Share

บทที่5 ความอิจฉาริษยา

Author: Piggy-lonely
last update Last Updated: 2025-12-15 14:46:08

บนโต๊ะอาหารไม้หอมภายในตำหนักหลงเยว่ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยเบาๆ กับเสียงลมยามค่ำที่พัดผ่านม่านหน้าต่าง หลิงอันนั่งกินข้าวอย่างสำรวมท่วงท่าเรียบร้อยตามแบบสตรีในวังแต่ไม่ถึงกับเกร็ง—เป็นความสบายที่ไม่ต้องเสแสร้ง

ตรงข้ามกันองค์ชายเยี่ยนหยาง… กลับไม่ได้แตะตะเกียบมานานแล้วสายตาของเขาหยุดอยู่ที่นาง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปากแต่เพราะภาพตรงหน้ามันทับซ้อนกับความทรงจำที่เขาไม่อาจควบคุมได้ ในอดีต—ในชีวิตของ เฟิงเหยาหญิงสาวคนหนึ่งเคยนั่งตรงนี้ยิ้มให้เขาแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอย่ามัวแต่มอง ข้าวจะเย็นเสียก่อน”

“….”

เยี่ยนหยางหลุบตาลงช้าๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางโดยไม่รู้ตัวหลิงอันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

“ฝ่าบาท…?”

“อาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือเจ้าคะ”

คำถามนั้นดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน

“ไม่”

เสียงขององค์ชายต่ำ นุ่มกว่าที่เคย

“เพียงแต่…”

เขาหยุดคำพูดราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่

“…เจ้ากินแล้ว ดู…สบายใจดี”

หลิงอันชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ

“เพราะที่นี่คือ ตำหนักของหม่อมฉันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”

“หม่อมฉันคิดว่า…การกินข้าวอย่างสงบ คือความสุขเล็ก ๆ ที่ควรรักษาไว้”

คำตอบนั้นทำให้หัวใจของเยี่ยนหยางกระตุกวูบเหมือนเดิม...น้ำเสียง วิธีคิด… แม้แต่คำพูด เขายื่นมือไปหยิบตะเกียบคราวนี้เริ่มกินข้าวบ้าง แต่สายตายังคงลอบมองนางเป็นระยะหลิงอันสังเกตเห็นปลายหูขององค์ชาย… แดงจางๆ นางก้มหน้าลงเล็กน้อยแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นอย่างไร้เหตุผล

“วันนี้…”

เยี่ยนหยางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เรื่องเข้าเฝ้า… เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”

หลิงอันเงยหน้ามอง

“องค์ชายใหญ่—เยี่ยนหมิง—พูดมากกว่าที่คิด”

“แต่คำพูดของเขา ไม่มีสิ่งใดต้องเก็บมาใส่ใจ”

หลิงอันยิ้มบาง

“หม่อมฉันเข้าใจดีเจ้าค่ะ”

นางเว้นจังหวะก่อนจะเอ่ยต่ออย่างแผ่วเบา

“ตราบใดที่หม่อมฉันอยู่ในตำหนักหลงเยว่ก็จะเป็นคนขององค์ชายจันทรา”

คำว่า คนของข้าแม้นางไม่ได้เอ่ยตรงๆแต่เยี่ยนหยางกลับได้ยินชัดเจนในหัวใจเขาวางตะเกียบลงช้าๆ แล้วเอื้อมมือไปข้างหน้า ไม่ได้จับเพียงแค่วางมือไว้ใกล้มือของนางใกล้พอให้รับรู้ถึงความอบอุ่น

“เช่นนั้น…”

เสียงของเขานุ่มลงอย่างเห็นได้ชัด

“คืนนี้…พักผ่อนให้ดี”

“พรุ่งนี้ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปเดินสวนดอกเหมย”

“…ข้าคิดว่า เจ้าน่าจะชอบ”

หลิงอันพยักหน้าเบาๆ ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยน

“เพคะ”

ใต้แสงตะเกียงอุ่นสองเงาร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกันไม่ต้องเอ่ยคำหวานใด แต่ความรู้สึกกลับแผ่ซ่านทั่วทั้งตำหนักหลงเยว่และในใจขององค์ชายเยี่ยนหยางเสียงหนึ่งกระซิบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังมื้ออาหารสิ้นสุดลง

คนรับใช้ค่อย ๆ เก็บสำรับออกจากตำหนักหลงเยว่ ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบที่แฝงด้วยความอ่อนโยนบางอย่าง หลิงอันยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบตามมารยาท ก่อนจะลุกขึ้นเล็กน้อย

“หม่อมฉันขอตัวกลับเรือนพักนะเพคะ วันนี้องค์ชายคงเหนื่อยจากการเข้าเฝ้า”

นางพูดเรียบง่าย ไม่ได้สังเกตเลยว่าสายตาขององค์ชายเยี่ยนหยาง…จับจ้องนางอยู่นานตั้งแต่เมื่อใด

“เดี๋ยว”

เสียงทุ้มเรียกไว้หลิงอันชะงัก หันกลับมาอย่างสงสัยองค์ชายเยี่ยนหยางลุกจากที่ประทับ เดินเข้ามาใกล้กว่านางเพียงก้าวเดียว ระยะห่างนั้นไม่ใกล้จนเสียมารยาท แต่ก็ไม่ไกลจนเย็นชา

“เรื่องที่เข้าเฝ้าเมื่อเช้า…”

เขาเอ่ยช้า ๆ ราวกับเลือกคำ

“เสด็จพ่อทรงถามว่า เจ้า… อยู่ที่ตำหนักนี้เป็นอย่างไร”

หลิงอันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง

“หม่อมฉันตอบแทนองค์ชายไม่ได้หรอกเพคะ”

“ข้าตอบไปแล้ว”

เขาพูดต่อทันที

“ข้าบอกว่า… เจ้าอยู่ดี”

คำว่า อยู่ดี จากปากเขาทำให้หัวใจหลิงอันเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“องค์ชาย…”

นางลังเลเล็กน้อย “แล้วองค์ชายล่ะเพคะ ถูกซักถามอะไรอีกหรือไม่”

เยี่ยนหยางหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นไม่แข็ง ไม่เย็น

“เสด็จพ่อถามว่าข้าจะรับชายาเอกเมื่อใด”

หลิงอันเผลอกำมือแน่นแต่เขากลับพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ข้าบอกว่า… ยังไม่ถึงเวลา”

เขามองนางตรงๆ สายตานั้นทำให้นางรู้สึกแปลก—ไม่ใช่สายตาขององค์ชายต่อชายาแต่คล้าย… คนที่กำลังรอคอยบางสิ่ง

“หลิงอัน”

เขาเรียกชื่อนาง ไม่ใช่ยศ ไม่ใช่ตำแหน่ง

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบทำอะไร”

“อยู่ที่ตำหนักหลงเยว่… ในแบบที่เจ้าเป็นก็พอ”

คำพูดนั้นเรียบง่ายแต่สำหรับเขา—มันคือคำมั่นหลิงอันก้มศีรษะต่ำแก้มขึ้นสีระเรื่อโดยไม่รู้ตัว

“เพคะ…”

นางหมุนตัวจากไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมอ่อนของชาและดอกไม้ติดปลายแขนเสื้อ

---

เยี่ยนหยางยืนอยู่ที่เดิมนานมากก่อนจะยกมือขึ้นแตะอกซ้ายของตนเองหัวใจเต้นแรง—แรงเกินกว่าที่ควรเป็นภาพในอดีตแทรกเข้ามาอีกครั้งหญิงสาวคนหนึ่งเรียกเขาเบาๆ

“เฟิงเหยา…”

“อันอันอยู่นี่”

เขาหลับตา แล้วแย้มยิ้มอ่อนๆ โดยไม่รู้ตัว

“อันอัน…”

เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยินคืนนี้…จันทร์เหนือวังหลวงสว่างกว่าทุกคืนที่ผ่านมา

สวนดอกเหมยใต้แสงอาทิตย์อ่อน

ลมปลายฤดูพัดผ่านอย่างแผ่วเบา กลีบดอกเหมยสีขาวอมชมพูร่วงโปรยลงมาดั่งหิมะบางเบาหลิงอันเดินช้าๆ ไปตามทางหิน มือประสานกันไว้ด้านหน้า เสื้อคลุมบางสีอ่อนสะท้อนแสงแดดยามสาย

“ที่นี่… สงบดีนะเพคะ”

นางเอ่ยเสียงเบา คล้ายเกรงว่าหากดังเกินไปจะรบกวนบรรยากาศองค์ชายเยี่ยนหยางเดินเคียงข้าง ไม่ได้ตอบในทันทีสายตาของเขากลับหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง—รอยยิ้มบาง ดวงตาที่สงบแต่แฝงความแข็งแกร่งภาพหนึ่งซ้อนทับขึ้นมาในความทรงจำโดยไม่ตั้งใจ

‘อันอัน… เจ้าอย่าเดินเร็วนัก’

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผลอยิ้มอ่อนออกมา

หลิงอันหันมาเห็นพอดี

“ฝ่าบาท… ยิ้มอะไรหรือเพคะ?”

เยี่ยนหยางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างแนบเนียน

“เปล่า”

เสียงตอบเรียบ แต่ปลายเสียงกลับนุ่มลงกว่าทุกครา เขายื่นมือไปแตะกิ่งเหมยกิ่งหนึ่ง ดึงลงมาเบา ๆ กลีบดอกสั่นไหว ก่อนจะเด็ดดอกเหมยสีอ่อนดอกหนึ่งออกมาหลิงอันยังไม่ทันเอ่ยถาม—ปลายนิ้วของเขาก็เอื้อมมาใกล้

“…อย่าขยับ”

นางชะงักตามคำบอกเยี่ยนหยางทัดดอกเหมยไว้ข้างหูของนางอย่างแผ่วเบา นิ้วมือเฉียดผ่านเส้นผมดำสนิท หัวใจของเขากลับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“เหมาะ”

เขาพูดสั้น ๆ แต่ชัดเจน

หลิงอันหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย

“ฝ่าบาท—”

“อยู่กันสองคน เรียกข้าว่าเยี่ยนหยางเถิด”

น้ำเสียงนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากองค์ชายผู้เย็นชาที่คนทั้งวังกล่าวขาน

หลิงอันเม้มริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“…เพคะ”

ภาพนั้น—ช่างอ่อนโยนเกินไปและมันก็ไม่พ้นสายตาของใครบางคน

“บังเอิญจริง ๆ”

เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาองค์ชายเยี่ยนหมิงยืนอยู่ไม่ไกล เสื้อคลุมสีเข้มตัดกับรอยยิ้มที่ดูสุภาพ แต่ดวงตากลับเย็นเฉียบ เยี่ยนหยางขยับตัวมาข้างหน้าหลิงอันโดยอัตโนมัติ เป็นท่าทางปกป้องที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำไปตั้งแต่เมื่อใด

“พี่ใหญ่”

น้ำเสียงเรียบ แต่แฝงความเย็นเยี่ยนหมิงกวาดตามองดอกเหมยที่ทัดอยู่ข้างหูของหลิงอัน ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย

“ชายาของเจ้าดู… งดงามกว่าที่ลือกันนัก”

หลิงอันก้มศีรษะทำความเคารพตามมารยาท แต่ไม่เอ่ยคำใดสัญชาตญาณบางอย่างบอกนาง—ชายตรงหน้าคืออันตราย

“หากไม่มีธุระ พี่ใหญ่ควรหลีกทาง”

เยี่ยนหยางเอ่ยตรงไปตรงมา ดวงตาคมกริบขึ้นชัดเจนเยี่ยนหมิงหัวเราะเบา ๆ

“แน่นอน ข้าแค่ผ่านมา”

แต่ก่อนจะเดินจากไป เขาเหลือบมองหลิงอันอีกครั้ง ราวกับจะจดจำภาพนั้นไว้ให้ลึกที่สุด

ข่าวเล็กๆ จากสวนดอกเหมย

แพร่กระจายเร็วเกินคาดในอีกมุมหนึ่งของวัง—หญิงสาวผู้หนึ่งฟังคำรายงานจากคนใช้ด้วยสีหน้าประหลาด

“เจ้าว่าอย่างไรนะ… หลิงอันยังมีชีวิตอยู่?”

คนใช้ก้มหน้า

“ข่าวลือเพคะ ไม่รู้รายละเอียด เพียงบอกว่านางอยู่ในวัง… ดูไม่ได้บาดเจ็บ”

หญิงสาวหัวเราะเบาไม่ใช่เสียงดีใจ หากเป็นเสียงสะใจ

“ช่างอึดนัก”

นางเอ่ยพลางยกถ้วยชา

“ไม่ตายก็ดี… จะได้เห็นกับตาว่าชีวิตในวังนี้ ไม่ได้งดงามอย่างที่คิด”

ริมฝีปากยกยิ้มแววตาฉายความพอใจปนริษยาในขณะที่สวนดอกเหมยยังอบอวลด้วยกลิ่นหอมเมล็ดแห่งความอิจฉาและการชิงดีชิงเด่น—ก็เริ่มแตกหน่อเงียบๆ เช่นกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่5 ความอิจฉาริษยา

    บนโต๊ะอาหารไม้หอมภายในตำหนักหลงเยว่ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยเบาๆ กับเสียงลมยามค่ำที่พัดผ่านม่านหน้าต่าง หลิงอันนั่งกินข้าวอย่างสำรวมท่วงท่าเรียบร้อยตามแบบสตรีในวังแต่ไม่ถึงกับเกร็ง—เป็นความสบายที่ไม่ต้องเสแสร้ง ตรงข้ามกันองค์ชายเยี่ยนหยาง… กลับไม่ได้แตะตะเกียบมานานแล้วสายตาของเขาหยุดอยู่ที่นาง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปากแต่เพราะภาพตรงหน้ามันทับซ้อนกับความทรงจำที่เขาไม่อาจควบคุมได้ ในอดีต—ในชีวิตของ เฟิงเหยาหญิงสาวคนหนึ่งเคยนั่งตรงนี้ยิ้มให้เขาแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอย่ามัวแต่มอง ข้าวจะเย็นเสียก่อน” “….” เยี่ยนหยางหลุบตาลงช้าๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางโดยไม่รู้ตัวหลิงอันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท…?” “อาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือเจ้าคะ” คำถามนั้นดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน “ไม่” เสียงขององค์ชายต่ำ นุ่มกว่าที่เคย “เพียงแต่…” เขาหยุดคำพูดราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “…เจ้ากินแล้ว ดู…สบายใจดี” หลิงอันชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ “เพราะที่นี่คือ ตำหนักของหม่อมฉันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” “หม่อมฉันคิดว่า…การกินข้าวอย่างสงบ คือความสุขเล็ก ๆ ที่ควรรักษาไว้” คำต

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

    แสงอรุณอ่อนสาดลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในตำหนักหลงเยว่ หลิงอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ราวกับไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบเช่นนี้ ในอดีต…เวลานี้เธอคงต้องลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เตรียมรับคำดูแคลน คำสั่ง และการกลั่นแกล้งแต่ในชาตินี้—ไม่มีเสียงใดเร่งเร้า ไม่มีใครตะโกน มีเพียงกลิ่นชาหอมจาง ๆ และเสียงฝีเท้าเบาที่คุ้นเคย “ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านในหลิงอันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ข้างโต๊ะชา ชุดสีเข้มเรียบง่าย แต่สะอาดเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาตามเคย ทว่าดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอเริ่มคุ้น “เพคะ” หลิงอันตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “หม่อมฉันตื่นสายหรือไม่” เยี่ยนหยางส่ายหน้า “ยังไม่ถึงยามเช้า ข้าเพียง… คิดว่าเจ้าคงไม่ชินกับที่นี่” คำว่า ไม่ชิน ทำให้หลิงอันยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของหญิงสาวอ่อนแอในนิยายแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมามากเกินพอ “หม่อมฉันชินกับที่ใดก็ตาม… หากไม่ต้องระวังว่าจะมีใครผลักตกบันไดอีก” คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบรรยากาศในตำหนักเงียบลงฉับพลัน เยี่ยนหยางชะงักมือที่ยกถ้วยชาค้างกลางอากาศสายตาคมเข้มจับจ้องนางนิ่ง—ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ แต่เป็น

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่3 ความฝันขององค์ชายจันทรา

    ตำหนักหลงเยว่ในยามค่ำสงัดเงียบมีเพียงเสียงลมพัดต้องผ้าม่าน หลิงอันนั่งอยู่ในห้องรองรับอันกว้างใหญ่ รอองค์ชายเยี่ยนหยางตามมารยาทของชายาใหม่ แม้เขาไม่เคยสั่งให้นางรอเลยก็ตาม ในนิยาย… องค์ชายเยี่ยนหยางไม่สนใจแม้แต่มองหน้าชายาแรกพบด้วยซ้ำ…แต่วันนี้ เขากลับช่วยข้าจากการล้ม… แม้สีพระพักตร์จะยังเย็นชาเหมือนเดิมก็ตาม ขณะที่ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินหินหน้าตำหนัก เงาร่างสูงในชุดองค์ชายสีดำทองก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม ประตูเปิดออก องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ตรงนั้น—คิ้วเข้ม ดวงตาเย็นสงบ แต่แววลึกในดวงตานั้น… แปลกประหลาด คล้ายจับจ้องนางคล้าย… คุ้นเคยเสียอย่างนั้น หลิงอันรีบลุกขึ้นคุกเข่า “ถวายพระพรเพคะ พระองค์กลับมาแล้ว” เยี่ยนหยางเดินตรงเข้ามาโดยไม่สั่งให้นางลุกขึ้นเสียก่อน แต่กลับหยุดยืนตรงหน้า มองนางอย่างพิจารณา แทบจะนานเกินมารยาทขององค์ชายผู้สุขุม “เจ้า…” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแผ่วลง “หน้าตาคล้ายคนคนหนึ่ง” หลิงอันเงยหน้าขึ้น “คล้ายผู้ใดเพคะ?” เยี่ยนหยางส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับไม่อาจระบุได้ “ไม่รู้… แต่มันทำให้ข้าไม่อยากเมินเฉยใส่เจ้าอย่างที่ตั้งใจไว้” เขาพูดด้วยน้ำเส

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่2 นางเป็นใครกันแน่

    สายลมนิ่งสงบของเช้าวันถัดมา ไม่ต่างจากความนิ่งเงียบภายในตำหนักรองที่หลิงอันต้องย้ายเข้ามาอยู่ชั่วคราวหลังอภิเษก หลิงอันในชุดชายาฉบับเรียบง่าย—ผ้าไหมสีอ่อนปักลายเมฆบาง—ยืนเงียบอยู่ริมบานหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นเหมยกำลังเริ่มผลิบาน ทว่าในใจกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเมื่อวานหลายเท่า เมื่อคืน…หลังถูกพาตัวกลับจวน องค์ชายเยี่ยนหยางไม่ได้ตรัสอะไรอีก นอกจากให้คนพาหล่อนกลับตำหนักรอง เหมือนต้องการเว้นระยะห่าง เหมือนกำลังคิด…หรือกำลังระแวง… หลิงอันไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน—สายตาของเขาในวินาทีนั้นมันคุ้นเคยจนน่ากลัว เหมือนเขากำลังจ้อง “นาง” ตัวตนของหล่อนก่อนมาอยู่ในจวนใหม่… ก่อนหล่อนจะลบตนเองออกจากสายตาเขาไปเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่านางคือใคร หรืออาจ…ยังไม่แน่ใจเท่านั้น --- ช่วงสาย องค์ชายเยี่ยนหยางเสด็จออกจากตำหนักเพื่อไปศาลาว่าราชการฝ่ายทหาร เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักรองรีบวิ่งวุ่นขึ้น เพราะก่อนเสด็จพระองค์ทรงรับสั่งให้คนเตรียมสิ่งหนึ่ง “พระชายาเพคะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้เข้ารับพระบัญชาในสวนด้านในเพคะ”นางกำนัลคนสนิทรายงานด้วยท่าทีเกรงตัว หลิงอันสะดุ้งเล็กน้

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่1 ชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

    ลมหอบหนึ่งพัดผ่านกระจกบานกว้างของคฤหาสน์ตระกูลหลิน ราวกับต้องการเตือนให้หลินอันตั้งสติ แต่ทว่าความเจ็บร้าวที่กลางอกกลับทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก เสียงพูดคุยคุ้นเคย—เสียงที่เธอไว้ใจที่สุดกลับทำให้โลกทั้งใบพังทลายลงอย่างไร้ชิ้นดี “ดีเหมือนกันนะที่มันตายนั่นแหละ”เสียงหัวเราะของ ไป๋เสวี่ยอัน เพื่อนสนิทที่เธอรักเหมือนพี่น้อง ดังลอดมาจากประตูที่แง้มไว้ “ก็เพราะแกนี่แหละ ถึงได้จัดการได้เนียนขนาดนั้น” ชายเสียงทุ้มตัวสูงที่เธอเคยเห็นเป็นคนดี—แฟนของเธอ—ตอบกลับ หัวใจหลินอันเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอตั้งใจเพียงจะเอาของฝากมาให้เพื่อนหลังกลับจากต่างจังหวัด แต่กลับได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินที่สุดในชีวิต “หลินอัน…แค่ของเล่น ไม่มีประโยชน์อะไรสักอย่าง ใครจะไปทนคบกับผู้หญิงน่าเบื่อนั่นได้ล่ะ” เสียงหัวเราะเหยียดหยันตามมา มันคือเสียงของคนที่เคยบอกรักเธอ ขาเธออ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหว แต่ก็ยังยื้อประตูไว้ไม่ให้เปิดออก เธอรู้ดีว่าหากถูกพบตอนนี้ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้อีก “อย่างน้อยเธอก็ตายไปแล้ว เรื่องมันก็จบสักที” ไป๋เสวี่ยอันพูดอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย “เอาจริง ๆ ฉันเคยอยากฆ่ามันตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status