“แก~ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เสียงหวานยานครางตะโกนบอกเพื่อนสนิทแข่งกับเพลงอีดีเอ็มดังกระหึ่มในคลับหรู ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปมากกำลังเล่นงานเธออย่างหนักจนสายตาพร่าเบลอ
“ไปคนเดียวได้มั้ยโม~ฉันเดินไม่ไหวอ่ะแก” นิวพูดเสียงอ้อแอ้ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ นั่งโงนเงนค้ำศอกลงบนพื้นโต๊ะมือทั้งสองข้างประคองใบหน้าตัวเองไว้
“ฉันด้วย~คืนนี้คงต้องโทรให้พี่พายมารับ~อึก” พะแพงเอ่ยบอกเสียงยานไม่ต่างกัน ปรือตามองเพื่อนสาวด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“สบายมาก~” จบคำ โมเอิร์นก้าวเดินฝ่าผู้คนแน่นขนัดไปยังห้องน้ำอย่างยากลำบาก หลังจากเสร็จธุระส่วนตัว ร่างบางเดินโซเซเพื่อกลับมายังโต๊ะ ทว่า ด้วยความมึนเมาที่มีมากจึงไม่ทันระวังตัว
ปึก!
“อ๊ะ!” เสียงหวานหลุดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยชนเข้ากับแผงอกแกร่งของใครบางคนเข้าอย่างจังจนรู้สึกเจ็บ จมูกโด่งเชิดรั้นแนบชิดเผลอสูดดมกลิ่นหอมของชายหนุ่มปะปนกลิ่นบุหรี่จางๆเข้าลึกสุดปอด ให้ความรู้สึกดีไม่น้อย
“จะดมอีกนานมั้ย?!!”
“ขอโทษค่ะ~ ฉัน…” ใบหน้าสวยเงยขึ้นช้อนมองอีกฝ่าย สายตาคู่สวยเพ่งมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับต้องมนต์สะกด จนเผลอคิดดังขยับปากออกเสียงให้เขาได้ยิน“หล่อจัง~”
“เดินไม่ดู!!” ร่างสูงเอ่ยดุ มือหนาดันหญิงสาวออกห่างทำให้เขาเห็นใบหน้าเธอชัดเจนขึ้นและจำได้ดี เธอคือคนๆเดียวกับที่เห็นในกล้องวงจรปิดเมื่อสองชั่วโมงก่อน
“รูปหล่อ อย่าดุสิ~ ไปต่อกับฉันมั้ย?” ด้วยความเมาจึงเอ่ยปากชักชวนชายหนุ่มออกไปโต้งๆอย่างนั้นโดยไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ และนี่ไม่ใช่นิสัยของเธอเช่นกัน
“…”สายตาคมกริบมองจ้องร่างบางตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยแววตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดาความคิด ‘หน้าสวยหุ่นเอ็กซ์ใช้ได้’ ประโยคแรกดังขึ้นในหัวเขา
“ไปมั้ย…ฉันโสด~” เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบ ร่างบางไม่วายอวดอ้างสถานะตัวเองให้เขารับรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
“เธอแน่ใจ?” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม
“แน่ใจสิ~ไปเลยมั้ย คลับใกล้ปิดแล้ว”เสียงหวานยานครางฟังแทบไม่ได้ศัพท์เอ่ยบอก มือเล็กคว้าหมับกอดท่อนแขนแกร่งไว้แน่นอย่างถือวิสาสะไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลง
“เอ่อ..เอายังไงดีครับนาย” จิมมองหญิงสาวสลับกับเจ้านาย รู้สึกร้อนๆหนาวๆแทนผู้หญิงคนนี้ กล้าดียังไงถึงได้เข้าหาเจ้านายเขาอย่างนี้ เดี๋ยวได้ถูกจับโยนออกไปข้างนอก
“ไปเอารถออก…เปิดห้องโรงแรมที่ใกล้ที่สุด”
“อ้าว… ครับๆ” ผิดคาด เขาคิดว่าเธอจะถูกกระทำเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านมาซะอีก ไหงเป็นอย่างนี้ไปได้ ‘หรือว่านายโดนของวะ’ ไม่มีเวลาคิดอะไรไปมากกว่านั้นจิมรีบวิ่งนำออกไปยังลานจอดรถทำตามคำสั่งเจ้านาย ขืนชักช้าคงเป็นเขาเองที่โดนลงโทษ
ปึง!
ประตูบานใหญ่หน้าห้องปิดสนิทลงและถูกล็อคอย่างแน่นหนาจากด้านใน ร่างสูงดูดีดันคนตัวเล็กกระทั่งแผ่นหลังขาวเนียนแนบชิดผนังห้องเย็นเฉียบไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัว
“ฉันกับนาย~แค่วันไนท์เท่านั้น! ตกลงมั้ย” นิ้วเรียวเล็กชี้เข้าหาตัวก่อนจะเปลี่ยนทิศทางจิ้มลงบนแผงอกแกร่งของชายหนุ่ม ซ้ำๆ ย้ำชัดคำพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
“อืม…”
“นายยังไม่มีเมียใช่มั้ย ฉันไม่อยากแย่งของใคร”
“ไม่มี”
“ก็ดี...นายห้ามรุนแรงนะ อ๊ะ!”
สิ้นเสียงหวาน ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ซอกคอขาว มือหนาเอื้อมไปด้านหลังรูดซิบลงปลดชุดเธอออกทีละชิ้นจนหมด และถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างเร่งรีบกระทั่งทั้งสองร่างเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน
ท่อนแขนแข็งแรงช้อนอุ้มคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวอย่างที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหน เท้าหนาก้าวเดินไปยังเตียงกว้างขนาดคิงไซส์ก่อนจะโยนร่างบางลงบนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์ไม่แรงมากนัก
“อ๊ะ! ห้ามรุนแรงไง อย่ามอง!ฉันอายนะ” ต่อให้เมามากแค่ไหนก็มีสติรับรู้ถึงการกระทำของตัวเองเวลานี้ ไหนๆก็ต้องหมั้นกับคนแปลกหน้าแล้ว งั้นฉันขอมีเซ็กส์ครั้งแรกกับคนที่เลือกเองก็แล้วกัน คิดได้อย่างนั้นร่างบางหลับตาแน่น ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความเร่าร้อนที่เขามอบให้ ร่างสูงเล้าโลมจนเธอควบคุมตัวเองแทบไม่ได้
ทว่า เมื่อปรือตามองไปยังคนบนร่างก็เห็นสายตาคมกริบจับจ้องเรือนร่างเธออย่างหื่นกระหาย ทำโมเอิร์นถึงกับร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันใส่เลยนะ”
“เดี๋ยว!ถุงยางล่ะ ถ้านายไม่มี ฉันมีอยู่ในกระเป๋า”
“...” ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นเดินโทงๆออกไปหยิบกระเป๋าที่ว่ากับกางเกงยีนส์ขายาวแล้วเดินกลับมายังเตียงกว้างอีกครั้ง
มือเล็กรับกระเป๋ามาถือไว้ เปิดออกหยิบถุงยางอนามัยไซส์ห้าสิบสองยื่นให้ แต่เขากลับไม่รับไปทำเพียงปรายตามองเท่านั้น
“หึ!เล็กไป ฉันใส่ไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเย้ยหยัน มือหนาล้วงหยิบซองฟอยล์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาฉีกออก แล้วสวมเครื่องป้องกันลงบนแก่นกายจนสุดโคน
โมเอิร์นเพิ่งเห็นความเป็นชายชัดๆครั้งแรก ถึงกับเบิกตาโพลงขึ้น แขนเรียวดันตัวถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่ขยับได้เพียงน้อยก็ถูกมือหนาคว้าจับลากลงมานอนที่เดิม
“จะไปไหน!”
“นาย ฉะ ฉัน...”
“อ้าขา...จะกลัวอะไร เธอเป็นคนเริ่มไม่ใช่รึไง” น้ำเสียงดุดันบวกกับสายตาแข็งกร้าวของเขาทำให้โมเอิร์นยอมทำตามอย่างว่าง่าย ร่างสูงไม่รอช้าให้เสียเวลา จ่อปลายหัวหยักที่ร่องกุหลาบสีหวานสะโพกหนาออกแรงกดฝังแก่นกายใหญ่โตเข้าไปในตัวเธอ แต่ทว่า กลับไม่เป็นเหมือนทุกครั้ง แท่งร้อนฝ่าเข้าไปได้เพียงนิดเท่านั้นแม้ร่องสวาทจะผลิตน้ำหวานออกมามากก็ตาม
“อ๊ะ! เจ็บ~”
“เข้ายากจังวะ” ความคับตึงทำร่างสูงขบกรามแน่น ก้มหน้ามองจุดเชื่อมสัมพันธ์ยิ่งกระตุ้นอารมณ์กระสันนึกอยากกระแทกตัวตนเข้าไปให้สุดความยาวในคราวเดียว ไวเท่าความคิดมือหนาจับขาเรียวเล็กอ้าออกกว้าง เอวสอบตอกอัดแท่งร้อนเต็มแรงฝ่าความคับแน่นเข้าไปจนสุดทาง
ปึก!
“กรี๊ดด...ฉันเจ็บ~เอาออกไป ไม่เอาแล้ว!” เสียงหวานกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ความเจ็บจี๊ดเล่นงานเข้าอย่างจังราวกับว่ากลางกายสาวแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ โมเอิร์นหลับตาแน่นหยดน้ำตาสีใสเอ่อล้นไหลจากหางตาอย่างห้ามไม่อยู่
“เชี่ย!ซิงหรอวะ” กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งเข้าจมูก สายตาคมมองดูเลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนเครื่องป้องกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ฉันบอกให้ทำเบาๆไงเล่า!” ร่างบางเอ่ยเสียงเขียวกระนั้นก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมามองคนบนร่างเจ้าของผลงาน
“หึ!ไม่เคย....แต่กล้าชวนฉันขึ้นเตียง” แถมแม่คุณยังพกถุงยางอีกจะไม่ให้ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงกร้านโลกเจนจัดเรื่องอย่างว่าได้ยังไงกัน
ร่างสูงกดแช่แก่นกายไว้อย่างนั้นนานหลายนาทีก่อนจะค่อยๆขยับเอวสอบช้าๆเนิบนาบและไต่ระดับรัวเร็วขึ้น
ตับ! ตับ! ตับ!
“อ๊ะ! เบาหน่อย จะจุก” เสียงหวานครางกระเส่ายิ่งปลุกอารมณ์ดิบเถื่อนในกายชายให้ลุกโชนขึ้นจนเขาแทบควบคุมไม่ได้ สะโพกหนาตอกกระแทกเน้นหนักทุกการเข้าออกหลงลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ ร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยม
“ร่องเธอแม่ง!ตอดโคตรดี อ๊าส์” ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นซู้ดปากราวกับกินของเผ็ดร้อน แก่นกายใหญ่เข้าสุดออกสุดเสียดสีกลีบกุหลาบบวมเปร่งสร้างความเสียวซ่านให้คนทั้งสองมากไม่น้อย
พรั่บ! พรั่บ! พรั่บ!
“อ๊ะ! อื้อ ฉันรู้สึกแปลกๆ มัน....”
“ซี๊ด! จะเสร็จแล้วหรอ” เอวสอบตอกสะบัดเร่งจังหวะถี่รัวถาโถมเข้าใส่เพื่อส่งให้เธอกับเขาถึงจุดหมายพร้อมกัน
“ไม่ไหวแล้ว อ๊ายย~” ร่องสวาทตอดรัดถี่ๆแตะขอบสวรรค์ ร่างบางนอนหายใจเหนื่อยหอบหน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจ
“อ๊าสส..” ร่างสูงปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นข้นใส่เครื่องป้องกันทุกหยาดหยดกดแช่ค้างไว้อย่างนั้นนานนับนาทีแล้วทิ้งตัวลงนอนทาบทับบนกายสาว เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าคม แม้ภายในห้องจะเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบสี่องศา แต่กลับกลายเป็นเพียงลมพัดแผ่วเบาไม่สามารถต้านทานไฟสวาทเร่าร้อนในกายชายหนุ่มได้แม้แต่น้อย
“นาย~ฉันหายใจไม่ออก”
ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นส่งผลให้แก่นกายหลุดออกรับอากาศภายนอกอีกครั้ง มือหนารูดถุงยางผูกปมแน่นหนาโยนทิ้งลงพื้นห้องอย่างไม่ใยดี
“ไม่เอานะ...พอแล้ว” เสียงหวานเอ่ยห้ามแต่ไม่เป็นผล ร่างบางถูกจับพลิกคว่ำอยู่ในท่าคลานเข่า คนตัวสูงสอดใส่แก่นกายเข้าร่องสวาทจากทางด้านหลังโดยไร้เครื่องป้องกันให้สัมผัสแปลกใหม่ เขาไม่เคยสดกับใครเธอเป็นคนแรกในเมื่อเธอไม่เคยผ่านมือใครมา เขาก็ไม่จำเป็นต้องป้องกันเสร็จกิจค่อยหายาให้กิน
ร่างสูงเริงสวาทอย่างเร่าร้อนกระแทกกระทั้นเข้าใส่ไม่ยั้งส่งเธอถึงจุดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งคนตัวเล็กหมดเรี่ยวแรงเขาจึงยอมหยุดทิ้งตัวลงนอนผล็อยหลับตามเธอไปด้วยความเหนื่อยล้า
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก