“คุณหลิน”เห็นเหรินจี่เฟิงเดินเข้ามา หลินอู๋ก็ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “ประธานเหริน”เหรินจี่เฟิงมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะถามว่า “ทำไมยืนอยู่ที่นี่คนเดียว? ประธานเฟิงล่ะ?”หลินอู๋ชี้ไปทิศทางหนึ่ง ตอบกลับว่า “ถิงเซินคุยเรื่องงานกับใครบางคนอยู่ทางนั้น”เหรินจี่เฟิงมองไปตามทิศทางที่เธอชี้ ไม่นานสายตาก็หันกลับมายังใบหน้าของเธออีกครั้งเขาชะงักไปเล็กน้อย ยังคงอดไม่ได้ เอ่ยปากพูดว่า “คุณหลินดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”รอยยิ้มของหลินอู๋หยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลินอู๋ เหรินจี่เฟิงก็ถามอีกว่า “เป็นเพราะหรงฉือ?”พูดจบ ไม่รอให้หลินอู๋พูด เหรินจี่เฟิงก็มองไปทางหรงฉืออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “คนอย่างเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่หนานจื้อจือกับภรรยาของเขาดูเหมือนจะชอบเธอมาก โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”วันนี้หลินอู๋อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรจริง ๆ และที่เธออารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ก็เกี่ยวข้องกับหรงฉือแต่ไม่ใช่อย่างที่เหรินจี่เฟิงคิดแบบนั้นความจริง เธอแค่กำลังกังวลว่าสถานะที่หรงฉือเป็นลูกศิษย์ของหนานจื้อจือ แถมเธอยังเป็นผู้ก่อตั้งฉางโม่จะถูกเปิดเผยต่
คนที่อยู่ในงานส่วนใหญ่เหมือนเหรินจี่เฟิงกับฉีอวี้หมิง ต่างคิดว่าหรงฉือมีความสัมพันธ์กับอาจารย์หนานจื้อจือและอาจารย์แม่เหยียนอวิ้นจือ ก็เพราะอวี้มั่วซวินโดยเฉพาะคืนนี้พ่ออวี้ แม่อวี้ และหรงฉ่างเซิ่งสามีภรรยาล้วนมาถึงงานเลี้ยงแล้วเมื่อเห็นพ่ออวี้ แม่อวี้และหรงฉ่างเซิ่งสามีภรรยาทักทายกันอย่างคุ้นเคยเป็นมิตร พูดคุยกันอย่างอบอุ่นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดนี้มากขึ้นตอนที่กู้เหยียนมาถึง เขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนักเห็นคนรอบตัวต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของหรงฉือกับอวี้มั่วซวิน เขาก็ยังคงคิดว่าอวี้มั่วซวินกับหรงฉือไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นส่วนหนานจื้อจือ ความสามารถของหรงฉือแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่แน่ว่าหนานจื้อจืออาจจะรับหรงฉือเป็นลูกศิษย์แล้วก็ได้?ตอนนี้อวี้มั่วซวินถือเป็นว่าที่ลูกเขยที่เนื้อหอมที่สุดในแวดวงตระกูลหรงแท้จริงแล้วไม่ได้มีชื่อเสียงติดอันดับในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองตูเฉิง พอคิดว่าอวี้มั่วซวินตัดสินใจจริงจังกับหรงฉือ หลายคนก็อดรู้สึกอิจฉาตาร้อนในใจ แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้มองหรงฉืออยู่ในสายตาเท่าไรกลับกันแล้ว บรรดาเจ้าของบริษัทใหญ่ของประเทศไม่ก
หลินอู๋มองมาเช่นกันก่อนหน้านี้เธอก็คิดว่าอวี้มั่วซวินกับหรงฉือมีความสัมพันธ์แบบนั้นแต่หลังจากได้รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างหรงฉือกับหนานจื้อจือและฉางโม่ ตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจแล้วเธอยังสังเกตเห็นว่า หลังฉีอวี้หมิงถามคำถามนี้เสร็จ เฟิงถิงเซินก็มองไปทางเฮ่อฉางปั่ว ราวกับเขาก็สนใจกับคำตอบนี้เหมือนกันหลินอู๋เม้มริมฝีปากเล็กน้อยฉีอวี้หมิงก็สังเกตเห็นแล้ว แต่เขาคิดว่าเฟิงถิงเซินแค่รู้สึกสงสัยก็เท่านั้น เฮ่อฉางปั่วได้ยิน กลับนิ่งเงียบเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้น นายไปถามสักหน่อย?”ฉีอวี้หมิง “...”คิดว่าที่เฮ่อฉางปั่วพูดแบบนี้ หมายความว่าเขาไม่สนใจเรื่องระหว่างหรงฉือกับอวี้มั่วซวินเรื่องที่เขาอยากซุบซิบไม่มีใครเข้าร่วม เขาจึงเบะปากอย่างเซ็ง ๆ พอหลินอู๋ได้ยินคำตอบของเฮ่อฉางปั่ว ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยันจนแทบมองไม่เห็นหากเธอไม่รู้ความคิดที่เฮ่อฉางปั่วมีต่อหรงฉือ เธอคงเป็นเหมือนกับฉีอวี้หมิง คิดว่าเฮ่อฉางปั่วไม่ชอบได้ชอบหรงฉือ และไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอที่เขาไม่พูดอะไรเลย จริง ๆ แล้วกำลังปกป้องหรงฉืออยู่ต่างหากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สมองของเธอก็สว่า
ถึงอย่างไรในเมืองตูเฉิงตระกูลฉีถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง ฉีอวี้หมิงได้รับเชิญมา หรงฉือไม่แปลกใจเลย “ประธานเฮ่อ ประธานฉี ขอต้อนรับทุกท่าน”แม้ปกติฉีอวี้หมิงจะบังเอิญเจอหรงฉืออยู่บ้าง แต่เขากับหรงฉือจริง ๆ ก็นานมากแล้วที่ไม่เคยทักทายกันเลยส่วนเฮ่อฉางปั่วก็ช่างเถอะ พอเห็นหรงฉือทำท่าเหมือนกับว่าเขาเป็นแขกที่ไม่คุ้นเคยในงานเลี้ยง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่พอเห็นหรงฉือทักทายแขกอย่างชำนาญและเป็นธรรมชาติ ราวกับเป็นเจ้าบ้าน เขาก็ยิ่งเลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีกเฮ่อฉางปั่วไม่เจอกับหรงฉือก็สักพักหนึ่งแล้วเขากำลังอยากจะพูดอะไร ก็เห็นเฟิงถิงเซินกับหลินอู๋ในห้องจัดเลี้ยงเสียก่อนฉีอวี้หมิงก็เห็นแล้วเช่นกันเขาเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “พวกถิงเซินมาถึงแล้วอย่างนั้นเหรอ?”เฮ่อฉางปั่วจริง ๆ ก็รู้สึกแปลกใจอยู่หลายส่วนเขามองแวบหนึ่ง กำลังจะชักสายตากลับ เฟิงถิงเซินกับหลินอู๋ก็มองเห็นพวกเขาแล้วเฟิงถิงเซินยิ้มให้พวกเขา ใบหน้าของหลินอู๋เดิมทีก็มีรอยยิ้ม แต่ตอนที่เห็นเฮ่อฉางปั่ว ทันใดนั้นรอยยิ้มก็จางหายไปเล็กน้อยฉีอวี้หมิงโบกมือทักทายพวกเฟิงถิงเซิน กำลังอยากจะดึงเฮ่อฉ
พริบตาเดียวก็ถึงวันงานเลี้ยงครบรอบฉางโม่แล้วบ่ายวันนั้น หรงฉือกับอวี้มั่วซวินไม่ได้ทำงานอีก หลังจากเตรียมตัวอยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็แต่งกายจัดเต็มมาถึงงานเลี้ยงแล้วงานเลี้ยงครบรอบในครั้งนี้ พวกเขาเชิญแขกมามากมายพวกเขามาถึงงานเลี้ยงได้ไม่นาน แขกก็เริ่มทยอยมาถึงงานอย่างต่อเนื่องเหรินจี่เฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้นแม้เหรินจี่เฟิงจะไม่ชอบหรงฉือกับอวี้มั่วซวิน แต่เพราะเรื่องงาน เขาเลยไม่ได้พบหน้าหลินอู๋มาช่วงหนึ่งแล้ว เขารู้ว่างานเลี้ยงครบรอบของฉางโม่ในวันนี้ หลินอู๋ก็จะมาด้วย ดังนั้น เขาจึงตั้งใจมาเร็วขึ้นหน่อยอวี้มั่วซวินกำลังทักทายแขกไม่กี่คนที่เพิ่งจะมาถึงเมื่อเห็นเหรินจี่เฟิง แม้หรงฉือจะไม่ชอบเขา แต่ก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายอย่างสุภาพว่า “ประธานเหริน ไม่ได้เจอกันนานเลย เชิญด้านในค่ะ”เหรินจี่เฟิงเหลือบมองเธอด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง เห็นหรงฉือพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาไม่อยากก่อให้เกิดข้อขัดแย้งใด ๆ จึงพยักหน้าตอบกลับอย่างเรียบเฉย เพียงแต่ เขาดูใจลอยชัดเจน ขณะที่ตอบกลับหรงฉือ สายตาก็สอดส่องมองไปรอบ ๆ ห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็วตอนที่มองไม่เห็นหลินอู๋ สายตาของเขาก็ฉายแววผิดหว
ตอนเช้าหนึ่งวันก่อนงานเลี้ยงครบรอบของฉางโม่ เฟิงถิงเซินก็ให้คนส่งชุดและเครื่องประดับไปให้หลินอู๋คนในตระกูลหลินกับคนในตระกูลซุนต่างก็รู้ว่าเฟิงถิงเซินเตรียมจะพาหลินอู๋ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบของฉ่างโม่ด้วยพอเห็นราคาชุดกับเครื่องประดับที่เฟิงถิงเซินส่งมายังคงสูงถึงห้าสิบล้านบาท ซุนลี่เหยาก็พูดอย่างชื่นชมและอิจฉาขึ้นมาว่า “ชุดกับเครื่องประดับที่พี่เขยส่งมาทุกครั้งต่างก็มีราคาสูงขนาดนี้ พี่เขยชอบใช้เงินเพื่อพี่สาวจริง ๆ เลยนะ”หลินอู๋ได้ยิน ก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าแม่ ซุนเยว่ชิงกลับรู้สึกว่าช่วงหลายวันมานี้หลินอู๋ดูเหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไรเห็นหลินอู๋ไม่พูดแบบนี้ ก็ถามว่า “เสี่ยวอู๋ สองวันมานี้ลูกอารมณ์ไม่ค่อยดีเหรอ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”ก่อนหน้านี้ตอนที่รู้ว่าหรงฉือเกี่ยวข้องกับฉางโม่ รวมทั้งหนานจื้อจือ ทั้งตัวเธอเหมือนจะถูกใครบางคนดูดพลังจนหมดสิ้นทั้งตัวเธอไม่มีความมั่นใจแบบเมื่อก่อนอีกแล้วที่เธอสามารถกลับมามีความมั่นใจและไม่ละทิ้งความตั้งใจเดิมได้อีกครั้ง เป็นเพราะความรู้สึกที่เฟิงถิงเซินมีต่อเธอตอนที่เธอรู้ว่าเพราะหรงฉ