บทที่ 10 หมอเถื่อน
ดินหันไปถามกองทัพที่นั่งหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรให้ได้เห็น วันนี้ที่ทุกคนมาทานอาหารร้านนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนที่ดินและนทีวางไว้ตั้งแต่แรก แต่การที่จะล่อเหยื่อที่มีระดับไอคิวสูงเกือบ 300 ให้ติดกับไม่ใช่เรื่องง่าย
“วันก่อนพวกมึงก็มาทานไม่ใช่เหรอ จะถามกูเพื่ออะไร” กองทัพสวนกลับเสียงเรียบ ดินและนทีหน้าเปลี่ยนสีทันที
“เมื่อวานน้องรดาก็มาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับ แล้วรู้จักร้านนี้ได้ยังไงมีใครแนะนำมาหรือเปล่าครับ” ดินยังไม่ละความพยายามภารกิจตามหาแฟนเพื่อน
“เอ่อ..ใช่ค่ะ”
“ดินวันก่อนน้องนาไม่ว่างเหรอ กูเห็นมึงมากับน้องก้อย” ยังไม่ทันที่รดาจะพูดจบกองทัพก็พูดแทรกขึ้นทันที
“อาหารมาแล้ว รีบทานกันเถอะครับเดี๋ยวจะเย็นหมด” ดินรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยเอาชนะหรือเล่นงานกองทัพได้เลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยังโดนเล่นงานกลับแทบทุกครั้งไป
อาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นอาหารรสชาติกลางๆ เพราะทุกคนไม่ทานเผ็ดและอาหารรสจัด จนมาถึงจานสุดท้ายที่พนักงานกำลังขึ้นโต๊ะ
“สั่งมาไม่กลัวน้องมันแสบท้องเหรอวะ” ดินเอ่ยถามน้ำเสียงกวนประสาท กองทัพเอาแต่นั่งนิ่งทานอาหารเหมือนคำถามของเพื่อนนั้นระเหยกลายเป็นไอหายไปในอากาศ
“จานนี้หมื่นห้า” กองทัพพูดขึ้นลอยๆ เชอรี่ อิงเอย กิ่งแก้วรวมทั้งรดา ทั้งสี่คนหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินราคาอาหารที่กำลังทานอยู่
“ชะนีซีฟู้ดลวกจิ้มของชอบแก ไม่ทานหรือไง” ปูอลาสก้า กุ้งลายเสือ แกะเปลือกพร้อมทานวางเรียงรายมาในจานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดของชอบรดา แต่เวลาผ่านไปกว่า10นาทีตั้งแต่อาหารมาวางรดาก็ไม่มีทีท่าจะตักอาหารจานนี้เลย
“ถ้าทานไม่หมด เฉลี่ยกันออก” เหมือนเสียงระฆังเตือนครั้งที่หนึ่ง
ทุกคนไม่รีรอรีบหยิบปูกล้ามโตที่แกะโชว์เนื้อสีขาววางอยู่ในจานเข้าปากทันที เวลาผ่านไปไม่นานอาหารทุกอย่างบนโต๊ะก็เกลี้ยงจานไม่มีอะไรหลงเหลือเหมือนเวลาทานบุฟเฟต์เพราะกลัวโดนปรับ
สนามแข่ง
“ไอ้กองทัพอีก5นาทีก็ถึงเวลาแข่ง มึงยังเสนอหน้ามานั่งบนอัฒจันทร์นี่อยู่อีก” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งและเจ้าของของเดิมพันเดินขึ้นมาตามนักแข่งอย่างหัวเสีย
“อีกตั้ง5นาที มึงจะรีบอะไรนักหนา” กองทัพสวนกลับเสียงเรียบยกแก้วไวน์ในมือขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดแก้ว
“มึงก็ชิวเกิน..ไอ้หมอ” นทีพูดเสริมขึ้นแต่ก็ไม่อาจแสดงความคิดเห็นมากไปกว่านี้เพราะกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย
“น้องๆ ครับ ขยับมานั่งตรงนี้ดีกว่าครับ อีก5นาทีการแข่งขันจะเริ่มแล้ว” ดินตะโกนเรียกกลุ่มของรดาที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้านบนสุดให้ลงมานั่งด้านล่างติดขอบสนามเพื่อจะได้เห็นการแข่งขันชัดเจน
พรึบ! แจ็กเกตยีนถูกโยนคลุมหน้าตักรดาด้วยฝีมือของกองทัพ
“ฝากหน่อย มันร้อน” พูดจบก็เดินลงไปยังด้านล่างสนามตรงไปที่รถลัมโบร์กินีสีดำคล้ายๆ กับรถที่เธอนั่งมาวันนี้ คุณหมอหนุ่มที่สวมเพียงเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบไร้ชุดอุปกรณ์ป้องกันอย่างอื่น เช่นหมวกกันน็อกหรือเสื้อหนัง
“อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็น น้องรดาใส่คลุมไว้เลยก็ได้ครับ” วันนี้รดาใส่ชุดกระโปรงยีนเหนือเข่าและเสื้อยืดสีขาว และวันนี้ช่วงดึกอากาศค่อนข้างเย็นกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วเมื่อนั่งลงก็จะร่นขึ้นมาอีกโชว์เรียวขาสวย
ปั้ง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว
กองทัพยังตามหลังคู่แข่งอยู่เกือบหนึ่งช่วงตัวรถ การแข่งขันในรอบแรกยังคงดำเนินไปอย่างปกติ ยังไม่มีการใช้วิธีเถื่อนๆ เพราะวันนี้แข่ง5รอบสนามต่างฝ่ายต่างศึกษาดูเชิงของกันและกันไปก่อน
“ไอ้กองทัพมันคิดจะทำอะไรของมัน แม่งขับรถเหมือนประหยัดน้ำมัน” ทุกคนต่างก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงรอบที่5ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของการแข่งขัน แต่กองทัพยังขับตามหลังคู่แข่งอย่างสบายใจ
[จำไว้นะกองทัพ นักแข่งมืออาชีพมักจะทิ้งจุดอ่อนไว้เสมอ เวลาเข้าโค้งมักจะเปิดช่องว่างไว้ เราต้องใช้โอกาสนี้แซงขึ้นไปให้ได้ นักแข่งที่ดีจะไม่เผยจุดอ่อนให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด] คำสอนของรุ่นพี่ตอนที่กองทัพเริ่มแข่งรถครั้งแรกเมื่อครั้งยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์
พรึบ! ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมเสียงกรี๊ดดังสนั่นสนามเมื่อรถของกองทัพเร่งความเร็วแซงซ้ายช่วงทางโค้งสุดท้ายและทะยานเข้าเส้นชัยไปในเวลาต่างกันไม่กี่วินาที
“ชนะแล้ว คุณหมอชนะแล้วค่ะ พี่ดินพี่นทีคุณหมอชนะแล้วค่ะ” ทุกคนต่างร้องขึ้นด้วยความดีใจ ต่างจากก่อนหน้าที่นั่งเกร็งแทบจะหยุดหายใจกันเลยทีเดียว ทุกคนลุกจากเก้าอี้เดินลงไปที่สนามแข่งพร้อมกับกองทัพเปิดประตูลงจากรถ
“ไอ้ห่ากูนึกว่ากูต้องล้มละลาย..ใจเย็นแม่งเกิน” น่านฟ้าสบทด่ากองทัพออกไปเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผากยังไม่ได้เช็ดออก
“จะเหยียบเร็วทำไม..เปลืองน้ำมัน”
“ของเดิมพันคืออะไรเหรอคะ ถึงขั้นต้องล้มละลายเลยเหรอคะ” เชอรี่ถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะเคยดูแต่ในละครส่วนมากจะใช้ผู้หญิงเป็นของเดิมพัน
“สนามแข่งพี่ไงครับ” น่านฟ้าไขข้อสงสัยให้แขกผู้มาชมการแข่งขันครั้งแรกฟัง
“ฮะ! สนามแข่ง”
“ครับ”
“น้ำค่ะ” รดายื่นขวดน้ำที่ถือติดมือมาด้วยให้กองทัพ ใบหน้าเคร่งขรึมในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าพอใจเมื่อเห็นเด็กสาวสวมแจ็กเกตตัวโคร่งของตัวเองอยู่
“ปะฉลองกัน วันนี้กูเลี้ยงเอง เชิญน้องๆ ด้วยนะครับ”
“ดึกแล้ว ต้องกลับบ้าน” กองทัพพูดขึ้นเสียงเรียบ ทุกคนหน้าเจื่อนลงทันทีจากตอนแรกที่ยิ้มร่าอย่างดีใจ
“พรุ่งนี้วันหยุด มึงก็อย่าเคร่งมากเลย น้องๆ ก็โตกันแล้วอีกอย่างน้องก็ดื่มกับพวกเรา” น่านฟ้ารู้สึกสงสารจากตอนแรกที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข แต่เมื่อผู้ปกครองสั่งให้กลับบ้านก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่วันนี้ควรได้สนุกเต็มที่
“น้องเรียนเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ ผ่อนคลายหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนสมัยเรายังเข้าผับตั้งแต่อายุยังไม่ถึง18ด้วยซ้ำ” กองทัพไม่พูดอะไรเดินแยกตัวออกไปด้านหลังห้องสีหน้าราบเรียบ
“อย่าไปสนใจมันเลย เดี๋ยวมันก็กลับมา”
“หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
รดาที่เดินมาเข้าห้องน้ำสายตาเหลือบไปเห็นเงาสีดำยืนอยู่ ดวงตากลมโตเพ่งมองร่างกำยำในความมืดคล้ายกองทัพ จึงตัดสินใจเดินไปดู
ตึก ตึก ตึก
เสียงเดินของใครสักคนดึงความสนใจให้ดวงตาคมเข้มละจากจุดโฟกัส หันขวับกลับไปมองต้นเสียงดังกล่าว
“คุณสูบบุหรี่ด้วยเหรอคะ” กองทัพยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่เข้าเต็มปอดและพ่นควันสีขาวฟุ้งกระจายไปด้านข้างเมื่อเห็นว่าบุคคลที่กำลังเดินเข้ามานั้นคือเด็กสาว
“แค่ตอนเครียด” บุหรี่เกือบครึ่งมวลถูกโยนลงพื้นและใช้เท้าเหยียบขยี้เพื่อดับไฟ
“ทำไม ผมสูบบุหรี่แล้วมันแปลกเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กผ่านความมืดเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“เปล่าค่ะ แค่บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ” สุดท้ายก็ได้แค่คำตอบเบสิคที่คนชอบพูดกัน
“ผมรู้และไม่ได้สูบตลอด แล้วนี่ออกมาทำอะไร”
“หนูมาเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แล้วเข้าเสร็จหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“แล้วมัวแต่ยืนทำอะไรอยู่..ไม่ไปเข้า” เสียงทุ้มต่ำถามออกไปน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่รดาก็ไม่ได้ทำอะไรแต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น
แม้จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ แต่รดาก็ไม่มัวครุ่นคิดให้มากความ หันหลังเดินเข้าห้องไปและกลับออกมาหลังจากใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่ถึง5นาที
“อ๊ะ! คุณยังไม่กลับเข้าไปด้านในเหรอคะ” รดาร้องเสียงหลงหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อเดินกลับออกมาเจอชายหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“พึ่งเข้าห้องน้ำเสร็จ กำลังจะกลับ” โกหกเสียงเรียบทั้งที่ตั้งใจยืนรอเด็กสาวแท้ๆ
ห้องรับรองที่ใช้เป็นสถานที่ในการดื่มฉลองในครั้งนี้ เป็นห้องโถงกว้างที่น่านฟ้าทำไว้สำหรับสังสรรค์กับเพื่อน
“กูนึกว่าสำลักควันบุหรี่ตายไปแล้ว” ดินพูดขึ้นเมื่อกองทัพเดินเข้ามาด้านในโดยมีรดาเดินตามหลังเข้ามา สะโพกหนากระแทกนั่งลงโซฟาโดยไม่ตอบโต้อะไร
“น้องรดา ดื่มค็อกเทลหรือไวน์ครับ” นทีที่รับหน้าที่เป็นคนชงเหล้าวันนี้ถามขึ้นเพราะเหลือเพียงรดาคนเดียวที่ยังไม่ได้เครื่องดื่ม
“น้ำผลไม้” เป็นเสียงของกองทัพพูดแทรกขึ้น
“กูไม่ได้ถามมึง กูถามน้องรดา”
รดานั่งอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบออกไปเอาแต่ปรายตามองหน้ากองทัพสลับกับหลุบตามองพื้น
“ค็อกเทล ชงอ่อนๆ ก็พอ” นทีได้แต่ส่ายหัว ลงมือชงเหล้าที่ต้องชงให้เหมือนน้ำผลไม้ น้ำสีชมพูอ่อนในแก้วถูกส่งไปให้เด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ”
รดารู้สึกร้อนจึงถอดแจ็กเกตที่สวมทับอยู่ออกเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายอุณหภูมิในร่างกายจึงเพิ่มขึ้น
“ถอดทำไม อากาศเย็น”
“หนูร้อนค่ะ”
“ไอ้กองทัพมึงจะดุน้องเขาอะไรนักหนา นั่งอยู่ในห้องไม่ได้นั่งตากหมอกตากลมด้านนอก” ดินที่ทนดูไม่ไหวที่เห็นเพื่อนทำตัวหึงหวงทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจึงด่าสวนออกไป
หลังจากนั้นกองทัพก็เอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ สายตาเหลือบมองรดาเป็นระยะเมื่อนทีชงค็อกเทลแก้วใหม่ส่งให้ เวลาล่วงเลยมาถึงตี3 ทุกคนต่างเมาหลับคอพับกันหมด ยกเว้นกองทัพและรดา
“ออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม” กองทัพพูดขึ้นขณะที่ทั้งสองต่างจ้องหน้ากันไปมาสักพัก
“แล้วทุกคนล่ะคะ”
“ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวตอนเช้าก็ตื่นเอง” พูดจบก็คว้ากุญแจรถเดินนำออกประตูไป รดาคว้าแจ็กเกตรีบสาวเท้าวิ่งตามออกไป
“ขึ้นรถสิ” รดาวิ่งมาหยุดข้างรถลัมโบร์กินีสีดำคันหรูที่ลดกระจกลงทั้งสองข้างลงและมีกองทัพนั่งอยู่ด้านใน
“เราจะไปไหนเหรอคะ”
“ขับรถเล่น”
รถลัมโบร์กินีสีดำตอนนี้เปิดกระจกรับลมทั้งสองข้างเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถข้างสนาม วิ่งไปเรื่อยๆ รอบสนาม ลมเย็นพัดมากระทบใบหน้าเนียนทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ไร้บทสนทนาจากคนบนรถ
หากรดาสังเกตสักนิดก็จะเห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับนั้นกำลังขับรถด้วยความประมาทเพราะไม่มองทางข้างหน้าเอาแต่มองคนที่นั่งข้างๆ
“อึดอัดไหม” เสียงทุ้มอบอุ่นถามขึ้นทำลายความเงียบเมื่อรถชะลอความเร็วลงจนเกือบหยุดนิ่งจากตอนแรกที่ขับช้าอยู่แล้ว
“อึดอัดเรื่องอะไรคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มปากแดงอมชมพูจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ทุกเรื่อง”
“ก็ปกติทั่วไปนะคะ” ในเมื่อเขาไม่คิดจะให้ความชัดเจนในคำถามกับเธอ เธอก็จะเอาคืนบ้าง มาใช้จิตวิทยาหลอกถามคนอื่นแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน นี่เป็นหมอโรคหัวใจหรือหมอจิตวิทยากันแน่ถึงได้หลอกล่อเก่งแบบนี้
“แล้วถ้ามีใครคอยมายุ่งวุ่นวายล่ะ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นคือใคร หนูตอบไม่ได้หรอกค่ะ”
บทที่ 11 อาจารย์พิเศษเช้าวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวาย รดาในชุดกระโปรงสั้นทรงเอเสื้อนักศึกษารัดรูปเพราะเมื่อวานไม่ได้กลับห้องนอนค้างห้องอิงเอย เช้านี้เลยต้องยืมชุดนักศึกษาอิงเอยใส่มาก่อนตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าดังถี่ตามจังหวะการวิ่งของทั้งสามที่กำลังเร่งรีบเพราะวันนี้ตื่นสาย และที่ซวยไปกว่านั้นคาบแรกวันนี้จะมีอาจารย์พิเศษมาบรรยายและอาจารย์ที่จะมาวันนี้เป็นถึงศาสตราจารย์คงจะเคี่ยวและดุน่าดูเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงแจ้งเตือนไลน์กลุ่ม“ใครส่งข้อความอะไรมาแต่เช้าวะ ไม่ดูเวลาบ้างเลยว่าตอนนี้มันเป็นเวลานอน” อิงเอยตื่นมาด้วยความงัวเงียเมื่อเสียงข้อความดังรบกวนปลุกให้ตื่น“รดา อ่านให้หน่อยไลน์กลุ่มนังเชอมันคงส่งข้อความมาปลุกพวกเรา” รดาที่นอนอยู่ริมสุดบนเตียง มือเล็กขยี้ตาอย่างงัวเงียเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียง“อิงเอย กิ่งแก้ว ตื่นได้แล้ววันนี้เรามีฟังบรรยายพิเศษ” รดาร้องขึ้นน้ำเสียงร้อนรนเมื่ออ่านข้อความที่เชอรี่ส่งเข้ามาในกลุ่มร่างบางกระโดดลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวสีขาววิ่งหายเข้าห้องน้ำไปและกลับออกมาในเวลาแค่10นาที “รดา ชุดนักศึกษาอยู่ในตู้แกเลือกเอา
บทที่ 12 แค่ทางผ่านตอนเย็นหลังเลิกเรียน “รดาแล้ววันนี้แกกลับบ้านยังไง ให้ฉันไปส่งไหม” เชอรี่ถามขึ้นเมื่อสี่สาวเดินออกจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายในช่วงเย็น “นั่งรถเมล์แหละแต่ฉันกะว่าจะแวะเอาโทรศัพท์เข้าไปเช็กที่ศูนย์ก่อนแล้วค่อยกลับห้องน่ะ” “ถ้างั้นก็แยกย้าย ไว้เจอกันพรุ่งนี้ บายมึง”ห้างสรรพสินค้าชื่อดังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองศูนย์รวมสินค้าแบรนด์ดัง คราคลั่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่สวนกันไปมา บ้างก็กำลังซื้อของ บ้างก็มาดูหนังรวมถึงทานข้าว ร้านค้าร้านอาหารเนืองแน่นไปด้วยผู้คน รดาขึ้นบันไดเลื่อนมายังบริเวณชั้น3 ของห้างซึ่งเป็นพื้นที่แหล่งรวมสินค้าไอทีและโทรศัพท์มือถือ โซนฝั่งซ้ายของห้างคือจุดมุ่งหมายของรดาซึ่งเป็นที่ตั้งของช็อปและศูนย์บริการของโทรศัพท์ยี่ห้อดังเท้าเล็กเดินเลี้ยวเข้าไปทันทีเมื่อเห็นป้ายโลโก้เดียวกันกับที่ติดอยู่บนโทรศัพท์ของเธอ ภายในช็อปเต็มไปด้วยนักชอปปิ้งที่กำลังเลือกซื้อโทรศัพท์เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการวางขายโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดในไทยที่พึ่งเปิดตัวที่ต่างประเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว“พี่คะ ช่วยเช็กโทรศัพท์ให้หน่อยค่ะ อ
บทที่13 ฝึกงาน8โมงเช้า ณ มหาวิทยาลัย RT“รดา อาจารย์ศิระเรียกแกไปพบ” รดาที่พึ่งลงจากรถเดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะประจำใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกคณะ“มีอะไรเหรอ แล้วอาจารย์เรียกฉันคนเดียว” รดาถามกลับอย่างสงสัยเพราะปกติถ้างานมีปัญหาอาจารย์จะเรียกเข้าพบทั้งกลุ่ม แต่วันนี้กลับเรียกเธอแค่เพียงคนเดียว“หล่อนคนเดียวค่ะชะนี และพวกฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์เรียกแกไปพบเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องด่วนอยู่นะเพราะอาจารย์เดินหน้าตื่นมาแต่เช้าเลย”“โอเค งั้นพวกแกรอฉันแป๊บหนึ่งนะฉันขอไปพบอาจารย์ก่อน” เท้าเรียวเล็กบนรองเท้าผ้าใบก้าวฉับ ฉับ ฉับ อย่างกระฉับกระเฉงมุ่งหน้าไปยังห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาก๊อก ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” เมื่อมาถึงก็เคาะประตูห้องก่อนเอ่ยขออนุญาตอย่างมีมารยาท“สวัสดีค่ะอาจารย์”“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนไอรดา” อาจารย์หนุ่มประจำสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาสาขานี้ด้วย“หนังสือตอบรับเรื่องการฝึกงานของเธอ ทางบริษัทพึ่งส่งเอกสารตอบรับกลับมาเมื่อเช้านี้เอง” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นไปวางลงตรงหน้าเด็กสาวด้วยใบหน้า ปลื้มปริ่มและภูมิใจ“จริงเหรอคะอาจาร
บทที่14 ระยะปลอดภัย“จะยืนอยู่อีกนานไหม..ไอรดา” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติเด็กสาวที่ยืนทำหน้างงอยู่ ร่างบางสมส่วนดูเป็นผู้ใหญ่ถึงจะอยู่ในชุดนักศึกษา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มอมชมพู แก้มเนียนถูกปัดด้วยบรัชออนสีพีช ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกดัดเป็นลอนและจัดทรงเข้ากับรูปหน้า รองเท้าส้นสูงขนาด5นิ้วโชว์เท้าเรียวเล็กเสริมลุคให้ดูเฉี่ยวและสะดุดสายตาคนมอง หนึ่งในนั้นก็รวมชายหนุ่มตรงหน้าด้วย“ที่นี่บริษัทคุณหมอหรอกเหรอคะ” คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่สมองซีกซ้ายก็สั่งการให้เธอถามคำถามนั้นออกไป“คราวหลังควรศึกษาประวัติเจ้าของบริษัทที่จะเข้าทำงานบ้างนะ”“ค่ะ ขอโทษค่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดตอบกลับ ใบหน้าง้ำงอก้มลงมองพื้น“นั่นโต๊ะทำงานของคุณ ต่อไปเรียกผมว่ากองทัพอยู่ที่นี่ผมไม่ใช่หมอ” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังโต๊ะทำงานตัวใหม่ที่กองทัพสั่งเอกเลขาคนสนิทจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน รวมถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องเล็กและไอแพดสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย“หนูต้องฝึกงานที่ห้องนี้เหรอคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้และเก็บกระเป๋าสะพายไว้ในลิ
บทที่15 คนสนิทของท่านประธาน21:30 น. ไลน์กลุ่ม{เชอรี่: ฝึกงานวันแรกเป็นไงบ้างชะนีทั้งหลาย ได้ฝึกงานตำแหน่งอะไรกันบ้าง}{อิงเอย: อิงได้ฝึกแผนกการตลาด พี่ๆ ทุกคนที่นี่ใจดีมาก}{กิ่งแก้ว: ฉันก็ได้ฝึกแผนกการตลาดเหมือนกัน แต่อยู่ในส่วนการตลาดต่างประเทศโชคดีมากพี่ๆ ในทีมมีแต่คนเก่งๆ }{เชอรี่: ไอรดา อ่านแต่ไม่ตอบหมายความว่าไงยะ สรุปว่าแกได้ฝึกงานแผนกอะไร แล้วบริษัทที่แกไปฝึกงานผู้ชายต่างชาติเยอะหรือเปล่า}{รดา: ฉันได้ฝึกตำแหน่งผู้ช่วยเลขา}{เชอรี่: What? }{กิ่งแก้ว: What? }{อิงเอย: Really? }{รดา: อือ}{เชอรี่: เลขาประธานบริษัทเหรอแก}{รดา: เปล่า ไม่ใช่}{เชอรี่: แล้วเป็นเลขาใคร}{รดา: รองประธานบริษัท}{เชอรี่: แล้วรองประธานหล่อไหมแก หล่อเหมือนประธานบริษัทไหม วงในเมาส์กันว่ารองประธานบริษัทก็คือน้องชายของท่านประธานสุดหล่อใช่ไหม ขอบอกว่าหล่อมากเห็นหน้าแล้วน้ำฉันเดินเลย}{รดา: คุณหมอกองทัพ นายเธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร }{เชอรี่: Really?????? }{กิ่งแก้ว: Really????? }{อิงเอย: Really????? }{รดา: อือ}{เชอรี่: พรหมลิขิตชัดๆ คุณหมอสุดหล่อต้องเป็นเนื้อคู่ของแกแน่ๆ ดวงถึงได้สมพงศ์กันขนาดนี้}{
ตอนที่16 หลงเสน่ห์เด็กฝึกงานมือเล็กที่กำลังจะส่งโทรศัพท์ในมือให้ชายหนุ่มตรงหน้าจำต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงดังเย็นยะเยือกดังแทรกเข้ามา พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่สูงประหนึ่งกินเสาไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายของกองทัพกำลังมุ่งสายตามาที่เธอและทัพบกฟึบ! โทรศัพท์ในมือเล็กโดนฉกมาอยู่ในมือหนาของกองทัพโดยไม่ทันตั้งตัวครืด ครืด ครืด โทรศัพท์ของทัพบกสั่นกระทบกับพื้นโต๊ะทำงานจนเกิดเสียงดัง“นี่ไงเบอร์โทรศัพท์ของเครื่องนี้ ส่วนไลน์ก็ใช้แอคเคาน์เดิมไม่ได้เปลี่ยน..ติ๊ง!” สิ้นคำพูดเสียงแจ้งเตือนไลน์เครื่องของทัพบกก็ดังขึ้นหลังจากสายโทรศัพท์ถูกตัดไปไม่ถึงนาที“รดาใช้โทรศัพท์เครื่องของมึง” ทัพบกถามกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก ถึงจะไม่รู้ว่าน้องชายตัวดีรู้จักกับเด็กสาวได้ยังไง แต่ดูจากการแสดงออกว่าหึงหวงขนาดนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคงไม่ใช่แค่เจ้านายกับเด็กฝึกงานธรรมดา“ก็เห็นแล้ว จะถามอีกทำไม”“งั้นมึงก็เอาคืนไป เดี๋ยวเย็นนี้กูพารดาไปซื้อเครื่องใหม่เอง” นิสัยขี้แกล้งชอบปั่นประสาทน้องชาย ถึงจะผ่านไปหลายปีจนทั้งสองโตเป็นหนุ่มก็ไม่ได้จางหายไปตามอายุและวุฒิภาวะของทั้งสองเลย“ไม่ต้อง! เครื่องนี้กูก็ไม่ได้ใช้อะไรเก็บไว้ก็เสี
บทที่17 คู่หมั้นผับดังย่านทองหล่อตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นทางเดินดังแทรกแข่งกับเสียงเพลงด้านล่างที่เล็ดลอดขึ้นมาให้ได้ยินยันบริเวณชั้นสามของผับ ซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของเจ้าของผับ“เจ้าภาพวันนี้มาแล้วโว้ย ตรงเวลาเป๊ะไม่ขาดแม้แต่นาทีเดียว” น่านฟ้าพูดขึ้นพร้อมกับยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดูเวลาเมื่อชายหนุ่มที่กำลังพูดถึงนั้นก้าวขาพ้นขอบประตูเข้ามา“สมแล้วที่มีไอคิวสูงเกือบ 300 ทำอะไรไม่เหมือนคนโง่ปกติทั่วไปแบบพวกกู” นทีพูดเสริมขึ้นพร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้ชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงกระแทกสะโพกลงนั่งสีหน้าเรียบนิ่ง“ไม่พาเด็กฝึกงานมาด้วยเหรอ” นทีพูดจาเย้าแหย่ยั่วโมโหสนุกปากเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งหน้านิ่งไม่ตอบโต้อะไรยิ่งได้ใจ“จะแดกเหล้าหรือจะแดกฟอร์มาลินแทน” กองทัพที่นั่งนิ่งตั้งแต่เข้ามาถึงตะคอกถามเสียงดุดัน“แค่ปากเสีย ยังไม่ตายและไม่ได้เน่า..ไม่ต้องฉีดฟอร์มาลินไอ้ห่า”“แต่ฉีดเข้าที่ปากมึงก็ดีนะ กูฉีดให้ฟรีไม่คิดเงิน” พูดจาถากถางด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว“ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งเหรอวะ วันก่อนกูเข้าไปที่โรงพยาบาลเจอแค่เลขามึงนั่งทำงานหัวหมุน
บทที่18 ปากร้าย“อยากใส่ชุดไหนก็ใส่” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะหันมามองหน้าหญิงสาวที่พึ่งเข้ามาใหม่ ร่างบางยืนนิ่งถือแฟ้มเอกสารในมือแน่นมองหลบสายตาไปทางอื่น“ขอโทษค่ะ ฉันรีบเลยลืมเคาะประตู” เมื่อตั้งสติได้จึงหันหน้ามาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกครั้ง อุตส่าห์ทำใจได้มาในระดับหนึ่งแต่เมื่อเข้ามาเห็นเหตุการณ์แบบนี้หัวใจก็พลันอ่อนแอลง พานให้น้ำตาจ่อไหลออกมา“ไปทานข้าวกับไอ้ทัพบกอร่อยไหม” น้ำเสียงประชดประชันถามขึ้นเสียงดังกว่าปกติ“อร่อยค่ะ นี่ค่ะเอกสารที่คุณกองทัพต้องการ” แฟ้มเอกสารวาระการประชุมถูกวางลงตรงหน้าชายหนุ่มและหมุนตัวเดินกลับออกไปทันที“ทัพบก นิสากลับก่อนนะคะ” นิสาในเสื้อผ้าชุดใหม่เดินออกจากห้องนอนของชายหนุ่ม ขณะที่กองทัพนั่งยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด สายตามองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทราวกับว่าสามารถมองทะลุเห็นด้านนอกได้“ฉันเดินไปส่ง ขับรถมาเองใช่ไหม”“อือ..เดี๋ยวนี้เก่งแล้วไปไหนก็ไม่ต้องพึ่งใครแล้ว”“ระวังโดนยึดกุญแจรถนะ ถ้าดื้อมาก ๆ”“ใครจะยอม”ร่างสูงสมส่วนฉบับคนชอบออกกำลังกายกระชากตัวลุกจากเก้าอี้เดินนำหญิงสาวที่อยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ออกไป ระหว่างเดินผ่านหน้าประตูยังไม่วายชำเลือง
ตอนที่34 งานแต่งงาน 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่ญาดาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือนก็ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จนมาถึงวันนี้ร่างกายเริ่มดีขึ้นใกล้จะกลับมาเป็นปกติเกือบร้อยเปอร์เซ็นทางด้านผู้ใหญ่ของกองทัพก็รับรู้และยินดีที่ลูกชายคนเล็กของบ้านจะมีแฟน ที่สำคัญที่บ้านคุณหมอหนุ่มยังรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าลูกชายตัวเองแอบหลงรักเด็กผู้หญิงที่อยู่เมืองไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไปเรียนเมืองนอกกว่าสิบปีไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ชีวิตมีแต่เรียนกับสนามแข่งรถ และยังแอบพกรูปเด็กผู้หญิงผมเปียติดตัวตลอดเวลาถึงขนาดใส่กรอบเล็กๆ วางไว้ในห้องนอนการคบหาระหว่างทั้งสองคนอยู่ในการรับรู้และยินดีจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่มีอีกหนึ่งคนที่จะดีใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม้พ้น..ทัพบก ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีน้องสาวเป็นของตัวเอง และหลงรักเด็กสาวตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนสั่งอาหารแล้วไรเดอร์สาวขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเพื่อนำอาหารมาส่ง เด็กสาวที่เปียกปอนไปทั่วตัวแต่ก็ยังยิ้มร่า เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสให้ทุกครั้งที่เจอกัน เด็กสาวที่อยากได้มาเป็นน้องสาวที่น่ารัก อ้อนเก่ง“รดา อาทิตย์หน้าตารางงานพี่ว่างเราพาคุณแม่ท่าน
ตอนที่33 คำตอบจากแม่ยาย ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น“สวัสดีครับ” กองทัพหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือพี่ชายของเด็กสาว“คุณหมอเหรอครับ”“ครับ ตอนนี้รดาหลับอยู่ครับ คุณธนามีธุระด่วนจะคุยกับรดาไหมครับ ผมจะปลุกเธอให้”“ไม่มีครับ แค่ผมกลับมาที่ห้องพักแล้วไม่เจออยู่ที่นี่เลยโทรหานะครับ”“รดาหลับอยู่ที่ห้องทำงานผมครับ ช่วงเย็นคุณป้าน่าจะย้ายขึ้นมาพักฟื้นที่ห้องนี้นะครับ”“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว สวัสดีครับ”หลังจากที่วางสายเสร็จกองทัพก็ลุกเดินออกจากห้องไปและลงไปยังชั้นสามเป็นแผนกหัวใจและทรวงอก ห้อง ICU ที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์พยาบาลซึ่งมีคนไข้ชื่อญาดานอนรอดูอาการอยู่หลังการผ่าตัด“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ” กองทัพเดินเข้าไปในห้องพร้อมหยิบชาร์จที่เสียบอยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมากวาดสายตาอ่าน“ความดันปกติ ชีพจรเต้นคงที่ คนไข้ฟื้นแล้วหลังจากออกจากห้องผ่าตัด ปฏิกิริยาทุกอย่างปกติและพึ่งหลับไปเมื่อสักครู่ค่ะ”“ร่างกายตอบสนองต่อการรักษาดี ช่วงเย็นรายงานอาการให้ผมทราบอีกที ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงผมจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นด้านบน” เหมือนยกภ
ตอนที่32 รางวัลคนเก่ง “รางวัลพี่ล่ะครับ” เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักส่วนตัวยังไม่ทันที่ประตูปิดสนิทดีคุณหมอหนุ่มก็ทวงถามหารางวัลทันที“รางวัลอะไรของคุณ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์” มือเล็กออกแรงผลักตรงหลังให้เดินไปยังห้องน้ำเพราะตอนนี้เธอแทบจะทนดมกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวชายหนุ่มไม่ไหว"นวดไหล่ให้พี่หน่อย ผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง..เมื่อยมาก" ยังไม่ทันที่รดาจะหันหลังออกจากห้องน้ำก็เจอเสียงอ้อนของคุณหมอหนุ่ม“อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวหนูนวดให้นะคะ” รดาไม่ได้ปฏิเสธเลยทีเดียวแต่เลือกที่จะยื่นข้อเสนอต่อรองหรือเรียกอีกอย่างว่าการเอาตัวรอด“ต้องแช่น้ำอุ่นแล้วนวดไปด้วยกล้ามเนื้อถึงจะผ่อนคลาย” หลักการทางกายภาพถูกงัดขึ้นมาต้อนเด็กสาวให้จนมุม“เดี๋ยวเสื้อผ้าหนูเปียก ไม่มีชุดใหม่เปลี่ยน”“พี่สั่งให้เอกซื้อมาให้หนูใหม่แล้วสิบชุด อยู่ในตู้” เกมโอเวอร์สุดท้ายรดาก็เป็นฝ่ายแพ้ เดินไปเปิดน้ำอุ่นและผสมสบู่ลงในอ่างกุชชี่ขณะที่กองทัพจัดการถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว“ว๊าย! คุณจะทำอะไรคะ” เชือกที่ผูกอยู่ที่เอวคอดถูกดึงออกโดยฝีมือของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนซ้อน
ตอนที่31 หน้าห้องผ่าตัด“ขอโทษครับผมลืมเคาะประตู” ทั้งสองผละออกจากกันอัตโนมัติเหมือนเกิดแรงผลักของประจุไฟฟ้าขั้วบวกกับขั้วบวกหน้าห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่เข็นเตียงผู้ป่วยออกจากห้องพักหลังจากเตรียมความพร้อมก่อนทำการผ่าตัดมายังห้องผ่าตัดแผนกศัลยกรรม หญิงวัย 58 ปีนอนหน้าซีดปากซีดไร้เลือดฝาดอยู่บนเตียงสีหน้าเป็นกังวล“แม่คะ แม่ต้องสู้นะคะหนูกับพี่ธนาจะรอแม่อยู่ด้านนอก คุณหมอเก่งมากแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยื่นไปกุมมือผู้เป็นมารดาด้านที่มีสายน้ำเกลือเสียบคาอยู่และอีกข้างก็มีเครื่องวัดออกซิเจนติดอยู่“จ๊ะลูก” ญาดาตอบกลับบุตรสาวเสียงแผ่วใบหน้าฝืนยิ้ม ยกมืออีกข้างมากุมมือบุตรสาวและบุตรชายออกแรงบีบเล็กน้อย“ผมกับน้องรอแม่อยู่ด้านนอกนะครับ” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มสั่นเครือเล็กน้อยของชายหนุ่มคนที่ดูแลแม่มาตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเสียไป ถึงข้างนอกจะดูเข้มแข็งแต่ข้างในก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ถึงสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาอย่างดีว่าตอนนี้เข้าขั้นวิกฤตแค่ไหน“ธนาอย่าลืมที่สัญญากับแม่นะลูก” ก่อนเข้าไปด้านในยังไม่ลืมย้ำเตือนบุตรชายคนโตอีกรอบ“ครับแม่ แม่ก็อย่าลืมที่สัญญากับผมไว้นะครับ ว่าแม่
ตอนที่30 สู่ขอไม่เป็นทางการ“รดา พี่เอาหนังสือมาให้เผื่อหนูอยากอ่าน” กองทัพเปิดประตูเข้ามาได้จังหวะได้ยินตอนที่รดาคุยกับพี่ชายพอดี“ถามผมก็ได้ครับ ผมยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง” กองทัพเดินเข้าหยุดยืนขนาบข้างเด็กสาว ในมือยังถือหนังสือวารสารด้านธุรกิจของต่างประเทศที่รดาชอบอ่าน ซึ่งเล่มนี้เป็นเล่มใหม่ที่เขาฝากเพื่อนซื้อมาพึ่งส่งมาถึงเมื่อวันก่อน"ความจริงผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกคุณหรอกนะครับ แต่ฐานะการใช้ชีวิตของพวกเรากับคุณมันต่างกันมาก” ธนาชี้แจงเหตุผลให้คุณหมอหนุ่มฟังอย่างนอบน้อมและมีเหตุผล“ผมเข้าใจครับ และก็ไม่แปลกใจที่คุณจะเป็นห่วงรดา เราไม่เคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันครั้งแรกผมก็มาแนะนำตัวในฐานะคนรักของน้องสาวคุณ เป็นใครก็ตกใจครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมกับรดารู้จักกันตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนที่ผมยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์ แค่ขาดการติดต่อกันไปช่วงที่ผมไปต่อfellowที่อเมริกา มาเจอกันอีกครั้งตอนที่รดาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสี่เดือนก่อนและได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังช่วงที่รดาไปฝึกงานที่บริษัท คุณอาจจะมองว่าระยะเวลามันสั้นแต่เชื่อเถอะครับว่าผมรักเธอจริงๆ ผมรีบทำหน้าที่ของ
ตอนที่29 พบแม่ยายในฐานะแฟนของลูกสาวช่วงสายของอีกวัน“รดาตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะ” กองทัพเดินมาหย่อนสะโพกข้างขอบเตียง เสียงทุ้มนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง“อือ..หนูขออีกห้านาที” เสียงครางงึมงำในลำคอ ตาสองข้างยังปิดสนิท“หมดแรงขนาดลุกไม่ขึ้นเลยเหรอ หืม” หนวดเคราที่กำลังขึ้นเป็นตอสีดำเสียดสีกับลำคอใต้ซอกใบหูจนคนที่นอนหลับอยู่รู้สึกจักจี้จากการรบกวน“พี่หมอ หนูขออีกห้านาทีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อนคว้ามือหนาที่วางพาดอยู่บนตัวเข้ามากอดแนบใบหน้า จนกองทัพทำตัวไม่ถูกจำต้องจำยอมตามคำขอและทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รอเวลา“หนูครับ วันนี้พี่จะพาหนูไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ยอมตื่นคุณแม่ท่านจะรอนานเอานะครับ” สิ้นคำพูดรดาก็ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที“คุณจะพาหนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลจริงๆ เหรอคะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว หน้าอกคัพB ใต้เสื้อนอนตัวเล็กเสียดสีกับอกแกร่งจนกองทัพสัมผัสถึงความนุ่มเด้งได้“ถ้ายังอยากไปเยี่ยมแม่ พี่แนะนำให้ปล่อยพี่ก่อนครับ ก่อนที่หนูจะต้องนอนหมดแรงอยู่บนเตียงจนออกไปไหนไม่ได้” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยบอกติดๆ ขัด ขณะที่จิตสำนึกกำล
ตอนที่28 มีสติแต่ควบคุมไม่ได้ ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมาย ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก รดารีบเปิดประตูรถสาวเท้าเดินเข้าห้องทันทีเพราะวันนี้กองทัพเอารถขึ้นมาจอดด้านบนปั้ง! เสียงประตูปิดลงและคุณหมอหนุ่มเดินตามหลังมาติดๆ“หนูหิวน้ำ ขอไปกินน้ำก่อนนะคะ” เท้าเล็กรีบเดินเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นคว้าขวดน้ำขึ้นมาเทใส่แก้วและยกขึ้นดื่มเกือบหมดแก้ว โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องนั้นเดินตามหลังเธอเข้าด้วย“พี่ขอกินด้วยสิ / อ๊ะ!” รดาร้องขึ้นด้วยความตกใจยังกำแก้วในมือแน่น“พี่ขอกินด้วยหน่อย”“เดี๋ยวหนูรินให้ใหม่ค่ะ”“ไม่ต้อง พี่กินกับหนูก็ได้” คำพูดถูกกลืนลงคอไปจนหมด ปากหยักได้รูปก้มลงดูดหยดน้ำที่เกาะอยู่มุมปากจนเกิดเสียงดัง“จ๊วบ! หวาน พึ่งรู้ว่าน้ำยี่ห้อนี้หวานขนาดนี้”กองทัพรั้งท้ายทอยเล็กเข้าประกบจูบอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มลุกล้ำเข้าไปในโพรงปาก ริมฝีปากทำหน้าที่แลกลิ้นกลืนกินน้ำลายซึ่งกันและกันกระโปรงทรงเอถูกดันขึ้นสูงก่อนร่างเล็กจะถูกอุ้มขึ้นนั่งบนโต๊ะหินอ่อนเคาน์เตอร์ครัว แพนตี้สีขาวถูกดึงลงต่ำพอๆ กับใบหน้าคมจังหวะร่างสูงย่อตัวลง ประชิดปลายจมูกกลางใจสาวที่ปิดสนิทลมหายใจอุ่นพ่น
ตอนที่27 สินสอดทองหมั้น สนามแข่ง“เดี๋ยวนี้พกกองเชียร์ติดตัวมาด้วยเหรอวะ” เสียงน่านฟ้าเอ่ยแซวเมื่อกองทัพและรดาเดินเข้ามาที่ห้องพักส่วนตัวข้างสนาม โดยมีน่านฟ้า นที ดิน และนิสานั่งรออยู่ก่อน บนโต๊ะมีแก้วไวน์และขวดไวน์ที่ถูกรินไปเกือบครึ่งขวดวางอยู่ด้วย บ่งบอกว่าทั้งสามหนุ่มนั้นนั่งดื่มกันมาสักพักแล้ว“พี่ดิน พี่นที พี่น่านฟ้า พี่นิสา สวัสดีค่ะ” รดายกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาท“สวัสดีครับ น้องรดาคนสวย วันนี้เพื่อนๆ ไม่มาด้วยเหรอครับ” นทีถามขึ้น ส่วนที่เหลือได้แต่พยักหน้าตอบรับ“มาค่ะ เชอรี่กำลังไปรับอิงเอยและกิ่งแก้วอยู่ค่ะ”“เอ้าไอ้หมอ มึงจะยืนอวดความหล่ออีกนานไหม ไม่นั่งล่ะครับ” ดินถามขึ้นพร้อมกับขยับที่นั่งข้างๆ ให้เพื่อน“มึงลุกไปนั่งกับไอ้นที” กองทัพเอ่ยบอกเสียงเรียบ“อะไรของมึงวะ ห่างน้องมันบ้างก็ได้ หวงของแบบนี้เคลียร์ตัวเองเรียบร้อยหรือยังครับ” ดินพูดขึ้นขณะที่ลุกขึ้นและขยับไปนั่งข้างนทีที่ยังมีที่ว่างอยู่อีกหนึ่งที่“ไอ้น่าน กูถอนหมั้นกับเมียมึงอย่างเป็นทางการแล้วนะ”“มึงน่าจะทำตั้งนานแล้ว ตามใจนิสามันอยู่ได้ กูต้องอยู่ในสถานะชู้มาตั้งหลายปี..ไอ้ห่า” น่านฟ้าบ่นออกไปดูไม่จริงจังน
ตอนที่26 ถอนหมั้นอย่างเป็นทางการครืด ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์กระทบกับพื้นโต๊ะทำงาน“กองทัพไอ้เจเดนมันมาท้าแข่งรถกับมึง มึงจะว่ายังไง” น่านฟ้าเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดังพูดขึ้น“กูไม่ว่าง มีงานต้องทำเยอะแยะ” กองทัพปฏิเสธกลับทันที“มันฝากมาบอกมึงว่า ถ้ามึงปฏิเสธแสดงว่ามึงกลัว กลัวว่าจะแพ้มันคาสนามแข่งที่บ้านตัวเอง” ความจริงแล้วคำพูดพวกนี้น่านฟ้าเป็นคนพูดขึ้นเองทั้งหมด เพราะของเดิมพันครั้งนี้คือรถเฟอร์รารี่สีแดงรุ่นพิเศษที่น่านฟ้าอยากได้และหาซื้อมานานแล้ว แต่เนื่องจากรุ่นนี้ผลิตออกมาไม่กี่สิบคันจึงยังหาซื้อไม่ได้สักที“แค่นี้ใช่ไหม กูจะทำงาน”“เฮ้..เฮ้..เฮ้ มึงอย่าพึ่งวางสิ” ยังไม่ทันที่กองทัพจะกดวางสายเสียงร้องห้ามของน่านฟ้าก็ดังขึ้น“ของเดิมพันคืออะไร” กองทัพถามกลับเสียงเรียบราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว“รู้ทันกูตลอด แกล้งโง่บ้างก็ได้”“กี่ทุ่ม”“มึงถามกูอย่างนี้ แสดงว่ามึงรับคำท้าใช่ไหม”“มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ แต่กูขายต่อนะไม่ได้ให้ฟรี”“รุ่นนี้กูอยากได้มานานแล้วแต่หาซื้อไม่ได้สักที”“เฟอร์รารี่สีแดงคันนั้นสินะ มันกล้าเอารถคันโปรดมันมาเดิมพันเลยเหรอวะ” เฟอร์รารี่สีแดงรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตออ