสั่งซื้อจากต่างแคว้นและจากหัวเมืองใหญ่ ๆ ในแคว้นขอรับ”
เสนาบดีเส้าเกิดอาการเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด เมื่อได้ยินอย่างชัดเจนว่าสินค้าของตนถูกทำลายทั้งหมด “นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดกัน หากไม่มีสินค้าพวกนั้นมาต่อยอดก็เท่ากับว่าข้าเสียเงินหลายหมื่นตำลึงไปเปล่า ๆ น่ะสิ แล้วคนของเราไม่มีใครจับตัวคนลงมือได้เลยหรือพ่อบ้านเส้า”
“เราจะทำอย่างไรดีขอรับ เงินในคลังของจวนคงไม่พอหากจะสั่งซื้อสินค้าครั้งใหม่ ยังมีค่าใช้จ่ายประจำวันของคนในจวนอีกนะขอรับนายท่าน” พ่อบ้านเส้าอยากพูดเหลือเกินว่าเงินที่เหลืออยู่คงพอให้ใช้ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน
เสนาบดีเส้านั่งลงบนเก้าอี้อย่างคนหมดแรง เนื่องจากอีกสองเดือนตนต้องส่งเงินนับหมื่นตำลึงให้กับองค์ชายรอง แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นเสียได้ ความสิ้นหวังที่เพิ่งปะทุกลับมอดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสนาบดีเส้าคิดแผนการบางอย่างจึงสั่งให้พ่อบ้านเส้าไปตามบุตรชายคนโตมาพบโดยด่วน
“หึ ข้ารู้แล้วว่าจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้อย่างไร พ่อบ้านเส้าเจ้าไปตามเสียงเอ๋อร์มาพบข้าที่นี่อย่าได้ชักช้า”
“ขอรับนายท่านบ่าวจะไปตามคุณชายใหญ่เดี๋ยวนี้”
พ่อบ้านเส้ารับวิ่งไปที่เรือนของเส้าเหยี่ยนเสียง และถ่ายทอดคำสั่งของเสนาบดีเส้าว่าต้องการพบ เส้าเหยี่ยนเสียงที่อารมณ์ไม่ดีจึงต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตนเพื่อไปพบบิดาตามคำสั่ง
“ท่านพ่อต้องการพบข้าหรือขอรับ”
“มาแล้วหรือเจ้านั่งลงก่อนพ่อมีเรื่องอยากถามเจ้าสักหน่อย”
“ท่านพ่ออยากถามเกี่ยวกับอันใดก็ถามมาเถิดขอรับ”
เสนาบดีเส้าเห็นท่าทางบุตรชายคล้ายกำลังอารมณ์ไม่ดี จึงได้เริ่มถามอย่างจริงจังไม่มีอ้อมค้อมแต่อย่างใด
“ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับคุณหนูสี่ไป๋ไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“ก่อนหน้านางพยายามตามติดและเอาใจข้าทุกอย่าง แต่วันนี้ตอนที่ข้าไปพบนางที่ร้านเครื่องประดับ นางกลับไล่ข้าเหมือนหมูเหมือนสุนัข ทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะไม่ทำเหมือนเดิมอีกแล้ว ข้าคิดว่าที่นางทำเช่นนี้คงต้องการเรียกร้องความสนใจจากข้าอยู่ขอรับ”
“อืม สตรีอย่างคุณหนูสี่ไป๋ที่เป็นบุตรสาวคนสุดท้อง นางย่อมเอาแต่ใจบ้างเจ้าไม่ควรละเลยนางบ่อยเกินไป เพราะพ่อคิดว่าถึงเวลาที่เจ้าต้องทำให้นางเอ่ยปาก ขอให้เจ้านำสินสอดไปสู่ขอหมั้นหมายนางโดยเร็ว”
เส้าเหยี่ยนเสียงขมวดคิ้วมุ่นยามได้ยินบิดาพูดถึงไป๋เล่อฉิง และเกิดสงสัยว่าเหตุใดบิดาถึงอยากทำให้นางพูดถึงเรื่องการแต่งงานโดยเร็ว
“ท่านพ่อท่านไม่เคยเร่งเร้าข้าให้แต่งงานกับไป๋เล่อฉิงมาก่อน เกิดเรื่องอันใดกันแน่ท่านถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาขอรับ”
“ใช่เกิดเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ประโยชน์จากตระกูลไป๋แล้ว เพราะขบวนสินค้ามากมายที่กำลังเดินทางมายังเมืองหลวง ถูกคนลึกลับขัดขวางและเผาทำลายสินค้าทั้งหมด ซึ่งมันทำให้เงินจำนวนหลายหมื่นตำลึงหายวับไปกับตา เจ้าเข้าใจความหมายของพ่อหรือไม่เสียงเอ๋อร์”
“นี่มัน! หมายความว่าพวกเราเหลือเงินทองเพียงหยิบมือเท่านั้น และมันคงไม่เพียงพอกับคนในตระกูลใช่หรือไม่ท่านพ่อ”
“เจ้าพูดถูกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตามเจ้าต้องแต่งงานกับนางให้เร็วที่สุด จะด้วยวิธีใสสะอาดหรือแผนการที่จะทำให้ได้ตัวนางมา ขอเพียงเจ้าทำได้สำเร็จพวกเราจะมีเงินทองให้ใช้ไม่ขาดมือแน่”
เส้าเหยี่ยนเสียงฟังมาถึงตรงจุดนี้เขาใคร่ครวญกับสิ่งที่ไป๋เล่อฉิงเพิ่งพูดตอกหน้าเขา หากต้องการให้สำเร็จโดยเร็วย่อมต้องใช้วิธีสกปรกสักหน่อย จากนั้นค่อยปลอบใจนางให้ยอมตกปากรับคำก็มิใช่เรื่องยาก
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ ท่านวางใจวางเถิดไม่เกินเจ็ดวันไป๋เล่อฉิงต้องเป็นฮูหยินของข้าอย่างแน่นอนขอรับ”
“ดีมาก หากเจ้าต้องการใช้คนก็บอกกับเหมิงปู้ก็แล้วกัน เจ้ากลับไปวางแผนให้ดีอย่าได้เกิดข้อผิดพลาดจนเป็นเรื่องใหญ่เด็ดขาด”
“ข้าทราบแล้วท่านพ่อเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปเถิด”
เสนาบดีเส้าถอนหายใจประหนึ่งได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อบุตรชายคนโตรับปากว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงแต่ทั้งสองไม่รู้ว่าการสนทนาเกี่ยวกับไป๋เล่อฉิงนั้น มีซวีไห่ที่ตามเส้าเหยี่ยนเสียงมาได้ยินเรื่องทั้งหมดเต็มสองหู
‘ไม่นึกว่านายน้อยจะคาดการณ์ได้แม่นยำเช่นนี้ รอให้รู้แผนการทั้งหมดเสียก่อนค่อยกลับไปรายงานนายน้อยก็แล้วกัน’
“ขอบคุณคุณชายที่ออกหน้าช่วยจัดการปัญหานี้แทนข้าเจ้าค่ะ”“คุณหนูใหญ่ไป๋อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย เมื่อพบเจอเรื่องไม่เป็นธรรมการยื่นมือช่วยเหลือย่อมเป็นเรื่องปกติ”“มิได้หรอกเจ้าค่ะหากทำเช่นนั้นข้าอาจถูกผู้อื่นตำหนิเอาได้ ว่าแต่คุณชายชื่อแซ่ว่าอันใดหรือข้าจะได้เรียกถูกเจ้าค่ะ”“อ้อ ขออภัยคุณหนูใหญ่ไป๋ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ข้าฝูอวิ้นมู่เป็นสหายของโจวเหวินหลง น้องเขยของท่าน พวกเราเคยพบกันวันงานมงคลแต่มิได้ทักทายอย่างเป็นทางการ”“ยินดีที่ได้รู้จักคุณชายฝู แล้วนี่ท่านกำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือเพิ่งกลับจากไปเยี่ยมสหายที่จวนน่ะ พอผ่านมาทางนี้เห็นว่ามีผู้คนมุงดูบางอย่างจึงแวะเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะมีคนกล้ามาสร้างปัญหาให้คุณหนูใหญ่ไป๋เสียได้” ฝูอวิ้นมู่ที่ยามนี้ได้พูดคุยกับไป๋เฟิงฮวาก็พยายามกดข่มความตื่นเต้นเอาไว้ไป๋เฟิงฮวาแอบกลั้นขำกับท่าทีของฝูอวิ้นมู่ แต่นางก็เก็บสีหน้าได้ดีและไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียความมั่นใจ นางจึงกล่าวขอบคุณอีกครั้งและไม่ลืมบอกบางอย่างที่ทำเอาฝูอวิ้นมู่ถึงกับพยักหน้าตอบรับรัว ๆ“คุณชายฝูขอบคุณท่านอีกครั้งกับความช่วยเหลือในวันนี้ เพียงแต่ข้ายังมีงานที่ต้องทำค้าง
ส่วนคนเจ้าเล่ห์ที่ยืนรอไป๋เฟิงฮวาอยู่หน้าร้าน ก็มีบ่าวไพร่ที่ติดตามมายกเก้าอี้มาให้นั่งอย่างสบายอารมณ์ หลี่เฉียงฮุยไม่เชื่อว่าการที่เขาตามเกี้ยวพาไป๋เฟิงฮวาต่อหน้าชาวบ้านอย่างโจ่งแจ้ง ประหนึ่งว่าเขามีความจริงใจจะทำให้นางยินดีรับปากแต่งเป็นฮูหยินรองของเขาถึงจะถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายคราแต่หลี่เฉียงฮุยกลับคิดไปว่า นี่คือแผนการเรียกร้องความสนใจเพื่อสร้างคุณค่าให้ตนเองของไป๋เฟิงฮวาเท่านั้น เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนอยากได้มาครอบครองเดินออกมา หลี่เฉียงฮุยรีบเอ่ยทักทายอย่างเอาอกเอาใจไป๋เฟิงฮวาทันที“คุณหนูใหญ่ไป๋ในที่สุดท่านก็ยอมมาพบข้าเสียที แต่ถึงข้าจะต้องรออีกนานเพียงใดขอเพียงเป็นความพอใจของท่านข้าก็รอได้ ที่สำคัญวันนี้ข้ามีของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้ท่านด้วยนะ”“คุณชายรองหลี่ท่านนี่ช่างหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ เลยนะ ทุกวันนี้สตรีในเรือนของท่านยังมีไม่พอให้ท่านใช้ระบายความใคร่อีกหรือ”“โธ่ คุณหนูใหญ่ไป๋ท่านอย่าได้ฟังคำคนที่พูดกันไปเรื่อยเปื่อยสิ หญิงสาวพวกนั้นวิ่งตามมาร้องขอข้าเองพวกนางจะมีค่าอันใด มีเพียงท่านที่ข้าให้ความสำคัญและอยากใช้ชีวิตร่วมกันเท่านั้น”“หึ ในสายตาของคุณชายรองหลี่สตรีที่หม
“บอกเจ้าตามตรงนะเล่อฉิง ข้าตกหลุมรักคุณหนูใหญ่ไป๋ตั้งแต่แรกพบนางในวันงานมงคลของเจ้ากับอาหลง พี่สาวคนนี้ของเจ้านางมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจของข้าอย่างแปลกประหลาดนางเป็นสตรีที่มีกริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ในดวงตากลับมีความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวซ่อนอยู่ ถึงแม้นางจะเก่งกาจแต่ข้าก็อยากเป็นคนปกป้องนางจากอันตรายทั้งหมดอยู่ดี”“อืม ที่ท่านพูดมาก็ถูกเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่แม้ภายนอกจะดูเรียบร้อยใจดี แต่ยามต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญก็เด็ดขาดมาก พี่หญิงใหญ่ไม่ชอบบุรุษเจ้าชู้มากรักนางถึงขั้นเกลียดคนเช่นนี้ที่สุดสิ่งที่พี่หญิงใหญ่ชอบเป็นการศึกษาเรื่องใบชาและการค้าขาย สีที่นางชอบจะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสะอาดและสงบ หากคุณชายฝูคิดจะเกี้ยวพาพี่สาวของข้าละก็ ท่านลองใช้สิ่งที่นางชอบเป็นสื่อกลางเพื่อทำความรู้จักก็ได้เจ้าค่ะ”“โอ้ นี่ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณหนูใหญ่ไป๋จะมีความชอบคล้าย ๆ กับข้าในเรื่องของใบชา ช่างเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนักที่บ้านเดิมของมารดาข้าก็ปลูกใบชาหลายชนิดไว้ขาย” เรื่องความชอบเกี่ยวกับใบชาเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของฝูอวิ้นมู่ไปมากจู่ ๆ ไป๋เล่อฉิงก็นึกบางเรื่องขึ้นมาได้นางจึงรีบเล่าให้สามีและฝ
ในวันงานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ของโจวเหวินหลงและไป๋เล่อฉิง ฝูอวิ้นมู่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเต็มที่ แม้จะสวมใส่ชุดที่ด้อยกว่าเจ้าบ่าวเล็กน้อย แต่นั่นมิได้กดข่มความหล่อเหลาของคนเป็นบัณฑิตให้ลดลง ด้วยความสง่างามนี้เรียกเสียงกรีดร้องรวมถึงท่าทางเขินอายจากสตรีได้ไม่น้อยถึงจะมีสตรีพยายามส่งสายตาเย้ายวนเพียงใดฝูอวิ้นมู่ก็หาได้สนใจพวกนางไม่ เนื่องจากในหัวของเขาตอนนี้มีความต้องการเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการได้พบเจอคุณหนูใหญ่ไป๋เฟิงฮวานั่นเองและในที่สุดความต้องการของฝูอวิ้นมู่ก็เป็นจริง เมื่อเขาเดินไปพร้อมกับโจวเหวินหลงเพื่อรับตัวเจ้าสาวยังหน้าเรือนหอ หลังจากเจ้าสาวที่งดงามโดดเด่นที่สุดถูกสหายรับตัวเดินไปแล้ว ยามนั้นคล้ายกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของฝูอวิ้นมู่กำลังหยุดนิ่งขณะนั้นแม้แต่เสียงลมหายใจก็แทบจะไม่ได้ยิน ยามได้เห็นใบหน้าเรียวที่มีองคาพยพทั้งห้าปั้นแต่ง ไป๋เฟิงฮวาอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีดอกท้อยิ่งเสริมให้นางดูอ่อนหวานน่ามอง แต่ดวงตาเรียวกลับมีความเด็ดเดี่ยวให้เห็นอยู่ในทีฝูอวิ้นมู่กลับมามีสติอีกครั้งจากการเรียกของกุยหยาง เพราะเขาเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่นานไม่ยอมตามสหายไปเสียที แต่ถึงก
เมื่อคิดว่าตนเล้าโลมเตรียมความพร้อมให้นางมากพอแล้ว ก็ถึงเวลาที่ทั้งสองจะหล่อหลอมรวมเข้าด้วยกัน“ฉิงเอ๋อร์เจ้าอดทนหน่อยนะมันอาจจะเจ็บอยู่บ้าง แต่พี่จะพยายามเบาแรงให้มากที่สุด”“อื้ออ ท่านพี่ท่านช่วยทำให้มันผ่านไปโดยเร็วเถิดเจ้าค่ะ ฉิงเอ๋อร์เข้าใจและไม่คิดโกรธเคืองท่านแน่นอน”โจวเหวินหลงฉวยโอกาสขณะที่ไป๋เล่อฉิงกำลังถูกดึงความสนใจ เขาสอดแทรกแท่งหยกที่ไม่เล็กเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของนางอย่างรวดเร็ว ด้วยความเจ็บส่งผลให้ไป๋เล่อฉิงส่งเสียงร้องออกมา แต่เสียงนั้นก็ต้องเงียบหายไปเมื่อถูกริมฝีปากหนาจุมพิตเอาไว้ ทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างกระตุ้นความเสียวซ่านให้นางลืมความเจ็บปวด หลังจากนั้นจึงเสียงที่เปล่งออกมาจึงกลายเป็นเสียงที่ทำให้นางไม่ได้นอนจนเกือบรุ่งสางหลังจากรังแกฮูหยินตัวน้อยจนนางหมดแรงและหลับไปก่อนที่โจวเหวินหลงจะสุขสมในรอบสุดท้าย ไป๋เล่อฉิงก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากสามีหมาด ๆ อย่างดีเขาให้บ่าวไพร่นำน้ำอุ่นพร้อมผ้าสะอาดเข้ามาส่ง จากนั้นลงมือเช็ดทำความสะอาดให้ร่างบางที่ยามนี้ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ เมื่อจัดการสวมเสื้อผ้าให้คนที่หลับสนิทแล้ว โจวเหวินหลงจึงจัดการตนเองและกล
ชาตินี้ข้าเลือกเขาเป็นสามีระหว่างทางกลับโจวเหวินหลงถูกฝูอวิ้นมู่บ่นให้เล็กน้อยเรื่องที่ยอมให้ตนติดตามมา โดยหวังว่าวันนี้เขาจะได้เห็นหน้าของคุณหนูใหญ่ไป๋เสียหน่อย แต่จนแล้วจนรอดนางก็ไม่ยอมออกมาต้อนรับ ทำให้ฝูอวิ้นมู่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย“เฮ้อ อาหลงเจ้าว่าข้าไม่มีดวงเรื่องเนื้อคู่หรือไม่นะ”“หึ ๆ ๆ ทำไมเจ้าผิดหวังมากหรือที่คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ออกมาต้อนรับร่วมกับใต้เท้าไป๋”“ไอหยา ข้าก็แค่อยากเห็นนางชัด ๆ สักครั้ง เผื่อว่าระหว่างข้ากับนางจะมีวาสนาต่อกันทันทีที่ได้พบหน้าก็เท่านั้นเอง”โจวเหวินหลงตอบคำถามโดยไม่มองสหายเกี่ยวกับเรื่องของไป๋เฟิงฮวา “ใช่ว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสเสียเมื่อไหร่ ในวันที่ข้ามารับตัวฉิงเอ๋อร์คุณหนูใหญ่ไป๋นางต้องออกมาช่วยต้อนรับแขก เจ้าย่อมได้เห็นนางหรือบางทีอาจได้พูดคุยกันก็เป็นได้นะอามู่”“ใช่ เจ้าพูดไม่ผิดในวันนั้นนางต้องมาช่วยครอบครัวต้อนรับแขก ขอบใจเจ้ามากนะอาหลงที่ช่วยเตือนข้าเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกันดูเหมือนว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ของข้าคงต้องตัดใหม่ จะได้ไม่ทำให้เจ้ากับท่านลุงท่านป้าขายหน้าในวันงาน ข้าไปล่ะ” ฝูอวิ้นมู่เมื่อได้รับคำชี้แนะจากสหายก็กลับมาม







