ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดี
ป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว
"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย"
"คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ"
"ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"
เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถึงแล้วเย่วหลีกำลังไปต้มน้ำร้อน เสียงครวญครางด้านในยังคงดังออกมาอยู่เป็นระยะๆ
ซ่งจื่อเหยียนนึกถึงหน้ามารดาก่อนจะเรียกหานาง
"ฮือๆ ท่านแม่ช่วยเสี่ยวเหยียนด้วยเจ้าค่ะ เสี่ยวเหยียนไม่ไหวแล้ว ท่านแม่ได้โปรดมารับลูกที"
"อาซ้อซ่ง..ท่านเบ่งอีกทีนะ เบ่งอีกหน่อยเอ้า ฮึบบบบ"
"ฮึบบ อ๊ายยยยย" ซ่งจื่อเหยียนเบ่งจนสุดแรง ในที่สุดนางก็แน่นิ่งไป เย่วเล่อกับเย่วหลีทั้งสองคนเห็นคุณหนูตนเองสลบไปก็พยายามปลุก ซ่งจื่อเหยียนแน่นิ่งไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ร่างที่ถูกเขย่าไปมากลับลืมตาขึ้น ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่กลางลำตัวตรงหว่างขา ให้ตายสิอะไรกันวะเนี่ย ฉันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ดีๆแท้ๆ ใครจะรู้ว่าจะมีคนคลุ้มคลั่งไล่กวดยิงมาทางที่เจ๊นั่งอยู่ รู้สึกเจ็บๆมีอะไรอุ่นๆไหลออกมาตรงหน้าอก รู้ตัวอีกทีก็มาเจ็บตรงนั้นของผู้หญิงเนี่ยนะ มีเสียงคนร้องไห้อยู่ข้างๆอีกด้วย
"ฮือๆๆ คุณหนู ท่านฟื้นสิเจ้าคะ อย่าทิ้งบ่าวสองคนไปนะเจ้าคะ คุณหนู ฮือๆๆๆ"
หลี่จื่อเหยียนงง อะไรคือคุณหนู อะไรคือ โอ๊ยเจ็บท้อง นี่มันอาการคนจะคลอดลูกนี่หว่า โอ๊ยปวดหัว เดี๋ยวนะนี่อะไรอีกเนี่ย ทุกความทรงจำของซ่งจื่อเหยียนคนเก่าผ่านเข้ามาในหัวของหลี่จื่อเหยียนจนเธอปวดหัวจะระเบิด ข้างล่างก็กำลังปวดหน่วงข้างบนก็กำลังจะไม่ไหว จนเธอร้องออกมา ทำให้สามคนที่กำลังเขย่าตัวเธอต้องตกใจ
"โอ๊ยย แม่งอะไรนักหาวะ อื้อ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่าให้แม่เจอนะจะเตะให้คว่ำเลย อ๊ายยย โอ๊ยเจ็บๆๆๆ ตาหนูยายหนูออกมาสักทีสิโว้ยย"
"คุณหนูท่านฟื้นแล้ว ฮือๆๆ"
"นี่ๆๆอาซ้อเจ้าเบ่งอีกหน่อย หัวเด็กโผล่มาแล้ว" คนที่ชื่อป้าหูเอ่ยกับนาง เย่วเล่อตัดพ้อรำพันถึงผู้ชายเฮงซวยที่ทำให้ร่างเดิมเป็นเช่นนี้ไม่หยุด
"คุณหนูเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ ฮือๆ ที่นี่อยู่ไกลนักไม่มีหมอตำแยสักคน"
"เอาน่าแม่นางเย่วเล่อ ข้าไม่เคยทำคลอดแต่ข้าก็เคยคลอดลูกแหละน่า นี่ๆ อาซ้อซ่งเจ้าเบ่งอีกหน่อย แล้วอย่าสลบไปแบบเมื่อกี้เล่า อดทนหน่อย"
"อ๊ายย โอ๊ยเจ็บโอ๊ยเวรกรรมฉิบหายยังไม่ทันมีผัว ไม่ทันได้รู้รสชาติการป๊าบๆ กับผู้ชายเลย ก็ต้องมาเบ่งลูก อื้อเจ็บ อ๊ะ อ๊ายยย"
"คุณหนู ท่านเบ่งอีกนิด น้ำร้อนเตรียมแล้ว เย่วหลีกำลังไปเอาเจ้าค่ะ เหตุใดท่านอ๋องพระทัยร้ายนักฮือๆๆ"
"พอแล้ว ไอ้อ๋องสุนัขนั่นสมควรไปตายซะ อ๊าย ข้าเจ็บๆจะตายเจ้าจะมารำพึงรำพันอะไรพี่เย่วเล่อ ออกแล้วข้าคลอดแล้ว อ๊ะ อ๊ายยย"
หลี่จื่อเหยียนคลอดบุตรชายของร่างเดิมออกมาหนึ่งคน จากนั้นนางก็เพลียจนหลับไป หลี่จื่อเหยียนตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว เจ้าตัวน้อยดูดปากจั๊บๆๆไม่หยุด คงหิวนมแต่กลับอดทนนักไม่ร้องออกมา ใบหน้าเหมือนไอ้บ้านั่นไม่ผิดเลย ร่างเดิมนี่จำใบหน้าไอ้คนเฮงซวยนั่นแม่นยำนัก
หลี่จื่อเหยียนยอมรับแล้วว่าเธอมาอยู่ในร่างของสตรีแซ่ซ่ง และตอนนี้วิญญาณของนางก็ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มเจ้าตัวน้อย แต่เธอมองไม่เห็น
"อยู่กับท่านแม่คนนี้เป็นเด็กดีนะลูกแม่ หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน แม่ไปก่อนนะเด็กดี"
วิญญาณของเธอค่อยๆสลายหายไป หลี่จื่อเหยียนอุ้มเจ้าก้อนแป้งขึ้นมาแนบออก ก่อนจะเอาเข้าเต้าเกิดมาไม่เคยมีลูกกับเขา อยู่ๆต้องมาเป็นแม่คน แถมยังคลอดลูกอีก แหม่ได้ประสบการณ์ชีวิตครบครันจริงๆ ขาดแต่ตอนทำลูกนี่แหละที่หายไป เฮ้อ
เย่วเล่อกับเย่วหลีผลัดกันมาดูคุณหนูของพวกนาง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ป้าหูก็จัดการหาสมุนไพรสำหรับสตรีคลอดบุตรมาให้ ซ่งจื่อเหยียนอยู่เดือนกว่านานสองเดือน และอีกไม่กี่วันก็จะออกเดือนแล้ว นางนึกถึงเรื่องที่ร่างเดิมโดนน้องสาววางแผนร้ายก็ให้โมโหแทน
"ดูเหมือนว่าไอ้อ๋องชั่วนี่จะมาจังหวะโบ๊บ๊ะพอดี คนที่เตรียมไว้ให้เป็นพ่อของลูกเจ้าของร่างเดิมคงไม่ใช่อ๋องปัญญาอ่อนนี่แน่ๆ ซ่งซยาอวิ๋นรอข้าก่อนเถอะนางตัวดี ซ๋งฮันเหลียงเจ้าอีกคนบิดาสารเลว พวกเจ้าล้างคอรอข้าได้เลย ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องมาคุกเข่าให้ข้าแน่นอน"
หลี่จื่อเหยียนมาอยู่ที่นี่และใช้ชีวิตเป็นซ่งจื่อเหยียนมาแปดเดือนแล้ว ตั้งแต่ออกเดือนมาสิ่งแรกที่นางทำคือปรับปรุงจวนร้างให้น่าอยู่ นางปลูกผักขาย ฝากให้สามีป้าหูซื้อไก่มาเลี้ยง ขายไข่ไก่ทุกสัปดาห์นางสามารถขายไข่ไก่ได้สามร้อยฟอง ซ่งจื่อเหยียนซื้อรถม้าหนึ่งคันไม่ใหญ่มากนักเอาไว้ค้าขาย แต่นางไม่ได้ไปขายในเมืองหลวง ซ่งจื่อเหยียนขายผักที่ปลูกเอง ทุกๆสามวันนางจะออกจากจวนไปตลาดที่นอกเมืองหลวง นางเข้าเมืองหลวงเดือนละครั้งเพราะมีเรื่องต้องไปทำ ชุมชนนอกเขตเมืองแม้ตลาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ขายได้ วันนี้นางจะเข้าเมืองหลวงเพื่อการบางอย่าง
"พี่เย่วเล่อ..เย่วหลีเล่าวันนี้ข้าจะไปหาซื้อพันธุ์ผักมาเพิ่ม ที่ดินยังว่างอีกมากมาย ข้าจะปลูกเพิ่มอีกสักหลายๆอย่าง"
"คุณหนูเจ้าคะ วันนี้อาจจะฝนตกนะเจ้าคะ อย่าไปเลยท่านลุงหูจะเข้าเมืองหลวงฝากท่านลุงดีกว่าไหมเจ้าคะ"
"ข้ามีอย่างอื่นต้องหาซื้อด้วย ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีใครจับได้หรอกข้ามีวิธีหลีกเลี่ยงน่ะ พี่ดูอาห่าวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวข้ามา"
ซ่งจื่อเหยียนขนผักกับไข่ใส่รถม้าเพื่อนำไปส่งร้านที่นางได้ตกลงทำการค้าเอาไว้ โชคดีว่าร้านที่นางต้องไปส่งห่างไกลจากเขตเมือง รถม้าเคลื่อนออกไปแล้ว ซ่งจื่อห่าวอิ่มแล้วก็นอนหลับ ซ่งจื่อเหยียนแต่งตัวเป็นนายพราน
ไม่นานรถม้าก็มาถึงประตูเมือง นางจ่ายค่าเข้าห้าอีแปะ คนขับรถม้าคุ้นเคยกับนางพอควรจึงไม่ตรวจมาก รถม้าผ่านไปด้านในกำลังจะถึงร้านที่ต้องส่งของ กลับถูกหยุดไว้กลางทาง มีทหารมาตรวจค้น
"เจ้ามาค้าขายในเมืองหลวงนานเท่าไหร่แล้ว"
"เอ่อ..ข้ามาทุกๆเจ็ดวันขอรับ ข้าเอาไข่และผักมาส่งอย่างเดียว ท่านเจ้าหน้าที่มีเรื่องอันใดหรือขอรับ"
"อ้อ..ข้าไม่มีเรื่องอันใดหรอก แค่ช่วงนี้มีคนของแคว้นอื่นอพยพมากนัก ข้าต้องคอยตรวจตราน่ะ ผ่านๆ จริงสิผักของเจ้าสดใหม่ดีขายอย่างไรกัน"
"เอ่อ..ต้องเรียนท่านตามตรง ผักนี่ต้องไปส่งที่เหลาอาหารขอรับ แม้ว่าอยากขายให้ท่านแต่ว่าอาจจะเสียคำพูดได้ เป็นพ่อค้าสัจจะสำคัญมากนัก"
"อ้อ..เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ เป็นบุรุษแต่กลับบอบบางเหลือเกิน หาเงินเยอะเล่าจะได้แต่งเมียกับเขาได้ ฮ๋าๆๆๆ"
ทหารที่มาตรวจรถม้าต่างก็หยอกล้อหัวเราะกับนาง ซ่งจื่อเหยียนเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก