แชร์

บทที่ 2/1

ผู้เขียน: กวินทร์แก้ว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-16 23:24:25

“แกไม่ไปจริงๆ เหรอ อาอัฐเป็นเจ้ามือจองห้องปาร์ตีให้เลยนะ สั่งไม่อั้น สนุกกันให้สุดเหวี่ยงไปเลยนะแก” เชอเอมหันมาถามคำถามย้ำกับขนิษฐาอีกครั้งหลังเคลียร์งานเสร็จ คนถูกถามนิ่งคิดอย่างชั่งใจก่อนจะถามแทนการตอบคำถามไม่เหมือนครั้งแรกที่ปฏิเสธเพื่อนไปอยู่ท่าเดียว

            “มีใครไปบ้าง มีแค่พวกเราใช่มั้ย”

            วันนี้เป็นวันเกิดของเชอเอม ขนิษฐาจึงไม่อยากพลาดฉลองวันเกิดให้กับเพื่อน ทว่าเมื่อทราบว่าเจ้ามือเลี้ยงในวันนี้เป็นใคร หญิงสาวก็เกิดความลังเลขึ้นมาฉับพลัน

            ตั้งแต่คืนนั้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนในวันที่พวกหญิงสาวพากันไปฉลองจบเทอมแรกของปีสี่ก่อนจะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวฝึกงานในเทอมสุดท้าย และยังเป็นคืนที่เธอได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคุณอาของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เป็นทั้งรองประธานบริษัทส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ หนำซ้ำยังเป็นคุณอาเจ้าบุญทุ่มเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับหลานสาวเพียงคนเดียวอย่างเชอเอม

เรื่องที่เกิดในคืนนั้นไม่มีใครรับรู้นอกจากเธอและอาของเพื่อน แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างเชอเอม เธอก็ไม่กล้าปริปากพูดเพราะกลัวจะเสียเพื่อนที่ดีไปทั้งที่ในคืนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ตัวของเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนนั้น กว่าจะมารู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นมาพบว่าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่ข้างคุณอาของเพื่อนที่คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมืองแถมเธอยังหนีออกมาโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว หนำซ้ำในวันที่เข้ามาฝึกงานที่บริษัทของครอบครัวเชอเอม เธอก็เอาแต่หลบหน้าคุณอาเพื่อนมาตลอดทุกครั้งและครั้งนี้หากมีเขาไปด้วยเธอก็อดที่จะลังเลไม่ได้เมื่อตนไม่เคยพลาดงานวันเกิดเพื่อนเลยสักปี

แต่เธอก็อยากเลี่ยงที่จะเจอกับคุณอาของเพื่อนก็เพราะความละอายใจที่มี

            “อือ...” เชอเอมลากเสียงอย่างครุ่นคิดบางอย่าง “ก็ไม่เชิงหรอก อาอัฐบอกว่าจะตามมาตอนเป่าเค้ก เพราะแกจะเอาของขวัญมาให้ด้วยและอยู่ดื่มด้วยแป๊บเดียว พอดียายคุณน้าเสาวนีขอมาด้วย ฉันล่ะไม่อยากให้นางมาเลย ลำไยนางสุดๆ ผู้ใหญ่อะไรไม่สำรวมท่าทางเกาะแขนผู้ชายเดินไปทั่ว ทั้งที่อาอัฐไม่ได้เล่นด้วยแท้ๆ แต่ก็ยังจะเกาะติดเป็นเหาตลอด”

            เชอเอมเบะปากพูดอย่างไม่ค่อยชอบใจเมื่อต้องพูดถึงเสาวนีที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้ช่วยติดต่อกับทางบริษัทต่างประเทศ

เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเสาวนี ขนิษฐาก็พอได้ยินมาบ้างทั้งจากเชอเอมและพนักงานคนอื่นๆ ที่มักจะเอามาเมาท์มอยกันในเวลาพักหรือเห็นเสาวนีคอยมาหาและอยู่ในห้องของอัฐพลทั้งวัน ทว่าเรื่องเหล่านั้นเธอไม่ได้ใส่ใจ เธอใส่ใจแต่ว่าชายหนุ่มมาร่วมงานนี้ด้วยมากกว่า ครานี้เธอไม่รู้ว่าควรจะไปดีหรือไม่ หรือควรจะยื่นของขวัญให้เพื่อนและปฏิเสธไปดีนะ

            ขนิษฐาชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะตอบคำถามเพื่อนในที่สุด “ฉันไม่...”

            “เอม”

            ทว่า ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ปฏิเสธออกไป เสียงของผู้ชายที่เธอพยายามหลบหน้ามาตลอดดังขึ้นแทรกคำพูดของเธอมาจากด้านหลัง พลันเธอนั่งหลังตรงด้วยความตกใจ ตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวเมื่อชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานของเธอ หางตาเห็นร่างสูงที่อยู่ในชุดทำงานยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหันข้างจึงทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังมองไปยังเชอเอมหลานสาวเพียงคนเดียว แม้จะรับรู้เช่นนั้นแต่หัวใจเจ้ากรรมก็สั่นระรัวด้วยความตกใจแกมหวาดหวั่น เธอจึงเบี่ยงหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้มลงใช้ผมปิดแก้มด้วยมือที่ยกขึ้นมาบังอย่างเป็นธรรมชาติทำเหมือนกับว่าเธอกำลังสนใจงานบนโต๊ะ ทั้งที่มันมีเพียงสมุดจดรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่เธอไม่เข้าใจเท่านั้น

            “อ้าว! อาอัฐ ทำไมมาแผนกติดต่อลูกค้าได้ล่ะคะ ลมอะไรพัดมาคะเนี่ย”

            เชอเอมกล่าวทักทายแกมหยอกเย้าผู้เป็นอาอย่างนึกสนุก ก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแบรนด์ดังขึ้นมาสะพายข้างเดินเข้ามาใกล้คุณอาของเธอพร้อมรอยยิ้ม จึงทำให้ขนิษฐาคิดว่าชายหนุ่มคงสนใจแต่หลานสาวของตัวเอง เธอจึงทำทีขยับเก้าอี้ให้ออกห่าง หมุนตัวหันหลังให้คนทั้งสองก่อนจะรีบเก็บของอย่างเงียบๆ และคิดว่าจะเดินออกไปให้เงียบที่สุดแต่แล้วบทสนทนาต่อมาก็ทำให้เธอแถบตกเก้าอี้

            “อา...”

            “อาอะไรคะ นี่ เอมอยู่นี่ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ทำไมมองแต่เพื่อนเอม อย่าบอกนะคะว่าชอบเพื่อนเอมน่ะ”

            “ถ้าอาชอบ เอมจะทำยังไง”

            “งั้นก็ข้ามศพเอมไปก่อนเถอะค่ะ เพื่อนคนนี้เอมหวง แต่ถ้าอาเขี่ยผู้หญิงรอบๆ ตัวอาจนหมด ก็ไม่แน่หรอกค่ะ โดยเฉพาะน้าเสาวนี โน โนเลยค่ะ เอมไม่ปลื้ม”

            “สายไปแล้วมั้ง”

            อัฐพลพูดขึ้นอย่างขบขันหลานสาวก่อนจะพูดออกไปเป็นนัยเพื่อให้ขนิษฐาได้เข้าใจเพียงคนเดียวก่อนจะส่งยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อเชอเอมขมวดคิ้วมองมาเชิงถามกลับ แต่ก่อนที่อาหลานจะได้สนทนากันอีก ขนิษฐาก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้หันกลับไปมองคนทั้งคู่และขอตัวกลับก่อน

            “เอม ฉันขอโทษจริงๆ นะ วันนี้ฉันจะเข้าไปกินข้าวที่บ้าน ไม่ได้เข้าไปหาพ่อกับแม่นานแล้ว ส่วนของขวัญฉันจะเอามาให้พรุ่งนี้นะ”

            ขนิษฐาบอกเหตุผลจบพร้อมส่งยิ้มขอโทษก่อนจะก้าวเดินทันทีเมื่อเชอเอมพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเสียดาย ทว่าก็ต้องชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินด้วยความตกใจแต่ยังควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงความตกใจจนเป็นที่สังเกตได้เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้ามายืนขวางทางก่อนจะยกมือขึ้นมาคว้าแขนของเธอเอาไว้โดยที่เชอเอมไม่ทันสังเกต

            “หนูนิดจะไม่ไปจริงๆ เหรอ ยายเอมจะน้อยใจเอานะ”

            “เอมไม่งี่เง่าค่ะอาอัฐ ยายนิดไม่ได้กลับบ้านจะเดือนแล้ว นานๆ ทีพ่อกับแม่ยายนิดจะกลับมาจากต่างประเทศ ให้เพื่อนเอมได้มีเวลากับครอบครัวบ้างสิคะ แกรีบกลับไปเถอะ บ้านกับคอนโดอยู่คนละทางกันเลย เดี๋ยวจะมืดซะก่อน”

            “ขอบใจนะเอม ไว้ฉันจะเลี้ยงย้อนหลัง ขอตัวก่อนนะคะคุณอา”

            ทว่า คำพูดต่อมาของเชอเอมที่ไม่ค่อยเข้าใจไปกับผู้เป็นอานักก็เหมือนพระเจ้าส่งอัศวินแสนสวยมาช่วยเอาไว้จริงๆ เพราะมันทำให้เธอสามารถเดินออกมาจากตรงนั้นได้โดยไม่ถูกใครรั้งเอาไว้ได้อีก และทันทีที่เธอออกมาจากแผนกจนเข้าลิฟต์ หัวใจที่เคยสั่นระรัวพลันก็กลับมาเต้นปกติ แปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดกับเพื่อนเมื่อต้องโกหกคำโตเพื่อปฏิเสธที่จะไม่ไปฉลองวันเกิดด้วย 

พ่อแม่ของเธอหรือ ยังคงทำงานอยู่ที่ต่างประเทศยังไม่กลับมาง่ายๆ หรอก จะกลับมาก็คงจะสิ้นปีพอดี งานที่พวกท่านทำก็มีแต่ต้องเดินทางไปหลายประเทศ บางปีก็ไม่ได้กลับมาหาเธอเลยสักครั้ง บางครั้งก็เป็นสองปีสามปีกว่าจะกลับมาหา บ่อยครั้งที่เธอเหงาและรู้สึกขาดความอบอุ่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังมีข้อดีให้เธอได้ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธคนอื่นเป็นบางครั้ง  

ขนิษฐาเดินหายลับสายตาไปนานแล้วอัฐพลก็ยังมองทางที่หญิงสาวเดินจากไปไม่เลิกจนเชอเอมต้องตะโกนพร้อมกับดึงแขนของผู้เป็นอา ชายหนุ่มจึงหันกลับมาสนใจหลานสาวจริงๆ เสียที

            “ว่าไง”

            “จะว่าไงอะไรกันล่ะคะ เอมสิต้องถามว่าอามาทำอะไรที่นี่คะ”

            เชอเอมขมวดคิ้วยุ่งพูดออกไปอย่างไม่เข้าใจ แม้จะรู้สึกตงิดใจเรื่องระหว่างอากับขนิษฐาก็ตาม แต่ก็ไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ ถ้าหากมันไม่มีอะไรจริงๆ แล้วเธอโวยวายออกไปก็มีแต่เสียกับเสีย ดังนั้นเธอจึงเลิกคิดและสนใจคำตอบของผู้เป็นอาเพียงอย่างเดียว

            “อาจะมาบอกว่าอาติดธุระไปไม่ได้แล้ว ส่วนของขวัญอาให้คนเอาไปไว้ในห้องของเอมแล้วนะ”

            “ขอบคุณนะคะ แต่เสียดายจัง เพื่อนของเอมอยากเจออากันทุกคน ว่าแต่อามีธุระอะไรเหรอคะ”

            “อาย้ายคอนโดน่ะ ต้องดูพวกขนย้าย อากลัวทำเอกสารเสียหาย”

            “คอนโดที่ไหนคะ คอนโดที่อาอยู่ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณอาเพื่อน   ตอนพิเศษ

    แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ

  • คุณอาเพื่อน   บทส่งท้าย

    เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/2

    “นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/1

    “คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/5

    “สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/4

    ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status