Home / วาย / คู่หมายผู้วายชนม์ / ตอนที่ 2 : อวิ๋นชางชุน

Share

ตอนที่ 2 : อวิ๋นชางชุน

Author: TheXang789
last update Last Updated: 2025-09-23 13:36:14

ตอนที่ 2 : อวิ๋นชางชุน

'อวิ๋นชางชุน' หรือรู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ 'แม่ทัพอวิ๋น'

อวิ๋นชางชุนเป็นบุตรชายของ 'อวิ๋นซีเจียง' หรือใต้เท้าอวิ๋นขุนนางขั้นสองเจ้ากรมยุติธรรม ยามที่ได้เลือกเส้นทางของชีวิตอวิ๋นชางชุนไม่เลือกที่จะเป็นขุนนางนั่งโต๊ะในราชสำนัก กลับเลือกที่จะเป็นทหารแทน

อวิ๋นชางชุนเมื่ออายุได้สิบเก้าปี ก็ถูกส่งไปประจำชายแดนยังทิศตะวันออกของแคว้นหลิวหลิน ไม่นานก็ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพภาค คุมกำลังพลนับแสนนาย ก่อนที่ศึกล่าสุดเมื่อสองปีก่อนอวิ๋นชางชุนได้เป็นผู้นำทัพรบกับชนเผ่านอกด่าน คว้าชัยชนะกลับมาให้หลิวหลิน

หลังจากที่ได้กลับเข้ามาเมืองหลวงก็ได้หมั้นหมายกับบุตรสาวของเจ้ากรมพิธีการอย่างอู๋เยว่เหลียน

เบื้องหน้าเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันเช่นนั้น

แต่ความจริงแล้วการหมั้นหมายครั้งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลัง

เจ้ากรมพิธีการ หรือ 'อู๋เป่ยซาน' ขุนนางขั้นสองในราชสำนัก ถูกพบว่าคิดก่อกบฎล้มอำนาจราชวงศ์ เป็นผู้หนุนหลังขององค์ชายพระองค์หนึ่งที่คิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ทรราช

แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถสืบทราบได้อย่างแน่ชัดว่าผู้ที่อู๋เป่ยซานคิดจะปูทางให้นั้นเป็นองค์ชายพระองค์ใดกันแน่

แต่วิธีที่จะได้เข้าใกล้อู๋เป่ยซานและเหล่ากบฎนั้นมีไม่กี่หนทาง ในหนทางอื่นๆก็มีคนพยายามแล้ว แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

พอดีกับอวิ๋นชางชุนที่คว้าชัยกลับมา จึงได้วางแผนเพื่อหมั้นหมายกับอู๋เยว่เหลียน บุตรสาวของอู๋เป่ยซาน เพื่อสืบความเรื่องกบฎ

แน่นอนว่ายามที่อวิ๋นชางชุนส่งจดหมายไปพร้อมกับแม่สื่อนั้น คนตระกูลอู๋เรียกได้ว่าดีใจจนเนื้อเต้น

ไม่ว่าจะเป็นอู๋เป่ยซานที่ในใจยินดีตอบรับบุตรเขยคนนี้มากกว่าบุตรเขยคนไหนๆ เพราะอำนาจที่ควบคุมกองกำลังในมือของอวิ๋นชางชุนนั้นช่างหอมหวานยั่วยวนเสียเหลือเกิน

หรือจะเป็นอู๋เยว่เหลียนที่ดีใจจนเนื้อเต้นไม่ต่างกัน เพราะได้รับความสนใจจากแม่ทัพใหญ่ที่มีความดีความชอบ อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลา คมคาย สมกับเป็นชายชาติทหาร

แน่นอนว่าสองพ่อลูกตระกูลอู๋ตอบตกลงรับจดหมายแม่สื่อของอวิ๋นชางชุนโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

อวิ๋นชางชุนจำได้เป็นอย่างดียามที่ได้พบกับอู๋เยว่เหลียนเป็นครั้งแรก นางมีท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา เขินอายเมื่อต้องได้พบกับบุรุษที่หล่อเหลาและแข็งแกร่ง อีกทั้งในภายภาคหน้าอาจได้ร่วมเรียงเคียงหมอน อวิ๋นชางชุนราวกับมองทะลุถึงความคิดของนาง ไม่แปลกแม้แต่น้อยที่สตรีตรงหน้าจะมีท่าทีเขินอายเช่นนั้น

แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดเป็นเพียงแผนการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น อวิ๋นชางชุนไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ชอบพอนางเลยแม้แต่น้อย

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฮ่องเต้ทรงทราบมาโดยตลอดเรื่องของกบฏที่แฝงตัวอยู่ ใช้เวลาตามสืบหลายต่อหลายปีกระทั่งคลำเจอหางของมัน ซึ่งส่วนหางที่โผล่ออกมานั้นคือคนตระกูลอู๋นั่นเอง

ดังนั้นอวิ๋นชางชุนที่นอกจากจะเป็นแม่ทัพใหญ่ของหลิวหลินแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตำแหน่งพิเศษคือหัวหน้าหน่วยอารักขาฮ่องเต้จึงได้รับมอบหมายหน้าที่แฝงตัวแทรกซึมเข้าไปในแผนการของอู๋เป่ยซานและพรรคพวก

หน่วยอารักขานั้นขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เพียงผู้เดียว ดำเนินการต่างๆอย่างเงียบเชียบอยู่ในเงา ทั้งหน่วยมีเพียงสิบคนเท่านั้น และเป็นหน่วยที่ไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งสิ้นในใต้หล้าหลิวหลินยกเว้นเพียงองค์เหนือหัว

หากสิ่งใดที่เล็งเห็นว่าลงมือแล้วเกิดประโยชน์ สามารถตัดสินใจได้เลยไม่ต้องรายงาน ดังนั้นเรื่องที่หมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลอู๋เองก็เช่นกัน

อวิ๋นชางชุนคาดว่าการสืบเรื่องกบฏนั้นน่าจะง่ายดายอย่างที่วางแผนเอาไว้ แต่ดันมีตัวแปรที่อยู่เหนือความคาดหมายโผล่มาเสียดื้อๆ

หวังเต๋ออี้ ขุนนางขั้นสี่รองเจ้ากรมกลาโหมคนนั้น...

อวิ๋นชางชุนจำได้ว่าหวังเต๋ออี้นั้นเป็นอดีตสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทและตน ระหว่างที่ออกไปทำศึกนั้นไร้ข่าวคราว กลับมาอีกทีคนได้เลื่อนขั้นเป็นถึงรองเจ้ากรมนับว่าเป็นบุคคลที่มุ่งมั่นในหน้าที่การงานและน่าเลื่อมใสโดยแท้

แต่ขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นนั้นเดิมทีไม่ได้กินเส้นกันเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายเป็นพวกใช้สมอง ส่วนอีกฝ่ายเป็นพวกบ้าดีเดือดใช้แต่กำลัง ดังนั้นหลังจากกลับมาจากสนามรบ อวิ๋นชางชุนเองก็ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยววุ่นวายกับคนมากนัก นอกจากจะพบกันบ้างยามที่ว่าราชการต่อหน้าพระพักตร์

อีกทั้งยามที่ยังเป็นสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน เพียงแค่รู้ชื่อผ่านๆเท่านั้น จำได้ว่ายามนั้นหวังเต๋ออี้หน้าตาดูซื่อบื้อกว่านี้มาก

แต่เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งกลายเป็นขุนนางหนุ่มรูปงามเป็นที่หมายปองของคุณหนูคุณชายจากหลายตระกูลไปเสียแล้ว

ยามนั้นได้มองดูคนด้วยความชื่นชม จนกระทั่งเป็นหวังเต๋ออี้เองที่สร้างเรื่องลำบากใจให้อวิ๋นชางชุน

"ได้ยินหรือไม่? ใต้เท้าหวังกล่าวว่าไม่ได้ต้องตาคุณหนูอู๋ แต่เป็นท่านแม่ทัพอวิ๋นต่างหาก"

"เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?"

"แน่นอนสิ ข้าได้ยินมาเองกับหูของข้า เชื่อได้แน่นอน"

อวิ๋นชางชุนไม่ได้นึกรังเกียจที่หวังเต๋ออี้นั้นชื่นชอบบุรุษด้วยกัน เพียงแต่การกระทำของหวังเต๋ออี้ที่เอาแต่ตามติดอวิ๋นชางชุนและอู๋เยว่เหลียนนั้น นับวันยิ่งน่ารำคาญ

จากความไม่ชอบใจธรรมดาๆ นับวันกลายเป็นความน่ารำคาญ ยิ่งนานวันเข้าอวิ๋นชางชุนได้ใช้สายตารังเกียจอย่างปิดไม่มีมิดมองอดีตสหายร่วมเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากหวังเต๋ออี้จะทำให้รำคาญใจแล้ว ยังทำให้แผนดำเนินไปอย่างเชื่องช้าอีกด้วย เรียกได้ว่าตั้งแต่กลับมาเมืองหลวงนั้น เรื่องที่ตามสืบอยู่ไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก เพราะอู๋เยว่เหลียนยามเห็นหวังเต๋ออี้ก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอยู่เสมอ เพราะงั้นอวิ๋นชางชุนที่เป็นคู่หมั้นจึงได้แต่ยอมตามใจต่างๆนานา

วันนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน หวังเต๋ออี้ 'บังเอิญ' ได้มาพบกับอวิ๋นชางชุนและอู๋เยว่เหลียนที่โรงน้ำชา

แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นหวังเต๋ออี้ที่นั่งดื่มชาอยู่ก่อน แล้วเป็นอวิ๋นชางชุนและอู๋เยว่เหลียนที่เข้ามาในโรงน้ำชาทีหลัง แต่เมื่อสั่งอาหารแล้วจึงได้สังเกตเห็นว่าหวังเต๋ออี้นั่งจิบชาอยู่โต๊ะเยื้องกัน และอีกฝ่ายยังลอบมองอยู่ก่อนแล้วอีกด้วย

เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว อู๋เยว่เหลียนที่อยู่ด้วยกันจึงแสดงท่าทีไม่สบอารมณ์นัก อวิ๋นชางชุนจำเป็นต้องรีบพานางออกมาจากโรงน้ำชานั่นก่อนที่นางจะไม่สบอารมณ์ไปมากกว่านี้

กลายเป็นว่าเรื่องที่ต้องการจะสืบทราบนั้นก็ไม่ได้ความอะไร อวิ๋นชางชุนกลับมายังจวนตระกูลอวิ๋นด้วยความหงุดหงิด

เมื่อกลับมาถึงจวนไม่รอพบหน้าผู้ใด ตรงไปยังเรือนส่วนตัวทันที

ก่อนหน้านี้พอจะได้ข่าวคราวที่ว่าเรื่องลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้นั้น อีกฝ่ายตระเตรียมเอาไว้อย่างรัดกุมแล้ว และกำหนดการคือวันพระราชสมภพของฝ่าบาทที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

แม้เรื่องนั้นจะไม่ได้รับสารมาตรงๆ แต่ว่าได้รับรู้มาจากอู๋เป่ยซานที่ได้นัดพบกับเหล่ากบฎด้วยกันที่จวนตระกูลอู๋เมื่อเดือนก่อน

แผนการป้องกันนั้นเป็นไปอย่างเงียบเชียบ แต่รัดกุม จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นศีรษะของทั้งตระกูลอวิ๋นก็ไม่เพียงพอที่จะรับผิดชอบ

เพียงเค่อเดียวหลังจากที่กลับมายังจวนตระกูลอวิ๋น อวิ๋นชางชุนก็ต้องรีบออกจากจวนไปอีกครั้ง คราวนี้อวิ๋นชางชุนออกไปจากจวนอย่างเงียบเชียบและไร้ร่องรอย

พิธีพระราชสมภพกำลังจัดเตรียมเพื่อให้วันพิธีจริงในอีกสามวันข้างหน้าไม่มีข้อผิดพลาด แต่ข้อผิดพลาดจากปัจจัยภายนอกอย่างหวังเต๋ออี้นั้นกวนใจไม่เลิกรา จนบัดนี้นอกจากแผนการของเหล่ากบฏในพิธีพระราชสมภพแล้ว ยังไม่รู้แผนการอื่นของพวกมัน

อวิ๋นชางชุนเดินทางมายังตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องทำงานที่อยู่ปีกซ้ายของตำหนัก ขันทีที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นว่าเป็นอวิ๋นชางชุนเข้ามาก็รีบเคาะประตูแจ้งคนด้านใน ก่อนจะเปิดประตูรอเมื่อได้ยินคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง

ทันทีที่อวิ๋นชางชุนเข้ามาได้ ประตูไม้แกะสลักอย่างวิจิตรก็ถูกปิดลง เบื้องหน้าเป็นบุรุษรูปงามอีกคนในแผ่นดินหลิวหลินนั่งที่หลังโต๊ะทรงงานตัวโต ในมือยังถือฎีการ้องทุกข์ฉบับหนึ่งเอาไว้อยู่

"ถวายบังคม องค์รัชทายาท"

"เจ้ากับข้า คนกันเองไม่ต้องมากพิธี"

"ขอบพระทัยองค์รัชทายาท"

"มีเรื่องอะไรคืบหน้าบ้างหรือไม่?"

"เรื่องแผนการอื่นของคนแซ่อู๋ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการวางกำลังในพิธีพระราชสมภพนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ ขอพระองค์โปรดวางพระทัย"

"ดียิ่ง เจ้านั่งลงก่อนเถอะ"

แม้ว่าอวิ๋นชางชุนจะมีสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ดูในแววตาก็รู้ว่าหงุดหงิดใจไม่น้อย จินหนิงเฉิงรับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่ทำให้อวิ๋นชางชุนหงุดหงิดเป็นเรื่องอะไร

"วันนี้ก็เจอใต้เท้าหวังอีกหรือ?"

อวิ๋นชางชุนเมื่อได้ยินเพียงแค่นั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เพียงแค่นึกถึงก็หงุดหงิดใจจะแย่แล้ว

"เอาน่า อย่างไรก็เคยเป็นสหายร่วมเรียน"

"พระองค์ไม่กล่าวถึงเขาไม่ได้หรือ?"

จินหนิงเฉิงเมื่อเห็นว่าอวิ๋นชางชุนทำหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาก็ยักไหล่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอใบหน้า กล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

"ไม่แกล้งเจ้าแล้ว"

อวิ๋นชางชุนถอนหายใจ จินหนิงเฉิงเลื่อนถาดน้ำชาให้ อวิ๋นชางชุนหยิบกาขึ้นมารินน้ำชาให้จินหนิงเฉิง

"คนของเราที่แฝงตัวเข้าไปเล่า ได้ส่งข่าวบ้างหรือไม่?"

"ยามนี้พวกกบฏคิดทำการใหญ่ การเคลื่อนไหวค่อนข้างรัดกุม แต่เรื่องที่แน่นอนคือในพิธีพระราชสมภพ พวกมันต้องลงมือแน่นอนพะยะค่ะ"

"พูดเป็นกันเองมากกว่านี้เถอะอาชุน ข้าฟังแล้วแสลงหูยิ่งนัก"

อวิ๋นชางชุนเมื่อยามยังเล็ก เห็นองค์รัชทายาทครั้งแรกก็รังแกกันแล้วเพราะอีกฝ่ายตัวเล็กกว่า เมื่อได้เข้ามาเป็นสหายร่วมเรียนจึงได้รู้ว่าเด็กชายที่ตนเอาไม้ไล่ฟาดในครั้งก่อนเป็นถึงองค์รัชทายาท

"ทีเมื่อก่อนเจ้ายังไล่ตีข้าจนขาแทบหักอยู่เลย"

"เรื่องก็เป็นสิบปีแล้ว อีกทั้งกระหม่อมตีเพียงแค่ขึ้นริ้วแดงจางๆเท่านั้น เป็นท่านที่อ่อนแอ"

"เจ้าคนถ่อยรู้หรือไม่โทษของการทำร้ายเชื้อพระวงศ์ร้ายแรงถึงขั้นประหารเชียวนะ"

จินหนิงเฉิงตีโต๊ะเสียงดังหลายครั้ง ราวจะข่มขวัญสหายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน อวิ๋นชางชุนเพียงยกยิ้มมุมปากเท่านั้น

"หากเป็นอย่างท่านว่า เหตุใดจึงไม่จัดการกระหม่อมไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่ว่าท่านอยากได้สหายที่คุ้มครองท่านได้หรอกหรือ?"

"รู้มาก"

จินหนิงเฉิงในยามนั้นอ่อนแอจริง อีกทั้งเมื่อเห็นว่าอวิ๋นชางชุนนั้นแข็งแกร่งก็คิดจะรั้งเอาไว้ข้างกาย แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเพียงความคิดแบบเด็กๆก็ตาม

ไม่นึกว่าความคิดแบบเด็กๆในวันนั้น จะได้แม่ทัพบูรพามาไว้ข้างตัว อีกทั้งอวิ๋นชางชุนนั้นเมื่อรู้ว่าจินหนิงเฉิงเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ก็นอบน้อมขึ้นสิบส่วน เรื่องที่ว่าจินหนิงเฉิงไม่เอาเรื่องที่อวิ๋นชางชุนไล่ตีอีกคนไปกราบทูลฮ่องเต้นับว่าเป็นบุญคุณ อวิ๋นชางชุนได้ปฏิญาณตนอยู่รับใช้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทอย่างจินหนิงเฉิงด้วยความซื่อสัตย์

"เสด็จพ่อกล่าวว่าเรื่องงานพิธีการอยู่ในความรับผิดชอบของอู๋เป่ยซาน โชคช่างเข้าข้างเสียเหลือเกินที่ได้เป็นคนจัดเตรียมพิธีพระราชสมภพ"

จินหนิงเฉิงนวดหว่างคิ้วเบาๆเพื่อคลายความตึงเครียด อวิ๋นชางชุนเองยามนี้ก็นั่งหน้าเครียดไม่ต่างกัน พิธีพระราชสมภพนั้นใกล้เข้ามาแล้ว แม้วางกำลังไว้มากมายก็ไม่อาจวางใจได้

"หากครั้งนี้พวกมันทำสำเร็จ เรื่องที่คนของเราแฝงตัวเข้าไป หรือเรื่องที่เจ้ายอมหมั้นหมายกับคุณหนูอู๋คงสูญเปล่า"

หากแผนการของกบฏสำเร็จในครั้งนี้คงลำบากไม่ใช่เล่นๆ แม้ว่าต่อให้ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้สำเร็จ แต่ก็ยังมีองค์รัชทายาทอย่างจินหนิงเฉิงขึ้นครองราชย์แทนก็ตาม

แต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อคิดจะก่อกบฏแล้ว พวกมันคงจะทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจของพวกมัน

ที่น่ากังวลคือตอนนี้ไม่ร้ว่าเป็นองค์ชายพระองค์ใดที่คิดก่อกบฏ กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะครองบัลลังก์ใจแทบขาดจนถึงขั้นลอบสังหารบิดาและพี่น้องของตนเอง

"เจ้าตรวจสอบให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาด"

"พะยะค่ะ"

"อย่างน้อยๆก็ครั้งนี้ ห้ามให้มันทำได้สำเร็จเป็นอันขาด"

"พระองค์โปรดวางพระทัย กระหม่อมจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นในพิธีพระราชสมภพพะยะค่ะ

แม้ไม่อาจวางใจได้นัก จินหนิงเฉิงก็ยังพยักหน้ารับน้อยๆ อย่างไรแล้วในวันพิธีพระราชสมภพนั้นก็ต้องเกิดเรื่องชุลมุนอย่างแน่นอน

แต่แผนการของเหล่ากบฏในคราวนี้ อย่างน้อยๆจะต้องไม่สำเร็จเพื่อให้อวิ๋นชางชุนต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแผนการภายหลัง

อย่างน้อยๆฮ่องเต้และองค์รัชทายาทจะต้องปลอดภัย...

"ข้าไม่รั้งเจ้าไว้นาน อีกสามวันก็ถึงวันพิธีแล้ว เจ้ารีบไปจัดการให้เรียบร้อยเถอะ"

อวิ๋นชางชุนพยักหน้ารับไม่มีโต้แย้ง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างของโต๊ะทรงอักษร

"กระหม่อมทูลลา"

จินหนิงเฉิงโบกมือแบบขอไปที อวิ๋นชางชุนกลับหลังเดินออกจากห้องทรงอักษรไป แต่ก่อนที่จะได้ก้าวพ้นธรณีประตู น้ำเสียงยียวนของผู้ที่เป็นนายเหนือหัวและสหายก็ดังขึ้นเสียก่อน

"ยามนี้เหล่าขุนนางว่าราชการกันเสร็จแล้ว เจ้าเดินกลับทางทิศเหนือจะได้ใกล้หน่อย"

อวิ๋นชางชุนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินจินหนิงเฉิงเอ่ยถึงทิศเหนือที่ว่า

เพราะหากเดินกลับทางทิศเหนือ อย่างไรก็จะต้องผ่านหน้าจวนตระกูลหวังอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

"ขอบพระทัยสำหรับคำแนะนำ กระหม่อมทูลลา"

อวิ๋นชางชุนไม่หันกลับมามองหน้าสหายที่เอ่ยถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย รีบจำอ้าวออกไปพร้อมกับใบหน้าถมึงทึง ทำเอาขันทีหน้าห้องทรงอักษรถึงกับผวา

อีกทั้งเมื่อกล่าวถึงเรื่องนั้นแล้ว เดินออกจากวังบูรพามายังนึกถึงใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหวังเต๋ออี้ไม่หยุด ถนนด้านหน้าพระราชวังไปได้หลายทิศทาง ผู้คนขวักไขว่ อวิ๋นชางชุนนึย้อนถึงหวังเต๋ออี้อีกคราก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

วันนี้อวิ๋นชางชุนยังคงเดินกลับจวนโดยถนนที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอยู่ดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คู่หมายผู้วายชนม์   ตอนที่ 2 : อวิ๋นชางชุน

    ตอนที่ 2 : อวิ๋นชางชุน'อวิ๋นชางชุน' หรือรู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ 'แม่ทัพอวิ๋น'อวิ๋นชางชุนเป็นบุตรชายของ 'อวิ๋นซีเจียง' หรือใต้เท้าอวิ๋นขุนนางขั้นสองเจ้ากรมยุติธรรม ยามที่ได้เลือกเส้นทางของชีวิตอวิ๋นชางชุนไม่เลือกที่จะเป็นขุนนางนั่งโต๊ะในราชสำนัก กลับเลือกที่จะเป็นทหารแทนอวิ๋นชางชุนเมื่ออายุได้สิบเก้าปี ก็ถูกส่งไปประจำชายแดนยังทิศตะวันออกของแคว้นหลิวหลิน ไม่นานก็ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพภาค คุมกำลังพลนับแสนนาย ก่อนที่ศึกล่าสุดเมื่อสองปีก่อนอวิ๋นชางชุนได้เป็นผู้นำทัพรบกับชนเผ่านอกด่าน คว้าชัยชนะกลับมาให้หลิวหลินหลังจากที่ได้กลับเข้ามาเมืองหลวงก็ได้หมั้นหมายกับบุตรสาวของเจ้ากรมพิธีการอย่างอู๋เยว่เหลียนเบื้องหน้าเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันเช่นนั้นแต่ความจริงแล้วการหมั้นหมายครั้งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังเจ้ากรมพิธีการ หรือ 'อู๋เป่ยซาน' ขุนนางขั้นสองในราชสำนัก ถูกพบว่าคิดก่อกบฎล้มอำนาจราชวงศ์ เป็นผู้หนุนหลังขององค์ชายพระองค์หนึ่งที่คิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ทรราชแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถสืบทราบได้อย่างแน่ชัดว่าผู้ที่อู๋เป่ยซานคิดจะปูทางให้นั้นเป็นองค์ชายพระองค์ใดกันแน่แต่วิธีที่จะได้เข้าใกล้อ

  • คู่หมายผู้วายชนม์   ตอนที่ 1 : หวังเต๋ออี้

    ตอนที่ 1 : หวังเต๋ออี้"ใต้เท้าหวังคนนั้นน่ะหรือ?""เจ้าอย่าเสียงดังนักสิ อยู่ใกล้แค่นี้ หากเขาได้ยินจะทำเช่นไร?"สตรีสามสี่คนที่กำลังจะเดินผ่านโรงน้ำชาชื่อดังเหลือบมองเข้ามาในโรงน้ำชาก่อนจะหันไปพูดซุบซิบกับสหายที่เดินมาด้วยกันด้วยเสียงที่ไม่เบานัก จนสหายที่มาด้วยกันต้องรีบลากให้นางออกห่างจากโรงน้ำชาและผู้ที่เป็นประเด็นในบทสนทนาเมื่อครู่คนที่เป็นประเด็นของแม่นางน้อยกลุ่มเมื่อครู่ แม้จะได้ยินทุกคำพูดของพวกนางแต่หาได้ใส่ใจไม่ เพราะด้านหนึ่งของโรงน้ำชามีสิ่งที่ 'หวังเต๋ออี้' หรือใต้เท้าหวังคนดังที่เป็นประเด็นนั้นสนใจมากกว่าหวังเต๋ออี้ หรือใต้เท้าหวังคนดังนั้น เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นมีตำแหน่งอยู่ในกรมกลาโหม เป็นขุนนางขั้นสี่ที่ได้ดูแลเกี่ยวกับงบประมาณของเหล่ากองทัพใหญ่ทั้งสี่ของแคว้นหลิวหลิน บุตรชายคนเดียวของหวังอวี้อันเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นเช่นกัน หวังอวี้อันผู้เป็นบิดา มียศเป็นขุนนางขั้นที่สองของกรมโยธาเดิมทีหวังเต๋ออี้ก็เป็นบัณฑิตหนุ่มเนื้อหอม เป็นที่หมายปองต้องตาของชายหญิงทั่วแผ่นดินหลิวหลินอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ความนิยมจะลดน้อยลงจนเรียกได้ว่าติดลบในยามนี้และต้นเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่ใต้เท้าห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status