บทที่2.สิ่งที่ต้องเลือก
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเมื่อคืนวราพิชชาหนีออกมาจากห้องโดมินิค วราพิชชาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง เนื่องจากความที่โมโหจนทำให้นอนพลิกตัวกลับไปมา กว่าจะหลับลงได้ต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าปกติ เธอจำใจลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันก่อนจะแต่งกายเพื่อจะไปทำงานตามปกติ เมื่อเดินทางไปถึงร.ร Grand Hotels.เธอนำของใช้ส่วนตัวไปเก็บที่ล็อกเกอร์แล้วก็ตรงไปที่ร้านขายอาหารพนักงานในบริเวณที่โรงแรมจัดไว้ให้ เพื่อรับประทานอาหารเช้าก่อนที่จะเริ่มงาน
“ทางนี้ ...จ้ะวรา” เสียงหวานของนิสาเพื่อนสนิท ดังมาจากหน้าร้านขายน้ำดื่ม
“ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยละ ทุกทีนิสามาเกือบแปดโมงไม่ใช่เหรอ” วราพิชชาถามกลับ
“แหม...วันนี้นิสารีบมารอถามวรานะสิ ว่าไงล่ะคุณโดมินิคหล่อหรือเปล่า ตัวจิรงเป็นๆ นะหล่อ มากกว่ารูปถ่ายตามหน้าหนังสือไหม”
“วรา ...ไม่อยากพูดถึงอีตานั่นเลย ขอไม่พูดถึงได้ไหม”
“แอ๋... ทำไมละหรือว่าขี้เหร่จนวราไม่อยากพูดถึง”
“เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น คุณโดมินิคเขาก็หน้าตาดีเหมือนในรูปนั้นแหละ”
“อ้าว...แล้วทำไม วราไม่อยากพูดถึงละ เขาทำอะไรวราหรือไง!!!”
“อืม... เมื่อคืน จะเล่ายังไงดีนะ คือคุณโดมินิคเขาขอให้วราค้างคืนด้วยน่ะ เขาถามว่าอยากได้เงินเท่าไร ถ้าต้องนอนกับเขา วราโมโหก็เลยหนีออกมาจากห้อง แล้วก็ตรงกลับบ้านเลย”
“แล้วเขาไม่โกรธวราเหรอ!!! ได้ข่าวว่าเอาแต่ใจ แล้วก็ขี้โมโหนี่นา”
“ไม่รู้สิ เขาบอกวราเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้อง วราก็เลยรีบหนีกลับบ้านจ้ะ”
“คงจะโมโหน่าดูเลยเนอะ แต่ว่าเขามาขอให้วราค้างด้วยทำไม คู่ขาเขาตามข่าวก็เยอะแยะมีให้เลือกนับไม่หมดเลย จะมาสนใจกับคนระดับเราๆ ทำไมให้เสียเวลา”
“ไม่รู้สิ วราไม่อยากคิด รกสมองเปล่าๆ”
“อืม...กลางวันวรามารอนิสาที่นี่นะ นิสาจะไปสืบมาให้ว่าคุณโดมินิคโกรธวราหรือเปล่า”
“โกรธก็ช่างเขาซสิ วราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่เห็นต้องกลัว”
“นั้นสิเนอะ งั้นเราสองคนไปทำงานกันดีกว่า เจอกันตอนเที่ยงนะจ๊ะ”
“จ้ะ... เจอกันตอนเที่ยง” วราพิชชารับคำและแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ตัวเอง
โดมินิคนั่งอ่านเอกสารในมือที่การ์ดของเขาออกไปเสาะหามาทั้งคืนด้วยสีหน้าเคร่งเคียด นางสาว วราพิชชา มโนสา เกิดและโตในบ้านเด็กกำพร้า สถานเลี้ยงเด็ก ‘อุ้มรัก’ โดยอยู่ในความอุปการะของบ้าน ’อุ้มรัก’ ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน เรียนจบปริญญาตรีจากมหาลัยของรัฐบาลด้วยทุนนักศึกษายากจนแต่เรียนดี เริ่มทำงานที่โรงแรม Grand Hotels. ได้ปีกว่าๆ ในตำแหน่งแม่บ้านทำความสะอาด ยากจนต่ำต้อย ไม่มีอะไรโดดเด่นหน้าตาก็งั้นๆ ไม่ได้สวยโดดเด่นมากมาย ก็แค่ตัวเล็ก ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ดูโดยรวมแล้วก็น่ารักดี
“มีแค่นี้เองเหรอ ประวัติส่วนตัวไม่เห็นบอกอะไรเลย มีแค่ที่อยู่อาศัย กับอยู่กับใคร”
“ครับ เธออาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ‘อุ้มรัก’ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครครับ”
“แค่นี้...”
“ครับ”
“มันน่าจะมีมากกว่านี้นะ ความสามารถขนาดนายหาได้แค่นี้เองหรือไง...แซม”
“เออ... แต่ที่ดินที่สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ ติดจำนองธนาคารอยู่ครับ เป็นเงินจำนวนมากพอสมควร”
“ครับ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“ครับ”
“อืม... คงรู้นะว่าต้องทำยังไง ฉันให้เวลาสองวัน ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
โดมินิคสั่งงานเรียบร้อยก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีกลับเข้าห้องนอน เพื่อไปทำธุระสวนตัว
“ฉันจะรอดูสิ เธอจะหนีฉันยังไง ถ้าต้องเลือกระหว่างยอมเป็นนางบำเรอของฉัน กับความกตัญญู เธอจะเลือกอะไรล่ะแม่สาวน้อย จะทิ้งให้ทุกคนต้องผจญกับปัญหา หรือว่าจะแบกรับไว้คนเดียวดี”
โดมินิคอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาจากห้องพักตรงไปที่ทำงาน ในวันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยขององค์กร เหมือนกับที่เขาทำมาในหลายๆ ประเทศ ทุกประเทศจะมีตัวแทนคอยทำงานอยู่แล้ว แค่ไปตรวจดูความเรียบร้อย และแก้ปัญหาบางประเภทที่มันเกินอำนาจตัดสินใจของทีมผู้บริหาร เขาและผู้ติดตามจึงต้องเดินทางไปทุกประเทศที่มีสาขาของ รร.Grand Hotels. ความที่เดวิดถ่ายโอนอำนาจให้โดมินิคเริ่มทำงานตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ สองคนตายายก็พากันไปเที่ยวพักผ่อนตามประสาคนแก่กันสองคน ปล่อยให้โดมินิคมุมานะบริหาร จนสามารถขยายสาขาออกไปในหลายๆ ประเทศเพิ่มมากขึ้นมากกว่าตอนสมัยที่เดวิดสร้างไว้ หนุ่มโสดหล่อและรวย ทำให้ชีวิตของโดมินิคไม่เคยขาดคนข้างกาย จึงทำให้อดโมโห วราพิชชาไม่ได้ หล่อนไม่ใช่คนดังมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ดารานางแบบบางคนแค่ได้ควงเขาก็แทบจะสมยอมฟรีๆ โดมินิคเสนอเงินให้แล้ววราพิชชายังเล่นตัว เขายอมลดตัวไปมีความสัมพันธ์ด้วยก็น่าจะยินดี ไม่ได้ดูถูกนะ ในชีวิตนี้วราพิชชาไม่น่าจะหาผู้ชายที่ดีเลิศกว่าตัวโดมินิคเองได้
ผู้บริหารรายอื่นๆ นึกแปลกใจไปตามๆ กัน วันนี้โดมินิคอารมณ์ดีนั่งฟังหัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายรายงาน โดยไม่มีข้อโต้แย้ง แถมยังฟังไปยิ้มไป นานๆ จะได้เห็นโดมินิคในมาดแบบนี้กันสักที ธรรมดานี่ซักถามทุกๆ คำรายงานจนหัวหน้าฝ่ายเหงื่อตกไปตามๆ กัน การประชุมราบเรียบ เมื่อประธานไร้ข้อกังขา หลังจากเสร็จสิ้นการรายงาน และปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานเสร็จเรียบร้อย โดมินิคและผู้ติดตามจึงพากันเดินออกจากห้องประชุมไป
“มีงานที่ไหนต่ออีกเหรอเปล่า” โดมินิคถามแซมเสียงเรียบ ทันทีที่เดินพ้นประตูห้องประชุม
“ไม่มีแล้วครับ ถ้ามีก็ตอนเย็น คุณต้องไปงานเปิดตัวรถยนต์ที่คุณพนาเชิญไว้ครับ” แซมเปิดสมุดนัดหมายก่อนรีบรายงานออกไป
“ตอนนี้ก็ว่างแล้วใช่ไหม” โดมินิคถามต่อ พยักหน้าหงึกหงัก
“ครับ...”
“ยัยนั่นทำงานชั้นไหนละ” โดมินิคหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบเหมือนเดิม
“ใครครับ ยัยคนไหนครับ”
“ก็ยัยแม่บ้านนะสิ ฉันอยากไปดูเขาทำงานนะ”
“อ๋อ... คุณวราเธอทำอยู่ชั้นสองครับ”
โดมินิคมองแซมตาคว่ำด้วยความหมั่นไส้ คนสนิทของเขามีหรือจะไม่รู้ความต้องการ แซมก็แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อกวนอารมณ์เขาเท่านั้นเอง
“นำฉันไปสิ” โดมินิคกลบเกลื่อนความอายด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“ครับ...” แซมและการ์ดพากันเดินนำด้วยสีหน้าที่กลั้นยิ้มไว้สุดความสามารถ
แซมออกเดินนำหน้า เพื่อที่จะพาโดมินิคไปยังจุดหมายที่ต้องการทันที แซมอดแปลกใจในตัวเจ้านายไม่ได้ แค่พนักงานระดับล่างคนหนึ่งไม่มีความสำคัญอะไรมากมาย แค่ตรวจสอบประวัติความเป็นมามันก็มากเกินพอ แล้วนี่ยังจะไปคอยจับตามองอย่างใกล้ชิด ถึงขั้นตามดูห่างๆ ว่าทำอะไร อยู่ตรงไหน แค่คิดก็อ่อนใจ แทนผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง ยิ่งเจ้านายเป็นคนที่ชอบเอาชนะ ต้องเป็นที่หนึ่ง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้อย่างโดมินิคด้วย แซมเริ่มนึกหวั่นใจแทนสาวน้อยที่หลงผ่านมาและไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย
เมื่อถึงยังจุดหมายที่ต้องการ โดมินิคพยายามมองหาเป้าหมายของตัวเอง และเผลอเดินนำการ์ดไปด้วยความใจร้อนโดยไม่รักษาอาการ รีบด้วยความลืมตัว แซมแอบอมยิ้มขำๆ เจ้านายคงไม่รู้ตัว กลัวว่าจะไม่เจอผู้หญิง เพราะนี่ก็ใกล้เวลาพักเที่ยง คงกลัวว่าเธอจะหนีไปพักก่อน พอเดินเลี้ยวพ้นมุมตึกไป ก็เจอรถอุปกรณ์ทำความสะอาดจอดอยู่พอดี โดมินิครีบสาวเท้าเดินตรงไปโดยไม่สนใจบรรดาการ์ดที่เดินตาม ก่อนจะหันกลับมาปรามด้วยแววตาเฉยชา เหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าไม่ต้องตามมา แซมและการ์ดคนอื่นๆ หยุดมองอยู่ห่างๆ พวกเขาเห็นเจ้านายตัวเอง ทำทีเดินเอื่อยๆ ตรงไป เหมือนมาตรวจงานตามปกติ ผิดกับตอนก่อนหน้านี้ที่รีบเดินจนพวกเขาเองเดินตามแทบไม่ทัน
“อีตาเศรษฐีบ้านี่มาแถวนี้ทำไมนะ...สงสัยจะว่างงาน“
วราพิชชาบ่นเบาๆ ออกมาเมื่อเห็นโดมินิคเดินตรงมายังบริเวณที่ตัวเองทำงานอยู่ เขาเดินเอื่อยๆ ก็จริง แต่มองก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่เธอเอง เมื่อเห็นดังนั้น วราพิชชาจึงรีบเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดในที่เก็บ ก่อนจะปัดฝุ่นที่เสื้อผ้าเบาๆ เตรียมตัวไปหาอาหารกลางวันกิน ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้พักแน่ เพราะดูจากท่าทางการเดินตรงมาของโดมินิค คงต้องมาหาเรื่องตัวเองแน่นอน
โดมินิคเดินมาถึงก็เมียงๆ มองๆ อยู่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นแบบไหน ทุกทีมีแต่สาวๆ วิ่งเข้าหาไม่เคยเลยที่ต้องมาเริ่มต้นเจรจาเอง แต่เห็นหล่อนพยายามเก็บของ ก็เลยต้องตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อมาถึงที่แล้ว เป็นไงเป็นกันสิ
“งานหนักจะตายไม่เหนื่อยแย่เหรอ สนใจจะทำงานสบายๆ มีเงินใช้ไม่ขาดไหมละ” เสียงทุ้มๆ เปรยลอยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าพูดกับใคร
วราพิชชาเงยหน้าขึ้น และมองตรงไปยังโดมินิคก่อนจะถาม
“คุณ...พูดกับดิฉันใช่ไหมคะ”
“ก็อยู่กันสองคน...ไม่พูดกับเธอจะพูดกับใครล่ะ ถามมาได้” โดมินิคตอบเสียงห้วน
“ดิฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาถามคำถามแบบนี้กับดิฉันนะคะ ในเมื่อคุณกล้าถาม ดิฉันก็จะตอบ ดิฉันพอใจกับการทำงานในหน้าที่ๆ ทำอยู่ตอนนี้ ถึงมันจะหนัก ถึงมันจะเหนื่อย พอได้พักมันก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเงิน ทุกวันนี้ดิฉันก็มีพอใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ คุณช่างเป็นเจ้านายที่ใจดีมาก อุตส่าห์เป็นห่วงลูกจ้าง ถึงขนาดลงมาดูด้วยตัวเอง ต้องขอบคุณแทนพนักงานทุกๆ คนจริงๆ ค่ะ” วราพิชชาอดแดกดันโดมินิคไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนจะแฝงคำดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ จนคนฟังหน้าชาไปกับคำดูถูกแบบนั้น
“ฉันหวังดีกับเธอนะ ทำงานแบบนี้มันจะได้เงินเดือนเท่าไหรกัน อุตส่าห์เสนอเงื่อนไขให้เธอได้มีโอกาสเลือก แต่ถ้าเธอไม่สนใจล่ะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก อย่ามาว่าฉันใจร้ายทีหลังไม่ได้นะ” โดมินิคกระซิบลอดไรฟัน พร้อมทั้งข่มขู่ไปในตัว เมื่อสาวเจ้าย้อนคำเสียแสบสันต์
โดมินิคพูดจบก็หันกลับ พร้อมกับพูดเปรยๆ กับการ์ดที่รออยู่ พร้อมกับชำเลืองมองวราพิชชาในขณะที่พูดด้วยแววตาวาววับ
“ฉันอยากได้ที่สักแปลง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก ไม่ต้องกว้างนักซักประมาณ3-4ไร่ เอาไว้ปลูกบ้านหลังเล็กๆ เวลามาตรวจงานที่เมืองไทย ฉันไม่อยากนอนร.ร.หาให้ฉันด่วน!!! ฉันเห็นอยู่แปลงหนึ่งตรงข้างที่นี่ หน้าสนใจดีนะ ไปเจรจาให้หน่อย ฉันใจร้อนอยากรู้ผลไวๆ”
วราพิชชาขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขาหรอก คนร่ำรวยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ไม่รอช้า เธอส่ายหน้าทำงานต่อ แอบไหวไหล่หมั่นไส้เจ้านายจอมยโสไม่ได้
“อีตาเศรษฐีบ้านี่ต้องการอะไรนะ ชักสงสัยแล้ว... ไม่รู้ว่าจะแกล้งอะไรเราอีกหรือเปล่าสิ... ไม่สนใจแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า ป่านนี้นิสารอนานแล้ว เดี๋ยวจะโดนบ่นอีก”
วราพิชชารบ่นงึมงำออกมาเบาๆ ตามหลังโดมินิค ก่อนจะรีบไปหาเพื่อนที่นัดกันไปทานอาหารกลางวัน ส่วนชายหนุ่มก็มองตามสาวน้อยไปจนลับสายตา
“พวกนายคงรู้นะว่าฉันต้องการอะไร ฉันให้เวลา สามวัน ไม่สิสองวันก็พอ งานง่ายๆ แค่นี้เอง”
บอกจบโดมินิคก็เดินกลับไปทางเดิม เพื่อจะไปรับประทานอาหารกลางวันเหมือนกันกับวราพิชชา “ฉันจะไปกินอาหารกลางวันในส่วนบริเวณที่จัดให้พนักงานดีไหม พวกนายเห็นว่าไง เป็นการกระชับความสัมพันธ์กับพนักงาน... ดีเหรอเปล่า”
“คงจะไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวจะพนักงานแตกตื่นกันพอดี เจ้านายไม่เคยลงไปที่นั่นเลย เกรงว่าพนักงานจะทำตัวไม่ถูกกันนะครับ”
“ทำไม ...ฉันอยากให้ความเป็นกันเองกับพนักงานบ้าง ไม่ดีเหรอไง” โดมินิคแย้งเสียงหลง
“ครับ”
“ไปได้แล้ว มัวแต่โอ้เอ้ ฉันหิวแล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักกันพอดี”
โดมินิคก็รีบเดินตรงไปยังบริเวณที่จัดไว้ให้พนักงานรับประทานอาหารทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานของแซมหรือว่าการ์ดคนอื่นๆ แซมส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ เจ้านายนึกอยากจะทำอะไรปุบปับก็ทำเลย ตามกันแทบไม่ทัน นี่ก็คงตามไปหาเรื่องวราพิชชาอีกนั่นแหละ ไม่รู้ติดใจอะไรหนักหนา แค่สาวน้อยไม่ตามใจ ไม่รู้ไปพูดอะไรมองหน้ายังไม่ยอมมอง สงสารแต่คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่จะต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย คงมีอีกหลายๆ คนที่ต้องโดนผลกระทบ จนกว่าโดมินิคจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ แซมจัดการสั่งงานการ์ดคนอื่นๆ ก่อนจะให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน ถ้าให้ตามไปทั้งหมดคงแตกตื่นกันทั้งโรงอาหาร นานๆ ทีที่ผู้บริหารระดับสูงลงไปนั่งรับประทานอาหารด้วย เมื่อมาถึงยังแคนทีนโดมินิคกวาดตามองหาวรพิชชาทันที เมื่อเห็นว่าอยู่บริเวณไหนก็เดินตรงไป
“แซมฉันอยากรู้ว่าร้านค้าที่นี่ ขายอาหารแพงไหม รสชาติเป็นอย่างไร ถูกหลักโภชนาการไหม จัดมาซสักหนึ่งชุดนะ ฉันจะรออยู่ที่นี่” โดมินิคเปรยลอยๆ ท่าทางเอางานเอาการ เคร่งเครียดแล้วทรุดตัวลงนั่ง
เขานั่งลงใกล้กับที่วราพิชชาและนิสานั่งอยู่ แสร้งวางหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ในขณะที่พนักงานหลายคนที่เห็นต่างชะเง้อมอง คนที่รู้ว่าโดมินิคเป็นใคร มีตำแหน่งอะไรก็สะกิดเพื่อน บอกต่อๆ กันไป แล้วก็รีบจัดการอาหารตรงหน้า รีบแยกย้ายกันไปทำงาน ที่ไม่รู้ก็พากันแอบซุบซิบ โดยเฉพาะพนักงานสาวๆ ต่างทิ้งสายตาทอดสะพานกันเต็มที่ ก็โดมินิคหน้าตาจัดอยู่ในโหมดหน้าตาดีมาก จึงไม่แปลกถ้าสาวๆ จะหันมามองอย่างสนใจ โดมินิควางสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็หันมาทักทายกับวราพิชชา
“อ้าว...เธอนั่นเอง มากินข้าวที่นี่หรือ ฉันไม่ยักเห็น วันนี้ฉันอยากทานอาหารร่วมกับพนักงานบ้างน่ะหวังว่าคงไม่ทำให้ใครอึดอัดและลำบากใจนะ” โดมินิคหันมาทักทายวราพิชชาที่กำลังมองมา ด้วยท่วงท่าสบายๆจนวราพิชชาอดหมั่นไส้ไม่ได้
“อุ้ย... “ นิสาเผลอตัวอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ไม่ค่ะ จะมีก็แต่รู้สึกดีที่ผู้บริหารในระดับสูง ไม่รังเกียจที่จะรับประทานอาหารพื้นๆ ร่วมกับพนักงานค่ะ” วราพิชชาตอบ พร้อมทั้งแดกดันไปในตัว แล้วก็ก้มหน้ากินอาหารตรงหน้าต่อ ไม่ใส่ใจโดมินิคเท่าที่ควรเป็น
“ดี กลัวแต่ว่าใครบางคนจะกินอะไรไม่ลงสิ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่รบกวนใครหรอกนะ”
แซมสั่งอาหารมาให้เจ้านายตัวเอง พร้อมกับยืนสำรวมอยู่ข้างๆ เพื่อรอคำสั่งอื่นๆ ที่อาจจะตามมาก่อนอมยิ้ม เมื่อโดมินิคมองอาหารกลางวันของตังเองงงๆ ร้านขายอาหารให้พนักงานมีแต่อาหารธรรมดา แซมเลือกอาหารง่ายๆ ที่เจ้านายจะพอกินได้มาแล้วนะ แซนต์วิชมาให้ก็คิดว่าเจ้านายคงจะกินลงไปได้
โดมินิคชำเลืองมองวราพิชชา หล่อนกำลังกินอะไรอยู่นะ เขาเผลอตัวแบบไม่รู้ตัว เขาลุกไปนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ที่วราพิชชานั่งอยู่
“แลกกันนะ ฉันกินอันที่เธอกำลังกินดีกว่า อาหารจานนี้ฉันยกให้เธอแล้วกัน”
โดมินิคดึงจานข้าวที่วราพิชชากำลังกินค้างอยู่ มากินต่อหน้าตาเฉย วรพิชชาจึงได้แต่มองแบบอึ้งๆ เธอนึกไม่ถึงตาเศรษฐีบ้านี่มาแย่งจานอาหารที่เธอกำลังกินอยู่ไปหน้าตาเฉย แล้วท่าทางเขาชวนปวดหัว เขากินอาการอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนกับว่าไม่เคยลิ้มรสมาก่อน แต่ว่า...เขาคงไม่เคยกินจริงๆ นั่นแหละเพราะคงเคยกินแต่อาหารหรูๆ คงไม่เคยกินข้าวราดแกงข้างทางมาก่อน
“นี่เรียกว่าอะไรนะอร่อยดีนะ” โดมินิคเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวที่กำลังกินอยู่พลางถามถึงอาหารที่กินเข้าไป
“ต้มจืดฟักกับไก่ คุณคงไม่เคยทานสินะคะ” วราพิชชาตอบเรียบๆ พยายามจะไม่โมโหเมื่อเห็นท่าทางยียวนของโดมินิค
“ฉันไม่เคยกินมาก่อนทำยากไหม ไว้ฉันจะให้แม่ครัวที่บ้านทำให้กินอีกสักครั้ง” โดมินิคพยักหน้าเมื่อเข้าใจ เขาส่งยิ้มหวานจ๋อยให้วราพิชชาหวังทำคะแนน จนนิสาที่กำลังมองอยู่ตาพร่าไปกับรอยยิ้มบาดใจแบบนั้น
“ไม่ยากค่ะ...กับข้าวพื้นๆ แม่ครัวของคุณคงทำได้” วราพิชชาหลุบเปลือกตาลงปิดกั้นจากรอยยิ้มละลายหัวใจ เธอก้มหน้าลงหลบให้พ้นจากสายตาของโดมินิค ไม่สนใจจะแตะต้องอาหารที่โดมินิคนำมาแลกไว้จนชายหนุ่มเริ่มเดือดปุดๆ
วราพิชชาพลิกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนเล็ก แล้วก็จะจัดการเก็บของที่อยู่ตรงหน้าตัวเองจนเรียบร้อย จึงหันมาชวนนิสาเพื่อกลับไปทำงาน เมื่อเห็นใกล้จะหมดเวลาพัก
“ขออนุญาตไปทำงานนะคะ หมดเวลาพักแล้ว เชิญคุณทานและคนของคุณตามสบาย” วราพิชชาหันมากล่าวลาตามมารยาทและเตรียมลุกขึ้นจากที่นั่ง
“เธออิ่มแล้วเหรอ”
“ค่ะ... ไปก่อนนะคะ” วราพิชชาตัดบท รีบชักชวนนิสาเดินออกจากบริเวณที่นั่งทานอาหาร
“วรา ...คุณโดมินิคนี่หน้าตาดีมากเลยนะ นิสาจะเป็นลม คนอะไรหล่อเป็นบ้าเลย นี่ถ้าวราไม่บอกก่อนนะว่านิสัยไม่ดี นิสาก็ยังชื่นชมเขาอยู่ดี” นิสากระซิบเบาๆ เมื่อเดินพ้นออกมาจากบริเวณที่นั่งอยู่
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกนิสา เขาอยู่ในสังคมแบบนั้นจะไปว่าเขาก็ไม่ถูก รอบๆ เขามีแต่คนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน วงจรของเขาคงมีแต่การแข่งขัน เขาก็เลยเป็นคนแบบนั้น” วราพิชชาพูดถึงโดมินิคอย่างปลงๆ และคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก คนสองคนที่แตกต่างกันมากเกินไป เหมือนฟ้าที่อยู่สูงสุด กับเหวที่อยู่ต่ำชั้น แค่เวียนมาเจอกันได้ มันก็เหนือความคาดหมาย คงเป็นแค่เพียงครั้งเดียวที่มีโอกาสได้เจอะเจอกัน
ลมหายใจแผ่วๆ ที่ปล่อยออกมาจากช่องจมูก หลังจากกลั้นไว้นาน เธอเดินไปตามทางของตัวเอง แยกออกจากทางที่โดมินิคต้องเดิน
โดมินิคมองตามด้านหลังของวราพิชาจนหายลับไปจากสายตา เขาหมายมาดอยู่ในใจเงียบๆ ปล่อยให้สาวน้อยนึกลำพองใจไปก่อน หล่อนคงไม่รู้ตัวว่าได้ทำการหยามน้ำหน้าโดมินิคได้สำเร็จ คนต่ำชั้นที่บังอาจปฏิเสธของเสนอของคนอย่างเขาได้ ถ้าปล่อยให้ลอยนวลไปง่ายๆ มันจะเป็นการเสียหน้าเป็นอย่างมาก มุมปากของโดมินิคยกยิ้มขึ้น เมื่อนึกถึงอนาคตที่วราพิชชาจะต้องมาสยบอยู่ในอุ้งมือของตัวเอง
บทที่32.ตอนพิเศษ 2“คุณปู่คร๊าฟๆ...เอวาอยากเล่นน้ำ แต่แดร็กกลัวว่าจะดูเอวาไม่ไหว คุณแม่กับแด๊ดยังไม่ตื่นคร๊าฟ คุณปู่ไปดูแดร็กแปบหนึ่งได้ไหมคร๊าฟ” พาสกรในวัยหกขวบส่งเสียงเจื้อยแจ้วนำมาก่อนล่วงหน้า ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นตัว “ว่ายังไงละ ตัวแสบอ้อนจะเอาอะไรอีก แล้วทิ้งน้องไว้ไหนกันละ” เดวิดถามเมื่อหลานชายปรากฏตัวให้เห็น “เอวาอยากเล่นน้ำทะเลนะคร๊าฟ แต่แดร็กจับน้องไม่ไหว กลัวน้องจม พี่สำเรียงเลยให้แดร็กมาตามผู้ใหญ่ไปดูด้วยคร๊าฟ ”เด็กชายจีบปากจีบคอพูดคำพูดบอกกับคุณปู่ผู้สูงวัย “อ๋อ... เอวาจะเล่นน้ำ แล้วพ่อกับแม่เราไปไหนหมดละ เราถึงอยู่กับสำเรียง” “แดร็กไปดูที่ห้องนอน แล้วประตูปิดเคาะเรียกก็ไม่ยอมเปิด สงสัยแด๊ดกับแม่ยังหลับอยู่แดร็กก็เลยมาหาคุณปู่คร๊าฟ”&nb
บทที่31.ตอนพิเศษ1นับตั้งแต่วราพิชชาท้องลูกคนที่สองก็ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล จนโดมินิคไม่ยอมห่างไปไหน วนเวียนอยู่ใกล้ๆ รวมทั้ง ไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนตอนตั้งท้องน้องบาส นิสัยก็เปลี่ยนไปขี้อ้อน ขี้ใจน้อยจนโดมินิคหัวหมุนไปหมด แม้จะยังทำงานอยู่แต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษา อาจจะเข้ารวมประชุมในบางครั้งที่ปัญาหามันใหญ่จริงๆ วราพิชชาซึ่งชื่นชอบทะเลเป็นพิเศษ โดมินิคจึงดูลู่ทางเพื่อทำธุรกิจเป็นของตัวเอง วางโครงการว่าจะทำรีสอร์ทชายทะเลเล็กๆ สักที่หนึ่ง จึงมัววุ่นวายอยู่กับการเตรียมเอกสารและหาทำเล จนทำให้ละเลยไม่ค่อยเข้าไปคลุกคลีกับวราพิชชา จึงเป็นสาเหตุให้วราพิชชาอดน้อยใจไม่ได้ เธอมักจะแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ แพรไหมสังเกตเห็นว่าวราพิชชาจะสดใสร่าเริงเวลาอยู่ต่อหน้าทุกๆ คนแต่มักจะแอบไปนั่งเงียบๆ คนเดียว จึงคิดว่าจะต้องตักเตือนโดมินิคให้รู้ตัวก่อนว่าคนท้องต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะมักจะคิดเองเออเอง ธรรมดาวราพิชชาก็อยู่ในจำพวกคิดมากอยู่แล้ว&nb
บทที่30.งานวิวาห์ของโดมินิค-วราพิชชาพิธีการแบบไทยๆ จัดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ที่สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ ตามคำขอของวราพิชชาโดยมีการรดน้ำสังข์ตามประเพณีไทยดั่งเดิม วราพิชชาดูงดงามในชุดไทยประยุกค์แขนยาว ปกปิดจนมิดตามที่โดมินิคต้องการเหมือนกัน โดมินิคอยู่ในชุดไทยโบราณ “ราชประแตน” เสื้อแขนยาวสีขาวกระดุมสีทองดูโดดเด่น โจงกระแบนสีแดงมะปรางส่งให้เขาดูสง่าสมชาชาตรี หน้าตายิ้มแย้มพร้อมขบวนขันหมากเยียดยาวที่ตั้งรออยู่ด้านนอก โดมินิคเดินนำหน้าเดวิดและแพรไหมเข้ามาด้านใน ปล่อยให้ขบวนขันหมากที่ถูกจัดเตรียมไว้รออยู่ด้านนอก เมื่อถึงเวลาค่อยเข้ามาตามประเพณี เสียงเพลงที่เปิดไว้ดังจากลำโพงแผ่วๆ พาให้บรรยากาศในงานรื่นรม ผอ.ชลธิชาและสามารถ เพียงใจที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเดินเข้ามาต้อนรับ เมื่อโดมินิคพาเดวิดและแพรไหมเข้ามา ข้าวปลาอาหารถูกจัดเตรียมไว้เพื่อรอให้โดมินิคและวราพิชชาได้ถวายให้พระสงค์ร่วมกันเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ร่วมกันตามประเพณีไทย “วราจับทัพพีเหนือมือคุณโดมินิคนะ... แม่บอกมา” เสียงน
บทที่29.ผิดไปแล้วดีกันนะเมื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ โดมินิคเดินทางกลับมายังประเทศไทยด้วยความร้อนใจ ป่านนี้วราพิชชาจะเป็นอย่างไรบ้าง รับรู้และเข้าใจเขามากเพียงใด โดมินิคและเดวิดลงจากรถยนต์ที่ทางสนามบินจัดไว้ให้ เมื่อมาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภมิ เขาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเดินเข้าไปภายใน เวลาที่มาถึงยังเช้าอยู่ และทุกคนอาจจะยังไม่ตื่น สำเรียงชะโงกหน้าออกมามองเมื่อได้ยินเสียงรั้วที่ดังขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนี เมื่อเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามา ในแววตาแสดงออกมาชัดเจนถึงความไม่พอใจจนโดมินิคใจเสีย ขนาดคนที่เป็นพี่เลี้ยงลูกเขา ยังไม่พอใจขนาดนี้ วราพิชชาจะแสดงอาการอย่างไรบ้าง เขาหยุดเดินสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ หันมามองแด๊ดอย่างขอความเห็นใจ เดวิส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ทำใจดีๆ ไว้มันอาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้นก็ได้ แด๊ดว่าเข้าไปพิสูจน์กันเลยดีกว่า” เดวิดพู
บทที่28.จบปัญหาซะทีอยากกลับบ้าน (คิดถึงลูก)เมื่อตกลงกับญาติทุกคนได้ ก็เหลือแต่การเจรจากับทอมสันและลิซ่า จากนั้นโดมินิคจะกลับบ้านเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับวราพิชชา แม่ส่งข่าวมาเมื่อไปถึงเมืองไทยว่าวราพิชชายอมฟังที่แม่อธิบายทั้งหมดโดยดีแต่ขอตัดสินใจอีกที โดมินิคเชื่อว่าเขาสามารถอธิบายเหตุผลทั้งหมดได้ และวราพิชชาคงจะให้อภัย แต่ข่าวที่แม่บอกมาทางโทรศัพท์แทบจะทำให้เขาถลากลับบ้านซะตั้งแต่ตอนนี้เลย คราวนี้ละโดมินิคสัญญากับตัวเองว่าจะต้องดูแลวราพิชชาจนกว่าจะคลอดลูกเลยเชียว เมื่อบอกแด๊ดว่าวราพิชชาตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้วแด๊ดยิ้มไม่หยุด ท่านเตรียมการที่จะไปคุยกับทอมสันให้รู้เรื่อง คุณปู่ป้ายแดงกับคุณพ่อลูกสองตกลงใจว่าต้องจัดการให้เสร็จภายในเวลาไม่นาน อีกทั้งโดมินิคยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับลิซ่าเรื่องมันก็น่าจะง่ายขึ้น โดมินิคเดินทางมายังบ้านพักของทอมสัน หลังจากนัดหมายเจ
บทที่27.ข้อเสนอของภรรยาอีกคนหนึ่ง(ทำอย่างไรดี)โดมินิครู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งร่างกาย ข่าวที่หลุดลอดออกไปจากการปล่อยข่าวของครอบครัวของทอมสัน เขาและแด๊ดโดนทอมสันหลอกมาตลอดว่าลิซ่าป่วยเป็นโรคร้าย ทั้งที่ลิซ่าแค่ร่างกายอ่อนแอ หลังจากที่โดมินิคเข้าพิธีแต่งงานตามคำขอของแด๊ด ข่าวหลุดออกไปหลังจัดงานไม่กี่ชั่วโมง ทำให้โดมินิควุ่นวายกับการปิดข่าวที่หลุดออกไป ความหวังดีที่มีให้ส่งผลกระทบตามมาอย่างมากมาย โดมินิคห่วงแค่ความรู้สึกของวราพิชชาเท่านั้น ถ้าวราพิชชารู้ข่าวจะเกิดอะไรขึ้น โดมินิคไม่อยากจะคิดเพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่เท่าไร ก็เจอกับปัญหาอีกแล้ว โดมินิคและแด๊ดปรึกษากันอย่างเข้มข้น แด๊ดเสนอให้แพรไหมเดินทางกลับไปยังประเทศไทยเพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวราพิชชาก่อน โดมินิคเห็นด้วยกับความคิดนี้ ทอมสันขู่ว่าจะถอนหุ้นออกไปถ้าโดมินิคทอดทิ้งลิซ่า ทำให้เขาและบิดาจึงต้องนัดบรรดาญาติ และผู้ถือหุ้นมาประชุมร่วมกัน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไข เห็นแก่ความเป็นเ