“กูจะให้แม่นี่หนี...แล้วพวกมึงก็ไล่จับมาให้กู จับไม่ได้ก็ปล่อย แต่ถ้าจับกลับมาได้ กูให้ต่อจากกูครบทุกคน”
“ฮ่า ๆ ๆ” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่คาดว่าคงเป็นลูกน้องหัวเราะร่วนถูกใจ แต่คนตัวเล็กกลับยืนสั่นแล้วสั่นอีก เธอกลั้นหายใจและแทบไม่กล้ากระดิกเพราะความกลัว
“ไปสิ....ไปให้ไกลที่สุด อีกห้านาที ฉันจะตามไปเล่นซ่อนแอบเธอ” ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มเหมือนรู้มั่นใจเหลือเกินว่าทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของเขาโดยไม่มีทางผิดพลาด
มือใหญ่ผลักไปตรงหัวไหล่มนของหญิงสาว เธอเหลือบมองปราดแล้วหันไปสำรวจเส้นทางพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากขบคิด หากเธอไม่รอด...ก็จะต้องตกนรกทั้งเป็นโดยเงื้อมมือของพวกคนใจทรามเหล่านี้ “!” ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแต่ไม่นึกลังเล เธอรีบกระโจนลงบันไดแล้วสาวเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางสายตาและเสียงหัวเราะที่ดังตามหลัง เสียงนั้นหลอกหลอนให้เธอกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง มุ่งหน้าสู่ป่ารกทึบที่ไม่คุ้นเคย แม้อาจมีอันตรายรออยู่ข้างหน้าแต่ก็คงน้อยกว่าเดรัจฉานในร่างคนเหล่านั้น “คุณแดน...ถ้าแม่ฝรั่งนั่นหนีหายเข้าป่าไปจะทำยังไงครับ กว่าจะจับตัวมาได้ดักรออยู่ตั้งหลายวัน” เจ้าของชื่อเล่นสั้นๆ หันมองคนถามแล้วยิ้มมุมปาก สายตายังคงมองไปยังทางที่ร่างเล็กเพิ่งจะวิ่งหายลับไปตามลำเนาไพรที่มีต้นไม้ใบหญ้ารกสูง“จะไปได้สักกี่น้ำ...ป่าทางนั้นก็เป็นเหว” เขาหันไปทางขวาเมื่อสื่อถึงทิศทางนั้น แล้วพยักหน้าหันไปทางฝั่งซ้ายแต่สายตาไม่ได้กะพริบเคลื่อนไปจากทิศทางเดิม
“ทางนั้น...ก็เป็นลำธารใหญ่ อีกอย่างแม่นั่นก็ทิ้งร่องรอยให้ตามได้ไม่ยากเสียหน่อย”
“งั้นตามไปเลยไหมครับ นี่ก็จะมืดแล้วเดี๋ยวจะตกใจเสียสติเอาได้นะครับ” อีกคนเสนอความคิดเห็น“หึ...เป็นบ้าไปเลยก็ดี แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกมันง่ายไป พวกพี่ไปเตรียมหุงหาอาหารกินกันเถอะส่วนแม่นั่นเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เขาพูดพลางเดินไปหยิบปืนยาวที่วางอยู่บนแคร่ซึ่งคนอื่นๆ นั่งดื่มเหล้ากันอยู่
ทุกคนหันมองแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร “อย่าเล่นสนุกนานนักนะครับคุณแดนสรวง ในป่าในดงเวลามืดค่ำมันอันตราย” “อืม...” แดนสรวงเช็กความเรียบร้อยของปืนกระบอกนั้น แล้วยกตั้งขึ้นบนบ่า ก้าวเท้าเร็วไปตามล่าเหยื่อ ที่เขาเพิ่งปล่อยให้หนีรอบตัวมีแต่ป่า และป่า...กับเสียงสัตว์ร้องจับใจความไม่ได้ว่าคือตัวอะไร แต่มันยังความหวาดกลัวเหลือคณามาสู่จิตใจของเธอ ด้วยไม่รู้เส้นทางหญิงสาวจึงบุกป่าฝ่าพงหญ้ารกวิ่งไปเรื่อยๆแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ไม่ยอมหยุด กิ่งไม้ใบไม้บาดข่วนตามเนื้อตัวจนเป็นรอยเลือดซิบซึมเข้าไปติดถึงเสื้อผ้า แต่ก็ไม่ได้สนใจมันเลย “ทำไงดี ไปทางไหนดี...” ยิ่งไกลก็ยิ่งลึก เข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ใบหญ้ารกหนาและมีขนาดใหญ่เข้าไปทุกที หากเธอไม่ถูกเดนคนเหล่านั้นลากตัวกลับไปก็คงหลงทางตายในป่านี้อย่างแน่นอน เพราะหนทางจะรอดออกไปนั้นริบหรี่เสียยิ่งกว่าแสงจันทร์ในคืนเดือนดับเสียอีก แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงหยุดวิ่งชั่วขณะ และตั้งใจเงี่ยหูฟังพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย “น้ำ...แถวนี้มีน้ำ” เธอเริ่มกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่มาของเสียง แม้จะมีต้นไม้และหญ้าสูงเกือบท่วมศีรษะ แต่หากเธอเดินตามเสียงนั้นไปพบแหล่งน้ำจริงๆ ก็เชื่อว่าตัวเองต้องมีทางรอดแน่นอน หนึ่งเธอมีน้ำสะอาดได้ดื่มคงพอยังชีพได้ดีกว่าอดอยาก แม้จะไม่มีอาหารเลย สอง...หากเดินตามลำน้ำไปอาจได้พบหมู่บ้านหรือทางออกจากป่านี้ เพราะอย่างไรเสียสายน้ำก็ต้องไหลไปรวมตัวกันที่ไหนสักแห่ง มือเล็กยกมือขึ้นปาดเหงื่อตามใบหน้าแล้วเดินแหวกพงไพรไปเรื่อยๆ เสียงน้ำไหลก็ดังชัดขึ้นทุกที และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกโจรป่าเหล่านั้นจะตามมาไม่ทันก่อนเธอจะได้ไปไกลจากบริเวณนี้ “มีน้ำจริงๆ ด้วย แกรอดตายแล้วมาเรียม...” เสียงเล็กอุทานเบาหวิว ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความยินดีแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจขจัดความกลัวทั้งหมดออกไปจากความรู้สึก
ตรงหน้าของเธอเป็นลำธารไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่เล็กนัก รอบๆ ยังห้อมล้อมไปด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้ต้นหญ้า มีก้อนหินขนาดน้อยใหญ่วางสะเปะสะปะอยู่โดยทั่ว อากาศตรงนี้เย็นจัดขึ้นมาทันที
มาเรียมตัดสินใจถอดรองเท้าหุ้มส้นที่เธอสวมอยู่มาถือเอาไว้เพื่อความสะดวกในการเดินข้ามลำธารไปยังอีกฝั่ง คงช่วยอำพรางเธอจากกลุ่มโจรได้ในระดับหนึ่งระดับน้ำไม่ลึกนักแต่ไหลแรงเชี่ยวกราก อีกทั้งพื้นน้ำยังเต็มไปด้วยหินขนาดต่างกัน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในแต่ละย่างก้าว เพราะหินทั้งลื่นและมีคม
แต่ในที่สุดเธอก็ข้ามมายังอีกฝั่งจนได้ หญิงสาวถอนหายใจโล่งในระดับหนึ่งเมื่อมองกลับไปข้างหลังก็ไม่พบว่ามีใครตามมาทัน เธอจึงก้มตัวลงวักน้ำล้างหน้าและทำความสะอาดเนื้อตัว แล้วสวมรองเท้าดังเดิม คิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ ชีวิตถึงพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้โดยไม่คาดฝันเช่นนี้ ไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นความจริงเลยแต่ก็เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนจนเธอไม่รู้จะหลอกตัวเองอย่างไร เมื่อได้น้ำชโลมร่างกายให้พอทุเลาความร้อนในตัว และชะล้างคาบเหงื่อไคล รวมถึงทำความสะอาดบาดแผลขีดข่วนตามแขนขาเสร็จแล้ว มาเรียมก็เริ่มเดินทางต่อโดยตั้งใจจะลัดเลาะไปตามทางน้ำที่ไหลผ่าน เธอพยายามข่มความกลัวทั้งหลายแหล่เพื่อจะเอาชีวิตให้รอดออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด “จะมีใครรู้หรือยังว่าเราหายตัวมาแบบนี้ จะมีใครเริ่มตามหาเราหรือยัง” คิดเรื่องตัวเองไปพลาง ก็นึกภาพข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และตามสื่อต่างๆ แล้วก็ยิ่งทำให้จิตหลอนยิ่งนัก การฆ่าแกง การทำร้ายทารุณในสมัยนี้กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้ทุกวี่ทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะต้องมาผจญชะตากรรมอย่างไม่ได้ตั้งตัว เข้าใจความรู้สึกของเหยื่อเหล่านั้นเลยว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน เสียงของป่ายังดังระงม ทั้งหรีดหริ่งเรไรและสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกระทบวัตถุ แสงแดดเริ่มลดความแรงกล้า บอกให้รู้ว่าในไม่ช้าความมืดจะมาเยือน นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่น่าวังเวงที่สุดสำหรับเธอ สองมือเรียวกอดรัดตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเย็นยะเยือก เธอก้าวเร็วอย่างระแวดระวังและกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วก็ต้องหยุดชะงักด้วยสัญชาตญาณบางอย่างมันสื่อให้รู้ถึงความผิดปกติ เสียง...ที่ไม่ใช่แค่ลมพัดกิ่งไม้ใบไม้ไหว ไม่ใช่สายน้ำ ไม่ใช่แมลงในผืนป่า บางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของเธอ... “ล...ลิง” เธอขยับตัวหันกลับไปมองช้าๆ ภาพของลิงป่าขนาดตัวเท่าสุนัขเต็มวัยกำลังแยกเขี้ยวมองเธอด้วยสายตาพิฆาต ท่าทางของมันไม่ได้เป็นมิตร และพร้อมจะจู่โจมทำร้ายได้ทุกเมื่อหากเธอขยับตัวอีกเพียงนิดเดียว อันตรายในป่าใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม แต่เธอไม่ได้มีทางเลือก “ว้าย!” ลิงป่าตัวนั้นกระโดดเข้าหาเธอด้วยความรวดเร็ว ร่างเล็กหลบมันได้ทัน แต่ก็ต้องเสียหลักล้มกองลงกับพื้นดิน เสียงสัตว์ร้ายคำรามเกรี้ยวกราดน่ากลัว และหันกลับมามองเธอพร้อมตั้งท่ากระโจนประทุษร้ายอีกครั้ง “ช่วยด้วย!” เธอตะโกนสุดเสียง ยกมือขึ้นป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ หลับตาปี๋ใจเต้นระทึกเตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่ไม่อาจคาดเดา หรืออาจจะถึงแก่ชีวิต แต่แล้วเสียงอาวุธร้ายก็ดังลั่นสนั่นป่าทำให้เธอสะดุ้งซ้ำด้วยความตกใจ ลิงตัวนั้นหวีดร้องระงมป่าและค่อยๆ ห่างออกไป “จับตัวได้แล้ว...” มาเรียมลืมตาขึ้นมองทันที...เธอผงะเล็กน้อยเมื่อพบว่าปืนยาวในมือเจ้าของเสียงกำลังเล็งจ่ออยู่ตรงหน้าอกของเธอ ห่างจากตัวเพียงคืบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเจ้าลิงร้ายตัวนั้นถึงได้ล่าถอยหนีเข้าป่า เพราะมันรู้ว่ามีบางสิ่งที่อันตรายกว่า... “...” ดวงตาคมดุจ้องร่างเล็กด้วยความสาแก่ใจ หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว...“อา...ขนาดตรงนี้ยังหอม” แดนสรวงตั้งใจกดใบหน้าลงตรงเนินเนื้ออูมเร้นลับ หนวดแข็งๆ ของเขาทิ่มแทงทะลุชั้นในตัวจิ๋วสัมผัสถูกไปกับความบอบบางของวัยสาว มือของเธอที่ผลักไสเขาไม่มีแรงพอจะหยุดยั้งอันตรายที่กำลังคืบคลานครอบงำอยู่ทุกขณะ ริมฝีปากหนาค่อยๆ จูบตรงขอบแพนตี้แล้วกัดลากร่นลงมาจนแพเส้นไหมบางๆ โผล่พ้นให้เห็น ใจของเขาเต้นแรงพอๆ กับจังหวะการหายใจที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สองมือใหญ่จับมั่นตรงต้นขากึ่งสะโพกผายแล้วยกขึ้นสูงในขณะที่ฝากฝังใบหน้าซุกลงระหว่างใจกลางของเธอมาเรียมหวีดร้องเสียงหลง...สองขายกขึ้นหนีบศีรษะของเขา แต่เหมือนเป็นการอำนวยให้ชายหนุ่มสามารถสัมผัสสู่ระหว่างขาได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ลิ้นสากอุ่นชิ้นลากผ่านผิวผ้าลงมาถึงร่องเนื้อ ซุกตวัดละเลงเลียส่วนนั้นจนเปียกชื้น...“อย่า!”“อืม...แค่ลิ้นยังสั่นขนาดนี้ ถ้าเป็นดุ้นใหญ่ๆ ของฉันเธอคงดิ้นพล่านเพราะความเสียวสินะมาเรียม หึ หึ” กลิ่นกรุ่นของวัยแรกสาวอบอวลลสะกดให้ภมรหนุ่มลุ่มหลง เขาตวัดลิ้นคายความชื้นพร่างพรมปรนเปรอซอกเนื้อนุ่มบอบบางนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเปียกฉ่ำ เธอเกร็งตัวแข็งทื่อ มือที่ผลักไสจิกกำผมดกหนาของเขา น้ำตายิ่งจะไหลปริ่มพร้อมเสียงสะ
“โอ๊ย!” คมฟันขบลงบนทรวงอกด้านซ้ายจนร่างเล็กสะดุ้ง เต้าอวบอีกข้างถูกขยำขยี้จนเนื้อแน่นเล็ดรอดออกมาตามร่องนิ้ว ยอดถันสีชมพูเข้มประดับอยู่เหนือปานสีชมพูอ่อนโผล่พ้นชูชันอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเขา มาเรียมแหงนเงยหน้าร้องครางเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด “อืม...ผู้ชายที่เคยเอาเธอ คงทำให้ไม่ถึงใจสินะ ถึงได้สั่นเหมือนไม่เคยขนาดนี้ ไม่เป็นไรมาเรียม ฉันสาบานว่าเธอจะได้เรียนรู้รสชาติอย่างถึงใจแน่” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเครือ สรีระอันสะโอดสะองของเหยื่อช่วยกระตุ้นกำหนัดต่ำช้าได้ไม่ยาก อันที่จริง...เขาเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันก็แค่การปลดปล่อย มีแค่ความรู้สึกต้องการก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกใดๆ นอกจากความใคร่กระหาย ยิ่งเป็นมาเรียมคนนี้เขาแทบจะอดใจรอความย่อยยับของเธอแทบไม่ไหว “อย่า...อย่าทำแบบนี้”“อยากให้ทำแบบไหน ท่าไหนก็บอกสิ อืม...” เสียงทุ้มครางฮือในลำคอเมื่ออุ้งปากงาบงับสัมผัสกับเนื้ออุ่นนุ่มตรงทรวงเต้า เขาขบกัดบ้าคลั่งย่ามใจ ลากลิ้นสำรวจด้วยความตะกละตะกลาม มืออีกข้างละจากการพันธนาการ ปล่อยสองมือเล็กให้เป็นอิสระเธอกำหมัดทุบตีเขาทั้งหวีดร้องดีดดิ้นขัดขืน แต่ชายหนุ่มกล
“ว้าย! ฉันเจ็บนะไอ้บ้า!!” ปลายกระบอกปืนนั้นสะกิดตรงสาบเสื้อสีขาวที่บัดนี้เปื้อนรอยคราบสกปรกเต็มไปหมด ร่องกระดุมถูกสะกิดจนแยกห่างหลุดลุ่ยทีละเม็ด หญิงสาวได้แต่ก้มมองความอัปยศของตัวเองด้วยอาการสั่นเทา หากโดนลิงตัวนั้นกัดตายไปเสียคงดีกว่า“เธอยังต้องเจ็บอีกเยอะ...มาเรียม”“นี่มันกลางป่า...แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” เธอประท้วงเสียงสั่น ปลายกระบอกปืนเลื่อนขึ้นมาตรงเนินอกขาวผ่อง แล้วกดลึกจนจมเนื้อแล้วลากลงมาจนผิวสล้างเป็นรอยแดงช้ำ หญิงสาวขยับถอยหลังหลบเลี่ยงการคุกคามแต่เขากลับกระตุกปืนทำให้เธอกลัวจนชะงักและนิ่งอยู่อย่างนั้น ลมหายใจแรงกระตุ้นให้ทรวงอกกระเพิ่มเป็นจังหวะ“กรี๊ด! นี่แก!”“สวย...ไม่หยอก” ดวงตาเข้มวาววับพร้อมรอยยิ้มแขยะร้าย เมื่อบราตัวสวยถูกเขาใช้ปลายปืนเซาะเข้าตรงร่องแล้วกระชากทิ้งจนอกอวบสะพรั่งไร้ซึ่งพันธนาการ เธอรีบใช้มือกอดปกปิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่พ้นจากสายตาของเขาอยู่ดีชายหนุ่มเดินเข้าหาร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองซ่อนความสาวที่เปลือยเปล่า เขานั่งยองตรงหน้าของเธอวางปืนลงแล้วไม่รีรอที่จะโน้มใบหน้าเขาหากลิ่นหอมอันเย้ายวนจากผิวกายสาว ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบต้นคอขาวสะอาดของเธอ มาเรียมเบี
“กูจะให้แม่นี่หนี...แล้วพวกมึงก็ไล่จับมาให้กู จับไม่ได้ก็ปล่อย แต่ถ้าจับกลับมาได้ กูให้ต่อจากกูครบทุกคน” “ฮ่า ๆ ๆ” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่คาดว่าคงเป็นลูกน้องหัวเราะร่วนถูกใจ แต่คนตัวเล็กกลับยืนสั่นแล้วสั่นอีก เธอกลั้นหายใจและแทบไม่กล้ากระดิกเพราะความกลัว “ไปสิ....ไปให้ไกลที่สุด อีกห้านาที ฉันจะตามไปเล่นซ่อนแอบเธอ” ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มเหมือนรู้มั่นใจเหลือเกินว่าทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของเขาโดยไม่มีทางผิดพลาด มือใหญ่ผลักไปตรงหัวไหล่มนของหญิงสาว เธอเหลือบมองปราดแล้วหันไปสำรวจเส้นทางพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากขบคิด หากเธอไม่รอด...ก็จะต้องตกนรกทั้งเป็นโดยเงื้อมมือของพวกคนใจทรามเหล่านี้ “!” ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแต่ไม่นึกลังเล เธอรีบกระโจนลงบันไดแล้วสาวเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตท่ามกลางสายตาและเสียงหัวเราะที่ดังตามหลัง เสียงนั้นหลอกหลอนให้เธอกลัวจนสติกระเจิดกระเจิง มุ่งหน้าสู่ป่ารกทึบที่ไม่คุ้นเคย แม้อาจมีอันตรายรออยู่ข้างหน้าแต่ก็คงน้อยกว่าเดรัจฉานในร่างคนเหล่านั้น “คุณแดน...ถ้าแม่ฝรั่งนั่นหนีหายเข้าป่าไปจะทำยังไงครับ กว่าจะจับตัวมาได้ดักรออยู่ตั้งหลายวัน” เจ้าของชื่อเล
“ที่นี่ที่ไหนกัน...” สายตาหวาดหวั่นกวาดมองไปรอบๆ พลางดิ้นพรวดหลังจากรู้สึกตัวและพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าอย่างแน่นหนา และนอนอยู่บนพื้นกระดานในสถานที่อันไม่คุ้นเคยความหวาดกลัวเกาะกินถึงขั้วหัวใจ ความเจ็บปวดตามเนื้อตัวลามระบมจนต้องสกัดกลั้นลมหายใจเพื่อบรรเทาในบางครั้ง เธอหายใจแรง และพยายามขยับไปสำรวจความผิดปกติที่ตัวเองกำลังเผชิญโดยไม่รู้ที่มาที่ไปย้อนนึกกลับไปก็จำได้เพียงว่าเธอไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตามปกติ และเอาของมาเก็บไว้กระโปรงหลังรถจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง ราวกับว่าความทรงจำถูกตัดตอนไปอย่างน่าพิศวง “ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!!” เสียงของเธอแหบแห้งแต่ก็ยังพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ สายตาสั่นไหวมองไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมที่ตัวเองถูกขังเอาไว้ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่ หญิงสาวรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีแน่นอนมันเกิดอะไรขึ้น...นั่นคือสิ่งที่หัวใจตั้งคำถามและแม้จะทบทวนเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ปัง! ใบหน้าตื่นตระหนกหันขวับมาตามเสียงประตูที่ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างไม่เบาแรง จนบานประตูซึ่งทำจากไม้ใฝ่นั้น กระแทกเข้ากับฝาผนังร่างใหญ่กำยำใช้ผ้า