ในขณะเดียวกัน ณ ตระกูลเซี่ย เมื่อเซี่ยอิ่งกลับมาถึงบ้าน เซี่ยเทาพ่อของเธอก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วถามพร้อมยิ้มให้ว่า "เป็นยังไงบ้างลูกรักของพ่อ? นายท่านอู่ตอบรับโครงการของพวกเราหรือเปล่า?" เซี่ยอิ่งยิ้มด้วยความทะนงตน "แหงอยู่แล้วค่ะ! ลูกสาวพ่อเป็นใครกันเล่า? พวกเราต้องเจรจากันได้อยู่แล้ว! นอกเหนือไปจากนั้นไม่ใช่แค่โครงการนี้เท่านั้น แต่ภายภาคหน้าทุกโครงการที่อยู่ในมือของนายท่านอู่ก็อาจจะมอบให้พวกเราด้วย!" เมื่อเซี่ยเทาได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง ดวงตาของเขาฉายแววตื่นเต้นแล้วรีบดึงแขนลูกสาวของตัวเอง "เข้ามาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณย่าของลูกฟังสิ!" ในห้องหนังสือบนชั้นสอง หญิงชราผมขาวที่แลดูมีอายุราว ๆ เจ็ดสิบกว่าปีกำลังนั่งเก้าอี้โยกพลางถือหนังสือพิมพ์แล้วค่อย ๆ อ่าน คนผู้นี้คือนายหญิงผู้เฒ่าแห่งตระกูลเซี่ย คุณย่าของเซี่ยอิ่ง เมื่อประตูเปิดออก เซี่ยเทาก็เดินเข้ามาพร้อมกับเซี่ยอิ่ง "แม่ครับ! มีเรื่องดีเกิดขึ้นด้วยล่ะ!" นายหญิงผู้เฒ่าวางหนังสือพิมพ์แล้วถอดแว่นอ่านหนังสือ จากนั้นก็มองเซี่ยอิ่งที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจแล้วรีบเอ่ยถามขึ้นมาว่า "มีอะไรงั้นเหรอ?" เซี่ยอิ
คิ้วตาของเซี่ยอิ่งเต็มไปด้วยแววเบิกบานใจ จากนั้นเธอก็จูงโต้วโต่วออกไป แต่ขณะที่เซี่ยอิ่งกำลังจะพาเธอไป ประตูก็พลันถูกผลักให้เปิดออก! ในตอนนั้นเอง! เซี่ยอิ่งใจเต้นโลด! เส้นประสาทเองก็เครียดเขม็งเช่นกัน! เธอนึกว่าหลี่ชิงเฟิงมาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นชายอีกคนหนึ่งแทน ชายร่างสูงชะลูดคนนี้สวมชุดเครื่องแบบทหาร! เขามีท่าทางไม่ธรรมดาสามัญเลยสักนิด! เป็นนายพลอาวุโสหม่าคุนนั่นเอง! วันนี้เขาได้ยินมาว่าลูกสาวของจอมอสูรกำลังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ดังนั้นเขาจึงนำอาหารเสริมมาด้วย เดิมทีเขาคิดจะเอามามอบให้แก่หลี่ชิงเฟิง แต่กลับพบเซี่ยอิ่งเข้าโดยบังเอิญแทนเสียได้ เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนพาโต้วโต่วออกมา เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที "คุณเป็นใครกัน? คุณไม่ใช่แม่ของเด็กคนนี้นี่นา!" เขาไม่รู้จักเซี่ยอิ่ง แต่เซี่ยอิ่งรู้จักเขา! นี่คือคนใหญ่คนโตที่มักจะปรากฎตัวในโทรทัศน์อยู่เป็นประจำ! เซี่ยอิ่งแข้งขาไร้เรี่ยวแรงและปากคอแห้งผาก จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่านายท่านอู่เคยบอกว่านายพลอาวุโสมารักษาอาการเจ็บป่วยของตนเองที่โรงพยาบาล หรือว่าจะเป็นหม่าคุน? ! นี่คือมหาเทพองค์หนึ่ง! อย่าว่าแต่ได้พูดคุยด้วยเลย
ในขณะเดียวกัน ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออกโดยมีสวีอู่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้าหม่นคล้ำ ดวงตากลัดเลือดและมีแววอาฆาตแค้น! แต่กลับให้ความรู้สึกซูบซีดอิดโรยมากกว่า... สี่ราชันย์สวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้โทสะในใจของทั้งสี่คนเริ่มที่จะค่อย ๆ ปะทุขึ้นมา... ขวางเสออดไม่ได้ที่จะถามว่า "นายท่านอู่! ไอ้หมอนั่นมันมาจากที่ไหนกัน!" สวีอู่ยังคงมีสีหน้าหม่นคล้ำและน้ำเสียงแหบแห้งอยู่บ้าง "อย่าห่วงไปเลย พวกเรามากันครบแล้วใช่ไหม? เข้ามาสิ ฉันอยากให้พวกนายรู้อะไรบางอย่าง!" หลังจากสวีอู่พูดจบก็หันหลังเดินกลับไป สี่ราชันย์สวรรค์พร้อมบรรดาพี่น้องของพวกเขาจึงเดินตามเข้าไปในบ้านด้วย มีบรรยากาศชวนให้อึดอัดจนถึงขีดสุดในคฤหาสน์ขนาดใหญ่! ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย พวกเขาติดตามสวีอู่มาหลายปี ยังมีเหตุการณ์อะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างล่ะ? แต่ก็ไม่เคยเห็นสวีอู่เป็นแบบนี้มาก่อน! เขาโกรธจัด! เมื่อสวีอู่มาถึงห้องโถงแล้ว เขาก็หันกลับมานั่งเก้าอี้พลางค่อย ๆ หลับตาลงแล้วสูดหายใจลึก ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เฮยหลาง พาตัวมันมาทีสิ" "รับทรา
หลังจากสวีอู่กล่าวคำพูดอาจหาญมาจนถึงตรงนี้ เขาพบว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไรเลยสักคำจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ทำไมเล่า แกกลัวหรือไง?" "เศษสวะเอ๊ย! งั้นก็รอเก็บศพลูกสาวของแกได้เลย!" คราวนี้มีเสียงดังขึ้นมาจากทางนั้นบ้าง "ไม่จำเป็นต้องก่อนรุ่งสางหรอก ฉันทนรอนานขนาดนั้นไม่ไหว!" "ฉันจะปรากฎตัวภายในหนึ่งชั่วโมง" เสียงนี้ราวกับดังขึ้นมาจากขุมนรกชั่วกัลป์ผสานกับหิมะเดือนเก้าที่ชวนให้หนาวไปถึงกระดูกสันหลัง! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีคำพูดข่มขู่สักคำ แต่กลับทำให้เขาตื่นตะลึงไปหลายวินาที! สวีอู่กลับโมโหจัดแล้วพูดจากระโชกโฮกฮากขึ้นมาว่า "ได้! ฉันหวังว่าตอนที่แกเจอฉันจะยังกล้าพูดแบบนี้อยู่ก็แล้วกัน! ฉันจะฆ่าแกให้ตายในชั่วโมงเดียว!" เปรี้ยง! ! ! ฟ้าผ่าบนฟากฟ้าและนภามืดมิดราวกับจุดสิ้นสุดของโลกกำลังจะมาเยือน! ภายในโรงแรมหอแปดเซียน บรรยากาศชวนอึดอัดยิ่งนัก จากนั้นหลี่ชิงเฟิงก็ยืนอยู่ตรงหน้าของหน้าต่างบานหนึ่ง โทรศัพท์ในมือแหลกละเอียดทันที! เมฆฝนในฟากฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตาราวกับว่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น! สายลมที่จู่ ๆ ก็รุนแรงขึ้นมาทำให้สายฝนนอกหน้าต่างส่งเสียงดังกรอบแกรบ! ในยามนี้ชั้นล่
ในขณะนั้นเอง ณ คฤหาสน์ชิงสุ่ย คฤหาสน์ชิงสุ่ยปลูกสร้างอยู่บนหุบเขา มันเป็นบ้านพักตากอากาศที่สวีอู่เปิดสู่โลกภายนอกเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนสัปดาห์ละครั้ง แต่ยามที่จำเป็นก็จะเป็นพระราชวังฤดูร้อนของสวีอู่ด้วย ฝนฟ้าชักจะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และเมฆดำทะมึนในเมืองก็คล้อยต่ำลงมาทุกที ๆ ตอนนี้คฤหาสน์ชิงสุ่ยได้ถูกปิดตายและหยุดการติดต่อกับโลกภายนอก สวีอู่ที่มาถึงที่นี่พร้อมเหล่าพี่น้องทั้งหลายที่กำลังรอคอยให้หลี่ชิงเฟิงมาถึง ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่อยู่ข้างนอกก็วิ่งเข้ามาในห้องแล้วบอกว่า "นายท่านอู่! มีข่าวจากข้างนอกว่าไอ้เด็กหลี่ชิงเฟิงเองก็ระดมกำลังพลด้วยครับ" เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา! เฮยหลางยิ้มเย็นชา "ให้ตายสิวะ! ไอ้เด็กนี่มันไม่กลัวตายจริง ๆ! มันคิดจะหาคนมาช่วยงั้นรึ? ฉันก็อยากจะรู้นักว่าเมื่อกวาดสายตามองไปทั่วมณฑลทั้งสาม จะมีใครกล้าช่วยมันบ้าง!" "ใครมันจะไปมีคนเยอะกว่านายท่านอู่ของพวกเราอีกเล่า? ฉันคิดว่าไอ้เด็กนี่มันโง่เง่าสิ้นดี!" "ในมณฑลทั้งสามแห่งนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่านายท่านอู่คือจอมราชันย์!" เมื่อสวีอู่ได้ยินเช่นนี้ แววตาก็ฉายประกา
เมฆฝนในท้องฟ้าอันห่างไกลที่รวมตัวกันก่อตัวเป็นพายุหมุนไปทั่วเมืองเซี่ยชวน! ราวกับว่ากำลังจะมีพายุลูกใหญ่มาเยือน... รถยนต์สีดำสนิทสองคันเร่งความเร็วไปตามท้องถนน จนในที่สุดก็มาหยุดนิ่งอยู่ตรงที่เปิดโล่งห่างจากคฤหาสน์ชิงสุ่ยไม่กี่ร้อยเมตร ประตูรถเปิดออกแล้วหลี่ชิงเฟิงก็ค่อย ๆ ลงจากรถ เย่เซียวที่อยู่ข้างหลังกำลังถือร่มคันสีดำคอยคุ้มศีรษะให้หลี่ชิงเฟิง... หลี่ชิงเฟิงไม่พูดอะไรสักคำ เขากำลังมองดูคฤหาสน์หลังใหญ่ในหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ตอนนี้เย่เซียวค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา "จอมอสูร ยอดฝีมือของอสูรรัตติกาลมารวมตัวกันและกำลังรอคำสั่งของพี่อยู่นะ" หลี่ชิงเฟิงพยักหน้าโดยไม่เอ่ยสิ่งใด จากนั้นหันกลับไปขึ้นรถแล้วมองเซี่ยเซียนอินที่ยังคงหลับใหลอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา แม้จะหลับอยู่ ทว่าเซี่ยเซียนอินก็ยังมีหยดน้ำตาที่ใสราวกับผลึกแก้วแขวนค้างอยู่ตรงหางตา ชวนให้ดูน่าสงสาร... หลี่ชิงเฟิงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า "เซียนอิน พอขึ้นฟื้นตื่นขึ้นมา โต้วโต่วก็จะกลับมาหาคุณโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วนและไอ้พวกที่รังแกคุณก็จะหายไปจากโลกใบนี้" "ผมให้สัญญา" หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ
ณ ลานกว้างของคฤหาสน์ชิงสุ่ย มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น! สวีอู่กับสี่ราชันย์สวรรค์กำลังนั่งดื่มชาพลางมองดูนาฬิกาอยู่ในห้อง... เฮยหลางที่รอจนชักจะเริ่มหมดความอดทนถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า "ให้ตายเถอะ! คงไม่ใช่ว่าไอ้เศษสวะนั่นไม่มาหรอกนะ? ฉันอยากจะรู้นักว่ามันจะหาใครมาช่วย!" ในตอนนี้เอง ชายคนหนึ่งที่อยู่ตรงประตูด้านนอกก็วิ่งพรวดเข้ามา "นายท่านอู่! คนมาแล้วครับ!" สวีอู่ลุกขึ้นทันทีพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "มีคนมากันเท่าไรล่ะ?" "สะ...สี่..." ชายหนุ่มกล่าว สวีอู่กับสี่ราชันย์สวรรค์มองหน้ากันแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังพร้อมกัน! "สี่คน! ฉันบอกแล้วยังไงล่ะว่าในมณฑลทั้งสามไม่มีใครกล้าช่วยมันหรอก! ฮ่าฮ่า!" "สี่คนนี้มารนหาที่ตายถึงที่นี่เลยเชียวรึ?" สวีอู่โบกมือแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "จับตัวนังเด็กไม่มีพ่อคนนั้นไปขังเอาไว้ซะ! ออกไปดูไอ้ขี้แพ้สี่คนนี้กันเถอะ!" เมื่อสวีอู่เดินออกจากประตู เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลานกว้างของคฤหาสน์ชิงสุ่ย ลานกว้างมีขนาดใหญ่โตจนสามารถบรรจุผู้คนได้นับหมื่นคน! ตอนนี้ลานกว้างเต็มไปด้วยผู้คนจนดำมืดไปหมด! กินเนื้อที่ส่วนใหญ่ของลานกว้างเข้าไปแล้ว! ขวางเสอเ
เปรี้ยง——! ! ! เมฆฝนขนาดมหึมาก่อตัวอยู่บนท้องฟ้า! ในที่สุดระเบิดพลังอันแกร่งกล้าของเขาออกมา! บังเกิดสายฟ้าฟาดขึ้นมาทันที! ทันใดนั้นทั่วทั้งคฤหาสน์ชิงสุ่ยก็สว่างราวกับยามกลางวัน! ทุกคนต่างเห็นว่าสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมานี้แหวกท้องนภาออกจากกัน! ทำให้เมฆฝนดำทะมึนแยกออกเป็นสองส่วน! ระหว่างเมฆฝนทั้งสองส่วน! มีลำแสงสายหนึ่งสาดส่องลงมา! สวีอู่หรี่ตามองก็เห็นเงาดำที่ราวกับดาวตกพากันหลั่งไหลเข้ามา! ตู้ม! ปัง ปัง! ! ตู้ม! ! ! เงาดำพวกนี้ต่างพุ่งตัวมาอยู่ข้างหลังหลี่ชิงเฟิงและพื้นก็พลันยุบลงทันที! มีเพียงแค่สวีอู่ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเงาดำทุกสายล้วนแล้วแต่เป็นคนผู้หนึ่ง! ระ...เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า! ในเวลาเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ! ก็มีคนเกือบพันคนอยู่ข้างหลังหลี่ชิงเฟิง! "หน่วยรบสี่จอมอสูรรายงานตัว! ใครมันกล้าอวดดี!" "หน่วยรบแปดพญามัจจุราชมาช่วยล่าช้าเกินไป! ได้โปรดยกโทษให้ด้วยครับ!" "หน่วยรบสิบหกอาชาโลหิต! ผมได้รับคำสั่งให้มาเข่นฆ่าเจ้าพวกโจรชั่ว! โปรดบัญชามาได้เลย!" "หน่วยรบสามสิบหกปรมาจารย์วิญญาณรายงานตัว! โปรดบัญชามาได้เลย!" ในยามนี้ สีหน้าสวีอู่ที่ก่อนหน้านี้ยั