วันเสาร์ช่วงค่ำ หรงฉือไปดูงิ้วกับคุณยายหรงตอนที่พวกเธอไปถึงจุดตรวจตั๋ว ไม่ไกลออกไปมีคนที่ดูดีดึงดูดสายตาฝูงชนยืนอยู่ เมื่อเห็นพวกเธอก็เผยรอยยิ้มและเดินมาหาพวกเธอทันที“หรงฉือ”เมื่อได้ยินคนเรียก หรงฉือจึงหันหน้าไปมอง เพียงมองแวบเดียวก็เห็นกู้เหยียนท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเดินมาหาเธอหรงฉือเงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้ม “บังเอิญจังเลยนะ วันนี้คุณก็มาดูการแสดงของท่านอาจารย์เหมือนกันเหรอ?”ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเป็นเรื่องที่กู้เหยียนจงใจทำตอนที่อยู่บริษัทกู้เหยียนเรียกเธอว่าคุณหรงทุกครั้งนอกเหนือจากที่สัมภาษณ์วันแรก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อหรงฉือโดยตรงเมื่อเห็นว่าหรงฉือไม่ได้รู้สึกอึดอัด เขายิ้มบาง ๆ ตอนที่หรงฉือแนะนำเขาให้กับคุณยายหรง เขาก็กล่าวทักทายคุณยายหรง “สวัสดีครับคุณหญิง”คุณยายหรงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ”หาได้ยากที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้จะชอบดูงิ้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่กู้เหยียนคุยกับหรงฉือ แววตานั้น...คุณยายหรงมองด้วยสายตาคนนอก ก็แทบจะรู้ได้ทันทีว่ากู้เหยียนมีใจให้กับหรงฉือแต่เห็นว่าหรงฉือดูไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรเห็นว่าหรงฉือและคุณย
วันพฤหัสบดี หรงฉือไม่ได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันกับเฟิงจิ่งซินที่ต่างเมือง เฟิงจิ่งซินก็ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ว่าออดอ้อนให้ หรงฉือไปเที่ยวด้วยกันหลังจากที่เธอกลับมาหลังจากที่การแข่งขันและกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้วหรงฉือแพ้ลูกอ้อนของเธอ จึงยอมตอบตกลงไปช่วงสองสามวันนี้ เธองานยุ่ง ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณย่าเฟิงที่โรงพยาบาลตอนเช้าวันศุกร์ หรงฉือถึงได้ไปโรงพยาบาลอีกครั้งที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล เธอเห็นหลินอู๋ที่ศีรษะพันผ้าพันแผลกำลังลงมาเดินเล่นเธอกำลังคุยโทรศัพท์ “น้าอาการดีขึ้นมากแล้ว ซินซินตั้งใจกับการแข่งก็พอ ไม่ต้องเป็นห่วงน้านะ”พูดจบ หลังจากที่เงยหน้าขึ้นเห็นหรงฉือแล้ว ก็เบือนหน้าหนีด้วยสายตาเย็นชาไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร เธอพูดกับปลายสายต่อว่า “หลังจากที่ผลแข่งออกแล้วจะบอกน้าคนแรกเลยเหรอ? ฮ่า ๆ ได้สิ พอถึงตอนนั้นน้าจะคอยจ้องมือถืออยู่ตลอดเลย รับรองไม่พลาดสายของซินซินแน่นอน ตอนนี้ใกล้ถึงเวลารวมตัวแล้ว ไปรวมตัวกับพวกคุณครูก่อนเถอะ สู้ ๆ นะ”ที่จริงแล้วตอนนี้ยังไม่ถึงแปดโมงเช้าด้วยซ้ำเฟิงจิ่งซินโทรไปหาหลินอู๋แต่เช้าตรู่ทุกวันดั่งเคยหรงฉือฟังแล้ว เดินผ่านหลินอู๋เข้าลิฟต์ด้วยสีหน้าเ
พอได้ยินถึงตรงนี้ หรงฉือก็เข้าใจในทันทีว่าเมื่อคืนเฟิงถิงเซินรีบออกไป เป็นเพราะหลินอู๋เธอรู้และชินกับความใส่ใจที่เฟิงถิงเซินมีต่อหลินอู๋มานานแล้วเธอก็รู้ว่าซุนลี่เหยาจงใจพูดคำนี้ให้เธอได้ยินเธอเดินผ่านซุนลี่เหยาและคนอื่น ๆ ไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะเข้าไปในลิฟต์พอเห็นหมายเลขชั้นที่หรงฉือกด ซุนลี่เหยากับคุณยายซุนพวกเขาตระหนักได้ว่า หรงฉือมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคุณย่าเฟิงเรื่องที่คุณย่าเฟิงป่วยพวกเขาล้วนรู้ดีแม้พวกเขาจะไม่มีโอกาสไปเยี่ยมคุณย่าเฟิงที่โรงพยาบาล แต่พวกเขากลับรู้ว่าคุณย่าเฟิงก็พักอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วยพวกเขารู้ก็จริง แต่คุณย่าเฟิงพักอยู่ห้องผู้ป่วยไหน พวกเขากลับไม่รู้เลย ด้วยเหตุนี้ เมื่อคืนพวกเขาจึงได้ให้คนไปแอบสอบถามเป็นพิเศษดังนั้น เมื่อเห็นชั้นที่หรงฉือกำลังจะไป ซุนลี่เหยาพวกเขาก็รู้ทันทีว่าหรงฉือมาเยี่ยมคุณย่าเฟิงที่โรงพยาบาลความจริงแล้วคนในตระกูลหลินกับตระกูลซุนยังไม่ได้เจอคุณย่าเฟิงเลยพวกเขาสอบถามจนรู้หมายเลขห้องผู้ป่วยเดี่ยวของคุณย่าเฟิง แต่ความจริงแล้วก็เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้คุณย่าเฟิงไม่พอใจ พวกเขาล้วนระมัดระวังมาก และไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปหาค
เฟิงถิงเซินพูดอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “คุณติดต่อกับทางด้านนั้นหน่อย แล้วบอกกับพวกเขาว่าพวกเราค่อยเข้าไปในวันพรุ่งนี้”เจียงเจ๋ออยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เห็นเฟิงถิงเซินหันสายตากลับไปมองหลินอู๋อีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและในตอนที่เขาพยักหน้า กำลังจะออกไปจากห้องผู้ป่วยเพื่อโทรศัพท์ เฟิงถิงเซินเหมือนจะนึกอะไรออก หันกลับมาสั่งอีกครั้งว่า “คุณบอกให้เฉิงหยวนจัดการเอกสารที่ต้องใช้ด่วนพวกนั้นหน่อย รายละเอียดต้องทำอย่างไร ผมจะติดต่อเขาในภายหลัง”เจียงเจ๋อ “ครับ”เจียงเจ๋อออกไปด้านนอก ทำตามคำสั่งของเฟิงถิงเซิน โทรหาเฉิงหยวนก่อน“ได้ เข้าใจแล้ว” หลังเฉิงหยวนพูดจบ ก็ไม่ได้วางสายทันที แต่กลับอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่วงนี้เจ้านายนับวันยิ่งใส่ใจหรงฉือมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ยัง...ผมยังคิดว่าประธานเฟิงกับหรงฉือจะ...”เจียงเจ๋อเข้าใจความหมายของเขาความคิดของเขาก็เหมือนกับเฉิงหยวนเช่นกันแต่ตอนนี้ พอเห็นเฟิงถิงเซินเป็นห่วงหลินอู๋มากขนาดนี้ เขาจึงจะตระหนักได้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปแล้วท่าทีของเฟิงถิงเซินที่มีต่อหรงฉืออาจจะเปลี่ยนไปจากอดีต แต่คนที่เฟิงถิงเซินสนใจและรักจริง ๆ ความจริงแล้วก
ประธานเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงงเวลานี้ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า เฟิงถิงเซินแค่เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพราะหรงฉือเท่านั้นนี่มัน...แต่ว่า เฟิงถิงเซินมีแฟนแล้ว แถมความสัมพันธ์ยังดีมากอีกด้วย เขาแค่ชื่นชมหรงฉืออย่างบริสุทธิ์ใจก็เท่านั้น คงจะ...ไม่มีความหมายอื่นหรอกใช่ไหม?หรงฉือกับเฟิงถิงเซินยังคุยกันนานมากหลังคุยถึงเนื้อหาในส่วนแผนงานที่เฟิงถิงเซินสนใจเสร็จ บทสนทนาก็หยุดลงหลังจากนั้น เฟิงถิงเซินกับหรงฉือก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยแต่ทว่า เฉิงหยวนกับเจียงเจ๋อ รวมทั้งประธานเฉิงและคนอื่น ๆ ที่มีสายตาแหลมคมต่างสังเกตเห็นว่า เฟิงถิงเซินเหลือบมองหรงฉือเป็นครั้งคราว... ตอนที่มื้ออาหารใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว โทรศัพท์ของเฟิงถิงเซินจู่ ๆ ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร จู่ ๆ เฟิงถิงเซินมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หลังวางสายก็พูดกับหรงฉือและคนอื่น ๆ ว่า “คุณหรง แล้วก็ทุกท่าน ขอโทษด้วย ผมมีธุระด่วน ขอตัวก่อนแล้ว ไว้คราวหน้ามีโอกาสค่อยพบกันใหม่อีกครั้ง”ในเมื่อเขาเรียกชื่อเธอคนเดียว หรงฉือจึงทำได้เพียงพูดขึ้นว่า “โอเค คุณเดินทางดี ๆ นะคะ”เฟิงถิงเซินกับเฉิงหยวนไม่นานก็จ
โบราณว่า เมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้เราอย่างเป็นมิตร เราก็ไม่ควรจะทำร้ายหรือโต้ตอบด้วยความก้าวร้าวในสถานการณ์แบบนี้ หรงฉือและอวี้มั่วซวินจึงทำได้เพียงจับมือกับเฟิงถิงเซินอย่างสุภาพหลังจากที่ทักทายเฟิงถิงเซินแล้ว พวกเขาทั้งหมดเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน โทรศัพท์ของอวี้มั่วซวินก็มีสายเรียกเข้าบริษัทมีเรื่องเร่งด่วนจำเป็นต้องให้เขากลับไปจัดการหลังจากที่อวี้มั่วซวินบอกลากับเฟิงถิงเซินและพวกประธานเฉิงแล้ว หรงฉือมองสีหน้าเขา จึงกระซิบถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”อวี้มั่วซวินตบบ่าปลอบใจเธอ พลางโน้มตัวเข้ามาใกล้กระซิบบอกเธอว่า “วางใจเถอะ ผมจัดการได้”เมื่อได้ยินอวี้มั่วซวินพูดแบบนี้ หรงฉือก็สบายใจแล้วคนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าพวกเขากระซิบกระซาบกันอย่างสนิทสนม ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสัมพันธ์อันดีของพวกเขาเฉิงหยวนและเจียงเจ๋อจ้องมอง จากนั้นก็หันไปมองเฟิงถิงเซินโดยไม่ได้นัดหมายคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดีว่าที่เฟิงถิงเซินมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้เพราะหรงฉือแต่ตอนที่พวกเขาหันไปมอง กลับดูสีหน้าเฟิงถิงเซินไม่ออก ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เมื่ออวี้มั่วซวินออกไปแล้ว การทานอาหารยั