จ้าวตงหยางลากหลิวเหล่ยไปด้วยกัน เมื่อมาถึงหน้าเรือนก็พบว่า ประตูเรือนตระกูลเสวี่ยไม่เปิดต้อนรับพวกตน กงจือที่ทำหน้าที่เฝ้าคนตระกูลเสวี่ยจึงได้รายงานให้แม่ทัพของเขาฟัง
"ท่านแม่ทัพขอรับ นายท่านเสวี่ยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนท่านแล้ว จึงไม่ยอมให้พวกท่านเข้าไปในเรือนอีกขอรับ" จ้าวตงหยางกับหลิวเหล่ยตกตะลึง แต่จะโทษใครได้เป็นตนเองที่ทำให้บุตรสาวของเขาอับอาย หากบิดาของนางจะทำเช่นนี้ก็เห็นสมควรแล้ว ตอนนี้ภายในเรือนตระกูลเสวี่ย สองพ่อลูกกำลังนั่งพูดคุยกันเรื่องธนาคารในอีกพันปีข้างหน้า จินเยว่เล่าระบบการทำงานของธนาคารให้บิดาฟัง เสวี่ยป๋อเหวินก็ร่างระเบียบแผนการเก็บไว้มอบให้องค์รัชทายาท หากแคว้นฉีมีธนาคารเช่นที่จินเยว่พูดเงินในคลังหลวงก็จะเพิ่มขึ้นจากการเก็บดอกเบี้ย หรือปล่อยเงินให้ชาวบ้านได้กู้ จะเก็บดอกเบี้ยเป็นเงินหรือเสบียงที่มีราคาเท่าดอกเบี้ยก็นับว่าดีทั้งสิ้น สองพ่อลูกมิรู้เลยว่าท่านแม่ทัพกับกุนซือยืนอึ้งอยู่หน้าเรือนของตน จ้าวตงหยางจะใช้อำนาจของเขาเข้ามาในเรือนก็ย่อมได้ แต่หากเขาทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้เสวี่ยป๋อเหวินไม่พอใจตัวเขามากขึ้น จ้าวตงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อคุมโทสะของตนไม่ให้ปะทุออกมา ก่อนจะขึ้นม้าขี่ควบออกไป คล้อยหลังเขาจากไปไม่นาน รถม้าของท่านเจ้าเมืองก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าเรือนตระกูลเสวี่ย คนที่มาคือท่านเจ้าเมือง เขามาครั้งนี้เพราะครั้งที่แล้วในงานวันเกิดฮูหยินท่านผู้เฒ่า เขาเห็นจินเยว่มาคอยรับใช้เว่ยซืออิง ครั้งนี้เขาจึงเลียนแบบจวนแม่ทัพ มาเรียกตัวนางไปรับใช้ที่เรือนของตนบ้าง เขาใช่เหตุผลเดียวกันกับจวนท่านแม่ทัพ เรื่องที่จวนท่านเจ้าเมืองกำลังจะจัดงานแล้วคนขาดไปจึงมาขอให้นางไปช่วยรับรองแขก เสวี่ยป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตบโต๊ะบันดาลโทสะต่อหน้าท่านเจ้าเมือง "วันนี้ข้าเป็นเพียงขุนนางต้องโทษก็จริง แต่เรื่องของข้ายังมิได้ถูกตัดสิน หากพวกเจ้ายังรังแกกันมิเลิก ข้าก็ขอสู้ตายกับพวกเจ้า" ท่านเจ้าเมืองที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบร้อนออกจากเรือนตระกูลเสวี่ยไป ถึงแม้เสวี่ยป๋อเหวินจะได้ชื่อว่าขุนนางต้องโทษแต่โทษของเขาก็ยังไม่ได้ถูกตัดสิน เพียงแค่โดนคุมตัวไว้เท่านั้น หากวันใดที่เขากลับคืนตำแหน่งได้ ตำแหน่งเจ้าเมืองเล็กๆของตนคงไม่อาจได้เป็นต่อ "ท่านพ่อคลายโทสะด้วยเจ้าค่ะ แค่คำพูดของคนอื่นหากทำให้ท่านล้มป่วยข้าคงเสียใจอย่างมาก" จินเยว่เดินเข้าไปกอดแขนของบิดาไว้ เสวี่ยป๋อเหวินจึงได้คลายโทสะลง ความแค้นครั้งนี้เขาจดไว้ในบัญชีเรียบร้อย รวมทั้งจ้าวตงหยางด้วย เรื่องที่ท่านเจ้าเมืองไปเยือนเรือนตระกูลเสวี่ยเพื่อขอตัวจินเยว่ไปช่วยรับรองแขกไปถึงหูของจ้าวตงหยาง อย่างรวดเร็ว เขาให้กงจือไปซื้อตัวนางคณิกาห้านางแล้วส่งไปที่จวนท่านเจ้าเมืองแทน จ้าวตงหยางยังฝากคำพูดไปถึงท่านเจ้าเมืองด้วยในเมื่อว่า "ในเมื่ออยากได้คนไปรับรองแขก นางคณิกาย่อมทำหน้าที่ได้ดีกว่าคุณหนูในห้องหอเช่นแม่นางเสวี่ย" กงจือพูดได้ไม่ตกหล่นเลยสักคำ ท่านเจ้าเมืองที่ได้ฟังก็หน้าดำคล้ำ เขาจะกล้าโต้แย้งอันใดกับท่านแม่ทัพใหญ่ได้ แต่จะให้คณิกามารับรองแขกในจวนก็เท่ากับให้คนในงานนำไปติฉินนินทาได้ แต่หากไม่รับไว้ก็เหมือนกับงัดข้อกับท่านแม่ทัพ เขาจำต้องรับไว้ด้วยความจำใจ แต่จะให้ทำหน้าที่ใดค่อยคิดในภายหลัง จ้าวตงหยางเหมือนจะจัดการทุกอย่างให้จินเยว่ด้วยดี แต่เขาลืมนึกไปว่าเว่ยซืออิงมิได้ปล่อยวางความแค้นที่นางได้อับอายในงานเลี้ยงที่จวนแม่ทัพลงเลยสักวัน เว่ยซืออิงให้บ่าวของนางมารับจินเยว่ไปพบที่จวน โดยอ้างว่า ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวให้มารับจินเยว่ไปพบ แม้จินเยว่จะไม่อยากไปนางก็ต้องจำใจไป เพราะหากทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นเคืองใจนางก็คงจะอยู่ไม่สงบสุขนัก เมื่อจินเยว่ถึงจวนท่านแม่ทัพ แทนที่นางจะได้ไปเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว บ่าวที่นำทางพานางไปเรือนของเว่ยซืออิงแทน แม้นางจะขัดขืนแล้ว แต่สาวรับใช้สามนางก็รีบยึดแขนขานำผ้ามาปิดปากนางแล้วลากตัวไป เสี่ยวหงที่ผ่านมาเห็น นางก็แอบดูจนคนทั้งหมดเดินผ่านไปนางจึงออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบวิ่งไปแจ้งคนของจ้าวตงหยางให้รีบไปแจ้งนายของตนเพื่อมาช่วยจินเยว่โดยเร็ว ต่อให้บ่าวจะรีบไปแจ้งจ้าวตงหยางเร็วเพียงใด ค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองก็ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยก็หนึ่งเค่อ(15นาที) ไปกลับจินเยว่ก็คงได้เจ็บตัวแล้ว เสี่ยวหงเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็นำความไปแจ้งแก่ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งมีศักดิ์เป็นท่านป้าของเว่ยซืออิง เพื่อให้นางมาช่วยจินเยว่ก่อน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะเข้าไปนอนพัก สาวใช้หน้าเรือนจึงไม่ให้เสี่ยวหงเข้าพบ นางที่ทำอันใดไม่ได้จึงไปยืนรอท่านแม่ทัพอยู่ที่หน้าเรือนด้วยความร้อนใจ จินเยว่เมื่อถูกพาตัวมานางก็ถูกลากไปในห้องของเว่ยซืออิงทันที เว่ยซืออิงที่เห็นหน้านางความโกรธก็ยิ่งพุ่งขึ้น นางเดินเข้ามาจับใบหน้าของจินเยว่ "เจ้าคงอิจฉาที่วันงานข้าแต่งตัวงดงามจึงได้ทำน้ำหกใส่ตัวข้า ใบหน้าของเจ้าข้าเห็นแล้วอยากจะทำให้เสียโฉมยิ่งนัก" นางเกลียดใบหน้างามแท้ไม่ต้องแต่งของจินเยว่ นางใช้ฝ่ามือตบลงไปเต็มแรงถึงสองครั้ง ใบหน้างามถึงกับขึ้นรอยฝ่ามือ บวมแดงทันที จินเยว่ที่ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เพราะมีผ้าอุดอยู่ นางได้แต่กัดผ้าแน่น เลือดไหลออกจากมุมปากอวบอิ่มเพราะเกิดจากแรงตบของเว่ยซืออิงจ้าวตงหยางยังอยากจะเก็บหลิงอวี้ไว้ออกเรือนตอนอายุยี่สิบกว่าด้วยซ้ำ หากยินเยว่ไม่เอ่ยท้วงเสียก่อน"ท่านแม่ทัพ มีราชโองการมาขอรับ" พ่อบ้านจ้าววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตาม ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลและแต่งตั้งจางหมิ่นกับจางหย่งเรียบร้อยแล้ว ยังจะมีราชโองการใดได้อีกทั้งคู่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากเรือนก็พบว่าทุกคนยืนรออยู่หน้าจวนอย่างพร้อมเพรียงแล้ว"ฮ่องแต่มีพระราชโองการ มอบสมรสพระราชทานให้คุณหนูจ้าวหลิงอวี้กับองค์ชายสามฉีเฟยหลาง..." ขันทีประกาศเช่นใดจ้าวตงหยางมิได้ยินอีกแล้ว หูของเขาแทบจะดับไปทันที หากมิใช่มีจินเยว่ประคองไว้เขาคงล้มไปนั่งกองกับพื้นแล้วเมื่อส่งขันทีข้างกายฮ่องเต้กลับไปแล้ว จินเยว่ก็หัวเราะกับท่าทีเหม่อลอยของจ้าวตงหยางขึ้นมา "ท่านมิได้รู้อยู่แล้วหรือ ท่านพี่"จ้าวตงหยางหันไปถลึงตาใส่เมียรักอย่างเห็นได้น้อย รู้อยู่แล้วแต่ทำใจไม่ได้ไงตระกูลจ้าวในเวลานี้บ่าวไพร่แม้แต่นายของจวนต่างก็วุ่นวายจัดเตรียมข้าวของ เสวี่ยป๋อเหวินกับเกาซื่อก็มาอยู่ช่วยดูแลงาน ยังขนเงินทองของมีค่ามาหลายหีบเพื่อเติมสินเดิมให้เจ้าสาว"ท่านพ่อ สินเดิมของอวี้เออร์ไม่เยอ
แม่ทัพแคว้นเหยี่ยนส่งคณะทูตมาเจรจากับจ้าวตงหยางถึงค่ายทหาร โดยการยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของแคว้นเหยี่ยนต้องยอมเสียเมืองที่คิดกับแคว้นฉีถึงสามเมือง และจะส่งเครื่องบรรณาการเพิ่มจากเดิมอีกสองส่วนเมื่อทุกฝ่ายหารือร่วมกันเห็นพร่องว่ายินยอมที่จะรับข้อเสนอเช่นนี้ได้ ก็ตกลงทำสัญญาพร้อมถอนทัพกลับทันที ฉีเฟยหลางยังต้องรั้งรอคนที่ราชสำนักส่งมาจัดการหัวเมืองที่ยึดมาได้ก่อน จ้าวตงหยางที่นำทัพกลับเมืองหลวงจึงให้ จางหมิ่นและจางหย่งอยู่ช่วยดูแลอีกแรง การรบกับแคว้นเหยี่ยนครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาเดินทางมากกว่าการรบเสียอีก เสียเวลาเดินทางมาสามเดือน เตรียมการรบจนชนะเพียงสองเดือนเท่านั้นตอนนี้จ้าวตงหยางแทบอยากจะมีปีกรีบกลับเมืองหลวงโดยเร็วเพราะกำหนดคลอดของจินเยว่ใกล้เข้ามาแล้ว หากเข้าเร่งรีบนำทัพกลับคงใช้เวลาอย่างน้อยก็สองเดือนเป็นช่วงคลอดของจินเยว่พอดีฉีเฟยหลางยังคงส่งจดหมายหาหลิงอวี้ทุกครั้งที่เขามีเวลา(ก็เขียนทุกวันก่อนนอน) แม้นางจะเขียนตอบมาน้อยครั้งนัก แต่ทุกครั้งก็จะบอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้บาดเจ็บ เสื้อคลุมที่สวมอยู่ก็เป็นนางที่ส่งมาให้เมื่อคิดจะฝากจดหมายไปและของที่ซื้อไว้ให้นางไปกับว่าท
กองทัพแคว้นฉีถึงโยวเป่ยสามเดือนให้หลัง ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ห่างจากเมืองเป่ยซานเพียงสองร้อยลี้ จ้าวตงหยางจึงจำต้องอพยพชาวเมืองโยวเป่ยและเมืองใกล้เคียงให้ห่างออกไปจากแนวการรบอย่างน้อยห้าร้อยลี้ จินเยว่ยังมีส่วนช่วยเรื่องเสบียงของชาวบ้านที่อพยพมา เพราะคนของนางที่โยวเป่ยจำต้องอพยพไปพร้อมกับชาวบ้าน เสบียงที่พวกเขาขนไปด้วยจึงนับว่าช่วยชีวิตคนได้มาก ชาวบ้านจึงมิต้องอดอยากหรือป่วยไข้ตายลงค่ายผู้อพยพก็เป็นจางหย่งที่ได้รับมอบหมายจากบิดาให้เร่งสร้างและจัดหาสิ่งของที่ขาดแคลนให้ชาวบ้านได้ใช้ไปก่อน ถึงคลังหลวงจะมีเงินมากก็มิอาจจะยกทั้งหมดมาใช้กับสงครามได้ เป็นเพราะจินเยว่ที่ได้สามีเป็นแม่ทัพนางจึงนำที่ดิน ที่ฮ่องเต้พระราชทานเป็นรางวัลทั้งหมดมิยอมปล่อยเช่าเช่นขุนนางคนอื่น แต่นางจ้างให้ชาวบ้านปลูกข้าว มันสำปะหลัง พืชผักที่เก็บไว้ได้นาน เลี้ยงดูทหารของตระกูลจ้าว ขึงทำให้มีเสบียงมากพอที่ใช้ในการสู้รบครั้งนี้แม้แต่อาหารพื้นบ้านธรรมดาอย่างเช่นรากบัวก็นำมาปรุงอาหารได้ ถั่วเขียวแช่น้ำ แล้ววางลงในไหหรือตะกร้า เอาผ้าคลุมที่ละชั้นเก็บไว้ในที่มืดคอยรดน้ำสามวันก็เป็นผัก นำมาผัดน้ำมันก็ทานได้แล้ว สิ่งที่นางรู้น
"อวี้เออร์ โกรธข้าหรือ" เขาจ้องหน้าของนางก่อนจะอดใจไม่ไหวก้มลงจุมพิตนางทันที "ท่าน อื้ออออ" หลิงอวี้ที่อ้าปากจะร้องห้ามก็เป็นการเปิดทางให้ฉีเฟยหลางแทรกเรียวลิ้นของเขาเข้ามาได้ กว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออกจากปากนางก็เมื่อคนขับรถม้าเอ่ยว่าถึงจวนท่านแม่ทัพแล้วฉีเฟยหลางลูบริมฝีปากของหลิงอวี้อย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะช่วยนางจัดเสื้อผ้าแล้วพานางไปส่งด้านในจวน เมื่อส่งหลิงอวี้ถึงมือมารดาของนางแล้วเขาก็กลับเข้าวังหลวงพร้อมจางหย่งอีกครั้งจินเยว่ที่เห็นดวงตาของบุตรสาวปูดบวมและมีองค์ชายสามมาส่งก็ตกใจ เมื่อสอบถามจนได้ความนางก็แทบจะเป็นลมหมดสติ มิคิดว่าให้บุตรสาวไปร่วมงานเลี้ยงจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นถึงเพียงนี้"ไม่เป็นไรลูกรัก ทุกปัญหามีท่านตากับท่านพ่อของเจ้าคอยค้ำไว้ให้" จินเยว่กอดปลอบบุตรสาวที่สะอื้นจนตัวโยนในอ้อมกอดของนาง ลี่หลินก็หลั่งน้ำตาสงสารน้องน้อยของตนเช่นกันที่เขาเรียกว่าความงามทำให้เกิดหายนะก็เพิ่งพบเห็นจากเรื่องของจ้าวหลิงอวี้นี่เอง เรื่องภายในวังถูกร่ำลือออกไปภายนอก ย่อมมีคนเห็นด้วยและเห็นต่าง แต่ส่วนมากจะโกรธแค้นแคว้นเหยี่ยนที่หาเหตุผลมาทำสงครามมิได้ต้องดึงแม่นางน้อยคนหนึ่งมาทำร้าย
ขุนนางทั้งหลายที่ล่วงรู้ก็นึกถึงเรื่องของหนเก่าครั้งของแม่ทัพจ้าว แคว้นเหยี่ยนมิเคยจดจำเสียเลยจ้าวตงหยางเพียงยกสุราขึ้นร่วมชมความสนุกเท่านั้น เพราะครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตน (เกี่ยวเต็มๆ พ่อรอดู)จางหมิ่นกับจางหย่งก็เหลือบมองหน้าน้องสาวของตนก่อนจะถอนหายใจ เพราะน้องสาวของตนก็สนใจเพียงดื่มกินอาหารตรงหน้าเท่านั้น คงมีเพียงมือที่สั่นอย่างระงับไว้ไม่อยู่"องค์หญิงแคว้นเหยี่ยนเสียมารยาทแล้ว ท่านมีสิทธิ์อันใดมาสอบถามชื่อของนาง" องค์ชายสามกล่าวตำหนิอย่างไม่ไหวหน้า"เช่นนั้นเปิ่นหวางองค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยนก็สามารถขอพระราชทานสมรสครั้งนี้แทนได้ใช่หรือไม่" องค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยนลุกขึ้นพูด"องค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยน เจ้าหมายตาบุตรสาวขุนนางของเจิ้นคนใดหรือ หากบิดามารดาของนางยินยอมเจิ้นก็มิขัดข้อง" ฮ่องเต้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียด"จ้าวหลิงอวี้ บุตรสาวแม่ทัพใหญ่จ้าว เปิ่นหวางอยากจะแต่งนางเป็นพระชายา มิรู้ว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมหรือไม่" ขุนนางทั้งหลายต่างสูดหายใจเข้าอย่างลืมตัว จ้าวตงหยางที่ยกจอกสุราจรดริมฝีปากเพื่อดื่มก็เผลอบีบแก้วจนแตกคามือ องค์ชายสามก็เช่นกัน สองบุรุษต่างวัยต่างมีสีหน้าดำคล
หลิงอวี้เห็นเช่นนั้นก็สั่งให้คนของนางขับรถกลับจวน ชายชุดดำที่เพิ่งลงไปตอนนี้แอบมองรถม้าของนางอยู่ด้านนอก"องค์ชายจับตัวได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฉีเฟยหลางหันไปมององครักษ์ที่เข้ามารายงานก็พยักหน้าแล้วขึ้นม้าควบตามไปเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นรถม้าของหลิงอวี้ เพียงอยากเห็นหน้านางเท่านั้นไม่คิดว่าจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด สามเดือนมานี้เขาฝึกฝนตนเองอย่างหนัก ทั้งรับงานจากเสด็จพ่อมาทำหวังจะทำให้ลืมนางได้ แต่ไม่เลยเขายังคิดถึงเพียงแต่นางวันนี้ฉีเฟยหลางพบสายลับต่างแคว้นที่ลักลอบปะปนเข้ามากับคณะทูตจึงออกมาจับกุมตัว จนได้พบกับรถม้าของตระกูลจ้าว เมื่อเห็นว่าเพิ่งออกมาจากตรอกจวนตระกูลเสวี่ยเขาจึงแน่ใจว่าเป็นนาง จึงรีบจัดการให้คนของตนจับคนร้ายแล้วเขาก็ขึ้นมาในรถม้าของนางแต่ฉีเฟยหลางคิดไม่ถึงว่าหลิงอวี้จะถือมีดสั้นเตรียมต่อสู้กับตนอยู่ แล้วกลัวจะทำให้นางบาดเจ็บจึงได้แย่งมีดไว้ แต่สุดท้ายนางก็ได้รับบาดเจ็บจากเขาอยู่ดีหลิงอวี้กลับถึงจวนก็รีบเข้าเรือนตัวเองทันที แล้วให้สาวใช้หายามาทาให้นาง เรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้เก็บเงียบไว้อย่าเพิ่งบอกท่านพ่อท่านแม่แต่หลิงอวี้ยังมิได้ออกไปให้จ้าวตงหยางกับจินเยว่ไ