พอได้ยินถึงตรงนี้ หรงฉือก็เข้าใจในทันทีว่าเมื่อคืนเฟิงถิงเซินรีบออกไป เป็นเพราะหลินอู๋เธอรู้และชินกับความใส่ใจที่เฟิงถิงเซินมีต่อหลินอู๋มานานแล้วเธอก็รู้ว่าซุนลี่เหยาจงใจพูดคำนี้ให้เธอได้ยินเธอเดินผ่านซุนลี่เหยาและคนอื่น ๆ ไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะเข้าไปในลิฟต์พอเห็นหมายเลขชั้นที่หรงฉือกด ซุนลี่เหยากับคุณยายซุนพวกเขาตระหนักได้ว่า หรงฉือมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณย่าเฟิงเรื่องที่คุณย่าเฟิงป่วยพวกเขาล้วนรู้ดีแม้พวกเขาจะไม่มีโอกาสไปเยี่ยมคุณย่าเฟิงที่โรงพยาบาล แต่พวกเขากลับรู้ว่าคุณย่าเฟิงก็พักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วยพวกเขารู้ก็จริง แต่คุณย่าเฟิงพักอยู่ห้องผู้ป่วยไหน พวกเขากลับไม่รู้เลย ด้วยเหตุนี้ เมื่อคืนพวกเขาจึงได้ให้คนไปแอบสอบถามเป็นพิเศษดังนั้น เมื่อเห็นชั้นที่หรงฉือกำลังจะไป ซุนลี่เหยาพวกเขาก็รู้ทันทีว่าหรงฉือมาเยี่ยมคุณย่าเฟิงที่โรงพยาบาลความจริงแล้วคนในตระกูลหลินกับตระกูลซุนยังไม่ได้เจอคุณย่าเฟิงเลยพวกเขาสอบถามจนรู้หมายเลขห้องผู้ป่วยเดี่ยวของคุณย่าเฟิง แต่ความจริงแล้วก็เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้คุณย่าเฟิงไม่พอใจ พวกเขาล้วนระมัดระวังมาก และไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปหาค
เฟิงถิงเซินพูดอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “คุณติดต่อกับทางด้านนั้นหน่อย แล้วบอกกับพวกเขาว่าพวกเราค่อยเข้าไปในวันพรุ่งนี้”เจียงเจ๋ออยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เห็นเฟิงถิงเซินหันสายตากลับไปมองหลินอู๋อีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและในตอนที่เขาพยักหน้า กำลังจะออกไปจากห้องผู้ป่วยเพื่อโทรศัพท์ เฟิงถิงเซินเหมือนจะนึกอะไรออก หันกลับมาสั่งอีกครั้งว่า “คุณบอกให้เฉิงหยวนจัดการเอกสารที่ต้องใช้ด่วนพวกนั้นหน่อย รายละเอียดต้องทำอย่างไร ผมจะติดต่อเขาในภายหลัง”เจียงเจ๋อ “ครับ”เจียงเจ๋อออกไปด้านนอก ทำตามคำสั่งของเฟิงถิงเซิน โทรหาเฉิงหยวนก่อน“ได้ เข้าใจแล้ว” หลังเฉิงหยวนพูดจบ ก็ไม่ได้วางสายทันที แต่กลับอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่วงนี้เจ้านายนับวันยิ่งใส่ใจหรงฉือมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ยัง...ผมยังคิดว่าประธานเฟิงกับหรงฉือจะ...”เจียงเจ๋อเข้าใจความหมายของเขาความคิดของเขาก็เหมือนกับเฉิงหยวนเช่นกันแต่ตอนนี้ พอเห็นเฟิงถิงเซินเป็นห่วงหลินอู๋มากขนาดนี้ เขาจึงจะตระหนักได้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปแล้วท่าทีของเฟิงถิงเซินที่มีต่อหรงฉืออาจจะเปลี่ยนไปจากอดีต แต่คนที่เฟิงถิงเซินสนใจและรักจริง ๆ ความจริงแล้วก
ประธานเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงงเวลานี้ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า เฟิงถิงเซินแค่เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพราะหรงฉือเท่านั้นนี่มัน...แต่ว่า เฟิงถิงเซินมีแฟนแล้ว แถมความสัมพันธ์ยังดีมากอีกด้วย เขาแค่ชื่นชมหรงฉืออย่างบริสุทธิ์ใจก็เท่านั้น คงจะ...ไม่มีความหมายอื่นหรอกใช่ไหม?หรงฉือกับเฟิงถิงเซินยังคุยกันนานมากหลังคุยถึงเนื้อหาในส่วนแผนงานที่เฟิงถิงเซินสนใจเสร็จ บทสนทนาก็หยุดลงหลังจากนั้น เฟิงถิงเซินกับหรงฉือก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยแต่ทว่า เฉิงหยวนกับเจียงเจ๋อ รวมทั้งประธานเฉิงและคนอื่น ๆ ที่มีสายตาแหลมคมต่างสังเกตเห็นว่า เฟิงถิงเซินเหลือบมองหรงฉือเป็นครั้งคราว... ตอนที่มื้ออาหารใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว โทรศัพท์ของเฟิงถิงเซินจู่ ๆ ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร จู่ ๆ เฟิงถิงเซินมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หลังวางสายก็พูดกับหรงฉือและคนอื่น ๆ ว่า “คุณหรง แล้วก็ทุกท่าน ขอโทษด้วย ผมมีธุระด่วน ขอตัวก่อนแล้ว ไว้คราวหน้ามีโอกาสค่อยพบกันใหม่อีกครั้ง”ในเมื่อเขาเรียกชื่อเธอคนเดียว หรงฉือจึงทำได้เพียงพูดขึ้นว่า “โอเค คุณเดินทางดี ๆ นะคะ”เฟิงถิงเซินกับเฉิงหยวนไม่นานก็จ
โบราณว่า เมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้เราอย่างเป็นมิตร เราก็ไม่ควรจะทำร้ายหรือโต้ตอบด้วยความก้าวร้าวในสถานการณ์แบบนี้ หรงฉือและอวี้มั่วซวินจึงทำได้เพียงจับมือกับเฟิงถิงเซินอย่างสุภาพหลังจากที่ทักทายเฟิงถิงเซินแล้ว พวกเขาทั้งหมดเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน โทรศัพท์ของอวี้มั่วซวินก็มีสายเรียกเข้าบริษัทมีเรื่องเร่งด่วนจำเป็นต้องให้เขากลับไปจัดการหลังจากที่อวี้มั่วซวินบอกลากับเฟิงถิงเซินและพวกประธานเฉิงแล้ว หรงฉือมองสีหน้าเขา จึงกระซิบถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”อวี้มั่วซวินตบบ่าปลอบใจเธอ พลางโน้มตัวเข้ามาใกล้กระซิบบอกเธอว่า “วางใจเถอะ ผมจัดการได้”เมื่อได้ยินอวี้มั่วซวินพูดแบบนี้ หรงฉือก็สบายใจแล้วคนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าพวกเขากระซิบกระซาบกันอย่างสนิทสนม ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสัมพันธ์อันดีของพวกเขาเฉิงหยวนและเจียงเจ๋อจ้องมอง จากนั้นก็หันไปมองเฟิงถิงเซินโดยไม่ได้นัดหมายคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดีว่าที่เฟิงถิงเซินมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้เพราะหรงฉือแต่ตอนที่พวกเขาหันไปมอง กลับดูสีหน้าเฟิงถิงเซินไม่ออก ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เมื่ออวี้มั่วซวินออกไปแล้ว การทานอาหารยั
วันจันทร์ หรงฉือยังคงมาประชุมที่เฟิงซื่อกรุ๊ปเฟิงถิงเซินก็มีประชุมสำคัญเช่นกัน ครั้งนี้จึงไม่ได้ลงมาชั้นล่างนั่งฟังหรงฉือประชุมด้วยตนเองแต่เมื่อประชุมเสร็จแล้ว เฟิงถิงเซินจึงถามเฉิงหยวนและเจียงเจ๋อว่า “การประชุมชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว? แผนงานที่ต้องจัดการส่วนที่เหลือส่งมาหรือยัง? ถ้าส่งมาแล้วเอามาให้ผมดูทีนะ”เฉิงหยวนและเจียงเจ๋อรู้ว่าก่อนหน้านี้เฟิงถิงเซินจะลงไปชั้นล่างเพื่อฟังหรงฉือประชุมได้ยินเฟิงถิงเซินพูดแบบนี้ เฉิงหยวนและเจียงเจ๋อมองหน้ากันไปมา จากนั้นมองกองเอกสารด้านหน้าเฟิงถิงเซินพรุ่งนี้เฟิงถิงเซินต้องไปทำงานนอกสถานที่ เอกสารบนโต๊ะเหล่านี้เฟิงถิงเซินต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ ในทางกลับกัน เนื้อหาที่พวกหรงฉือประชุมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า ตอนนี้เป็นเพียงแผนงานฉบับร่างเท่านั้น รอเฟิงถิงเซินไปทำงานนอกสถานที่กลับมาแล้วค่อยจัดการก็ยังไม่สาย แต่เฟิงถิงเซินพูดมาขนาดนี้แล้ว เจียงเจ๋อจึงลงไปที่ออฟฟิศเอาเอกสารการประชุมชั้นล่างที่เพิ่งจะส่งมาเมื่อครู่มาให้เฟิงถิงเซินแม้จะเป็นแผนงานฉบับร่าง แต่ที่จริงหรงฉือก็ได้วางแผนจัดการงานส่วนที่เหลือไว้โดยละเอียดแล้ว ด
เธอมักจะพูดเสมอว่าตนงานยุ่ง ไม่มีเวลาต่อให้จะงานยุ่งหรือไม่มีเวลาขนาดไหน แค่โทรศัพท์สายเดียวก็คงไม่เสียเวลามากนักหรอกมั้ง?แต่ตอนที่เธอโทรไปหรงฉือ น้อยครั้งนักที่หรงฉือจะรับสาย เรื่องที่เป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึงดูเหมือนว่าสำหรับหรงฉือแล้ว ทุกสิ่งล้วนสำคัญกว่าเธอทั้งสิ้นเฟิงจิ่งซินยิ่งคิดยิ่งน้อยใจจนน้ำตาพรั่งพรูไหลออกมาเมื่อเห็นว่าเฟิงจิ่งซินท่าทางน้อยใจแบบนี้ หรงฉือยังไม่ทันได้พูดอะไร เฟิงถิงเซินยื่นมือไปเช็ดน้ำตาเธอพลางชิงพูดก่อนว่า “ตอนนี้แม่หนูงานยุ่งมากจริง ๆ เอาไว้ปีหน้าแล้วกัน ถ้าถึงปีหน้าแล้วงานของแม่หนูก็คงจะเบาบางลงแล้วล่ะ”เฟิงจิ่งซินยังเด็ก เมื่อถูกเฟิงถิงเซินพูดปลอบประโลมแบบนี้ ความน้อยใจเศร้าโศกก็บรรเทาลงไปไม่น้อย เธอใช้หลังมือเช็ดน้ำตา มองหรงฉือด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง “จริงเหรอคะ? ถ้าปีหน้าแล้ว แม่จะมีเวลาว่างมากขึ้นใช่ไหม?”อย่างไรเสียเฟิงจิ่งซินก็เป็นลูกสาวที่เธออุ้มท้องมาสิบเดือน ต่อให้จะสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแล้ว แต่ที่จริงเธอก็ยังหวังให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของเฟิงจิ่งซิน หรงฉือทำใจไม่ได้ที่จะทำร้ายจิตใจ