แชร์

บทที่ 4 กักขัง

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 02:27:10

บทที่ 4 กักขัง

ทุกวันพ่อบ้านจะต้องนำบัญชีการค้าของกิจการมาให้มู่เฉินตรวจสอบ ถึงจำเรื่องราวไม่ได้แต่สัญชาตญาณด้านการค้าของชายหนุ่มยังคงเฉียบแหลม การตรวจสอบบัญชีจึงยังเป็นหน้าที่ของเขา

วันนี้ก็เช่นกัน พ่อบ้านเข้ามาในห้องของชายหนุ่มพร้อมกับบันทึกบัญชีเล่มหนา

พวกเขาพูดคุยกับเกี่ยวกับกิจการและเรื่องต่าง ๆ ในเรือน จนมู่เฉินถามว่าลี่ถังเป็นอย่างไร พ่อบ้านจึงตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจตน

“นายท่าน ข้ามีเรื่องจะต้องขอพูด…”

มู่เฉินละสายตาจากตัวเลขในบันทึกบัญชีแล้วหันไปมองพ่อบ้านของตน

พ่อบ้านลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

“ข้าคิดว่าการขังแม่นางลี่ถังไว้ในจวนเช่นนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องดี หากเรื่องล่วงรู้ไปถึงเมืองหลวงอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ นายท่านควรปล่อยให้นางกลับไป”

มู่เฉินได้ยินก็หายใจแรง เขาแสร้งทำเป็นสนใจบันทึกบัญชีตรงหน้าและไม่สนคำพูดของพ่อบ้าน

พ่อบ้านอดรู้สึกกังวลไม่ได้ ช่วงนี้นายท่านของเขาเชื่อฟังเขามาตลอดแทบทุกเรื่อง แต่ตั้งแต่หญิงสาวปรากฏตัว นายท่านก็ทำอะไรตามใจตัวเองและยังแสดงท่าทางดื้อดึงผิดปกติ

“ไหน ๆ นางก็อยู่ที่นี่แล้ว ถือโอกาสตอนนี้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกับสตรีมากรักอย่างนาง และแต่งกับแม่ของลูกน่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่ายนะขอรับ”

ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ มู่เฉินก็ชะงักไป เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองพ่อบ้านด้วยสายตาไม่พอใจ มือที่ถือพู่กันตบลงโต๊ะจนเกิดเสียงดังและตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่มที่เอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่แยแสและเย็นชา

“ที่นี่ใครเป็นเจ้านายกันแน่ เจ้ามิยุ่งเรื่องของข้ามากเกินไปแล้วหรือ”

“ขออภัยนายท่าน ข้าก็แค่เป็นห่วง หากคนพูดถึงนายท่านในทางไม่ดีจะกระทบการกิจการการค้าได้นะขอรับ”

มู่เฉินหายใจแรง เรื่องนั้นไม่ใช่เขาไม่รู้ แต่เขาก็ไม่อยากที่จะถอนหมั้นกับลี่ถัง ทั้ง ๆ ที่คำนั้นก็ออกมาจากปากของนางง่าย ๆ ราวกับนางมีใครอื่นรออยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากให้ทุกเรื่องมันง่ายจนเกินไปไม่ว่ากับใครก็ตาม

“ข้าดูหมดแล้ว เจ้าไปได้แล้ว” พ่อบ้านรีบเก็บของแล้วออกจากห้อง ซูปี้ที่สวนกับพ่อบ้านมองหน้ากันแปลก ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะนำน้ำแกงเดินไปให้ชายหนุ่ม

ทุกวันมู่เฉินจะพาซูปี้ไปทานอาหารในสวน และเดินเล่นชมดอกไม้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักนาง แต่ก็ทำไปตามหน้าที่ที่ควรรับผิดชอบ สายตาของเขามองนางอย่างอ่อนโยน ผิดกับท่าทีเย็นชาและไม่ไยดีที่มีต่อลี่ถัง

ลี่ถังเห็นภาพนั้นตำตาทุกวัน ยิ่งเห็นหัวใจก็ยิ่งบีบรัดเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก

เขาขังนางไว้ในเรือนโดยไม่ยอมพบเจอ อ้างว่ายุ่งกับเรื่องการค้าของกิจการ แต่กลับมีเวลาเดินเล่นและหัวร่อต่อกระซิกไปกับสตรีผู้นั้น

รอยยิ้มที่ตั้งแต่นางมาที่นี่ก็ไม่เคยได้รับ มันกลับถูกมอบให้ผู้อื่นอย่างง่ายดาย ลี่ถังได้ยินเสียงมู่เฉินที่เดินเฉียดเรือนรับรองของนางเอ่ยถามไถ่ซูปี้ด้วยความอ่อนโยน ในใจก็รู้สึกจุกเหลือเกิน

"เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ช่วงนี้ลูกดื้อหรือไม่”

"ไม่เลยเจ้าค่ะนายท่าน ลูกของข้าช่างน่ารักนัก เขาเชื่อฟังน่าดูเจ้าค่ะ" ซูปี้ตอบเสียงหวาน นางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม "คงดีใจที่พ่อของตัวเองมาเดินเล่นด้วยทุกวันเช่นนี้"

"เช่นนั้นก็ดี ข้าจะหาเวลาให้นะ" มู่เฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาบนใบหน้าของซูปี้ไปทัดไว้ที่หลังหูอย่างแผ่วเบา

ภาพเหล่านั้นช่างบาดตาบาดใจของลี่ถัง นางทนดูทั้งสองกินอาหารมื้อใหญ่ด้วยกันได้ แต่นางกลับทนไม่ได้ที่เห็นทั้งคู่ใกล้ชิดจับเนื้อต้องตัวกัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะตั้งครรภ์ก็ต้อง...

ความรู้สึกเจ็บจนจุกทำให้ดวงตาของลี่ถังเริ่มมีน้ำใสไหลออกมา หญิงสาวรีบเดินออกไปจากเรือนรับรองเพื่อไปที่ด้านหลังของจวน

หญิงสาวเดินมาพิงตัวกับบ่อน้ำเก่าที่ด้านหลังจวน พออยู่ที่นี่หลายวันก็เพิ่งรู้ว่าบ่อน้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดใช้งานนอกจากตัวของนางเอง

นางเพิ่งสังเกตว่าน้ำไม่ได้มีมากขนาดนั้น และก็ค่อนข้างขุ่นและไม่ใสสะอาดเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีมากพอสำหรับผู้ที่ถูกขังอยู่ในจวนโดยไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเรียกร้องอะไรอย่างนาง

หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้ง ๆ ที่นางรักเขา เป็นห่วงเขา จึงดั้นด้นมาหา น้ำใสรวมตัวกันเป็นหยดก่อนจะไหลกลิ้งผ่านแก้มเนียน

อยู่ที่นี่นางเหมือนคนที่ถูกลืม แม้อาหารการกินจะไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้ดีนัก และคงไม่อาจเรียกว่าของสำหรับแขก ทุกมื้อมีแต่ของธรรมดาราวกับอาหารของสาวใช้

แตกต่างจากสำรับของมู่เฉินและซูปี้ที่นางเห็นยามทั้งสองกินในสวนโดยสิ้นเชิง ลี่ถังไม่ได้อิจฉาอีกฝ่ายเรื่องอาหารหรือการเป็นอยู่หรอก เพียงแค่นางไม่รู้ว่าทำไมสวรรค์ถึงต้องลงโทษให้นางเห็นอะไรอย่างนี้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางผิดอะไรมากมายนักหรือ หรือเพราะไม่ได้เกิดเป็นบุตรขุนนาง จึงถูกทิ้งขว้างง่าย ๆ เช่นนี้ นางไม่ได้ต้องการความฟุ่มเฟือย ก็แค่อยากให้ใส่ใจกันบ้าง และมันก็เจ็บเมื่อรู้ว่าเขาเต็มใจจะดูแลผู้อื่นให้อยู่ดียิ่งกว่า แค่คิดหัวใจของลี่ถังก็เจ็บปวดจนจุกอีกครั้ง

ลี่ถังสะอื้นไห้เงียบ ๆ อยู่ที่บ่อน้ำเก่า ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและหัวใจทำให้นางแทบหมดเรี่ยวแรง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงไปในบ่อราวกับสะท้อนถึงความเจ็บปวดที่เก็บงำอยู่ภายในใจ

ยามนี้นางไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดมู่เฉินจึงต้องปฏิบัติกับนางเช่นนี้ หากเขาเกลียดชังหรือหมดรักกันแล้วก็ควรปล่อยนางไป เหตุใดจึงต้องขังนางไว้ที่นี่ราวกับเป็นนักโทษ จะให้เป็นเครื่องมือระบายความแค้นของเขากระนั้นหรือ

สายลมเย็นพัดผ่าน นางกอดตัวเองแน่นเพื่อให้ความอบอุ่นกับหัวใจที่เย็นชา นางคิดถึงบ้าน คิดถึงบิดาและพี่ชายที่คงเฝ้ารอนางกลับไป โดยไม่รู้เลยว่าลี่ถังถูกกักขังไว้ที่นี่โดยไม่มีทางหนีออกไปได้

"ข้าต้องกลับบ้าน... ข้าต้องกลับไปให้ได้" นางพึมพำกับตัวเอง

ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเศร้าสร้างประกายแห่งความมุ่งมั่นขึ้นมาแทนที่ หากเขาไม่ยอมปล่อยนางไป นางก็ต้องหาทางหนีไปเอง ต่อให้ออกไปไม่ได้ในวันนี้ วันพรุ่งนี้หรือวันต่อไป นางก็จะหาทางจนกว่าจะสำเร็จ

คืนวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวันลี่ถังต้องทนเห็นมู่เฉินใช้เวลาร่วมกับซูปี้ ยิ่งเขาแสดงออกว่าห่วงใยซูปี้มากเท่าไร ใจของนางก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

ลี่ถังยืนพิงเสาด้วยหัวใจที่สับสน นางมองไปยังภาพของมู่เฉินที่เดินเคียงข้างซูปี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน หัวใจของนางปวดร้าวราวถูกมีดกรีด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นางรักเขา…รักจนไม่อาจถอนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดเขาเหลือเกิน เกลียดที่เขาทำให้นางต้องเจ็บปวด เกลียดที่เขาพูดจาหวานหูต่อหญิงอื่น แต่กลับมอบเพียงความเฉยชาให้นาง เกลียดที่เขามองซูปี้ด้วยสายตาอ่อนโยน ขณะที่มองนางราวกับเป็นเพียงเงาที่ไร้ตัวตน

เพราะยังเห็นเขาอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ หัวใจจึงยังไม่ลืมเสียที

หัวใจของนางถูกฉุดให้จมลงสู่ความสิ้นหวัง ทุกครั้งที่เขาหัวเราะให้สตรีอื่น นางอยากจะเมินเฉย อยากจะบอกตนเองว่าเขาไม่สำคัญอีกต่อไป แต่ความรู้สึกในอกกลับไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ

“ทำไมถึงเป็นข้า…” ลี่ถังพึมพำ ดวงตาหม่นแสง มือที่กำแน่นสั่นสะท้าน

นางอยากจะเกลียดเขา เกลียดให้สุดหัวใจ แต่นางกลับยังทำไม่ได้อย่างที่ลั่นวาจาออกไป ทุกครั้งที่คิดจะผลักเขาออกไปจากความคิด ภาพในอดีตก็ไหลบ่าเข้ามาแทนที่ น้ำเสียงของเขาเมื่อครั้งยังรักกัน รอยยิ้มอบอุ่นที่เคยเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว ทุกอย่างกลายเป็นบาดแผลที่ทิ่มแทงนางซ้ำ ๆ

ทั้งรัก…ทั้งเกลียด

หากสามารถเลือกได้ นางอยากจะลืมเขาเสียให้สิ้น แต่หัวใจของนางกลับไม่ยอมเชื่อฟังเลยสักนิดเดียว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 10 คนหาย

    บทที่ 10 คนหาย “ใครเฝ้าอยู่ข้างนอก เข้ามาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มตะโกนลั่น คนงานที่เฝ้าอยู่เร่งเดินมาหา และสาวใช้ก็รีบวิ่งมา“นางไปไหน” คนทั้งสี่ส่ายหน้า สาวใช้บอกเช้านี้เอาอาหารมาให้ยังเห็นนางอยู่ ส่วนคนงานก็บอกว่าไม่เห็นนางเดินออกไป“บอกข้าแล้วอย่างไร ไปหาสิ” มู่เฉินอารมณ์เสีย เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหายไปได้ ด้านหลังจวนไม่มีอะไรนอกจากบ่อ วูบหนึ่งเขาหลงคิดว่านางอาจจะฆ่าตัวตาย แต่นางไม่ได้รักเขาขนาดนั้น นางคงไม่มีทางทำ หญิงใจง่ายที่มีคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ไม่ควรเสียใจที่คู่หมั้นมีอนุก่อนแต่งหรอก“เจอหรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถามพ่อบ้าน แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้า “ให้คนตามอยู่ขอรับ นายท่านพักก่อนเถอะ” “ข้าไม่พัก แล้วทุกคนก็ห้ามพัก หาให้เจอ” เสียงของมู่เฉินดังจนเหล่าสาวใช้สะดุ้ง ดวงตาคมกริบตวัดมองบ่าวไพร่ของตนที่ยืนเรียงราย ทุกคนต่างหลบตาไม่มีผู้ใดกล้าสบตาเขา “นายท่าน... เราค้นทั่วเรือนแล้วขอรับ แต่...” “แต่อะไร”“ไม่มีขอรับ ไม่มีแม่นางลี่ถัง”“ไร้ประโยชน์” ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อด้วยความหงุดหงิด ความรู้สึกในอกตีกันยุ่งเหยิงไปหมด แค่คิดว่าลี่ถังกลับไปแล้ว หัวใจเขาก็บีบแน่น “ทุกคนฟัง

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 9 บ่อน้ำร้าง

    บทที่ 9 บ่อน้ำร้าง ตูม!!ลี่ถังกรีดร้องออกมา แต่เสียงขาดหายไปกลางอากาศ ร่างของนางเสียหลักและร่วงลงสู่ความมืดมิดน้ำเย็นเฉียบทะลักเข้าปากและจมูก นางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำ แต่ความลื่นของตะไคร่ทำให้นางจับขอบบ่อไม่ได้เลย“ช่วยด้วย!” นางพยายามร้อง แต่เสียงสะท้อนอยู่เพียงในความเงียบงันเหนือปากบ่อ เงาหนึ่งปรากฏขึ้น เสียงฝีเท้าเบา ๆ ค่อย ๆ ถอยออกไป ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงัดไม่มีใครอยู่ที่นั่น ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางถูกผลักลงมาน้ำเย็นเยียบราวกับจะดูดกลืนสติของนางไปทุกขณะไม่!นางกัดฟัน พยายามยันตัวเองขึ้น ทว่าพลังของนางค่อย ๆ ลดลงทุกขณะขณะที่สติเริ่มเลือนราง มีเพียงความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจของนางข้ายังไม่อยากตาย… ท่านพ่อ…พี่ใหญ่ความหนาวเย็นกัดกินไปถึงกระดูก นางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ แต่กำแพงหินของบ่อร้างทั้งสูงและลื่น ตะไคร่น้ำจับแน่นทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้มือของนางสั่นระริก ร่างกายเปียกโชกและชาดิกไปหมด เสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อครู่กลืนหายไปในความมืดมิด ไม่มีแม้เสียงฝีเท้าของผู้ใดเดินผ่านลมหายใจของนางเริ่มติดขัด เสื้อผ้าเปียกชุ่มทำให้ร่างกายหนักขึ้นเรื

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 8 หาทางหนี

    บทที่ 8 หาทางหนี ลี่ถังเองก็คิดไม่ต่างกัน นางเองก็คิดว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไร้เยื่อขาดไยเช่นนี้นางควรรีบทำทุกอย่างให้จบ แม้จะถูกขังแต่หากอีกฝ่ายไม่เอาเชือกมามัดมือนางไว้ ลี่ถังก็ยังพยายามหาทางออกจากจวนนี้ทุกวันนางเคยคิดจะว่ายน้ำออกไป แต่น่าเสียดาย นางว่ายน้ำไม่แข็งขนาดนั้น จึงไม่สามารถว่ายผ่านบึงบัวขนาดใหญ่ด้านหลังจวนไปได้ อีกอย่างยามนี้ก็หนาว หากลงน้ำคงได้ไข้แม้จะลองใช้สารพัดวิธี แต่ไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็ถูกเฝ้าจับตาไว้หมด และสุดท้ายก็ถูกลากกลับมาที่เรือนรับรองที่แปรเปลี่ยนเป็นห้องขัง แต่วันนี้ขณะหญิงสาวมาตักน้ำที่บ่อน้ำเก่าหลังเรือน สายตาก็เหลือบไปเห็นกิ่งต้นไม้ใหญ่ด้านบน คงเพราะก่อนหน้านางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจึงไม่ทันสังเกตเห็น แม้โคนต้นไม้นี้น่าจะอยู่ด้านนอกกำแพง แต่หากนางขึ้นไปบนกิ่งใหญ่นี่ได้ นางอาจจะใช้มันผ่านไปทางหลังคาและออกหลังกำแพงจวนไปได้ “แล้วจะขึ้นไปอย่างไรเล่า” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง นางไม่อาจปีนขึ้นจากพื้นได้ แต่หากปีนขึ้นจากหลังคาบ่อน้ำก็อาจจะพอเป็นไปได้ หัวใจของลี่ถังเต้นแรง นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของนาง หญิงสาวไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางรีบสำรวจหาหนทางที่จะข

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 7 หูเบา

    บทที่ 7 หูเบา “วันนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”“ปกติดีเจ้าค่ะ” “ลมหนาวเช่นนี้ เจ้าต้องระวังสุขภาพให้มาก”“เจ้าค่ะ”“อยากกินอะไรพิเศษก็บอกกับสาวใช้ให้ไปซื้อ” ยิ่งฟังน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา ตั้งแต่วันแรกที่นางได้ยินคำเหล่านี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ต่างกับการกระทำของมู่เฉินที่มีต่อนาง มันเปลี่ยนไปหมด หญิงสาวได้แต่ยืนฟังอยู่หลังหน้าต่างที่ถูกไม้ตีปิดเอาไว้ มีเพียงช่องลอดมองได้นิดหน่อย แต่ตัวผ่านไม่ได้ แต่ละวันผ่านไปด้วยความเจ็บปวดและชินชาที่ค่อย ๆ เกาะกินหัวใจจนมันเริ่มไร้ความรู้สึก ลี่ถังพยายามปลอบใจตัวเองแต่ก็ไม่มีถ้อยคำดี ๆ ที่จะทำให้รู้สึกสบายใจได้ แม้แต่เรื่องออกจากที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ออกไป เพราะทุกครั้งที่คิดจะหนี นางก็จบลงด้วยการกลับมาอยู่ในเรือนนี้พร้อมกับการป้องกันที่มากขึ้น ในเมื่อไม่มีใจแล้วจะรั้งเอาไว้ทำไม หญิงสาวคิดแล้วก็เผลอลืมไปว่าเขาขังนางเอาไว้ไม่ใช่เพราะรั้งนาง แต่กังวลว่านางจะทำเรื่องให้เขาเดือดร้อน น้ำตาใสไหลออกมาอีกหยดก่อนที่ร่างสวยจะทรุดลงไปนั่งร้องไห้กับพื้น นางจะร้องเป็นครั้งสุดท้าย ลี่ถังคิด ครั้งสุดท้าย...ลี่ถังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่างบานเดิม เสียงคนทั

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 6 แสร้งป่วย

    บทที่ 6 แสร้งป่วย สาวใช้อีกคนวางถาดอาหารแล้วรีบตรงเข้ามาเขย่าร่างของลี่ถังแต่ผลที่ได้ก็คือนิ่งเฉยเช่นกัน "เจ้าเป็นอะไรไป แม่นางลี่ถัง ไม่ได้การแล้ว ข้าจะไปบอกท่านพ่อบ้าน" สาวใช้คนแรกลนลานวิ่งออกไป ส่วนอีกคนก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากของหญิงสาวที่นอนอยู่ มันไม่ได้ร้อนแต่มันกลับเย็นผิดปกติและยังมีเหงื่อซึมนางเร่งไปตักน้ำร้อนมาเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย หากนายท่านรู้ว่านางละเลยไม่ได้ดูแลอะไรเลยแขกของนายท่าน นางอาจจะโดนลงโทษเอาได้ อีกด้านสาวใช้คนแรกก็เร่งไปบอกพ่อบ้านที่กำลังคุยกับมู่เฉิน"ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ แม่นาง แม่นางลี่ถังที่อยู่ในเรือนรับรองไม่สบายเจ้าค่ะ" นางพูดพร้อมกับหอบหายใจเมื่อมาถึงพ่อบ้านที่กำลังพูดคุยเรื่องงานกับเจ้านายของจวนชะงักและเหลือบมองไปที่มู่เฉิน เขากัดริมฝีปากตนเองน้อย ๆ อย่างไม่พอใจ ที่มู่เฉินวางทุกอย่างในมือแล้วลุกเดินออกไปทันทีพ่อบ้านหันไปมองหน้าสาวใช้อย่างคาดโทษก่อนจะเดินตามเจ้านายออกไป มู่เฉินเร่งเดินไปยังเรือนรับรองทันทีที่ได้ยินว่าลี่ถังไม่สบาย เขาไม่รู้ตัว ร่างกายของเขาเป็นไปเช่นนี้เอง ทั้ง ๆ ที่ใจเขาบอกให้ไม่สนใจนาง วันก่อนก็เช่นกัน แม้จะมีคนมากมายแต่สายตาของเขาก็ดัน

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้

    บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้"ช่วงนี้นายท่านช่างอ่อนโยนกับซูปี้เหลือเกิน" เสียงสาวใช้ดังแว่วเข้าหูลี่ถังแต่หญิงสาวก็มิได้เอ่ยอะไร "พวกเราต้องทำดี ๆ กับนางเอาไว้นะ นายท่านรักใคร่เอ็นดูนางเช่นนี้ อีกไม่นานต้องแต่งนางแล้วยกให้เป็นฮูหยินแน่ ๆ วาสนานี่นะแข่งกันไม่ได้จริง ๆ" มิใช่ว่าไม่เห็นลี่ถังอยู่ตรงนั้น แต่สาวใช้ทั้งสองเลือกจะคุยและเหลือบมองมาที่นางอย่างตั้งใจเดิมทีตอนซูปี้ท้องโตขึ้นมา พวกนางก็ไม่รู้ว่าผู้ใดคือบิดาของเด็กในท้องเพราะซูปี้ไม่มีคนรัก อีกทั้งนายท่านและพ่อบ้านก็มิได้ตำหนิใด ๆ ที่ซูปี้ทำเรื่องน่าอับอายภายในจวน แต่ทุกสิ่งไขกระจ่างหลังจากที่นายท่านฟื้นจากโรดระบาด แท้จริงแล้วเด็กในท้องของซูปี้เป็นสายเลือดคนสกุลมู่นั่นเองทั้งสองสาวได้รับหน้าที่ยกอาหารมาที่เรือนรับรองนี้ หากไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้แขกอย่างนางฟัง จะพูดให้ใครได้ยินได้อีก ลี่ถังเม้มปากแน่น พลางก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า หัวใจของนางราวกับถูกบีบจนแตกสลาย นางไม่เข้าใจว่ามู่เฉินโกรธเกลียดนางเพราะเหตุใด ถึงต้องขังนางเอาไว้ให้เจอกับเรื่องเช่นนี้ตอนแรกนางคิดว่าอีกฝ่ายขังนางเอาไว้เพราะกลัวว่านางจะกลับไปพูดเรื่องถอน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status