Masuk
🌸จางม่านอวี้ตื่นมาอีกทีพบว่าตนเองเป็นคุณหนูในนิยายของโลกเสมือนที่ระบบป้อนคำสั่งออกแบบนิยายเพิ่มสกิลโดยใช้เอไอ แต่เมื่อกำลังจะกดตกลง เรื่องสร้างตัวละครนางเอกผู้เพียบพร้อม คำสั่งทั้งหมดดันติดบั๊ก! จากนางเอกกลายเป็นตัวประกอบสุดน่าเวทนา...
ถ้ามันคือในโลกเสมือนที่ไม่มีเธอเกี่ยวข้องก็ดีนะสิ แต่มันไม่ใช่เพราะเธอดันหลุดเข้ามาและใช้ชีวิตเป็นตัวประกอบนั้นเสียเอง
ร่างกายของเธอเป็นเหมือนในสิ่งที่เธอป้อนคำสั่งทุกประการ รูปร่างงดงามดั่งหยกขาวเจียระไนสมชื่อ ‘ม่านอวี้’ ผิวขาวราวหิมะแรก ใบหน้าน่ารักอ่อนหวาน ริมฝีปากจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หน้าอกอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายผึ่งดั่งนาฬิกาทราย แต่ความสวยดันเป็นอย่างเดียวที่ดีในโลกนี้ของเธอเท่านั้น
ที่เหลือสารเลวสิ้นดี!
โดยเฉพาะชะตากรรม
เรื่องความร่ำรวยไม่มาด้วยยังพอทน แต่การเงินในบ้านติดลบนี่พอเลย ถ้าใครคิดว่าจบแค่ชีวิตติดลบไม่ใช่ค่ะ เรื่องทุกเรื่องย่อมมีต้นเหตุ...
บิดาของนางที่ขลาดเขลาเบาปัญญาเป็นพ่อค้าเกลือ แต่ก่อนก็ร่ำรวยพอสมควรมีสหายคบค้ามากมาย
จุดหักเหก็คือเพราะความรวยนี่แหละ จึงถูกลูกสาวของอดีตคนรักที่แต่งงานกับคหบดีหนุ่มเมื่อนานมาแล้วที่มีฐานะเป็นบุตรสาวบุญธรรมยั่วยวน
ฟังแล้วร้องฮะล่ะสิ...แต่ข้าร้องไห้หามารดาแล้ว
แต่มารดาด่วนจากไปเมื่อไม่กี่เดือนหลังทราบว่าบิดาเอาลูกบุญธรรมเป็นภรรยา ทั้งเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นลูกสาวอดีตคนรักของเขา พลันอับอายจนตรอมใจตาย
จากการที่รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ผ่านไปหนึ่งปีก็กลายเป็นเมียบุญธรรม พร้อมกับสร้างเรื่องด้วยการกู้หนี้ยืมสินจากเจ้าหนี้จอมโหด และผลักภาระให้สตรีวัยสาวสะพรั่งอย่างจางม่านอวี้แก้ปัญหากับดอกเบี้ยรายวันที่มีคนมาเคาะประตูบ้านเรียกเก็บตำลึงแทบจะทุกชั่วยาม
แต่ยังไม่หมดแค่ดอกเบี้ยหรอกนะ ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบ่าวไพร่ในเรือนอีกยี่สิบคนนี่สิน่าปวดหัว ลำพังปากท้องของนางที่จะเลี้ยงตัวเองยังไม่รอดด้วยซ้ำ ทั้งขับไล่ก็แล้วยังไม่ยอมออกจากเรือนตระกูลจาง แต่เมื่อเห็นแววตาของบ่าวไพร่มองนางด้วยความหวังกลับทอดทิ้งไม่ได้ จำต้องกัดฟันแก้ปัญหา
ส่วนคนก่อเรื่องกลับหนีกลับไปยังตระกูลเดิม และบิดาที่ลุ่มหลงภรรยายังสาวหน้ามืดตามัวไปตามถึงตระกูล ภรรยาเด็กพร้อมทั้งทรัพย์สินแทบหมดเรือน ทำให้ชื่อเสียงตระกูลจางในเมืองยิ่งอับอายขายขี้หน้า แม้แต่สหายสนิทก็ไม่คบค้าเกรงว่าจางม่านอวี้จะยืมเงิน
มารดามันเถอะ! 🤦🏻♀️
แต่ครั้นจะผัดผ่อน จางม่านอวี้ก็ต้องเผชิญกับเหล่าเจ้าหนี้จอมหื่น เพราะเจ้าหนี้แต่ละคนไม่สนเงินต้นหรือดอกเบี้ย ทุกคนล้วนปรารถนาจะหลับนอนกับนางที่เป็นสตรีสาวสะพรั่งวัยกำลังออกเรือนในอายุ 17 ปี
เคราะห์กรรมของคนสวย!
แต่ข่าวบอกว่ามีคุณชายที่เป็นพ่อค้าคหบดีจากต่างเมืองมาสร้างบ้านอยู่ใกล้ ๆ ฝั่งตะวันตก ท่าทางร่ำรวยและใจดีชอบช่วยเหลือคน ดังนั้นคุณชายท่านนั้นอาจจะเป็นความหวังของนางได้ จึงรีบกู้หนี้มาปิดให้หมดทุกที่เพื่อจะเหลือเจ้าหนี้เพียงรายเดียวเท่านั้น
และเมื่อนางดูสัญญาเท่านั้นแหละ...ภาพที่วาดฝันแทบพังทลาย
*** ต้องใช้คืนดอกเบี้ยทุกสิบห้าวัน ครั้งละห้าร้อยอีแปะ หากขาดชำระจะตามถึงบ้าน***
ปกติดอกเบี้ยเขาชำระรายเดือนไม่ใช่หรือไง นี่สิบห้าวัน...ตาย ๆ ทำไมก่อนประทับลายนิ้วมือไม่รู้จักอ่านให้ ถี่ถ้วนนะ
แต่ว่านางยืมมาห้าร้อยตำลึงเพื่อปิดหนี้เจ้าหนี้จอมหื่นพวกนั้น ลำพังดอกเบี้ยก็ไม่รู้จะหาจากไหนไปชำระคืนให้ทัน ทั้งยังต้องตามทวงถึงบ้าน นางถอนเสาบ้านไปขัดดอกได้หรือไม่ คิดแล้วก็กลุ้มใจแต่หากนางเข้าไปคุยกับเขาดี ๆ บางทีสวรรค์อาจจะเมตตานางสักเล็กน้อย
ดังนั้นนางควรต้องตกลงกับเจ้าหนี้คนใหม่ให้ดี เมื่อส่องกระจกก็พบว่าตัวเองงดงามไม่น้อย หากไปออดอ้อนนิดหน่อย บางทีเจ้าหนี้อาจจะใจดีปล่อยนางไปก็เป็นได้
แต่ทำไม...เจ้าหนี้จอมโหดเอาแต่ขู่นางเล่า...ฮึก...ข้าอยากออกจากระบบStoryWeaver เฮงซวยนี่!
“วันนี้เจ้ามีอะไรจะมาจ่ายดอกข้า”
‘ฮึ...นอกจากเส้นไหมอ่อนนุ่มสีน้ำตาลรำไรตรงเนินสวาทนั้นกับรอยยิ้มหวาน ๆ เห็นทีว่าข้าจะไม่มีอะไรขัดดอกท่านได้เลย’
จางม่านอวี้ยิ้มขัดเขินดั่งสตรีมียางอายทั้งยกนิ้วขึ้นมากัดเบา ๆ ส่งสายตามองเขาด้วยท่าทางมีจริตจะก้าน
“นอกจากร่างกายของอวี้เอ๋อร์แล้ว…ไม่มีสิ่งใดเลยเจ้าค่ะ”
เอาล่ะ...นางต้องกัดฟันสู้เพื่อคนในตระกูลจางสักหน่อย อย่างน้อย ๆ เขาก็มองว่านางคือความหวัง
“งั้นก็ทิ้งนิ้วก้อยเจ้าไว้ที่นี่เถอะ”
“O.O”
ถึงขั้นตัดนิ้วไม่เกินไปหน่อยหรือคุณชายเฉิน...โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
----------------------------
มีแต่หมออ้อยและรอยยิ้ม🥹
หลังจากแต่งงานได้เก้าเดือน ลูกหงส์และมังกรก็ มาเกิดในตำหนักหานอ๋องสร้างความปีติยินดีมากมายให้ กับเหล่าประชาชนในแคว้น รวมทั้งเสด็จลุงอย่างฮ่องเต้ เยว่อันคังประทานของรับขวัญหลานจนต้องสร้างห้องเก็บสมบัติเพิ่ม จางม่านอวี้ท้องลูกแฝดแต่เป็นแฝดชายหญิง โดยคนเป็นบิดาอย่างหานอ๋องก็ตั้งชื่อให้ด้วยตนเอง ลูกชายผู้เป็นแฝดพี่มีนามว่าเยว่เฟยเทียน แฝดน้องเป็นลูกสาวมีนามว่าเยว่เฟยเซียง ท่านอ๋องทรงหลงรักลูกชายและลูกสาวทั้งสองมากถึงขนาดอุ้มไปด้วยทุกที่ แม้แต่ออกไปทำงานก็ตาม ยิ่งลูกสาวตัวน้อยอย่างเยว่เฟยเซียงติดการหลับบนอกผู้เป็นบิดาที่สุด “แง้งงงงง!” เสียงร้องของแฝดน้องดังขึ้นทีไร เหล่าพี่เลี้ยงและหานเฟยต่างรีบมาดู เพราะหนูน้อยช่างเอาแต่ใจมาก ๆ หากง่วงจะไม่นอนดี ๆ ที่เปลหรือเตียงนอน แต่จะนอนบนอกบิดา! เยว่เค่อไท่แทบจะยกงานทุกอย่างมาทำที่บ้าน เมื่อลูกสาวติดตนเองมากมายขนาดนี้ แต่ก็ใจอ่อนทุกครั้งเมื่อหานเฟยบอกให้เขาหักดิบมิเช่นนั้นลูกจะไม่ยอมนอนโดยให้คนอื่นกล่อม แต่ใครอยากให้คนอื่นกล่อมกันเล่า ลูกเขาทำเองกับมือย่อมกล่อมให้นอนเองอยู่แล้ว และเมื่อลูกร้ององครักษ์เงา
คืนนี้เยว่เค่อไท่ไม่ได้รังแกหานเฟยของเขาหนักมาก เพียงแค่ตั้งใจจะมีลูกกับนางในค่ำคืนนี้ให้จงได้ ฤกษ์หยิน หยางบรรจบกันไม่ใช่จะมีได้ในทุกปี เขาจึงไม่ปล่อยให้ความพิเศษนี้ผ่านไปเพียงเปล่าประโยชน์ ด้านนอกแขกที่เชิญมาล้วนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ขุนนางสำคัญในเมือง ไร้ขุนนางสอพลอในเมืองหลวงมาร่วมงานสักคนเดียว จางม่านอวี้ไม่มีญาติที่ไหน เขาก็ไม่มีญาติที่ไหน ดังนั้นมีแค่เราต่อจากนี้ก็เพียงพอ ริมฝีปากนุ่มบรรจงจูบอย่างทะนุถนอมและหวานที่สุด นางกินพุทราเชื่อมไปยิ่งทำให้รสชาติหวานติดลิ้นนางเสียจนเขาห้ามใจไม่ได้จูบนางอย่างเอาเป็นเอาตายจนนางเกือบลืมหายใจ “อึก...สวามีเพคะ...ช้าหน่อยเพคะ” เสียงเล็กท้วงทำให้เขาลดความรุนแรงลง เปลี่ยนจากจูบดูดดื่มมาเคล้าคลึงริมฝีปากนุ่นนิ่มหยอกล้อนางระหว่างปลุกเร้าความปรารถนาในกายของนางให้ลุกโชน จนกระทั่งนางทักท้วงบางอย่าง “สามี...ยังไม่ได้ดื่มสุรามงคลเลยเพคะ” สองมือเล็กดันอกแกร่งตะปบมือหนาให้ยับยั้งการกระทำ เพราะเขาเริ่มจะคลายสายคาดเอวแล้ว หากถึงจุดนั้นแม้แต่สุรามงคลก็ไม่ได้ดื่ม “เจ้าแน่ใจหรือว่าอยา
เมื่อตัวประกอบหลุดจากบั๊กสู่ตำแหน่งชายาเอกหนึ่งเดียวของหานอ๋องจากแคว้นเยว่หาน... วันมงคลสมรสของจางม่านอวี้และหานอ๋องเยว่เค่อไท่ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่สิบสองเดือนสิบสองรัชศกเยว่คังที่สิบสอง ซึ่งเป็นวันมงคลที่สิบสองปีจะมีครั้ง คือวันที่หยินหยางสมดุลพร้อมให้พลังแด่คู่รักชายหญิง ถือว่าวันนี้หากเป็นวันที่ขอลูกชายก็จะได้ลูกชะตามังกรมาเกิด หากขอลูกสาวก็จะได้ลูกชะตาหงส์มาเกิด แม้จะเป็นวันที่อากาศเย็นแต่ทว่าชาวเมืองต่างออกมาแสดงความยินดีกับหานอ๋องอย่างคึกคัก การแต่งงานครั้งนี้นับว่าเป็นการแต่งงานระหว่างสตรีสามัญชนกับเชื้อพระวงศ์ครั้งแรกในรัชศกนี้ ซึ่งต้องบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงกระนั้นเหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างก็ไม่ขัดข้องสิ่งใด เพราะหานอ๋องเดิมถือเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ในความคิดของพวกเขา เมื่อแต่งงานกับสตรีไร้การหนุนหลังยิ่งทำให้พวกเขาสบายอกสบายใจว่าบัลลังก์จะไม่เกิดการเปลี่ยนมือในเร็ววันจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าทั้งหานอ๋องและฝ่าบาทต่างรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ทำตัวห่างเหินกันเพื่อให้คนนอกได้เห็นและเพื่อคานอำนาจเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดใช้เ
จางม่านอวี้มองไปยังคนที่จะมาเก็บดอกเบี้ยนางพลางน้ำตารื้น...ดวงตากลมโตของนางเลอะไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียอกเสียใจ แต่ทว่ากลับไม่ทำให้นางขยับเขยื้อนกาย นางไม่คิดว่าชีวิตนี้จะพบกับบุรุษใจร้ายผู้นี้อีกแล้ว แต่นางก็พบ! ทั้งยังหนีไม่พ้นอีกด้วย “ท่านเป็นใคร...ข้าไม่รู้จักท่าน” จางม่านอวี้ขยับตัวหนีร่างใหญ่ที่เขามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเตียงนอนของนาง โดยที่มือใหญ่กำลังเอื้อมมือมาคล้ายจะแตะต้องตัว แต่นางรีบขยับหนี! “ท่านเป็นใคร...ออกไปนะ...ข้าไม่รู้จักท่าน” นางแสร้งเล่นบทโศกความจำเสื่อมเสียเลย อย่างไรเขาจะมาเก็บดอกเบี้ยนางไม่ได้แน่นอน เยว่เค่อไท่ขมวดคิ้วทั้งมองดวงตาของนางที่ไหวระริกพลางกดมุมปาก จากนั้นเขานั่งลงมองคนที่กำลังขวัญเสีย “ข้าคือเยว่เค่อไท่ หานอ๋องที่ปกครองเมืองฉางเหอและเป็นเจ้าหนี้ของเจ้า” จางม่านอวี้ยิ่งได้ฟังยิ่งสับสน นี่ถ้าหากเกิดใหม่เขาจะแนะนำตัวตนจริง ๆ ของเขาทำไม ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ “ข้าไม่รู้จัก” นางส่ายหน้าพรืดทั้งขยับตัวแต่ทว่า...ว้าย! ร่างของนางกำลังจะตกลงกับพื้นแต่ทว่ากลับมีมือใหญ่รั้งเอาไ
จางม่านอวี้มีเงินจากที่ท่านอ๋องให้เอาไว้อยู่หลายตำลึงจึงเอาไปให้ซูซินซื้อกระดาษมานั่งแต่งหนังสือประโลมโลก และไม่ออกจากบ้านเลยจนกระทั่งนางเขียนได้สิบเรื่องคิดว่าควรจะเอาไปขายที่ร้านขายหนังสือประโลมโลกหน้าหอหยกเร้นจันทร์เพื่อหาเงินเข้าบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง แต่ทว่าดันไปช่วงเวลาที่หานอ๋องแต่งตั้งชายาเอกพอดี! เป๋งๆๆๆ ! เสียงฉาบทองเหลืองอันใหญ่ถูกคนเข็นไปพร้อมกับมีคนตีตะโกนป่าวประกาศลั่นถนน จนนางและซูซินต้องหลบทางให้ขบวนคนที่ตีฆ้องร้องป่าว “อีกเดี๋ยวขบวนแห่พระชายาจะผ่านทางนี้...ทุกคนที่รอชมโฉมพระชายาต้องคุกเข่าเข้าใจหรือไม่” จางม่านอวี้รีบเอาหนังสือสิบเล่มขายให้กับเถ้าแก่ร้านหนังสือทันที “เถ้าแก่ข้าคิดไม่แพงเล่มละสามตำลึง” เถ้าแก่ดีใจแทบเนื้อเต้นปกติเรื่องดี ๆ เช่นนั้นพวกลูกหลานคนมีตระกูลชอบซื้อไปอ่านเขาขายเล่มละสิบห้าตำลึง และยังเอาไปคัดลอกได้อีกด้วย “นี่คุณหนูจางต่อไปท่านมาขายที่ร้านข้าห้ามไปขายร้านอื่นเด็ดขาดนะ ข้าเพิ่มให้หนึ่งตำลึง” จางม่านอวี้พยักหน้ารับเงินมาทั้งหมดสามสิบเอ็ดตำลึงก่อนจะรีบหลบเข้าไปในหอหยกเร้นจันทร์เพื่อ
จางม่านอวี้เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในที่ของตนเอง เพราะไม่อยากออกไปเดินเฉียดใกล้ท่านหญิงหลินรั่วเหวิน แต่ทว่าสายข่าวเคลื่อนที่เร็วของนางก็มารายงานข่าวทุกวัน “พี่อวี้...หมิงไปสืบมาอย่างดีแล้ว ท่านอ๋องส่งสตรีเก้าสิบแปดคนกลับเมืองหลวงจนหมด เหลือเพียงท่านหญิงเพียงคนเดียว ท่านว่าท่านอ๋องมีใจให้ท่านหญิงหรือไม่” ซูหมิงไม่รู้ว่าท่านอ๋องออกไปรบ ส่วนคนที่นั่งเป็นท่านอ๋องอยู่ในตำหนัก และยามออกไปด้านนอกใส่หน้ากากเงินนั้นน่ะตัวปลอม นางไม่รู้ว่าฝ่าบาทกับท่านอ๋องทำได้อย่างที่แปลงโฉมทั้งเปลี่ยนเสียงได้ แต่นางเคยอ่านมาว่าในจีนโบราณทำได้ด้วยการใช้วิชาเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนเสียง แต่เรื่องนี้ก็แพร่งพรายไม่ได้เช่นเดียวกัน “ไม่รู้สิ” จางม่านอวี้จะตอบอะไรได้อีกนอกเสียจากว่าช่วงนี้นางไม่ไปพบท่านอ๋องชั่วคราวก็แล้วกัน ประหนึ่งนางกำลังแง่งอนเขาที่เขารับสตรีอื่นเข้ามาในตำหนัก นอกจากนางที่รู้เรื่องนี้แม้แต่ซูซินเองก็ไม่รับรู้เช่นกัน และซูซินยังเอาแต่ทำหน้าตาเศร้าซึมที่ท่านอ๋องไม่มานอนกับนางหลายวัน คล้ายกับจะหลงท่านหญิงหลิน “คุณหนู...หากท่านอ๋องไม่รักไม่เอ็นดูท่านแล้วไม่สู้







