ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วย
เหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน
“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน
“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อลูกเดินทางมากเมืองต่ง ห่างจากเมืองหลวงถึงห้าร้อยลี้ และจะมาพักที่บ้านลุงหูทุกครั้ง เมื่อได้ยาแล้วก็จะกลับไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เมืองต่งหรือ? เมืองต่งว่ากันว่ามีหมอเทวดาชื่อดังหลัวเทียนอยู่มิใช่หรือ เหตุใดต้องดั้นด้นมาถึงเมืองหลวงกัน ช่างเถอะข้ามีเรื่องสำคัญกว่านั้น เหวินเปียว..เจ้าเป็นอะไรไปยืนก้มหน้าไม่เอ่ยวาจา”
เว่ยเซียวหยางสังเกตคนสนิทที่ตั้งแต่มาถึงไม่ยอมเงยหน้าสบตาเขา เหวินเปียวที่ได้ยินคำถามผู้เป็นนายก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เว่ยเซียวหยางที่เห็นใบหน้าลูกน้องคนสนิทบวมแดงเป็นรอยฝ่ามือก็แคลงใจ
“เจ้าไปโดนอะไรมา รอยฝ่ามือดูแล้วคล้ายมือสตรีอีกด้วย เหวินเปียวลับหลังข้าเจ้าไปทำเรื่องที่บุรุษไม่สมควรทำมาหรือเปล่า”
“ทูลท่านอ๋องกระหม่อมมิได้ทำเรื่องผิดต่อคำสอนของพระองค์แต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ตอนที่ผ่านจวนร้างบังเอิญเจอกับสาวใช้ของคุณหนูน่ารังเกียจคนนั้นจึงมีเรื่องกันนิดหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“จวนร้าง? ...คุณหนูน่ารังเกียจหรือ เจ้าหมายถึงบุตรสาวซ่งฮั่นเหลียงสตรีน่าตายคนนั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ นางยังอยู่ที่นั่นไม่ได้ไปไหน คงไม่มีที่ไปกระมังพ่ะย่ะค่ะ ที่จวนก็ไม่มีใครต้องการนาง จวนร้างของท่านอ๋องแม้จะไกลจากเมืองหลวงแต่ก็กว้างขวางใหญ่เสียกว่าจวนซ่งสามจวนมารวมกัน ตอนนี้พวกนางคงคิดว่าเป็นบ้านตนเองไปแล้ว แค่สาวใช้ยังอวดดีถึงเพียงนี้ ไม่แปลกใจว่าทำไม่เจ้านายของนางถึงได้ หึ”
“เจ้าพอเถอะ กล้าเอ่ยทูลหรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนบังคับม้าให้เข้าใกล้นาง จนม้าของเจ้าเกือบเตะถูกใบหน้าของนาง ที่นางโมโหเจ้าก็สมควร หากขี่ม้าตรงกลับมาในเมืองหลวงเลยไม่ไปแวะจงใจไปหาเรื่องนางๆจะตบเจ้าหรือ ความผิดของตนไม่กล่าวโทษเจ้ายังคู่ควรเป็นบุรุษหรืออาเปียว”
เมื่อน้องชายชิงฟ้องโทษแต่เป็นความผิดของผู้อื่นมิกล่าวโทษตนเอง เหวินชางก็ไม่ทนอีกต่อไป มีอย่างที่ไหนหาเรื่องเด็ก ตนเองอายุไม่น้อยแล้วปากเช่นนี้จึงไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย
ท่านอ๋องรังเกียจสตรีก็จริง แต่มิได้บังคับให้เจ้าเกลียดไปด้วย ใยเจ้าต้องทำตัวตนเองน่ารังเกียจเพียงนี้กัน เหวินเปียวมองหน้าพี่ชายอย่างเคืองไม่น้อย เข้าข้างนางหรือข้าเป็นน้องชายท่านนะหึ เว่ยเซียวหยางวางพู่กันในมือก่อนจะเอ่ยสำทับ
“พี่ชายเจ้ากล่าวถูก ข้ารังเกียจคุณหนูซ่งคนนั้นก็จริงเพราะมีเหตุผลรังเกียจ แต่สำหรับเจ้าไม่เหมือนกัน การที่เจ้ากระทำเช่นนั้นหากพลาดพลั้งอาจถึงแก่ชีวิตคนได้ ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าก่อเรื่องอีก เดี๋ยวพวกนางก็ไม่อยู่แล้ว”
“จะทรงไล่นางไปหรือพ่ะย่ะค่ะ ดีจริงๆ แค่เห็นหน้าแล้วก็ให้รำคาญตา”
“ข้ากำลังคิดว่าจะใช้สถานที่ไหนตั้งค่ายผู้ลี้ภัย พอดีเจ้าเอ่ยถึงที่นั่นข้าจึงนึกออก เหวินเปียวเจ้าไปสั่งคนให้พร้อม พรุ่งนี้เดินทางไปที่นั่น ส่วนสตรีคนนั้นข้าจะให้นางไปอยู่ที่อื่น ส่วนเจ้าเหวินชางเจ้าไปแจ้งกับพ่อบ้านว่าให้ติดต่อไปที่อี้โจว ข้าจะส่งนางไปเฝ้าสุสานบรรพบุรุษที่นั้น ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ารับนางมา ถึงไม่ได้แต่งแต่ก็ไม่อาจขับไล่ไปได้ ทั้งที่ใจข้าเองก็อยากทำเช่นนั้นอยู่ทุกวัน”
“วันพรุ่งนี้ มิทรงไปงานแต่งองค์ชายรองหรือพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“แต่งเมียรองมีอะไรต้องไป คุณหนูซ่งคนนั้นคือคนที่วางแผนทำลายพี่สาวตนเองสตรีเช่นนี้ หยางหมิงยังคิดอยากได้ หึ น่ารังเกียจ พี่สาวนางก็โง่งมมิเช่นนั้นจะถูกคนวางแผนให้ร้ายหรือ จนทำข้าเมื่อมเสียไปด้วย สกุลซ่งช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก”
เมื่อสั่งงานเสร็จองครักษ์เว่ยเซียวหยางก็จัดการร่างโครงสร้างต่อ เขาไม่ได้ไปที่จวนนั้นนานมากแล้วจึงไม่รู้ว่าทรุดโทรมไปเพียงใด เขารู้สึกตะหงิดๆ อย่าไรไม่รู้ เหมือนกำว่าเขากำลังทำของหาย แต่หยกเสด็จพ่อเขาก็หาเจอแล้วนี่นา ยังมีของมีค่าอันใดอีกหรือ
เว่ยเซียวหยางทำงานจนดึกจากนั้นก็เขานอน เหวินชางและเหวินเปียวต่างทำตามคำสั่ง จนกระทั่งรุ่งเช้าขบวนก็พร้อมเดินทาง
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก