ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิง
ซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไป
นางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึง
ที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีก
ซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลาน
หลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เรียนอยู่ เพื่อดูแลพวกเขาใกล้ชิด การทำงานที่หน่วยข่างวกรองบางทีไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนๆ ไม่เหมาะกับการดูแลเด็กเธอจึงต้องลาออก
“เฮ้อ อาเหมามารับหลานๆ ไปเรียนที่อังกฤษ ฉันกำลังว่าจะไปเปิดฟิตเนส และรับเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวสักหน่อย ต้องมาตายเพราะคบบ้าคลุ้มคลั่งนี่นะ เวรกรรมจริงๆ เลย”
ตอนนั้นหลี่จื่อเหยียนที่ไปนั่งกินอาหารอยู่ดีๆ ก็มีเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ดีที่เป็นวันหยุดจึงไม่มีนักเรียน แต่คนร้ายก็ยังไม่หยุดคลุ้มคลั่ง กลับวิ่งออกมากราดยิงผู้คนที่สัญจร และหนึ่งในนั้นก้คือเธอที่กำลังนั่งกินหม้อไฟอยู่ดีๆ
ตอนนี้เธอคือซ่งจื่อเหยียน หญิงสาวอายุสิบแปดที่คลอดบุตรชายมาหนึ่งคนโดยไร้พ่อของลูก นอนสักตื่นเดี๋ยวค่อยลุกมาทำมื้อเย็น ซ่งจื่อเหยียนนอนกอดบุตรชายหลับไปแล้ว นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนกำลังหาตัวนางอยู่ถึงสองคน
ทางด้านองค์ชายห้าที่วันรุ่งขึ้นต้องไปรับซ่งซยาอวิ๋นมาเป็นชายารอง เพราะนางเป็นบุตรอนุมิใช่บุตรเมียเอกดังนั้นจึงไม่อาจยกย่องได้ เดิมทีเขาต้องการบุตรภรรยาเอกพี่สาวนางซ่งจื่อเหยียน แต่นางกลับตัดสินใจโง่ๆ ปีนเตียงเสด็จอาเสียก่อน นางงามล่มเมืองเชียวล่ะ หากครั้งนั้นเขาไม่ได้ไปตระกูลซ่งด้วยธุระบางอย่าง เขาคงไม่ได้เจอสตรีที่งามที่สุดในแคว้น ซ่งซบาอวิ๋นที่ทุกคนยกย่องยังงามไม่ได้ครึ่งพี่สาวเลย
เว่ยหยางหมิงมาตรวจดูความเรียบร้อยในบ่อนของตน เสด็จพ่อเข้มงวดนักห้ามบรรดาองค์ชายหรือเชื้อพระวงศ์มอมเมาชาวบ้านด้วยอบายมุขต่างๆ แต่เงินมันหอมหวานใครกันไม่เอา เสด็จอาเป็นผู้ตรวจการจะรู้หรือไม่ หากเขารู้คงไม่อยู่เฉยหรอก เพราะเขาเปิดบ่อนใต้จมูกเสด็จอาเลยนะ
ขณะกำลังจะไปถึงบ่อนของตนก็เจอกับคนของเขามาดักรอ เกาเหว่ยดีใจที่ได้หยกเนื้อดีมาหนึ่งชิ้น เขารีบมารอเจ้านายทันที เว่ยหยางหมิงเห็นเขาทำสีหน้าดีใจขนาดนั้นก็แปลว่าทางบ่อนวันนี้คงได้กำไรมากมาย
“องค์ชายๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“มีเรื่องดีๆ หรือเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้ของดีมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ของดีอันใดของเจ้ากัน”
“นี่พ่ะย่ะค่ะ เป็นหยกจักพรรดิ เนื้อนับว่าดีนัก แกะสลักลวดลายกิเลนไฟ ของหายากเลยพ่ะย่ะค่ะ เวลาร้อนพกไว้ร่างกายจะเย็น เวลาหนาวพกไว้ร่างกายจะอุ่น คนที่นำมาจำนำบอกว่าวันพรุ่งจะมาไถ่คืน หยกนี้กระหม่อมเอาไปตีราคาที่โรงประมูลท่านอ๋องมาราคาสูงถึงห้าแสนตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยางหมิงที่รับเอาหยกชิ้นนั้นมาดูก็เหงื่อแตกพลั่กทันที นี่มันหยกที่เสด็จปูพระราชทานให้เสด็จพ่อและเสด็จอาคนละชิ้นเท่านั้น เกาเหว่ยไปเอามาจากไหนกัน หยกนี่พกติดเอวเสด็จอาตลอดเวลาเลยนะ
“เจ้าไปได้มาจากไหนกันเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้มาจากคุณชายซ่ง น้องชายชายารองของพระองค์ที่จะแต่งงานพรุ่งนี้ไงพ่ะย่ะค่ะ”
“น้องชายชายารองของข้า คุณชายซ่งน่ะหรือ เขามาที่บ่อนหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ คือว่าเขา อุ๊บ โอ๊ะ โอ๊ย”
เกาเหว่ยถูกลมหนึ่งสายพัดเอาร่างเขาไปกระแทกกับกำแพงบ้านหลังหนึ่งทันที เว่ยหยางหมิงเห็นหน้าคนลงมือก็ถึงกับกลืนน้ำลาย เขาคือเสด็จอาเซียวหยางชินอ๋องผู้เหี้ยมโหด
กำลังเริ่มเข้าฤดูเหมันต์แล้ว อากาศเริ่มเย็น มีเพียงหยกของเสด็จพ่อที่ปรับสภาพร่างกายตามฤดูกาลได้ เมื่อตอนที่รับรู้ถึงไอเย็นเขาจึงรู้ว่าหยกหายไปแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนพู่ห้อยวันก่อน ไม่ใช่พู่เปื่อยจนขาด แต่มีคนจงใจขโมยมันจากเขา
“เว่ยหยางหมิง สุนัขของเจ้าใจกล้าขึ้นทุกวันเสียเหลือเกินนะ ข้าอุตส่าห์หลับตาปล่อยเจ้าให้เปิดบ่อนพนันจนร่ำรวย กับไม่รู้จักพอ เช่นนั้นวันนี้ก็ปิดบ่อนเถอะ เหวินเปียวไปจัดการ”
เว่ยหยางหมิงหน้าซีดทันที ปิดบ่อนเขาหรือนั่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาเปิดบ่อนโดนลงโทษแน่ๆ
“ท่านอ๋อง..กระหม่อมมิได้ขโมยนะพ่ะย่ะค่ะ หยกนี่มีคนเอามาจำนำจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกว่ามีคนเอามาจำนำหรือ ใครกล้าหรือเกาเหว่ย”
“เอ่อ..เป็นคุณชายน้อยเหยียนจื่อพ่ะย่ะค่ะ เขามาเล่นที่บ่อนแล้วเสียไปแปดหมื่นตำลึง เกรงว่าใต้เท้าซ่งจะลงโทษ จึงขอกู้เงินจากบ่อนกลับบ้านไปสองแสน แล้วเอาหยกชิ้นนี้มาวางประกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เกาเหว่ยเอ่ยละล่ำละลัก ไอ้เด็กน่าตายคนนั้นอย่าให้เจอนะ น้องเมียองค์ชายนี่ช่างน่านัก เว่ยหยางหมิงถีบเขาซ้ำทันทีก่อนจะชี้นิ้วตวาด
“ไอ้ปัญญาทึบ ซ่งเหยียนจื่อจะมาเข้าบ่อนได้อย่างไรเล่า”
“หา ทะ ทะ ทำไมถึงไม่ได้เล่าพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
“เด็กคนนั้นอายุเพียงเจ็ดขวบ จะมาเล่นพนันได้หรืออย่างไร เจ้าบอกว่าคนจำนำชื่อซ่งเหยียนจื่อแล้วส่วนสูง หน้าตาล่ะ”
“เขาสูงไม่มาก รูปงามนัก มีไฝเล็กใต้ตา มุมปากก็มีไฝอีกเม็ดพ่ะย่ะค่ะ แต่งกายคล้ายคุณชายมีอันจะกิน หยกห้อยเอวก็ดูมีราคาเพียงแต่เขาเอาชิ้นนี้มาวางเท่านั้น”
เว่ยเซียวหยางไม่พูดต่อ เขาสั่งปิดบ่อนพนันหลานชายทันที เขาพอจะรู้ตัวคนที่ฉกของเขาไปแล้ว แต่ไอ้หมอนั่นแต่งตัวธรรมดา เหมือนบุตรชาวนานัก ส่วนคนที่เกาเหว่ยพูดลักษณะออกมาอาจเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิด ทำงานด้วยกันป้นขบวนการ เพียงแค่เสี่ยวเวลาเดียวที่เขาหันไปรับตั๋วเงินจากเหวินชางส่งให้ไอ้เด้กนั่น หรือไม่เช่นนั้นไอ้ชาวนากับคุณชายหน้าอ่อนอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้
เว่ยหยางหมิงขาดทุนสองแสนตำลึง มิหนำซ้ำบ่อนพนันของเขายังถูกเสด็จอาสั่งปิดอีก เขาต้องหาให้เจอว่าคนๆ นั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ต้องไปตระกูลซ่งเสียก่อน แอบอ้างใช้ชื่อคนตระกูลซ่งเห็นๆ ว่าบุคคลนี้เป็นศัตรูของตระกูลซ่ง แต่เขาที่มาซวยไปด้วย หึ งานแต่งงานหรือ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการสินสอดคืนด้วย เพราะซ่งเหยียนจื่อทำเขาเสียหายถึงสองแสนตำลึง
ทางด้านสกุลซ่งที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกว่าที่บุตรเขยยกเลิกงานแต่ง ผ้าแพรพรรณประดับประดา สินสอดที่อยู่ในเรือนมากกว่าแสนตำลึง สินเดิมของซ่งซยาอวิ๋นมากกว่าแปดหมื่นตำลึง ยังมีโฉนดร้านค้าของมารดานางโง่นั้นอีก รวมมูลค่ากว่าแสนตำลึง ท่านแม่มอบให้นางเพื่อเป็นสินเดิม ร้านค้าในเมืองหลวงอีกสามร้าน
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก