ชายหน้าตาดีที่ริศาคิดว่าเขาคือคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อคืนนี้นั้นยกยิ้มขึ้นที่มุมปากพลางลุกออกจากโต๊ะและเดินเข้ามาหาเธอ
“บังเอิญจังเลยนะ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยทักทายในขณะที่ริศาก็รู้สึกยินดีอยู่ในใจที่ได้พบเจอเขาอีกครั้ง
“ค่ะ ดีใจจังค่ะที่ได้เจอคุณ เอ่อ…นาย เอ่อ…พี่” คนตัวเล็กติดๆขัดๆในคำพูดที่จะใช้เรียกสรรพนามของอีกคน ทำให้คนที่ยืนฟังและมองอยู่เผลอยิ้มชอบใจในท่าทางเก้ๆกังๆแต่น่ารักเหล่านั้นของเธอ
“หึ! แล้วแต่จะเรียกเถอะ ฉันชื่อพอร์ช อยู่วิศวกรรมโยธาปี4 มหาลัยk แล้วเธอล่ะ” เขาจึงแนะนำตัวเองก่อนและถามเธอกลับบ้าง
“ชื่อริศาค่ะอยู่นิเทศศาสตร์ปี2มหาลัยS งั้นริศาขอเรียกพี่ว่าพี่พอร์ชแล้วกันนะคะ”
“อืม ตามนั้นเลย”
“อ่อ… ส่วนสองคนนี้มะนาวกับแป้งร่ำเพื่อนสนิทริศาค่ะ” คนตัวเล็กของกลุ่มไม่ลืมจะแนะนำเพื่อนๆของเธอให้อีกคนได้รู้จัก พอร์ชนั้นก็หันไปยิ้มให้อีกสองคนอย่างเป็นมิตร ทว่ามีหนึ่งในนั้นที่มองเขากลับมาเหมือนจะจับผิดนั้นก็คือแป้งร่ำผู้ไม่ค่อยไว้ใจผู้ชายคนไหนที่เข้ามาใกล้เพื่อนเธอเลย
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับเรื่องเมื่อคืน ถ้าไม่ได้พี่ช่วยไว้ริศาต้องแย่แน่ๆเลย”
“บอกว่าไม่เป็นไรไง คราวหลังก็อย่าเดินคนเดียวกลางคืนแบบนั้นแล้วกันมันอันตราย”
“ไม่กล้าแล้วค่ะ ว่าแต่ริศาอยากตอบแทนพี่จังเลยค่ะ มีอะไรที่ริศาพอจะตอบแทนพี่ได้บ้างไหม”
“ไม่ต้องหรอกเรื่องแค่นี้เอง”
“แต่ว่า…”
“โอเค ก็ได้ ถ้าอยากตอบแทนงั้นรอแป๊บนะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบอะไรบางอย่างและเดินกลับมาหาริศาอีกครั้งก่อนจะยื่นมันส่งมาตรงหน้าเธอ
“เอาเบอร์ติดต่อเธอมาสิ”
“คะ?” ริศามองโทรศัพท์เครื่องหรูสลับกับมองหน้าของอีกคนด้วยความยังคงงงอยู่
“ตอนนี้ยังไม่รู้จะให้ตอบแทนอะไร ถ้าคิดได้แล้วฉันจะโทรไปบอกนะ”
“อะ อ๋อ ค่ะๆ” แม้จะยังงงๆอยู่เล็กน้อยแต่ริศาก็เลือกที่จะรับโทรศัพท์จากเขามาเพื่อเมมเบอร์ตัวเองลงไป
“ทำเนียนขอเบอร์หรือเปล่า” โดยที่ก็มีเสียงแป้งร่ำเอ่ยขัดจังหวะขึ้นเล็กน้อยทว่าก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรเพื่อน เพียงแค่มีความห่วงเล็กน้อยเพราะดูออกว่าผู้ชายคนนี้สนใจริศา
“เรียบร้อยค่ะ” พอเมมเบอร์ของตัวเองเสร็จเธอก็ส่งคืนเจ้าของไป ทว่าในขณะที่เธอกำลังส่งโทรศัพท์คืนเขาไปนั้น สายตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วของเธอทำให้เขาเองนิ่งไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจอะไร เพราะคิดว่าบางทีเธออาจจะแค่ใส่พอดีกับนิ้วนี้เฉยๆ
“ถ้างั้นขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน”
“ค่ะ” ริศาพยักหน้าและยิ้มให้เขาอีกครั้ง และก็เป็นเหมือนเช่นเมื่อคืนที่พอเขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกๆแบบบอกไม่ถูก เธอเป็นคนที่ยิ้มสวยมากในความคิดของเขา ยิ้มสวยจนบางทีเขาชักอยากจะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ในทุกๆวัน…
หลายวันต่อมา…
ริศายังคงกลับมาทำงานพาร์ทไทม์ที่เดิมอยู่เพราะถ้าจะออกหรือหยุดตอนนี้ก็เกรงใจรุ่นพี่ที่ให้โอกาสเธอได้ทำ แต่หลายวันมานี้ถึงจะมีลูกค้าเยอะแค่ไหนเจ้าของร้านรุ่นพี่ก็จะให้เธอกลับไม่เกินหนึ่งทุ่มทุกวัน เพราะเกรงว่าเธอจะไปเจอเหตุการณ์อย่างวันนั้นอีก
“เดี๋ยวเตรียมกลับได้แล้วนะริศา” แก้วรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของร้านบอกกับริศาในขณะที่เธอเก็บแก้วและจานเข้ามาล้าง
“ไล่ทุกวันเลยนะพี่แก้ว”
“ไม่ไล่เธอก็ไม่ไปสักทีไง”
“ฮ่าๆ โอเคค่ะ ไปก็ได้” คนตัวเล็กไม่รอให้เจ้าของร้านไล่อีกรอบก็ถอดผ้ากันเปื้อนและเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมจะออกไป
บรึ๊นนน~~
ทว่าพอเธอเดินออกมายังไม่พ้นหน้าร้านเท่าไรเสียงท่อดังของบิ๊กไบค์คันใหญ่ก็แล่นเข้ามาจอดข้างฟุตบาทใกล้ๆกับเธอแถมยังแกล้งเร่งเครื่องเสียงดังให้เธอตกใจเล่นอีก
“เต…!” ทันทีที่เห็นรถและคนริศาก็จำได้แม่น เขาก็คือเพื่อนสนิทอีกคนของเธอนั่นเอง
“ไง ยัยบ้อง เพิ่งเลิกงานเหรอ”
“อืม มาได้ไงเนี่ย”
“ก็เห็นบอกว่าทำงานที่นี่เลยแวะมาหา คิดถึง”
“แหวะ! ขนลุกนะเต”
“ฮ่าๆ จริงๆนะ กะว่าจะมาพาเธอไปขี่รถเล่น”
“หือ? จะให้ฉันซ้อนไอ้เจ้านี่อีกแล้วเหรอ ฉันใส่กระโปรงนะ” ริศาว่าพลางก้มลงมองที่กระโปรงนักศึกษาของตัวเองสลับกับเจ้ารถคันใหญ่ยักษ์ที่เธอนั่งซ้อนเพื่อนทีไรก็จะปลิวให้ได้ทุกที
“เดี๋ยวพาไปเปลี่ยนก่อนไง หออยู่แค่นี้เองหนิ”
“…”
“เฮ้อ~~ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ฉันแค่จะพาเธอไปดูอะไรเฉยๆ
“หือ? ดูอะไรเหรอ”
“อยากรู้ก็ขึ้นมาสิ” เตมินทร์บอกพลางใช้มือตบเบาะรถที่คนซ้อนและส่งยิ้มกวนๆ
“ชิ! ไปก็ได้” ถึงจะไม่ชอบนั่งรถแบบนี้เท่าไหร่ด้วยว่ามันออกจะคันใหญ่ไม่เหมาะกับเธอ แต่ริศาก็ยอมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเพื่อนชายอยู่ดีนานๆเพื่อนจะแวะมาหาทีเธอก็ไม่อยากขัดใจ
“ไม่ต้องซิ่งนะ”
บรึ้นนน~~
@สนามแข่งรถxxx
หลังจากพาริศาเปลี่ยนชุดที่หอพักเรียบร้อยเตมินทร์ก็พาเธอบิดรถมายังสนามแข่งรถแถบชานเมืองที่เป็นของพี่ชายตัวเอง โดยที่ไม่ได้บอกริศาไว้ล่วงหน้า ว่าไอ้ที่ที่จะพาเธอมาดูอะไรมันคือที่นี่
“ที่นี่มัน?” ริศาที่ไม่เคยมาที่นี่เลยเอาแต่มองไปรอบๆอย่างรู้สึกแปลกใจ เธอรู้ว่าคู่หมั้นตัวเองมีสนามแข่งรถแต่ก็ยังไม่เคยมาเลยสักครั้ง แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเตมินทร์จะพามาในวันนี้
“เข้าไปข้างในกัน”
“เดี๋ยวสิ นายพาฉันมาทำไมอ่ะ”
“พามาเที่ยวเล่นเฉยๆ”
“พี่รามจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม” คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้ว่าคู่หมั้นหนุ่มจะไม่พอใจที่อยู่ๆก็โผล่มาที่นี่
“กลัวทำไม เธอมีสิทธิ์ที่จะมา ไปเร็ว” ไม่รอให้เพื่อนถามอะไรต่อเตมินทร์ก็ดึงมือริศาให้เดินตามเข้าไปข้างในด้วยกัน ซึ่งพอเดินเข้ามาถึง…
“อ้าว! ลมอะไรหอบมาที่นี่น่ะเต” เสือที่ยืนทำอะไรของเขาอยู่หันมาเห็นคนแรกก็เอ่ยถามขึ้น พร้อมกันนั้นผู้ชายอีกหกเจ็ดคนที่กำลังจดๆจ้องๆอยู่กับรถแข่งหรูสามสี่คันก็พากันหันมามอง
“ก็มาเที่ยวเล่นบ้างสิครับ คิดถึงพี่ๆ”
“หึ! มาเที่ยวเล่นตอนนี้เนี่ยนะ แล้วนั่น?” เสือมองผ่านเตมินทร์ไปยังผู้หญิงอีกคนที่พามาด้วย ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นผู้หญิงของน้องชายเพื่อน แต่พอเห็นหน้าชัดๆแล้วก็เลยรู้ว่าไม่ใช่
“พามาหารามเหรอ”
“เปล่า ก็บอกแล้วว่ามาเที่ยวเล่นเฉยๆ เออ ริศานี่พี่เสือเพื่อนรามมันจำได้ไหม” เตมินทร์แนะนำเสือให้ริศารู้จัก เธอเคยพบเจอเพื่อนของรามผ่านๆเมื่อสมัยที่แม่พาไปบ้านกรกนกบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกัน
“สวัสดีค่ะพี่เสือ”
“สวัสดีครับ โตเป็นสาวแล้วน่ารักจัง”
“เบาหน่อยพี่ นี่ของรามมัน”
“ฮ่าๆ เออฉันรู้แล้ว พาเพื่อนไปนั่งก่อนไปรามมันไปหยิบของเดี๋ยวก็มา” เตมินทร์พยักหน้าและพาริศาเดินไปนั่งที่โซฟานั่งเล่น ไม่นานร่างสูงของรามที่ถือแฟ้มเอกสารอยู่เต็มมือก็เดินเข้ามา และพอได้เห็นว่ามีใครที่เข้ามาใหม่สองคนนั่งอยู่ตรงโซฟาใบหน้าหล่อเหลาก็ดูชะงักไปเล็กน้อย แต่เขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจเดินเอางานไปคุยกับคนอื่นต่อ
จนเวลาผ่านไปได้สักพักเตมินทร์ที่เห็นว่าพี่ชายไม่เดินมาทางเขาสักทีจึงได้ลุกเดินเข้าไปหาและให้ริศานั่งรออยู่ก่อน
“ราม” เสียงเข้มเอ่ยเรียกพี่ชายอย่างนึกไม่พอใจกับความจงใจไม่แยแสตัวเองกับเพื่อน
“พามาทำไม” น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์เอ่ยถามในขณะที่ตาก็ยังจดๆจ้องๆอยู่ที่เอกสารสลับกับรถแข่งยี่ห้อดังไม่ได้หันไปมองน้องชายแต่อย่างใด
“ออกไปคุยกันหน่อย” แต่น้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังบวกกับแววตาไม่ติดเล่นเหมือนที่เคยเป็น มันทำให้เขาจำใจต้องหันไปสนทนาด้วย
“มีอะไร”
“ตามมา” เตมินทร์เดินนำหน้าพี่ชายออกไปยังบริเวณที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นก่อนจะควักบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาจุดสูบและยื่นมวนใหม่อีกมวนให้พี่ชาย
“ฟู่ว~โทรมาทำไมไม่รับ ข้อความก็ไม่อ่าน” เตมินทร์เปิดประเด็นสนทนา เหตุผลที่เขามาหาพี่ชายถึงที่นี่ก็เพราะตั้งแต่มีปากเสียงกับผู้เป็นแม่วันนั้นรามก็ไม่ยอมติดต่อพูดคุยกับใครเลยจนกระทั่งเวลาผ่านมาได้ร่วมอาทิตย์
“แกมีอะไรก็ว่ามาเต งานฉันเยอะแยะ”
“งานเยอะจนไม่รู้สินะว่าพ่อไม่สบาย”
“พ่อ…เป็นอะไร” รามขมวดคิ้วยุ่งถามน้องกลับ เป็นเพราะเขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ไม่อ่านข้อความใครจึงไม่รู้ว่าราเมศพ่อของตัวเองล้มป่วย
“วันนั้นพ่อได้ยินแกทะเลาะกับแม่เรื่องของไอริส พอแกกลับไปพ่อก็คิดมากแล้วก็ขอให้เรียวตะอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องงานแต่ง ตอนนี้ทุกคนวุ่นวายไปหมดเพราะแก” นิ้วเรียวยาวชี้ใส่หน้าพี่ชายพลางดันลิ้นตัวเองดุนกระพุ้งแก้มเหมือนพยายามระงับอารมณ์ หลายวันที่ผ่านมาเขาพยายามติดต่อรามทว่าอีกคนกลับบ่ายเบี่ยงที่จะคุยด้วย ต่อให้โทรเข้ามือถือเครื่องของเพื่อนๆเขาแต่รามก็ไม่ยอมรับสายไปคุย
“ได้พาพ่อไปหาหมอไหม”
“ไปสิ แกคิดว่าพ่อเป็นแค่นิดๆหน่อยๆหรือไง”
“แล้วหมอว่าไง”
“พักผ่อนน้อย เครียดสะสมพอมันไปรวมกับโรคประจำตัวอาการก็เลยหนัก”
“อืม ฉันลืมไปว่าพ่อเป็นความดันสูงเครียดมากไม่ได้” พอนึกขึ้นมาได้ตรงนี้รามก็หน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาผิดเองที่เอาแต่ใจมากไปหน่อยจนลืมไปว่าพ่อของเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเขายังตัดใจจากรักแรกของตัวเองไม่ได้เลย และไม่รู้ว่าจะตัดได้เมื่อไหร่ด้วย พอมันได้ยินอะไรที่สะกิดใจนิดหน่อยก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่
“แกจะให้ฉันทำยังไง” รามถามความคิดเห็นน้องชาย
“ทำยังไงก็ได้ให้พ่อสบายใจและอาการดีขึ้นมาหน่อย”
“แล้วมันยังไงล่ะ”
“แกไม่ได้โง่หรอกราม เรื่องแค่นี้ก็คิดเอาเอง” ว่าจบเตมินทร์ก็โยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งและทำท่าจะเดินออกไป
“แล้วนั่นแกจะไปไหน” รามถามเพราะเห็นว่าน้องชายไม่ได้เดินเข้าไปทางด้านในแต่กลับเดินไปที่ทางออกแทน
“ฝากเอาริศาไปส่งด้วยนะ”
ด้านริศา…
ครืดด~
[ฉันมีธุระด่วนต้องกลับก่อน]
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันยุ่งเพราะอยู่ดีๆเพื่อนชายตัวดีที่พามาก็ส่งข้อความมาบอกว่าจะทิ้งกันกลับไปก่อนเฉยๆเสียอย่างนั้น
“อะไรเนี่ยเต พาฉันมาทิ้งที่นี่ทำไม” คนตัวเล็กนั่งพึมพำและถอนหายใจกับตัวเอง มองไปรอบๆก็มีแต่คนที่เธอไม่ค่อยจะรู้จัก จะลุกเดินไปไหนก็ไม่กล้าไป ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วก็จมอยู่กับความคิด
“เตมันกลับไปแล้ว” กระทั่งมีเสียงเรียบของรามที่เดินมาถึงเธอตอนไหนไม่รู้เอ่ยขึ้น
“ค่ะ เพิ่งส่งข้อความมาบอก”
“นั่งรออยู่นี่แหละ เสร็จงานแล้วฉันจะไปส่ง” บอกไว้แค่นั้นแล้วคนตัวสูงก็เดินมุ่งไปจัดการงานของตัวเองต่ออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรกับริศาอีก จนเวลาผ่านไปได้สักพัก
ตึก!
ตึก!
ก็มีเสียงฝีเท้าใหม่ของคนสองคนเดินเข้ามาหาเธอ
“น้องริศา”
และอีกหลายวันผ่านไป… ภายในห้องใหม่ที่ใหญ่และหรูกว่าเดิมแต่มันกลับทำให้ริศาเหงาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ที่เธอมักจะออกไปเดินหาอะไรอร่อยๆในแบบของเธอกินแต่ที่นี่กลับหาได้ยาก “เฮ้อ~ทำอะไรกินดี” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างคิดไม่ตก ในตู้เย็นก็มีแต่ของสดเดิมๆที่เธอทำกินมาแล้วสามสี่วัน อยากกินก๋วยเตี๋ยวหรือส้มตำเผ็ดๆที่ชอบก็ต้องขับรถออกไปซื้อซึ่งรถก็ติด ครั้นจะสั่งแบบเดริเวอรี่ก็ไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการ มันน่าเบื่อไปหมด แต่…เธอทนได้เพราะอยากให้อีกคนนั้นพอใจครืด~~ครืด~~ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ริศาต้องละจากการนึกเมนูและหันไปมองยังหน้าจอ แล้วก็พบว่ามันสายจากเพื่อนชายที่เธอห่างหายจากการพูดคุยไปนานอยู่พอสมควร “ฮัลโหลเต” ริศากดรับสายและกรอกเสียงสดใสใส่ลงไป (ไง ยัยบ้องวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ) “ใช่ นายมีอะไรหรือเปล่าคิดถึงฉันเหรอ” (อืม คิดถึงเพื่อนคนสวย) “แหวะ ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันไม่ใช่สาวๆของนายที่จะหลงคารมง่ายๆนะ” (หึ! ถ้าเป็นไอ้พี่ชายฉันไม่ต้องพูดก็หลงใช่ไหม) “อะ…อะไรเล่าพูดบ้าอะไรของนายเนี่ย” เสียงใสพูดติดๆขัดๆไปด้วยค
คนตัวสูงที่ยังคงนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้ใส่ชุดเดิมบ่งบอกให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ทั้งวัน รามมองมายังริศาที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่ราบเรียบเช่นเคยทว่าข้างๆเขามีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคงจะทำงานไปด้วยรอเธอไปด้วย “ทำไม?” “ทำไมอะไร” อาการตกใจแปลกๆของริศาทำให้เขาต้องหรี่ตามองแล้วเอ่ยถาม “…” ซึ่งริศาก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เดินเข้ามาเอาของวางไว้แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด “เดี๋ยว” “คะ?” “ทำไมกลับเย็นขนาดนี้” “ริศาเพิ่งเลิกงานค่ะ” “แล้วทำไมต้องทำท่าทางแปลกๆอย่างนั้น” “ไม่มีอะไรค่ะ ริศาไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ว่าจบร่างบางก็เดินเข้าห้องน้ำไป รามที่จับสังเกตได้ก็นึกในใจว่าเธอต้องมีอะไรแน่ๆ ริศาใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักแบบที่เธอชอบใส่ แต่พอมองไปที่เตียงก็ยังเจอกับสายตาจับผิดของรามที่มองมาอยู่ “พี่รามมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เธอนั่นแหละมีอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ” “แปลก?...แปลกยังไงค่ะริศาก็ปกติดี” คน(ไม่)ปกติดีทำทีไม่ใส่ใจแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งข
หลายวันต่อมา… หลายวันผ่านมาแล้วแต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะเสียครั้งแรกไปยังคงมีความระบมกับช่วงล่างอยู่ไม่หาย ริศาพยายามถ่างขามองตรงนั้นของตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล “ไม่ค่อยแดงแล้วแต่ทำไมยังเจ็บอยู่” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขนาดที่ไม่ธรรมดาของเขาหรือเป็นเพราะเธอเพิ่งจะเคยโดนกันแน่ ทำไมเธอยังคงรู้สึกเจ็บ แต่ที่แน่ๆคนที่เป็นผู้ชายของเธอคนที่ฝากรอยแดงไว้ตามตัวไม่ติดต่อมาหาเธออีกเลยหลังจากวันนั้น ทว่าริศาก็ไม่คิดอะไรมากเธอยังคงคิดว่าเขามีงานยุ่ง ด้วยความไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ารำคาญตัวริศาเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเช่นกัน แต่เธอก็ยังซื้อยาทุกอย่างมากินตามเขาบอกครืด~~~ ในขณะที่เธอกำลังสาละวนอยู่กับการทายาตรงจุดบอบบางอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งด้านนอกห้องน้ำก็ดังขึ้น เธอจึงรีบจัดแจงเก็บของและตรงดิ่งไปรับสายเผื่อว่าจะเป็นผู้ชายที่เธอรอให้เขาโทรมาอยู่…แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ “ว่าไงมะนาว” (ริศาเธอเป็นไงบ้าง ไม่สบายหายหรือยัง) มันเป็นสายของเพื่อนที่เธอโกหกว่าตัวเองไม่สบายจึงไปเรียนไม่ได้หลายวัน “ฉันดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้วแหละ” (โ
“อ๊ะ!” ริศาร้องเสียงหลงเพราะถูกคนเอาแต่ใจใช้มือบีบไปที่หน้าอกของเธออย่างแรง แม้ว่าเธอพยายามจะพูดปรามเขายังไงก็ไม่เป็นผล “พอก่อนค่ะพี่ราม” “อยู่เฉยๆน่า” เขาใช้มือของตัวเองเพียงข้างเดียวรวบทั้งสองแขนของเธอให้ขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงกดจูบไปที่ริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง “อื๊อ~~” มันเป็นจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงกว่าครั้งก่อนทำให้คนใต้ร่างเกือบจะหายใจไม่ทัน ดีที่เขายังปราณีให้เธอได้พักบ้าง ทว่าแค่เพียงไม่นานเขาก็บดขยี้ริมฝีปากบางของเธอใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นวนไปกระทั่งริมฝีปากสวยของเธอเริ่มชาจากการถูกกดจูบเป็นเวลานานๆ และแม้ว่าคนตัวโตจะนึกสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะปากเธอมันดันหวานถูกใจเขาเองพรึบ! คนตัวเล็กถูกเขาฉุดให้ลุกตามขึ้นมานั่งก่อนที่เขาจะตวัดแขนไปทางด้านหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสลงมา ทุกอย่างมันเร็วไปหมดจนเธอเองก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกที่ก็ตอนที่เขาดึงชุดสีหวานของเธอมากองลงตรงเอวบางเสียแล้ว ซึ่งการกระทำนั้นก็เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ตั้งชูชันสู้ตาคนตรงหน้า… “อย่ามองนะคะ” ด้วยความเขินอายเธอพยายามใช้มือขึ้นมาปกปิดแต่ก็ถูกเขาดึงออกและ
ไอริสเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้กับทุกคนก่อนที่จะมาหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามริศาและยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด ซึ่งรามก็รับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคย “สวัสดีค่ะพี่ไอริส” ริศารีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนมาใหม่อย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง “สวัสดีจ้ะริศา วันนี้สวยจังนะ” ไอริสเอ่ยชมพลางขยิบตาให้สาวรุ่นน้องอย่างเหมือนจะมีอะไรที่รู้กัน “ยังสวยไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ไอริสเลยค่ะ” “ว่าไปนั่น ปากหวานตลอดเลยนะเด็กคนนี้” ไอริสยิ้มหวานชอบใจ โอ๊ะ! แล้วนั่นดื่มอะไรน่ะ น้ำเปล่าเหรอ” “ค่ะ เพิ่งทานอาหารอิ่มได้สักพักเลยดื่มน้ำเปล่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลมแล้วค่ะ” “โอ๊ย เด็กอนามัยก็มา ไม่ได้สิวันเกิดเพื่อนพี่ทั้งทีต้องดื่มกันหน่อย” ว่าแล้วไอริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหยิบแก้วค็อกเทลมาสองแก้วยื่นให้ริศาแก้วนึง “เอ่อ…” ริศารับมาแต่ก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าดื่ม จนไอริสต้องกระดกแก้วในมือนำก่อนจนหมดและชูให้เธอดู “อร่อยนะ” “…” “ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเมาเดี๋ยวรามก็ดูแลเองแหละ ใช่ไหมราม” ไอริสหันไปถามกับรามเหมือนเป็นเชิงขออนุญาตให้ริศาดื่
วันต่อมา… หลังจากกลับมาจากมหาลัยในช่วงบ่ายริศาที่ลาหยุดงานพาร์ทไทม์ของตัวเองแล้วก็รีบตรงดิ่งมายังห้องพัก เพื่อจัดแจงเตรียมตัวที่จะไปงานวันเกิดของราม คนตัวเล็กมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากกับการที่จะได้เจอกับคู่หมั้นหนุ่มในครั้งนี้ เธอทั้งรีบกลับมาเพื่อจะใช้เวลาในการขัดและบำรุงผิวในห้องน้ำ ไหนจะมาร์กหน้านวดหน้าของตัวเองให้ดูใสขึ้น อีกทั้งยังลงทุนซื้อชุดใหม่ในแบบที่เพื่อนแนะนำ ถึงแม้มันจะแพงไปสักหน่อยแต่เพื่อคนที่เธอคิดว่าเขาพิเศษ ครั้งนี้เธอจะกัดฟันยอมจ่ายแม้ว่าในใจจะเสียดายเงินแค่ไหนก็ตาม “สวยสมราคาจริงๆแหะ” เดรสชมพูสีโปรดถูกยกขึ้นมาทาบกับตัวที่หน้ากระจกพร้อมร้อยยิ้มที่ดูสดใสกว่าทุกๆวัน ถึงแม้สีมันจะหวานแหววไปหน่อยทว่าช่วงไหล่กลับปาดลงโชว์ไหปลาร้าสวยและผิวขาวผ่องให้ลุคหวานซ่อนเปรี้ยว เหตุผลที่เธอรีบกลับมาบ่มผิวบำรุงตัวก็เพราะแบบนี้นี่แหละ วันพิเศษของเขาทั้งที งานนี้เธอต้องโชว์ผิวออร่าของตัวเองให้สุด “สั้นไปหรือเปล่านะ” ถึงแม้จะพยายามมั่นใจในตัวเองเข้าไว้อย่างที่เพื่อนๆและไอริสแนะนำแต่เธอก็ยังกังวลในส่วนของกระโปรงที่มันเลยขึ้นมาเหนือเข่าอยู่ดี ริศายืนมองตัวเองคู่กับ