“ที่นี่ที่ไหนกัน...” สายตาหวาดหวั่นกวาดมองไปรอบๆ พลางดิ้นพรวดหลังจากรู้สึกตัวและพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าอย่างแน่นหนา และนอนอยู่บนพื้นกระดานในสถานที่อันไม่คุ้นเคย
ความหวาดกลัวเกาะกินถึงขั้วหัวใจ ความเจ็บปวดตามเนื้อตัวลามระบมจนต้องสกัดกลั้นลมหายใจเพื่อบรรเทาในบางครั้ง เธอหายใจแรง และพยายามขยับไปสำรวจความผิดปกติที่ตัวเองกำลังเผชิญโดยไม่รู้ที่มาที่ไป
ย้อนนึกกลับไปก็จำได้เพียงว่าเธอไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตามปกติ และเอาของมาเก็บไว้กระโปรงหลังรถ
จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง ราวกับว่าความทรงจำถูกตัดตอนไปอย่างน่าพิศวง
“ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!!” เสียงของเธอแหบแห้งแต่ก็ยังพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ สายตาสั่นไหวมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองถูกขังเอาไว้ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่
หญิงสาวรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีแน่นอน
มันเกิดอะไรขึ้น...นั่นคือสิ่งที่หัวใจตั้งคำถามและแม้จะทบทวนเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้
ปัง! ใบหน้าตื่นตระหนกหันขวับมาตามเสียงประตูที่ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างไม่เบาแรง จนบานประตูซึ่งทำจากไม้ใฝ่นั้น กระแทกเข้ากับฝาผนัง
ร่างใหญ่กำยำใช้ผ้าคลุมครึ่งหน้าผมของคนแปลกหน้าดำขลับผูกรวบไว้ด้านหลังยืนเท้าสะเอวบดบังแสงแดดจ้าที่สอดส่องเข้ามา
เธอยันกายลุกนั่งแล้วถอยกรูดจนแผ่นหลังสั่นสะท้านชนกำแพง รู้สึกชาวาบไปหมดทั้งตัว ความกลัวเกาะกินหัวใจสุดขีดด้วยรู้ว่าชายผู้นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ดีกับเธอแน่นอน
“ฟื้นแล้วเหรอคุณหนูมาเรียม เป็นยังไงบ้างกับบ้านหลังใหม่ ชอบไหม...”
น้ำเสียงของผู้ชายร่างใหญ่ห้าวทุ้มน่ายำเกรง บวกกับรูปร่างสูงหนาของเขาด้วยแล้วทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้ากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นใจอย่างยิ่ง
“คุณ...เป็นใคร จับฉันมาทำไม”
“คำถามคลาสสิกมาก...”
“ฉันแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักคุณ คุณคงจับตัวมาผิดคนแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ไม่ผิดถ้าคุณชื่อมาเรียม นิรัตน์วงศา ลูกครึ่งไทยออสเตรเลียพ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก คุณโตที่เมืองนอก เพิ่งมาอยู่ไทยได้ไม่กี่ปีหลังพ่อแม่ตายหมด...พี่ชายชื่อคมพจน์” เขาร่ายประวัติ...
คนตัวเล็กกลอกตามองด้วยความแปลกใจ
“คุณรู้...”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ผิดตัว...”
“แล้วคุณต้องการอะไร...จะเรียกค่าไถ่งั้นเหรอ ฉัน...ฉันจะโทร.บอกพี่พจน์ให้เอาเงินมาให้เร็วที่สุด แต่คุณต้องรีบปล่อยฉันไปด้วย” มาเรียมต่อรองเสียงสั่น
ดวงตาหวาดหวั่นมองร่างใหญ่ที่ย่างสามขุมเข้ามา แล้วห่อตัวลีบราวกับจะหนีเขาพ้น ทั้งที่มือก็ถูกมัดไขว้หลังเสียแน่นหนา
“ไม่ได้อยากได้เงิน...เอะอะก็เอาเงินฟาดหัว คนรวยก็แบบนี้แหละนะ” ชายหนุ่มนั่งยองลงตรงหน้าใช้มือจับปลายคางเสยขึ้นให้เธอมองหน้าเขา ผิวของเธอขาวผุดผ่องเนียนละเอียดเหมือนเนื้อเด็กอ่อน ยิ่งได้ยลโฉมชิดใกล้...ก็ยิ่งปลุกปั่นความรู้สึก
“อยาก...อยากได้อะไร”
“อยากได้เธอ อยากเป็นผัวเธอ”
“แก!...” สรรพนามจากเสียงใสเปลี่ยนไปในทันที เธอสะบัดหน้าออกจากมือของเขา มองเห็นในแววตานั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยสาแก่ใจ...
“เรียกผัวสิ ฝึกเอาไว้...นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากได้”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ...ไม่อย่างนั้นแกไม่ตายดีแน่ ยังไงที่บ้านฉันก็ต้องให้คนตามฉันจนเจอ”
“กว่าจะเจอเราคงได้สนุกกันหลายยกเลยเชียวล่ะ หึ หึ”
“ทุเรศ! อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ” ใบหน้าของเธอเห่อแดงขึ้นมาเป็นริ้วๆ ด้วยความโกรธ หายใจหอบแรง พยายามใช้มือแกะเชือกที่ถูกรัดอยู่ด้านหลังไปพลาง
ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นใครและเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้
“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับคนอย่างเธอมาเรียม...ยังมีอะไรอีกเยอะที่ฉันอยากตอบแทนให้ตระกูลของเธอจำไปจนถึงวันสิ้นโลก!” มือใหญ่คว้าจับปลายคางมนแล้วบีบแรงจนแก้มนวลบิดเบี้ยวไปตามนิ้ว
มาเรียมดิ้นรนแต่ไม่อาจต้านแรงของเขาได้
“อ่อย...” เธอครวญเสียงออกมาได้เพียงแผ่วเบาและไม่เป็นศัพท์เพราะถูกบีบแก้มจนปากเจ่อ
“ปากดีแบบนี้อยากรู้นักจะครางดีขนาดไหน...” ริมฝีปากหยักหน้าแสยะยิ้มเย้ยหยัน แววตาดุดันแฝงไว้ด้วยความอาฆาตอย่างน่ากลัว รูปลักษณ์ของเขาเสมือนปีศาจเสียมากกว่าจะเป็นมนุษย์ปุถุชน
“เราไม่เคยรู้จักกัน อย่าทำอะไรฉันเลย ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ” เธอเจรจาเสียงสั่นเมื่อนิ้วใหญ่คลายออกจากการบีบจับ สายตามองไปตามฝ่ามือสากๆ ที่ไล่คลึงลูบพวงแก้มของเธอแทน
“เรากำลังจะได้ทำความรู้จักกัน...อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว”
“ว้าย!” มาเรียมเบี่ยงตัวหนีทันทีเมื่อมือของเขากระชากขอเสื้อของเธอฉีกขาดเป็นทางยาวลงมา เปิดเผยเปลือยผิวเนื้อส่วนเต้าอวบภายใต้บราสีดำมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ
สองมือที่ยังถูกมัดประกบกันอยู่ยกขึ้นมาปิดอัตโนมัติ เธอสั่นงกไปทั้งตัว เมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ไม่เลว...”
“แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย จับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาข่มเหง แถมยังมัดมือมัดตีนขนาดนี้ ฆ่าฉันเลยสิถ้าคิดว่าฉันไปทำอะไรให้แกเจ็บช้ำนักหนา ยังไงฉันก็ไม่มีทางรอดจากโจรถ่อยอย่างแกอยู่แล้ว” ความเจ็บแค้นผลักดันให้เธอกัดฟันกรอดพูดไปอย่างไม่คิด
ในขณะที่ร่างใหญ่กำลังโน้มตัวเข้ามาคุกคามกอดคร่อมเอาไว้
“ความเป็นลูกผู้ชายฉันเก็บไว้ใช้กับคนดีๆ ส่วนเธอ...ไม่สมควรได้รับการกระทำนั้นหรอก เข้าใจด้วยเหรอว่าสุภาพบุรุษกับคนดีมีความหมายว่าอย่างไร”
เสียงทุ้มเข้มกระซิบริมกกหูแล้วงาบกัดติ่งหูขาวสะอาดจนเธอห่อไหล่หนี
ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความกลัว เธอสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ และสติกำลังกระเจิดกระเจิง
“อย่า...”
“ได้ดมแล้วหอมขนาดนี้ ถ้าได้กิน...มันจะหวานไปถึงไหนกันเชียว” ใบหน้าคมกร้านซุกดันดอมดมตรงซอกคอ สูดเอากลิ่นสาบสาวระคนกลิ่นน้ำหอมราคาแพงเข้าเต็มปอด
เธอ...เกร็งและขยับหนีแม้จะตกอยู่ในวงแขนเขาทั้งตัวแล้วก็ตาม
“มาเรียมในกรงทองล้อมเพชร ต้องมาตกเป็นเมียโจร...ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปมันจะเป็นยังไงหนอ หึ หึ”
“ปล่อยฉันนะไอ้เลว!” เธอรวบรวมแรงทั้งหมดแล้วใช้มือผลักดันร่างของบุรุษนิรนามเต็มกำลัง พลางใช้สองเท้าถีบไปด้วยจนเขาเซล้มไปบนพื้น ร่างเล็กตะเกียกตะกายลุกหนีทันที
แม้รู้ความหวังมีน้อย แต่ด้วยสัญชาตญาณเธอไม่อาจอยู่เฉยรอให้หายนะคืบคลานกลืนกินชีวิตได้ง่ายๆ
“กรี๊ด! ปล่อย!”
“อย่าเล่นไล่จับเหรอคุณหนู น่าสนุกดีเหมือนกัน” สายตาคมปลาบของเขาจ้องมองเธอ ซึ่งกำลังคลานหนีทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอับจนหนทางเต็มที
เขากระชากร่างเล็กกลับมาพร้อมแก้เชือกที่มัดมือมัดเท้าให้ด้วยความรวดเร็วและหยาบโลน
มาเรียมเม้มริมฝีปากมองเขาแบบงงๆ และตื่นกลัว สับสนกับการกระทำเหล่านั้น
“ไปสิ...ไปให้ไกล หนีให้รอดแล้วฉันจะไม่รังควานเธออีก แต่ถ้าฉันจับได้ล่ะก็อย่าหวังชีวิตนี้จะได้เห็นเดือนเห็นตะวัน!” เชือกที่ใช้มัดหญิงสาวถูกขว้างไปปะทะกับกำแพงด้วยความแรง
มาเรียมสะดุ้งหวาดกลัวแต่ก็พยายามดึงสติพาตัวเองลุกวิ่งไปยังประตูที่แง้มอยู่นั้น ไม่ได้ไกลจากตัวเธอนัก
“!!” แต่พอก้าวออกมายังชานไม้ด้านนอกกระท่อม เธอก็ต้องชะงักกึก เมื่อสายตาของชายฉกรรจ์นับสิบกำลังจ้องมาที่เธอด้วยความกักขฬะ มาเรียมหัวใจชาวูบ เย็นเฉียบไปทั้งร่าง
พวกเขาดูน่ากลัวไม่ต่างจากคนป่า กลุ่มโจร หรือพวกขี้คุกทั้งหลาย ไม่มีเค้าว่าจะมีความดีใดๆ ติดตัวอยู่เลย
“ไงจ๊ะคนสวย...” หนึ่งในนั้นเอ่ยปากขึ้น พร้อมๆ กับเสียงกลั้วหัวเราะ ต่างเอ่ยแซวกันแซ็งแซ่ไม่ขาดปาก
“มาเล่นไล่จับกันดีกว่า...”
มาเรียมหันขวับไปตามเสียงที่ดังแทรกมาจากด้านหลังแล้วขยับห่างจากประตูออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่อยู่ด้านในเดินออกมา เขาใช้สองมือค้ำกับขื่อประตู...
“อา...ขนาดตรงนี้ยังหอม” แดนสรวงตั้งใจกดใบหน้าลงตรงเนินเนื้ออูมเร้นลับ หนวดแข็งๆ ของเขาทิ่มแทงทะลุชั้นในตัวจิ๋วสัมผัสถูกไปกับความบอบบางของวัยสาว มือของเธอที่ผลักไสเขาไม่มีแรงพอจะหยุดยั้งอันตรายที่กำลังคืบคลานครอบงำอยู่ทุกขณะ ริมฝีปากหนาค่อยๆ จูบตรงขอบแพนตี้แล้วกัดลากร่นลงมาจนแพเส้นไหมบางๆ โผล่พ้นให้เห็น ใจของเขาเต้นแรงพอๆ กับจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สองมือใหญ่จับมั่นตรงต้นขากึ่งสะโพกผายแล้วยกขึ้นสูงในขณะที่ฝากฝังใบหน้าซุกลงระหว่างใจกลางของเธอมาเรียมหวีดร้องเสียงหลง...สองขายกขึ้นหนีบศีรษะของเขา แต่เหมือนเป็นการอำนวยให้ชายหนุ่มสามารถสัมผัสสู่ระหว่างขาได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ลิ้นสากอุ่นชิ้นลากผ่านผิวผ้าลงมาถึงร่องเนื้อ ซุกตวัดละเลงเลียส่วนนั้นจนเปียกชื้น...“อย่า!”“อืม...แค่ลิ้นยังสั่นขนาดนี้ ถ้าเป็นดุ้นใหญ่ๆ ของฉันเธอคงดิ้นพล่านเพราะความเสียวสินะมาเรียม หึ หึ” กลิ่นกรุ่นของวัยแรกสาวอบอวลลสะกดให้ภมรหนุ่มลุ่มหลง เขาตวัดลิ้นคายความชื้นพร่างพรมปรนเปรอซอกเนื้อนุ่มบอบบางนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเปียกฉ่ำ เธอเกร็งตัวแข็งทื่อ มือที่ผลักไสจิกกำผมดกหนาของเขา น้ำตายิ่งจะไหลปริ่มพร้อมเสียงสะ
“โอ๊ย!” คมฟันขบลงบนทรวงอกด้านซ้ายจนร่างเล็กสะดุ้ง เต้าอวบอีกข้างถูกขยำขยี้จนเนื้อแน่นเล็ดรอดออกมาตามร่องนิ้ว ยอดถันสีชมพูเข้มประดับอยู่เหนือปานสีชมพูอ่อนโผล่พ้นชูชันอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเขา มาเรียมแหงนเงยหน้าร้องครางเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด “อืม...ผู้ชายที่เคยเอาเธอ คงทำให้ไม่ถึงใจสินะ ถึงได้สั่นเหมือนไม่เคยขนาดนี้ ไม่เป็นไรมาเรียม ฉันสาบานว่าเธอจะได้เรียนรู้รสชาติอย่างถึงใจแน่” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเครือ สรีระอันสะโอดสะองของเหยื่อช่วยกระตุ้นกำหนัดต่ำช้าได้ไม่ยาก อันที่จริง...เขาเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันก็แค่การปลดปล่อย มีแค่ความรู้สึกต้องการก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกใดๆ นอกจากความใคร่กระหาย ยิ่งเป็นมาเรียมคนนี้เขาแทบจะอดใจรอความย่อยยับของเธอแทบไม่ไหว “อย่า...อย่าทำแบบนี้”“อยากให้ทำแบบไหน ท่าไหนก็บอกสิ อืม...” เสียงทุ้มครางฮือในลำคอเมื่ออุ้งปากงาบงับสัมผัสกับเนื้ออุ่นนุ่มตรงทรวงเต้า เขาขบกัดบ้าคลั่งย่ามใจ ลากลิ้นสำรวจด้วยความตะกละตะกลาม มืออีกข้างละจากการพันธนาการ ปล่อยสองมือเล็กให้เป็นอิสระเธอกำหมัดทุบตีเขาทั้งหวีดร้องดีดดิ้นขัดขืน แต่ชายหนุ่มกล
“ว้าย! ฉันเจ็บนะไอ้บ้า!!” ปลายกระบอกปืนนั้นสะกิดตรงสาบเสื้อสีขาวที่บัดนี้เปื้อนรอยคราบสกปรกเต็มไปหมด ร่องกระดุมถูกสะกิดจนแยกห่างหลุดลุ่ยทีละเม็ด หญิงสาวได้แต่ก้มมองความอัปยศของตัวเองด้วยอาการสั่นเทา หากโดนลิงตัวนั้นกัดตายไปเสียคงดีกว่า“เธอยังต้องเจ็บอีกเยอะ...มาเรียม”“นี่มันกลางป่า...แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอประท้วงเสียงสั่น ปลายกระบอกปืนเลื่อนขึ้นมาตรงเนินอกขาวผ่อง แล้วกดลึกจนจมเนื้อแล้วลากลงมาจนผิวสล้างเป็นรอยแดงช้ำ หญิงสาวขยับถอยหลังหลบเลี่ยงการคุกคามแต่เขากลับกระตุกปืนทำให้เธอกลัวจนชะงักและนิ่งอยู่อย่างนั้น ลมหายใจแรงกระตุ้นให้ทรวงอกกระเพิ่มเป็นจังหวะ“กรี๊ด! นี่แก!”“สวย...ไม่หยอก” ดวงตาเข้มวาววับพร้อมรอยยิ้มแขยะร้าย เมื่อบราตัวสวยถูกเขาใช้ปลายปืนเซาะเข้าตรงร่องแล้วกระชากทิ้งจนอกอวบสะพรั่งไร้ซึ่งพันธนาการ เธอรีบใช้มือกอดปกปิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่พ้นจากสายตาของเขาอยู่ดีชายหนุ่มเดินเข้าหาร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองซ่อนความสาวที่เปลือยเปล่า เขานั่งยองตรงหน้าของเธอวางปืนลงแล้วไม่รีรอที่จะโน้มใบหน้าเขาหากลิ่นหอมอันเย้ายวนจากผิวกายสาว ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบต้นคอขาวสะอาดของเธอ มาเรียมเบี
“กูจะให้แม่นี่หนี...แล้วพวกมึงก็ไล่จับมาให้กู จับไม่ได้ก็ปล่อย แต่ถ้าจับกลับมาได้ กูให้ต่อจากกูครบทุกคน” “ฮ่า ๆ ๆ” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่คาดว่าคงเป็นลูกน้องหัวเราะร่วนถูกใจ แต่คนตัวเล็กกลับยืนสั่นแล้วสั่นอีก เธอกลั้นหายใจและแทบไม่กล้ากระดิกเพราะความกลัว “ไปสิ....ไปให้ไกลที่สุด อีกห้านาที ฉันจะตามไปเล่นซ่อนแอบเธอ” ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มเหมือนรู้มั่นใจเหลือเกินว่าทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของเขาโดยไม่มีทางผิดพลาด มือใหญ่ผลักไปตรงหัวไหล่มนของหญิงสาว เธอเหลือบมองปราดแล้วหันไปสำรวจเส้นทางพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากขบคิด หากเธอไม่รอด...ก็จะต้องตกนรกทั้งเป็นโดยเงื้อมมือของพวกคนใจทรามเหล่านี้ “!” ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแต่ไม่นึกลังเล เธอรีบกระโจนลงบันไดแล้วสาวเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางสายตาและเสียงหัวเราะที่ดังตามหลัง เสียงนั้นหลอกหลอนให้เธอกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง มุ่งหน้าสู่ป่ารกทึบที่ไม่คุ้นเคย แม้อาจมีอันตรายรออยู่ข้างหน้าแต่ก็คงน้อยกว่าเดรัจฉานในร่างคนเหล่านั้น “คุณแดน...ถ้าแม่ฝรั่งนั่นหนีหายเข้าป่าไปจะทำยังไงครับ กว่าจะจับตัวมาได้ดักรออยู่ตั้งหลายวัน” เจ้าของชื่อเล
“ที่นี่ที่ไหนกัน...” สายตาหวาดหวั่นกวาดมองไปรอบๆ พลางดิ้นพรวดหลังจากรู้สึกตัวและพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าอย่างแน่นหนา และนอนอยู่บนพื้นกระดานในสถานที่อันไม่คุ้นเคยความหวาดกลัวเกาะกินถึงขั้วหัวใจ ความเจ็บปวดตามเนื้อตัวลามระบมจนต้องสกัดกลั้นลมหายใจเพื่อบรรเทาในบางครั้ง เธอหายใจแรง และพยายามขยับไปสำรวจความผิดปกติที่ตัวเองกำลังเผชิญโดยไม่รู้ที่มาที่ไปย้อนนึกกลับไปก็จำได้เพียงว่าเธอไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตามปกติ และเอาของมาเก็บไว้กระโปรงหลังรถจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง ราวกับว่าความทรงจำถูกตัดตอนไปอย่างน่าพิศวง “ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!!” เสียงของเธอแหบแห้งแต่ก็ยังพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ สายตาสั่นไหวมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองถูกขังเอาไว้ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่ หญิงสาวรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีแน่นอนมันเกิดอะไรขึ้น...นั่นคือสิ่งที่หัวใจตั้งคำถามและแม้จะทบทวนเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ปัง! ใบหน้าตื่นตระหนกหันขวับมาตามเสียงประตูที่ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างไม่เบาแรง จนบานประตูซึ่งทำจากไม้ใฝ่นั้น กระแทกเข้ากับฝาผนังร่างใหญ่กำยำใช้ผ้า