Beranda / รักโบราณ / คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน / บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้

Share

บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้

Penulis: moonlight -mini
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-15 03:49:08

บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้

"ช่วงนี้นายท่านช่างอ่อนโยนกับซูปี้เหลือเกิน" เสียงสาวใช้ดังแว่วเข้าหูลี่ถังแต่หญิงสาวก็มิได้เอ่ยอะไร

"พวกเราต้องทำดี ๆ กับนางเอาไว้นะ นายท่านรักใคร่เอ็นดูนางเช่นนี้ อีกไม่นานต้องแต่งนางแล้วยกให้เป็นฮูหยินแน่ ๆ วาสนานี่นะแข่งกันไม่ได้จริง ๆ" มิใช่ว่าไม่เห็นลี่ถังอยู่ตรงนั้น แต่สาวใช้ทั้งสองเลือกจะคุยและเหลือบมองมาที่นางอย่างตั้งใจ

เดิมทีตอนซูปี้ท้องโตขึ้นมา พวกนางก็ไม่รู้ว่าผู้ใดคือบิดาของเด็กในท้องเพราะซูปี้ไม่มีคนรัก อีกทั้งนายท่านและพ่อบ้านก็มิได้ตำหนิใด ๆ ที่ซูปี้ทำเรื่องน่าอับอายภายในจวน แต่ทุกสิ่งไขกระจ่างหลังจากที่นายท่านฟื้นจากโรดระบาด แท้จริงแล้วเด็กในท้องของซูปี้เป็นสายเลือดคนสกุลมู่นั่นเอง

ทั้งสองสาวได้รับหน้าที่ยกอาหารมาที่เรือนรับรองนี้ หากไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้แขกอย่างนางฟัง จะพูดให้ใครได้ยินได้อีก

ลี่ถังเม้มปากแน่น พลางก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า หัวใจของนางราวกับถูกบีบจนแตกสลาย นางไม่เข้าใจว่ามู่เฉินโกรธเกลียดนางเพราะเหตุใด ถึงต้องขังนางเอาไว้ให้เจอกับเรื่องเช่นนี้

ตอนแรกนางคิดว่าอีกฝ่ายขังนางเอาไว้เพราะกลัวว่านางจะกลับไปพูดเรื่องถอนหมั้น กลัวจะทำให้แผนของอีกฝ่ายแตก นางได้ข่าวพ่อบ้านคุยกับคนในเรือนว่านายท่านยังไม่พร้อมจะบอกเรื่องซูปี้ออกไป เพราะจะรอพาหลานไปให้พวกปู่ ๆ ย่า ๆ อุ้มทันที พอเป็นอย่างนั้นการรับซูปี้เข้าตระกูลก็จะง่ายขึ้น

แต่ปัญหากลับเกิดเพราะนางมาที่นี่ ลี่ถังกินข้าวเคล้าน้ำตา นางไม่น่ามาเลยจริง ๆ น่าจะเชื่อคำเตือนของบิดาไม่ให้เดินทางมา แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามนางจริงจังนัก

และทั้ง ๆ ที่นางพยายามบอกกับตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าจะไม่รักคนเลวมากรักนั่นอีก แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำดีกับสตรีผู้นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุด

“ข้าต้องการออกไปซื้อของ” นางบอกกับคนงานที่เฝ้าหน้าจวน แต่ทั้งคู่กลับฟังนิ่ง สักพักเจ้าตัวก็หันมามองที่นางก่อนจะถอนหายใจ

“แม่นาง หากต้องการสิ่งใด บอกพวกเราเถิด ข้าจะไปซื้อมาให้เอง” แม้คำพูดจะดูดีแต่ท่าทางกลับดูรำคาญราวกับคิดว่านางเรื่องมาก ลี่ถังคิด นางก็ไม่อยากเรื่องมากเช่นกันถ้าอีกฝ่ายไม่ขังนางไว้เช่นนี้ นางก็คงไม่มาพยายามทำอะไรแบบนี้

“ข้าอยากเลือกด้วยตัวเอง” ลี่ถังยืนกรานเจตนาที่จะออกไป แต่คนงานกลับยังยืนยันคำเดิม

“จะเลือกอะไรกัน ของก็มีอยู่ไม่กี่แบบเท่านั้นแหละ บอกข้ามาข้าจะไปซื้อให้”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” ที่จริงนางทำเช่นนี้เพราะต้องการจะตรวจสอบบางอย่าง และนางก็มั่นใจว่ายามนี้นางถูกขังอยู่ที่นี่จริง ๆ แต่นางจะไม่ยอมเป็นตัวตลกให้คนงานและสาวใช้ของจวนนี้หัวเราะหรอก

คืนวันเดียวกันนั้น ลี่ถังฉวยโอกาสเมื่อคนงานเผลอ ยามที่ออกไปตักน้ำที่หลังจวนนางเคยเห็นว่ามีคนตากผ้าเอาไว้ หญิงสาวคว้าเสื้อผ้าของสาวใช้มาเปลี่ยน ก่อนจะใช้ผ้าบาง ๆ คลุมศรีษะเอาไว้

ลี่ถังเดินออกมาจากด้านหลังของเรือนรับรอง นางพยายามเดินออกไปอย่างมั่นใจ พยายามทำตัวกลมกลืนกับสาวใช้ที่เดินผ่านไปมาทั่วทั้งเรือนแต่ก็ไม่รอด

“เจ้าเป็นใคร นายท่านไม่ให้ใครเข้าออกที่นี่” คำที่ได้ยินทำให้หัวใจกระตุกตกวูบไปที่ตาตุ่ม

ลี่ถังยื่นนิ่ง นางลืมนึกไปว่า ที่เรือนแห่งนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่อาศัยอยู่ สาวใช้ที่เข้าออกเรือนรับรองก็มีแค่ไม่กี่คน พวกคนงานย่อมจำได้ว่านางไม่ใช่หนึ่งในนั้น

“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร” เมื่อถามครั้งแรกไม่ได้คำตอบ คนงานก็ตวาดเสียงดังขึ้น ลี่ถังไม่สนใจ หวังจะเดินต่อไป อีกนิดก็ถึงประตูใหญ่ของจวน เมื่อถึงตรงนั้นนางหมายจะวิ่งหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ข้อมือของนางก็ถูกคว้าเอาไว้

“ปล่อยข้า” หญิงสาวดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากแรงบีบที่รัดแน่นขึ้นทุกทีได้

“เจ้าจะไปไหน” เป็นมู่เฉินที่เข้ามาคว้านางเอาไว้ ชายหนุ่มดึงหญิงสาวกลับไปที่เรือนรับรอง

นางคิดว่าหากตัดใจจากเขาได้ ทุกอย่างก็คงจบลงแล้วจริง ๆ แต่ทำไม

ทำไมเขาถึงยังคงยืนอยู่ตรงหน้า

ทำไมเขาถึงยังจับนางขังไว้ในสถานที่แห่งนี้

และทำไม… หัวใจของนางถึงยังเจ็บปวดเมื่อสบตากับเขา

“เจ้าคิดจะเกลียดข้าไปจนตายเลยหรือไม่” เขาถามเสียงเย็นชา สายตาไหววูบเล็กน้อยขณะมองนางที่ยืนตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออดกลั้นอะไรอยู่

“ใช่” นางตอบโดยไม่ลังเล “และข้าหวังว่าท่านจะทำแบบเดียวกัน”

เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ทว่าในดวงตามิได้มีรอยยิ้ม “ข้าเกลียดเจ้าได้แน่นอน แต่ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”

“ท่านจะกักขังข้าทำไม” นางตะโกนออกมาอย่างอดไม่ไหว “ท่านมีทุกอย่างแล้ว ภรรยา ลูก ฐานะ ท่านจะต้องการอะไรจากข้าอีก“

“เจ้า”

เขาตอบเพียงคำเดียว

นางชะงัก ดวงตาสั่นไหว ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเอง “ท่านต้องการข้า ในฐานะอะไร ในฐานะอดีตคู่หมั้นที่ท่านทอดทิ้ง หรือในฐานะเชลยที่ต้องอยู่ให้ท่านเห็นทุกวันเพื่อให้ท่านพอใจ”

เขาขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะคว้าข้อมือนางแน่น

“หากเจ้าหนีไปจากข้าแล้วจะไปที่ไหน เจ้าจะทำอะไรได้ เจ้าคิดว่าคนในเมืองหลวงจะต้อนรับเจ้าหรือ อย่าลืมว่าเจ้าคือคู่หมั้นของข้า หากข้าถอนหมั้นเจ้าจะมีบุรุษใดแต่งเจ้าอีกหรือ”

นางสะบัดมือออกสุดแรงด้วยความโกรธ “อย่ามาดูถูกข้า!”

“ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลง

ดวงตาของเขาดูว่างเปล่า ทว่ากลับเต็มไปด้วยความดื้อรั้นที่นางรู้ดีว่าต่อให้ตะโกนใส่หน้าเขาอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้

นางกัดฟันแน่น ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเขาต้องรั้งนางไว้เช่นนี้ เหตุใดยิ่งเกลียดกันเท่าไร พวกเขาถึงยิ่งหนีจากกันไปไม่ได้…

มู่เฉินยืนมองแววตาของสตรีตรงหน้า มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หญิงสาวที่เคยอ่อนโยน อดทน เฝ้ารอเขามาตลอดสามปี กลับยืนอยู่ต่อหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชาไร้เยื่อใย นางพูดราวกับว่าเขาไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย

กำปั้นของเขากำแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ

นางเป็นเพียงบุตรสาวของคนขายหมูคนหนึ่งแท้ ๆ แต่กลับกล้าตัดรอนเขาเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็นนางเองที่หักหลังเขาก่อน

ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครกล้าหันหลังให้เขาแบบนี้มาก่อน

ลึก ๆ ในใจเขาก็ยังอยากจะแต่งนางเป็นฮูหยินเอก

มู่เฉินหรี่ตาลง

ไม่

นางเป็นของเขา นางเป็นคู่หมั้นของเขา!

ต่อให้นางจะเกลียดเขาแค่ไหน ต่อให้พูดว่าไม่ต้องการพบกันอีก ต่อให้ใจนางไม่มีเขาแล้ว แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น

นางไม่มีสิทธิ์ตัดรอนเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินว่านางสมควรอยู่หรือไป!

เขาไม่แม้แต่จะเหลือบตามองนาง ทำเพียงแค่ลากนางกลับมาก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ไยดี

นับจากวันนั้น การกักขังที่เคยเป็นเพียงการรั้งตัวเอาไว้ กลายเป็นการจองจำโดยสมบูรณ์ ทุกค่ำคืนประตูหน้าเรือนรับรองจะถูกปิดด้วยกุญแจอย่างแน่นหนาราวกับหญิงสาวเป็นนักโทษที่ต้องขังเอาไว้

ลี่ถังมองแสงจันทร์ลอดผ่านช่องหน้าต่างแคบ ๆ ในห้องนางที่ถูกตอกไม้ปิดเอาไว้ไม่ให้นางหนี ทุกสิ่งอย่างยิ่งตอกย้ำกับนาง ว่านางจะไม่มีทางก้าวเท้าออกจากเรือนรับรองนี้ไปได้ หากเจ้าของจวนไม่คิดจะปล่อย

"ขังข้าเช่นนี้ราวกับนางเป็นนักโทษ..." หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง เสียงแผ่วเบาจนแทบกลืนไปกับความเงียบในเรือนรับรอง

เพราะเหตุใดกัน นางมิได้อ้อนวอนร้องขอให้เขาเลือกระหว่างนางกับแม่ของลูกเขาด้วยซ้ำ ศักดิ์ศรีและหน้าตาของเขามันมากมายจนต้องกักขังนางไว้เช่นนี้เลยหรือ

เช้าวันถัดมาหญิงสาวยังคงพยายามที่จะออกไป เมื่อคืนนางนั่งตากลมอยู่ค่อนคืนจนได้ไข้ แม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้ใบหน้าดูซีดเซียวกว่าปกติ

“นางไปไหนเสียล่ะ หากนางหายไปพวกเราจะโดนลงโทษนะ” เสียงของสาวใช้ที่เอาอาหารเข้ามาให้ทุกวันดังขึ้น และเมื่อเห็นว่าแม่นางลี่ถังที่อาศัยอยู่ในเรือนยังคงนอนอยู่ที่เตียงนางก็เร่งเข้าไปดู

“แม่นาง แม่นางลี่ถัง” ไม่มีเสียงตอบรับจากลี่ถัง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 10 คนหาย

    บทที่ 10 คนหาย “ใครเฝ้าอยู่ข้างนอก เข้ามาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มตะโกนลั่น คนงานที่เฝ้าอยู่เร่งเดินมาหา และสาวใช้ก็รีบวิ่งมา“นางไปไหน” คนทั้งสี่ส่ายหน้า สาวใช้บอกเช้านี้เอาอาหารมาให้ยังเห็นนางอยู่ ส่วนคนงานก็บอกว่าไม่เห็นนางเดินออกไป“บอกข้าแล้วอย่างไร ไปหาสิ” มู่เฉินอารมณ์เสีย เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหายไปได้ ด้านหลังจวนไม่มีอะไรนอกจากบ่อ วูบหนึ่งเขาหลงคิดว่านางอาจจะฆ่าตัวตาย แต่นางไม่ได้รักเขาขนาดนั้น นางคงไม่มีทางทำ หญิงใจง่ายที่มีคนอื่นทั้ง ๆ ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ไม่ควรเสียใจที่คู่หมั้นมีอนุก่อนแต่งหรอก“เจอหรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถามพ่อบ้าน แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้า “ให้คนตามอยู่ขอรับ นายท่านพักก่อนเถอะ” “ข้าไม่พัก แล้วทุกคนก็ห้ามพัก หาให้เจอ” เสียงของมู่เฉินดังจนเหล่าสาวใช้สะดุ้ง ดวงตาคมกริบตวัดมองบ่าวไพร่ของตนที่ยืนเรียงราย ทุกคนต่างหลบตาไม่มีผู้ใดกล้าสบตาเขา “นายท่าน... เราค้นทั่วเรือนแล้วขอรับ แต่...” “แต่อะไร”“ไม่มีขอรับ ไม่มีแม่นางลี่ถัง”“ไร้ประโยชน์” ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อด้วยความหงุดหงิด ความรู้สึกในอกตีกันยุ่งเหยิงไปหมด แค่คิดว่าลี่ถังกลับไปแล้ว หัวใจเขาก็บีบแน่น “ทุกคนฟัง

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 9 บ่อน้ำร้าง

    บทที่ 9 บ่อน้ำร้าง ตูม!!ลี่ถังกรีดร้องออกมา แต่เสียงขาดหายไปกลางอากาศ ร่างของนางเสียหลักและร่วงลงสู่ความมืดมิดน้ำเย็นเฉียบทะลักเข้าปากและจมูก นางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำ แต่ความลื่นของตะไคร่ทำให้นางจับขอบบ่อไม่ได้เลย“ช่วยด้วย!” นางพยายามร้อง แต่เสียงสะท้อนอยู่เพียงในความเงียบงันเหนือปากบ่อ เงาหนึ่งปรากฏขึ้น เสียงฝีเท้าเบา ๆ ค่อย ๆ ถอยออกไป ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงัดไม่มีใครอยู่ที่นั่น ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางถูกผลักลงมาน้ำเย็นเยียบราวกับจะดูดกลืนสติของนางไปทุกขณะไม่!นางกัดฟัน พยายามยันตัวเองขึ้น ทว่าพลังของนางค่อย ๆ ลดลงทุกขณะขณะที่สติเริ่มเลือนราง มีเพียงความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจของนางข้ายังไม่อยากตาย… ท่านพ่อ…พี่ใหญ่ความหนาวเย็นกัดกินไปถึงกระดูก นางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ แต่กำแพงหินของบ่อร้างทั้งสูงและลื่น ตะไคร่น้ำจับแน่นทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้มือของนางสั่นระริก ร่างกายเปียกโชกและชาดิกไปหมด เสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อครู่กลืนหายไปในความมืดมิด ไม่มีแม้เสียงฝีเท้าของผู้ใดเดินผ่านลมหายใจของนางเริ่มติดขัด เสื้อผ้าเปียกชุ่มทำให้ร่างกายหนักขึ้นเรื

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 8 หาทางหนี

    บทที่ 8 หาทางหนี ลี่ถังเองก็คิดไม่ต่างกัน นางเองก็คิดว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไร้เยื่อขาดไยเช่นนี้นางควรรีบทำทุกอย่างให้จบ แม้จะถูกขังแต่หากอีกฝ่ายไม่เอาเชือกมามัดมือนางไว้ ลี่ถังก็ยังพยายามหาทางออกจากจวนนี้ทุกวันนางเคยคิดจะว่ายน้ำออกไป แต่น่าเสียดาย นางว่ายน้ำไม่แข็งขนาดนั้น จึงไม่สามารถว่ายผ่านบึงบัวขนาดใหญ่ด้านหลังจวนไปได้ อีกอย่างยามนี้ก็หนาว หากลงน้ำคงได้ไข้แม้จะลองใช้สารพัดวิธี แต่ไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็ถูกเฝ้าจับตาไว้หมด และสุดท้ายก็ถูกลากกลับมาที่เรือนรับรองที่แปรเปลี่ยนเป็นห้องขัง แต่วันนี้ขณะหญิงสาวมาตักน้ำที่บ่อน้ำเก่าหลังเรือน สายตาก็เหลือบไปเห็นกิ่งต้นไม้ใหญ่ด้านบน คงเพราะก่อนหน้านางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจึงไม่ทันสังเกตเห็น แม้โคนต้นไม้นี้น่าจะอยู่ด้านนอกกำแพง แต่หากนางขึ้นไปบนกิ่งใหญ่นี่ได้ นางอาจจะใช้มันผ่านไปทางหลังคาและออกหลังกำแพงจวนไปได้ “แล้วจะขึ้นไปอย่างไรเล่า” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง นางไม่อาจปีนขึ้นจากพื้นได้ แต่หากปีนขึ้นจากหลังคาบ่อน้ำก็อาจจะพอเป็นไปได้ หัวใจของลี่ถังเต้นแรง นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของนาง หญิงสาวไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางรีบสำรวจหาหนทางที่จะข

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 7 หูเบา

    บทที่ 7 หูเบา “วันนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”“ปกติดีเจ้าค่ะ” “ลมหนาวเช่นนี้ เจ้าต้องระวังสุขภาพให้มาก”“เจ้าค่ะ”“อยากกินอะไรพิเศษก็บอกกับสาวใช้ให้ไปซื้อ” ยิ่งฟังน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา ตั้งแต่วันแรกที่นางได้ยินคำเหล่านี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ต่างกับการกระทำของมู่เฉินที่มีต่อนาง มันเปลี่ยนไปหมด หญิงสาวได้แต่ยืนฟังอยู่หลังหน้าต่างที่ถูกไม้ตีปิดเอาไว้ มีเพียงช่องลอดมองได้นิดหน่อย แต่ตัวผ่านไม่ได้ แต่ละวันผ่านไปด้วยความเจ็บปวดและชินชาที่ค่อย ๆ เกาะกินหัวใจจนมันเริ่มไร้ความรู้สึก ลี่ถังพยายามปลอบใจตัวเองแต่ก็ไม่มีถ้อยคำดี ๆ ที่จะทำให้รู้สึกสบายใจได้ แม้แต่เรื่องออกจากที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ออกไป เพราะทุกครั้งที่คิดจะหนี นางก็จบลงด้วยการกลับมาอยู่ในเรือนนี้พร้อมกับการป้องกันที่มากขึ้น ในเมื่อไม่มีใจแล้วจะรั้งเอาไว้ทำไม หญิงสาวคิดแล้วก็เผลอลืมไปว่าเขาขังนางเอาไว้ไม่ใช่เพราะรั้งนาง แต่กังวลว่านางจะทำเรื่องให้เขาเดือดร้อน น้ำตาใสไหลออกมาอีกหยดก่อนที่ร่างสวยจะทรุดลงไปนั่งร้องไห้กับพื้น นางจะร้องเป็นครั้งสุดท้าย ลี่ถังคิด ครั้งสุดท้าย...ลี่ถังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่างบานเดิม เสียงคนทั

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 6 แสร้งป่วย

    บทที่ 6 แสร้งป่วย สาวใช้อีกคนวางถาดอาหารแล้วรีบตรงเข้ามาเขย่าร่างของลี่ถังแต่ผลที่ได้ก็คือนิ่งเฉยเช่นกัน "เจ้าเป็นอะไรไป แม่นางลี่ถัง ไม่ได้การแล้ว ข้าจะไปบอกท่านพ่อบ้าน" สาวใช้คนแรกลนลานวิ่งออกไป ส่วนอีกคนก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากของหญิงสาวที่นอนอยู่ มันไม่ได้ร้อนแต่มันกลับเย็นผิดปกติและยังมีเหงื่อซึมนางเร่งไปตักน้ำร้อนมาเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย หากนายท่านรู้ว่านางละเลยไม่ได้ดูแลอะไรเลยแขกของนายท่าน นางอาจจะโดนลงโทษเอาได้ อีกด้านสาวใช้คนแรกก็เร่งไปบอกพ่อบ้านที่กำลังคุยกับมู่เฉิน"ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ แม่นาง แม่นางลี่ถังที่อยู่ในเรือนรับรองไม่สบายเจ้าค่ะ" นางพูดพร้อมกับหอบหายใจเมื่อมาถึงพ่อบ้านที่กำลังพูดคุยเรื่องงานกับเจ้านายของจวนชะงักและเหลือบมองไปที่มู่เฉิน เขากัดริมฝีปากตนเองน้อย ๆ อย่างไม่พอใจ ที่มู่เฉินวางทุกอย่างในมือแล้วลุกเดินออกไปทันทีพ่อบ้านหันไปมองหน้าสาวใช้อย่างคาดโทษก่อนจะเดินตามเจ้านายออกไป มู่เฉินเร่งเดินไปยังเรือนรับรองทันทีที่ได้ยินว่าลี่ถังไม่สบาย เขาไม่รู้ตัว ร่างกายของเขาเป็นไปเช่นนี้เอง ทั้ง ๆ ที่ใจเขาบอกให้ไม่สนใจนาง วันก่อนก็เช่นกัน แม้จะมีคนมากมายแต่สายตาของเขาก็ดัน

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้

    บทที่ 5 เกลียดกันเท่าไร ก็ยิ่งหนีไปไม่ได้"ช่วงนี้นายท่านช่างอ่อนโยนกับซูปี้เหลือเกิน" เสียงสาวใช้ดังแว่วเข้าหูลี่ถังแต่หญิงสาวก็มิได้เอ่ยอะไร "พวกเราต้องทำดี ๆ กับนางเอาไว้นะ นายท่านรักใคร่เอ็นดูนางเช่นนี้ อีกไม่นานต้องแต่งนางแล้วยกให้เป็นฮูหยินแน่ ๆ วาสนานี่นะแข่งกันไม่ได้จริง ๆ" มิใช่ว่าไม่เห็นลี่ถังอยู่ตรงนั้น แต่สาวใช้ทั้งสองเลือกจะคุยและเหลือบมองมาที่นางอย่างตั้งใจเดิมทีตอนซูปี้ท้องโตขึ้นมา พวกนางก็ไม่รู้ว่าผู้ใดคือบิดาของเด็กในท้องเพราะซูปี้ไม่มีคนรัก อีกทั้งนายท่านและพ่อบ้านก็มิได้ตำหนิใด ๆ ที่ซูปี้ทำเรื่องน่าอับอายภายในจวน แต่ทุกสิ่งไขกระจ่างหลังจากที่นายท่านฟื้นจากโรดระบาด แท้จริงแล้วเด็กในท้องของซูปี้เป็นสายเลือดคนสกุลมู่นั่นเองทั้งสองสาวได้รับหน้าที่ยกอาหารมาที่เรือนรับรองนี้ หากไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้แขกอย่างนางฟัง จะพูดให้ใครได้ยินได้อีก ลี่ถังเม้มปากแน่น พลางก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า หัวใจของนางราวกับถูกบีบจนแตกสลาย นางไม่เข้าใจว่ามู่เฉินโกรธเกลียดนางเพราะเหตุใด ถึงต้องขังนางเอาไว้ให้เจอกับเรื่องเช่นนี้ตอนแรกนางคิดว่าอีกฝ่ายขังนางเอาไว้เพราะกลัวว่านางจะกลับไปพูดเรื่องถอน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status