“น้องเรนนี่ว่าอะไรนะคะ?” ท้ายประโยคพิรุณรัตน์ตั้งใจพูดให้ปัทมาได้ยินคนเดียว หล่อนส่งสายตาดุกร้าวมาให้ แต่พิรุณรัตน์กลับตอบด้วยรอยยิ้มแฉ่งอย่างเคย
“เปล่านี่คะ” ว่าจบก็ยักไหล่ เหยียดมุมปากให้คู่แข่งอย่างปัทมาได้เห็นซึ่งหน้าเพื่อเป็นการประกาศสงคราม และบอกว่าเธอจะลงสนามแล้วให้ระวังตัวไว้ให้ดี ปัทมาหน้าเจื่อน แต่ก็เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้
“พี่ไนต์คะ พอดีมีเอกสารที่ปัดไม่ค่อยเข้าใจ ยังไงพี่ไนต์ช่วยมาดูให้ปัดหน่อยนะคะ”
“คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ปัด” ยังไม่ทันที่จิรัฎร์จะได้ตอบคำถามพิรุณรัตน์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวคว้าแขนจิรัฎร์ให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอียงศีรษะซบไหล่กว้างอีกด้วย
“เช้านี้อาไนต์มีงานต้องสอนเรนนี่อีกเยอะเลยค่ะ เรนนี่ต้องรีบเรียนรู้งานเพื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่อน่ะค่ะ เลยต้องสอนงานอย่างใกล้ชิด รบกวนพี่ปัดไปศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแทนนะคะ” อีกครั้งที่ผกามาศ นันทินีและณัฐพรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อหยิบกาแฟได้แล้วก็ค่อย ๆ ย่องออกจากพื้นที่ที่เรียกได้ว่าระอุยิ่งกว่าสงคราม สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งพยักหน้าพร้อมกันเป็นการรับรู้ แม้ปากจะไม่ขยับว่าขณะนี้มีศึกชิงพระเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งพวกเธอขอไม่เลือกว่าจะอยู่ทีมใคร รู้แต่ว่าใครชนะก็อยู่ทีมนั้นนั่นแหละ
เข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวพิรุณรัตน์ก็ทิ้งกายลงบนเก้าอี้ มองเอกสารที่จิรัฎร์นำมาให้เพิ่มเติม เขานี่จริงจังกับการทำงานเสียจริง หญิงสาวคิดในใจแล้วลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังร่างสูงที่ยืนตรวจเอกสารอยู่ ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยที่มีมือเล็กบีบเคล้นอยู่ที่ไหล่
“อาไนต์เมื่อยไหมคะ เรนนี่นวดให้ค่ะ”
“อาไม่เมื่อยครับ ขอบคุณนะครับน้องเรนนี่” จิรัฎร์เบี่ยงตัวหลบ เหล่มองมือนุ่มเล็กน้อย ถึงมือนั้นจะนุ่มมากก็ตามแต่เขาก็ควรรักษาระยะห่างไว้เมื่ออยู่ตามลำพังชายหญิง
“มีตรงไหนที่น้องเรนนี่ไม่เข้าใจถามอาได้เลยนะครับ”
“มีค่ะ”
“ตรงไหนครับ?”
“ตรงนี้ค่ะ” ตาเรียวมองตามนิ้วมือเล็กที่ยกขึ้นแล้วจิ้มลงกลางอกของตนเอง จิรัฎร์กะพริบตาถี่ ๆ ก่อนผินหน้าหนีเนื่องจากจุดที่นิ้วชี้อยู่นั้นคือเนินอกขาวอวบ วันนี้พิรุณรัตน์ก็เหมือนกับปัทมาที่เปลี่ยนการแต่งกายจากลุคเรียบ ๆ เป็นสาวเซ็กซี่ ชุดเดรสรัดรูปคอวีสีดำกรอมเท้าถูกสวมทับด้วยสูทราคาแพงทำให้พิรุณรัตน์ดูน่ามอง หญิงสาวไม่ใช่คนที่หุ่นอวบอั๋นแบบปัทมา ทว่าก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้ชายอย่างเขาเห็นแล้วใจก็สั่นไหวได้เหมือนกัน จิรัฎร์หลบตาต่ำพยายามไม่มอง แต่เจ้าหล่อนสาวเท้าเข้าหาพร้อมทั้งตั้งใจแอ่นหน้าอกขึ้น
“อาไนต์ขา...” เสียงหวานกระซิบใกล้ ๆ ลำคอ ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายขนลุกอีกครั้ง ลมอุ่น ๆ เป่ารดในจุดชีพจรนั่นยิ่งทำให้สติที่คิดว่าประคองไว้ได้เริ่มสั่นคลอน
“อาไนต์รู้ไหมว่าเรนนี่มีปัญหาหัวใจมากเลย” มือเล็กทุบอกดังอั๊ก มันกระเพื่อมตามแรงทุบ จิรัฎร์ถอยร่นจนตัวขึ้นมาเกยบนโต๊ะ พิรุณรัตน์ยังสาวเท้าตามไม่ลดละ
“เรนนี่แอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง ชอบมานานหลายปี เขาอายุห่างจากเรนนี่สิบหกปีแน่ะ อาไนต์ว่าเรนนี่ควรทำยังไงดีคะ?” ขาเล็กยกขึ้นมาเกยที่หน้าขาของจิรัฎร์อย่างจงใจ นิ้วเรียวเริ่มกรีดกรายไปตามรังดุมและเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ จิรัฎร์วูบไหวช่วงกลางหน้าท้องเมื่อมันหยุดตรงหัวเข็มขัด
“อาไนต์รู้ใช่ไหมคะว่าเรนนี่คิดยังไงกับอาไนต์” คราวนี้ไม่ใช่ฝันแล้ว และพิรุณรัตน์จะไม่ยอมให้จิรัฎร์ตกเป็นของใครได้อีก เธอเคยผ่านการเสียชายหนุ่มไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นทำให้เธอเสียใจร้องไห้หนักอยู่หลายเดือน
“อาไนต์จำวันที่เรนนี่บอกรักได้ไหม วันนั้นเมื่อแปดปีที่แล้วกับวันนี้ความรู้สึกเรนนี่ยังเหมือนเดิมนะคะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของพิรุณรัตน์มันทำให้จิรัฎร์คิดถึงวันนั้น วันที่เด็กหญิงมาบอกว่ารักเขาแค่ไหน จิรัฎร์ตกใจมาก ไม่คิดว่าเด็กหญิงที่เขาเอ็นดูจะคิดเกินเลยกับเขาเกินกว่าสถานะที่เขาให้เธอ ตอนนั้นพิรุณรัตน์อายุได้เพียงสิบสี่ปี เริ่มแตกเนื้อสาว เขาเข้าใจว่าความคิด ความรู้สึกคงมาจากฮอร์โมนที่กำลังพลุ่งพล่านในตัว หากได้ใกล้ชิดกับใครก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกตกหลุมรักได้ง่าย จิรัฎร์พยายามตั้งสติและบอกกับพิรุณรัตน์ในตอนนั้นว่าเขาคงให้สถานะที่เธอต้องการไม่ได้ และวันนี้เขาได้แต่งงานกับคนที่รักแล้ว ขอให้เธอตัดใจเสีย
“เรนนี่ยังรักอาไนต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนะคะ เรนนี่รออาไนต์มาตลอด” พิรุณรัตน์ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มันยังคงท่วมท้นอยู่ในอกมาตลอดหลายปี แม้เพื่อนสนิทของเธอจะบอกว่าเพ้อเจ้อ หรือบอกว่าไม่กี่เดือนเธอก็ลืมเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงเด็กหญิงพิรุณรัตน์ไม่เคยลืมรักแรกของตนเองเลย วันเวลาผ่านไปหลายปีจนจิรัฎร์หย่าร้างกับภรรยาและกลับมาเป็นโสดดังเดิม จากนี้ไปคือโอกาสทองของเธอที่จะจับเขามาเป็นสามี คราวนี้เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาเป็นของใครอีกแล้ว หากไม่ได้แต่งงานกับอาไนต์ ชาตินี้ก็ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น!
8ปีที่แล้ว
มือเล็กสั่นเทาจนกระดาษในมือร่วงสู่พื้น พร้อม ๆ กับน้ำตาของเด็กสาวที่หลั่งไหลออกเปื้อนแก้ม ‘การ์ดแต่งงาน’ ของจิรัฎร์และพิมพ์บุปผาพนักงานในบริษัทอีกคน ทั้งสองคบหาดูใจกันราว ๆ สองปีได้ ตลอดระยะเวลาของการคบหากันของทั้งคู่พิรุณรัตน์มองว่าพิมพ์บุปผาไม่คู่ควรกับจิรัฎร์เลยสักนิด ทั้งพิรุณรัตน์ยังเคยเห็นพิมพ์บุปผาออเซาะพนักงานชายต่างแผนกอีกด้วย แต่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับจิรัฎร์เพราะกลัวว่าหากเขาไม่เชื่อจะหาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
หลังจากจิรัฎร์แต่งงานไปได้เกือบปีพิรุณรัตน์ที่คิดว่าทำใจได้แล้วจึงมาที่บริษัทบิดาหลังจากไม่ได้มาที่นี่พักใหญ่ แต่เมื่อได้พบอาไนต์อีกครั้งความรู้สึกที่คิดว่ามันเลือนหายไปตามกาลเวลานั้นกลับยังปะทุแน่นอยู่ในอก แต่พิรุณรัตน์ก็รู้ดีว่าควรทำตัวเช่นไร หญิงสาวเองก็สร้างระยะห่างระหว่างเธอกับจิรัฎร์เช่นกัน วันเวลาล่วงเลยมาอีกเพียงปีเดียว ข่าวร้ายที่เหมือนจะเป็นข่าวดีก็ปรากฏขึ้น จิรัฎร์และพิมพ์บุปผาเลิกรากัน พิรุณรัตน์ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทั้งสองหย่าร้างกันคืออะไร และเธอไม่คิดสนใจหรือใส่ใจ เธอสนใจเพียงแค่ว่าตอนนี้อาไนต์ได้กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง แต่เธออยากให้โอกาสตัวเองได้โตกว่านี้ มีความคิดความอ่านที่มากขึ้น ทั้งยังพัฒนาความสวยของตนเองให้งามสะพรั่งเหมือนดอกไม้ที่บานเต็มที่ในยามเช้า พิรุณรัตน์อดทน เฝ้ามองจิรัฎร์อย่างห่าง ๆ มาตลอดหลายปีนับตั้งแต่เขาไม่มีใคร แม้เธอจะมีคนมาขายขนมจีบมากมายแต่เธอก็เซย์โนบอกปฏิเสธพวกนั้นไปหมด
วันนี้พิรุณรัตน์คิดว่าตนเองพร้อมแล้วที่จะยืนเคียงข้างจิรัฎร์ในฐานะคนรัก แต่ว่าเขานี่สิ ไม่รู้จะคิดเหมือนกันหรือไม่
บทจบ จิรัฎร์อายุครบสี่สิบเอ็ดปีไปเมื่อเดือนก่อน ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกปวดหลังและเมื่อยเนื้อตัวง่ายขึ้น แต่เขากลับชอบเพราะมีร่างนุ่มนิ่มคอยมาบีบนวดเอาใจเสมอ และมันจบลงที่เขานาบเธอทุกครั้ง ดูเหมือนตอนนี้เขาจะกลายเป็นคนอายุหลักสี่ที่ติดเซ็กซ์ไปแล้ว แฟนสาวอย่างพิรุณรัตน์ช่างยั่วยวนและน่ารัก เขาอดใจไม่ไหวทุกทีเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ จิรัฎร์ยอมรับว่าชอบท่าไม้ตายอย่างปูไต่มาก ๆ เพราะมันทำให้เขาอารมณ์เตลิดเปิดเปิงได้ง่าย ชายหนุ่มยิ้มขณะมองกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินในมือ แหวนเพชรวงนี้เขาเลือกเองกับมือ เป็นเพชรแท้เบลเยี่ยมแปดกะรัตที่เขาต้องดีลตรงกับช่างชาวรัสเซีย แหวนวงนี้ใช้ระยะเวลาทำเกือบสามเดือนด้วยความประณีตของช่าง และกว่าจะได้แบบและทรงที่ตรงใจเขา ตัวเรือนสลักชื่อย่อของทั้งเขาและพิรุณรัตน์ไว้ด้วย ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่คนข้างกายขยับกาย วันนี้เขาตั้งใจจะขอเธอแต่งงาน อายุเขาเยอะมากแล้ว อยากมีลูกสักคนสองคนแล้วด้วย และอีกอย่าง หลาย ๆ ครั้งที่ออกงานสังคมก็มักมีหนุ่ม ๆ มาท
เวลาล่วงเลยไปเกือบปีได้ที่ทั้งจิรัฎร์และพิรุณรัตน์เป็นแฟนกัน พิทักษ์และมีนายินดีต้อนรับว่าที่ลูกเขยคนนี้เป็นอย่างมาก โชคดีที่ทั้งสองไม่ใช่คนหัวโบราณสักเท่าไรจึงพอจะเข้าใจคนหนุ่มสาวที่เวลาอยู่ด้วยกันก็จะแสดงความรักที่มันเปิดเผย พิรุณรัตน์เป็นพวกชอบสกินชิพมาก ๆ เธอมักจะหอมแก้ม หรือจูบจิรัฎร์อยู่เสมอ ๆ แม้จะแอบทำแล้วแต่คนในบริษัทก็ยังมีเห็นบ้าง และทุกคนก็เริ่มรู้กันหมดแล้วว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน กลุ่มของผกามาศแสดงความยินดีต่อจิรัฎร์อย่างจริงใจ เพราะหล่อนเห็นเขามาตั้งแต่ทำงานที่นี่แรก ๆ แต่งงานแล้วก็หย่า เป็นโสดอยู่นานหลายปีดีดัก คิดว่าจะไม่มีใครเสียแล้ว สุดท้ายก็โดนเด็กสอยลงจากคานจนได้ คนที่นินทาก็มีอยู่พอสมควร พวกนั้นคิดว่าจิรัฎร์หวังรวยทางลัด แต่ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าจิรัฎร์เองก็เป็นเศรษฐีเหมือนกัน เศรษฐีที่ดินปล่อยเช่า และยังเป็นเศรษฐีทองอีกด้วย เพราะเขาซื้อเก็งกำไรทุกเดือนร่างสูงที่ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วย วันนี้กลับนอนไข้ขึ้นบนเตียง แค่ขยับกายก็ร้าวระบมไปห
บทที่ 12พิทักษ์ทรุดลงกับเก้าอี้ เขายกมือขึ้นลูบหน้าแรง ๆ หลายรอบ อันที่จริงเขาไม่ได้ต้องการให้พิรุณรัตน์เป็นแฟน หรือ แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนหรอก เพียงแค่ต้องการให้มาทำความรู้จักกันไว้ ในภายภาคหน้าอาจมีเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกัน แต่ดูจากคลิปแล้วเขาขอตัดขาดจากฝั่งเพื่อนสนิทดีกว่า“ขอบใจมากนะไนต์”“เป็นโชคของผมที่เจอไอ้นั่นโดยบังเอิญ” พิทักษ์เหลือบมองรุ่นน้อง ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะได้ยินจิรัฎร์พูดจิกกัดใครแบบนั้น“แล้วพี่จะเอายังไงต่อครับ”“ก็จะยังไงเล่า ก็ต้องตัดขาดฝ่ายนั้น เดี๋ยวส่งคลิปให้ไอ้เวชดูด้วยว่าลูกมันพูดจาหมา ๆ แบบนี้ มันพูดออกมาได้ยังไง” พิทักษ์เองก็โกรธไม่ต่างกัน มีใครมาพูดถึงบุตรสาวแบบนี้คนเป็นพ่อแบบเขาก็ต้องร้อนใจเป็นธรรมดา ธุร
“ไปทำงานสิไนต์” พิทักษ์ไล่ จิรัฎร์ลอบถอนหายใจ“อย่าให้เรนนี่ไปดูตัวเลยครับ น้องไม่ชอบหรอกที่โดนจับคลุมถุงชน ถ้าพี่คิดว่าผมไม่คู่ควรกับเรนนี่ อย่างน้อย ๆ ก็ให้เรนนี่ได้ตัดสินใจเรื่องดูตัวบ้างก็ดีนะครับ ผมยังรักรอยยิ้มของเรนนี่ ไม่อยากให้น้องกังวล”พ้นร่างสูงไปแล้วพิทักษ์ก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ เขาคิดถึงเรื่องที่เกาะเสม็ดตอนที่จิรัฎร์มีปากเสียงกับปัทมา ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่สักพัก ดูจากภายนอกก็เห็นว่าจิรัฎร์ไม่ยอม พอรุ่นน้องโพล่งว่ามีแฟนแล้วก็รู้สึกตงิดใจ ยิ่งมาเห็นตอนที่พิรุณรัตน์กับจิรัฎร์แอบจับมือส่งสายตาหวานฉ่ำให้กันตอนพักรถ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าทั้งสองใช้เวลาช่วงเอาต์ติ้งพัฒนาความสัมพันธ์กันไปพอสมควร พิทักษ์และมีนาคุยเรื่องของจิรัฎร์และพิรุณรัตน์ตลอด และยินดีที่ได้ผู้ชายอย่างจิรัฎร์มาเป็นลูกเขยด้วยซ้ำ อาจจะกังวลเรื่องอายุที่ห่างกันอยู่บ้าง แต่ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ อายุอาจจะมีผลบ้าง แต่ถ้าทั้งสองคนรักกันเหนียวแน่น ใช้เหตุและผลอยู่ด
บทที่ 11ช่วงเช้ามืดพิรุณรัตน์ย่องออกจากห้องของจิรัฎร์ แต่ก็ยังไม่วายยั่วยวนเขาจนชายหนุ่มตบะแตกจัดการหญิงสาวรอบเช้าไปอีกหนึ่งครั้ง พิรุณรัตน์ทำตัวเหมือนโจรห้าร้อย ค่อย ๆ ย่องออกจากห้องชายหนุ่ม จิรัฎร์ยืนอมยิ้มที่หน้าประตูเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าตลก ยามนี้เพิ่งจะตีห้ายังไม่มีใครตื่นหรอก อีกอย่างเมื่อคืนทุกคนน่าจะสังสรรค์กันจนเมาปลิ้นหลับคอพับกันอยู่ในห้องนั่นแหละ พิรุณรัตน์ยกมือโบกหยอย ๆ เมื่อถึงหน้าห้อง ทั้ง ๆ ที่ก็ห่างไม่กี่เมตรเอง ชายหนุ่มยิ้มโบกมือกลับ พอหญิงสาวผลุบเข้าห้องเขาก็อาบน้ำอาบท่าออกไปทำธุระทันทีสิ่งแรกหลังจากออกจากห้องคือการหาซื้อยาคุมฉุกเฉินให้พิรุณรัตน์ ชายหนุ่มเซิร์ชหาร้านขายยาที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จิรัฎร์ใช้บริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อถึงร้านยาก็ตรงเข้าประเด็น เภสัชกรสาวแนะนำเขาเป็นอย่างดีแล้วยังเชิญชวนให้ซื้อถุงยางอนามัยติดไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินอีกด้วย เพราะการกินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร และมันก็ป้องกัน
ร่างเล็กค่อย ๆ พยุงคนตัวโตไปยังเตียง ชายหนุ่มทิ้งตัวทันทีจึงทำให้เกี่ยวติดเธอลงไปด้วย ขึ้นมาเกยบนอกเขาจึงได้กลิ่นละมุดมากขึ้น ‘ดื่มไปเยอะจริง ๆ ด้วยแฮะ’ พิรุณรัตน์หัวเราะคิกคักบนอก มือก็เริ่มไต่ไปตามกล้ามเนื้อแน่น ๆ จิรัฎร์ครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาครางต่ำเมื่อมือเล็กซุกซนหยอกเย้าอยู่ที่ยอดอก แค่แรงสะกิดเล็กน้อยก็ทำให้เขาตื่นแล้ว ตื่นทั้งตัว ส่วนนั้นผงกหัวขึ้นพร้อม ๆ กับที่เขาพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแทน“เรนนี่…” คนเมาครางต่ำ ขณะซุกไซ้จมูกไปทั่วลำคอและใบหน้าสวย พิรุณรัตน์ตกใจอยู่เพียงชั่ววินาที แขนเสลายกขึ้นคล้องคอจิรัฎร์ไว้แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้มอบจูบหวานล้ำให้เขาตามที่ตั้งใจไว้ แต่พอจูบจริง ๆ มันไม่หวานสักนิด มันร้อนแรงและร้อนเร่า บางจังหวะจิรัฎร์ก็กัดปากเธอด้วย เขาดูกลัดมันดี มันยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเฉอะแฉะไปหมด มือใหญ่ลากไล้ไปทั่ว ปัดป่ายจุดกระสันจนเธอสะท้าน ใจหายวาบ เสื้อผ้าหลุดพ้นกายเหลือเพียงแพนตี้ตัวจิ๋ว ใบหน้าหล่อเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ