Share

บทที่6 ข้าจะรอ

Author: Piggy-lonely
last update Last Updated: 2025-12-18 16:10:58

ข่าวลือเรื่ององค์ชายจันทราเดินเคียงหลิงอันในสวนดอกเหมยยังไม่ทันจาง เช้าวันถัดมา องค์ชายเยี่ยนหมิง ก็เสด็จเข้าเฝ้าในตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ ภายในห้องเงียบสงัด กลิ่นกำยานอ่อนลอยคลุ้ง จักรพรรดิประทับอยู่หลังโต๊ะทรงงาน ทอดพระเนตรเอกสารโดยไม่เงยพระพักตร์

“เสด็จพ่อ” เยี่ยนหมิงคุกเข่าลง น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความเร่งร้อน

“หม่อมฉันใคร่ขอกราบทูลเรื่องงานเลือกคู่พระชายา”

ปลายพู่กันหยุดชะงักเพียงชั่วอึดใจจักรพรรดิจึงเงยพระพักตร์ขึ้น “เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงเร่งร้อน”

เยี่ยนหมิงสูดลมหายใจ “หม่อมฉันพบสตรีผู้หนึ่ง เห็นว่าเหมาะสมยิ่ง อยากขอพระราชทานโอกาสเลือกนาง”

“ผู้ใด”

“…หลิงอันพ่ะย่ะค่ะ”

บรรยากาศในห้องเย็นวูบลงในพริบตาจักรพรรดิทอดพระเนตรโอรสตรงหน้าอย่างพินิจ

“ไม่ได้”

คำตอบนั้นชัดเจน ไม่เปิดช่องให้ต่อรองเยี่ยนหมิงชะงัก “เหตุใดพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเพียงบุตรีตระกูลขุนนาง มิได้มีข้อห้าม—”

“เพราะนางถูกกำหนดไว้แล้ว”

จักรพรรดิรับสั่งเสียงเรียบ “และงานเลือกคู่จะยังไม่จัดในเวลานี้”

เยี่ยนหมิงกำมือแน่น “แล้วจะจัดเมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ”

“หลังจากเจ้าและเยี่ยนหยางออกศึก”

พระสุรเสียงทรงหนักแน่น “ผู้ใดสร้างผลงานได้เหนือกว่า ผู้นั้นจะเป็นฝ่ายเลือกก่อน”

เยี่ยนหมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาวาววับ

“หากหม่อมฉันชนะ… จะสามารถเลือกหลิงอันได้หรือไม่”

จักรพรรดินิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนรับสั่งช้า ๆ

“หากเจ้าชนะจริง ค่อยว่ากัน”

คำตอบนั้น…ไม่ใช่การอนุญาต แต่ก็ไม่ใช่การปฏิเสธ เยี่ยนหมิงก้มศีรษะลงลึกริมฝีปากยกยิ้มบาง ๆ อย่างผู้มั่นใจในชัยชนะ

---

ในเวลาเดียวกันภายใน ตำหนักหลงเยว่ เยี่ยนหยางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบชุดสีเข้ม ในมือคือถ้วยชา แต่สายตากลับทอดออกไปไกลกว่านั้น หลิงอันนั่งอยู่ไม่ไกล กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอย่างตั้งใจ ท่าทางสงบ แต่แววตานั้นเฉียบคมเกินกว่าสตรีทั่วไปเขานึกถึงคำที่จักรพรรดิรับสั่งนึกถึงเยี่ยนหมิงและนึกถึงเส้นทางข้างหน้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

“อันอัน” เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ

หลิงอันเงยหน้า “เพคะ?”

เยี่ยนหยางมองนางอยู่นาน ก่อนยิ้มอ่อนอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

“หากวันหนึ่ง ข้าต้องออกศึก… เจ้าจะรอหรือไม่”

นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนปิดตำราเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“เพคะ”

“ตราบใดที่ท่านยังเดินกลับมา ข้าจะรอ”

ถ้อยคำนั้นเรียบง่ายแต่กลับทำให้หัวใจของผู้ฟังเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เยี่ยนหยางยกมือขึ้น ลูบศีรษะนางเบาๆ เหมือนเคยทำ…ในอดีตชาติที่เขาเรียกนางว่า อันอัน เช่นกัน

“งั้นข้าจะไม่มีวันแพ้”

----

ข่าวจากท้องพระโรงแพร่กระจายรวดเร็วกว่าลมฤดูใบไม้ผลิการศึกที่ชายแดนตะวันตกกำลังจะเริ่มและองค์ชายทั้งสองพระองค์—เยี่ยนหยางและเยี่ยนหมิง—ถูกแต่งตั้งให้นำทัพแยกกัน หลิงอันได้ยินข่าวนี้จากปากสาวใช้ในตำหนักหลงเยว่ มือที่กำลังถือพัดอยู่ชะงักเล็กน้อย หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นอย่างไม่ทันตั้งตัว นางรู้ดีในนิยายเดิม การศึกครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของการชิงดีชิงเด่นอย่างแท้จริงและยังเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนชะตาขององค์ชายจันทราแต่ครั้งนี้…มันไม่ใช่แค่นิยายอีกต่อไป

---

ค่ำวันนั้น ลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างตำหนักหลงเยว่ กลิ่นดอกเหมยหอมอ่อนลอยเข้ามาแตะปลายจมูก หลิงอันนั่งอยู่ตรงระเบียง มือเรียวถือพัดไม้ไผ่ไล่แมลงอย่างใจลอย ท้องฟ้าค่ำคืนสีน้ำเงินเข้มแต่งแต้มด้วยแสงดาวพร่างพราว

“ยังไม่นอนอีกหรือ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง

หลิงอันหันไปก็เห็นองค์ชายเยี่ยนหยางในชุดคลุมบาง เขาเดินออกมาช้า ๆ แสงโคมไฟส่องให้เห็นใบหน้าเย็นสงบแต่สายตานั้นกลับอบอุ่นอย่างประหลาด

“หม่อมฉัน…แค่คิดเรื่องศึกค่ะ” นางตอบเสียงแผ่ว “อีกไม่นานองค์ชายก็ต้องออกไปแนวหน้า”

เยี่ยนหยางมองใบหน้าที่ส่องสะท้อนแสงจันทร์นั้น เขาก้าวเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ไม่ต้องกังวลมาก ข้าจะกลับมา…แน่นอน”

“แต่—”

“หลิงอัน” เขาเรียกชื่อเธอเสียงนุ่ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่วังหลังนี่อันตรายกว่าสนามรบเสียอีก”

“หม่อมฉันทราบเจ้าค่ะ”

เยี่ยนหยางยกมือขึ้นจัดปอยผมให้นางเบา ๆ สายตาอ่อนโยนจนหัวใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะ “หากมีคนเข้ามาใกล้เจ้ามากเกินไป อย่าไว้ใจง่ายๆ จำคำข้าไว้ ข้างนอกวังศัตรูอยู่ในสนามรบ แต่ในวัง...ศัตรูอยู่ในรอยยิ้ม”

หลิงอันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “แล้วหม่อมฉันจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ ถ้าเผชิญกับรอยยิ้มแบบนั้น”

“ก็ให้ยิ้มกลับไป…แต่เก็บมีดไว้ในใจ” เขาตอบเรียบๆ แต่ยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู

หลิงอันหัวเราะเบา “องค์ชายสอนให้หม่อมฉันร้ายหรือเจ้าคะ”

“ไม่ใช่ร้าย…แต่ต้องอยู่รอด”

ความเงียบเข้าปกคลุม ทั้งสองนั่งฟังเสียงลมพัดดอกเหมยร่วงบาง ๆ เยี่ยนหยางยื่นมือออกมาวางทับมือเล็กของหลิงอันอย่างไม่รู้ตัว ความอุ่นแผ่ซ่านจนหัวใจทั้งคู่เต้นไม่เป็นจังหวะ

“เจ้าทำให้ข้าเริ่มหวั่นไหว...แม้ในยามที่ต้องเตรียมใจไปศึก” เยี่ยนหยางพูดเสียงเบา ราวกับกลัวลมจะพัดคำพูดนั้นหายไป

หลิงอันนิ่งอึ้ง แก้มร้อนผ่าว นางเบือนหน้าหนีแต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

“องค์ชายพูดเช่นนี้...หม่อมฉันจะวางใจได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ก็อย่าวางใจสิ” เขาตอบพร้อมหัวเราะเบา ๆ “เก็บใจไว้ให้ข้าก็พอ”

แสงจันทร์ข้างนอกยิ่งขับให้บรรยากาศระหว่างทั้งคู่หวานละมุน ดอกเหมยร่วงลงมาทัดอยู่บนผมของหลิงอัน เยี่ยนหยางเอื้อมมือไปหยิบเบา ๆ แล้วจัดให้ใหม่ ดวงตาเขาสบกับเธออย่างอ่อนโยนราวกับจะสลักภาพนี้ไว้ในความทรงจำก่อนศึกจะมาถึง

ลมกลางคืนพัดแรงขึ้นเล็กน้อย กลีบดอกเหมยร่วงโปรยลงมาราวหิมะสีชมพู เยี่ยนหยางยังคงยืนอยู่ใกล้หลิงอันกว่าที่ควรจะเป็น กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเส้นผมของนางทำให้เขาเผลอสูดลมหายใจลึกโดยไม่รู้ตัว

“หนาวหรือไม่” เขาถามเสียงต่ำ

หลิงอันส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เจ้าค่ะ แค่อากาศเย็นนิดหน่อย”

เยี่ยนหยางไม่ตอบ เขาคลี่เสื้อคลุมของตนออกอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะคลุมไหล่ให้นางอย่างแผ่วเบา นิ้วมือสัมผัสผ่านผ้าบาง ๆ อย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่านางจะตกใจ

หลิงอันชะงัก ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย “องค์ชาย—”

“อย่าขยับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่แฝงความห่วงใย “ข้าไม่อยากให้เจ้าไม่สบาย”

คำพูดนั้นทำให้นางเงียบลง หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่อาจห้ามได้เสื้อคลุมของเขามีกลิ่นสะอาดปนกลิ่นหมึกอ่อนๆ ราวกับกลิ่นยามค่ำคืนในตำหนักหลงเยว่

“หลิงอัน” เยี่ยนหยางเรียกชื่อนางอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วลง “หากวันหนึ่งข้าไม่อยู่ในวัง…เจ้ายังจำคำข้าได้หรือไม่”

“คำไหนเจ้าคะ”

เขาหันมามองนางตรง ๆ ดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงจันทร์ “อย่าเชื่อใครง่าย ๆ และ…อย่าให้ใครแตะต้องเจ้า”

แก้มหลิงอันร้อนวาบ “องค์ชายตรัสเช่นนี้…ราวกับ—”

“ราวกับข้าหวงเจ้า?” เขาถามกลับตรง ๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

นางอึกอัก ไม่กล้าสบตาเขา เยี่ยนหยางเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มต่ำฟังดูผ่อนคลายกว่าที่เคย

“ข้าไม่ได้พูดเล่น” เขาขยับเข้าใกล้อีกนิด ระยะห่างแทบไม่เหลือ “ในวังนี้ มีเพียงไม่กี่สิ่งที่ข้าจะยอมปล่อยมือ…และเจ้าไม่อยู่ในนั้น”

หลิงอันเผลอกำชายเสื้อเขาแน่น หัวใจสั่นไหวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เยี่ยนหยางมองท่าทางนั้นแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือไปแตะหลังมือเล็กๆ ของนาง ไม่รั้งไม่บีบเพียงแค่วางทับไว้เฉยๆ

“ถ้าไม่สบายใจ บอกข้า” เขากล่าวช้าๆ “ข้าจะถอย”

หลิงอันเม้มริมฝีปาก ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “หม่อมฉัน…ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

คำตอบนั้นทำให้ดวงตาเยี่ยนหยางอ่อนลงอย่างชัดเจน

เขายิ้ม—รอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น

“ดีแล้ว” เขาพูดเสียงเบา “ข้าชอบเวลาที่เจ้าไว้ใจข้า”

ดอกเหมยอีกกลีบร่วงลงมาพอดี เยี่ยนหยางยกมือขึ้น ทัดมันไว้ข้างหูของหลิงอันอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วสัมผัสแก้มนางเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับทิ้งความร้อนเอาไว้ยาวนาน

“เหมาะกับเจ้า” เขาพูดตรงๆ

หลิงอันเงยหน้ามองเขา ดวงตาใสสั่นไหว ในชั่วขณะนั้น เยี่ยนหยางรู้สึกชัดเจนยิ่งกว่าเดิม—ภาพนี้…รอยยิ้มนี้…ความรู้สึกที่หัวใจอุ่นขึ้นอย่างประหลาด…เหมือนเขาเคยมีมันมาก่อน ในอดีตที่เขายังจำชื่อได้ไม่ชัด แต่หัวใจกลับเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่7 แผนรบแคว้นเหนือ

    ในตำหนักขององค์ชายตะวัน—เยี่ยนหมิงบรรยากาศยามค่ำคืนกลับตึงเครียดยิ่งกว่ากลางวัน ถ้วยชาถูกวางทิ้งไว้จนเย็นชืด เยี่ยนหมิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปยังความมืดด้านนอก ดวงตาแข็งกร้าวฉายแววหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด“ทุกอย่างเหมือนจะไม่เป็นใจเสียจริง…”ตั้งแต่ข่าวลือเรื่องหลิงอันยังมีชีวิตอยู่แพร่ออกมา ตั้งแต่เยี่ยนหยางเริ่มปรากฏตัวต่อหน้าขุนนางอย่างเปิดเผยตั้งแต่เสด็จพ่อเอ่ยถึง “ศึก” และ “ผลงาน” เป็นเงื่อนไขเลือกคู่ แผนที่เคยคิดว่าคุมได้…กลับเริ่มหลุดมือทีละน้อย“ฝ่าบาทเริ่มมองเยี่ยนหยางต่างไป” เยี่ยนหมิงกำหมัดแน่น “หากปล่อยไว้อย่างนี้…ข้าจะเสียทุกอย่าง”เงาร่างของเขาถูกแสงโคมสะท้อนยาวเหยียด ราวกับลางร้ายที่กำลังคืบคลานแต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร—คืนนี้ยังไม่มีคำตอบ---ขณะเดียวกัน ที่ ตำหนักหลงเยว่แสงโคมในห้องหนังสือยังสว่างอยู่แม้ยามดึก เยี่ยนหยาง นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ เต็มไปด้วยแผนที่ เส้นทางเดินทัพ และบันทึกการศึกจากอดีต เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ศึกยังมาไม่ถึง…แต่เขารู้ดีว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรบเพื่อแผ่นดิน หากเป็นการรบเพื่อ “อนาคต” เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นหน้าประตู“

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่6 ข้าจะรอ

    ข่าวลือเรื่ององค์ชายจันทราเดินเคียงหลิงอันในสวนดอกเหมยยังไม่ทันจาง เช้าวันถัดมา องค์ชายเยี่ยนหมิง ก็เสด็จเข้าเฝ้าในตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ ภายในห้องเงียบสงัด กลิ่นกำยานอ่อนลอยคลุ้ง จักรพรรดิประทับอยู่หลังโต๊ะทรงงาน ทอดพระเนตรเอกสารโดยไม่เงยพระพักตร์ “เสด็จพ่อ” เยี่ยนหมิงคุกเข่าลง น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความเร่งร้อน “หม่อมฉันใคร่ขอกราบทูลเรื่องงานเลือกคู่พระชายา” ปลายพู่กันหยุดชะงักเพียงชั่วอึดใจจักรพรรดิจึงเงยพระพักตร์ขึ้น “เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงเร่งร้อน” เยี่ยนหมิงสูดลมหายใจ “หม่อมฉันพบสตรีผู้หนึ่ง เห็นว่าเหมาะสมยิ่ง อยากขอพระราชทานโอกาสเลือกนาง” “ผู้ใด” “…หลิงอันพ่ะย่ะค่ะ” บรรยากาศในห้องเย็นวูบลงในพริบตาจักรพรรดิทอดพระเนตรโอรสตรงหน้าอย่างพินิจ “ไม่ได้” คำตอบนั้นชัดเจน ไม่เปิดช่องให้ต่อรองเยี่ยนหมิงชะงัก “เหตุใดพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเพียงบุตรีตระกูลขุนนาง มิได้มีข้อห้าม—” “เพราะนางถูกกำหนดไว้แล้ว” จักรพรรดิรับสั่งเสียงเรียบ “และงานเลือกคู่จะยังไม่จัดในเวลานี้” เยี่ยนหมิงกำมือแน่น “แล้วจะจัดเมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ” “หลังจากเจ้าและเยี่ยนหยางออกศึก” พระสุรเสียงทรงหนักแน่น “ผู้ใด

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่5 ความอิจฉาริษยา

    บนโต๊ะอาหารไม้หอมภายในตำหนักหลงเยว่ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยเบาๆ กับเสียงลมยามค่ำที่พัดผ่านม่านหน้าต่าง หลิงอันนั่งกินข้าวอย่างสำรวมท่วงท่าเรียบร้อยตามแบบสตรีในวังแต่ไม่ถึงกับเกร็ง—เป็นความสบายที่ไม่ต้องเสแสร้ง ตรงข้ามกันองค์ชายเยี่ยนหยาง… กลับไม่ได้แตะตะเกียบมานานแล้วสายตาของเขาหยุดอยู่ที่นาง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปากแต่เพราะภาพตรงหน้ามันทับซ้อนกับความทรงจำที่เขาไม่อาจควบคุมได้ ในอดีต—ในชีวิตของ เฟิงเหยาหญิงสาวคนหนึ่งเคยนั่งตรงนี้ยิ้มให้เขาแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอย่ามัวแต่มอง ข้าวจะเย็นเสียก่อน” “….” เยี่ยนหยางหลุบตาลงช้าๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางโดยไม่รู้ตัวหลิงอันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท…?” “อาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือเจ้าคะ” คำถามนั้นดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน “ไม่” เสียงขององค์ชายต่ำ นุ่มกว่าที่เคย “เพียงแต่…” เขาหยุดคำพูดราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “…เจ้ากินแล้ว ดู…สบายใจดี” หลิงอันชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ “เพราะที่นี่คือ ตำหนักของหม่อมฉันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” “หม่อมฉันคิดว่า…การกินข้าวอย่างสงบ คือความสุขเล็ก ๆ ที่ควรรักษาไว้” คำต

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

    แสงอรุณอ่อนสาดลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในตำหนักหลงเยว่ หลิงอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ราวกับไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบเช่นนี้ ในอดีต…เวลานี้เธอคงต้องลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เตรียมรับคำดูแคลน คำสั่ง และการกลั่นแกล้งแต่ในชาตินี้—ไม่มีเสียงใดเร่งเร้า ไม่มีใครตะโกน มีเพียงกลิ่นชาหอมจาง ๆ และเสียงฝีเท้าเบาที่คุ้นเคย “ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านในหลิงอันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ข้างโต๊ะชา ชุดสีเข้มเรียบง่าย แต่สะอาดเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาตามเคย ทว่าดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอเริ่มคุ้น “เพคะ” หลิงอันตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “หม่อมฉันตื่นสายหรือไม่” เยี่ยนหยางส่ายหน้า “ยังไม่ถึงยามเช้า ข้าเพียง… คิดว่าเจ้าคงไม่ชินกับที่นี่” คำว่า ไม่ชิน ทำให้หลิงอันยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของหญิงสาวอ่อนแอในนิยายแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมามากเกินพอ “หม่อมฉันชินกับที่ใดก็ตาม… หากไม่ต้องระวังว่าจะมีใครผลักตกบันไดอีก” คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบรรยากาศในตำหนักเงียบลงฉับพลัน เยี่ยนหยางชะงักมือที่ยกถ้วยชาค้างกลางอากาศสายตาคมเข้มจับจ้องนางนิ่ง—ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ แต่เป็น

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่3 ความฝันขององค์ชายจันทรา

    ตำหนักหลงเยว่ในยามค่ำสงัดเงียบมีเพียงเสียงลมพัดต้องผ้าม่าน หลิงอันนั่งอยู่ในห้องรองรับอันกว้างใหญ่ รอองค์ชายเยี่ยนหยางตามมารยาทของชายาใหม่ แม้เขาไม่เคยสั่งให้นางรอเลยก็ตาม ในนิยาย… องค์ชายเยี่ยนหยางไม่สนใจแม้แต่มองหน้าชายาแรกพบด้วยซ้ำ…แต่วันนี้ เขากลับช่วยข้าจากการล้ม… แม้สีพระพักตร์จะยังเย็นชาเหมือนเดิมก็ตาม ขณะที่ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินหินหน้าตำหนัก เงาร่างสูงในชุดองค์ชายสีดำทองก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม ประตูเปิดออก องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ตรงนั้น—คิ้วเข้ม ดวงตาเย็นสงบ แต่แววลึกในดวงตานั้น… แปลกประหลาด คล้ายจับจ้องนางคล้าย… คุ้นเคยเสียอย่างนั้น หลิงอันรีบลุกขึ้นคุกเข่า “ถวายพระพรเพคะ พระองค์กลับมาแล้ว” เยี่ยนหยางเดินตรงเข้ามาโดยไม่สั่งให้นางลุกขึ้นเสียก่อน แต่กลับหยุดยืนตรงหน้า มองนางอย่างพิจารณา แทบจะนานเกินมารยาทขององค์ชายผู้สุขุม “เจ้า…” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแผ่วลง “หน้าตาคล้ายคนคนหนึ่ง” หลิงอันเงยหน้าขึ้น “คล้ายผู้ใดเพคะ?” เยี่ยนหยางส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับไม่อาจระบุได้ “ไม่รู้… แต่มันทำให้ข้าไม่อยากเมินเฉยใส่เจ้าอย่างที่ตั้งใจไว้” เขาพูดด้วยน้ำเส

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่2 นางเป็นใครกันแน่

    สายลมนิ่งสงบของเช้าวันถัดมา ไม่ต่างจากความนิ่งเงียบภายในตำหนักรองที่หลิงอันต้องย้ายเข้ามาอยู่ชั่วคราวหลังอภิเษก หลิงอันในชุดชายาฉบับเรียบง่าย—ผ้าไหมสีอ่อนปักลายเมฆบาง—ยืนเงียบอยู่ริมบานหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นเหมยกำลังเริ่มผลิบาน ทว่าในใจกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเมื่อวานหลายเท่า เมื่อคืน…หลังถูกพาตัวกลับจวน องค์ชายเยี่ยนหยางไม่ได้ตรัสอะไรอีก นอกจากให้คนพาหล่อนกลับตำหนักรอง เหมือนต้องการเว้นระยะห่าง เหมือนกำลังคิด…หรือกำลังระแวง… หลิงอันไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน—สายตาของเขาในวินาทีนั้นมันคุ้นเคยจนน่ากลัว เหมือนเขากำลังจ้อง “นาง” ตัวตนของหล่อนก่อนมาอยู่ในจวนใหม่… ก่อนหล่อนจะลบตนเองออกจากสายตาเขาไปเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่านางคือใคร หรืออาจ…ยังไม่แน่ใจเท่านั้น --- ช่วงสาย องค์ชายเยี่ยนหยางเสด็จออกจากตำหนักเพื่อไปศาลาว่าราชการฝ่ายทหาร เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักรองรีบวิ่งวุ่นขึ้น เพราะก่อนเสด็จพระองค์ทรงรับสั่งให้คนเตรียมสิ่งหนึ่ง “พระชายาเพคะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้เข้ารับพระบัญชาในสวนด้านในเพคะ”นางกำนัลคนสนิทรายงานด้วยท่าทีเกรงตัว หลิงอันสะดุ้งเล็กน้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status